วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 14:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: มะเร็งลำไส้
cancer.jpg
cancer.jpg [ 27.49 KiB | เปิดดู 3817 ครั้ง ]
มะเร็งคร่าชีวิต'จางจินยอง'ดาราดังเกาหลี



ภาพประกอบข่าว
คมชัดลึก :ดาราสาวค่าตัวแพงที่สุดของเกาหลี "จาง จิน ยอง" เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 35 ปี หลังต่อสู้กับมะเร็งกระเพาะอาหาร มานานกว่า 1 ปี ที่ รพ.ในกรุงโซล โดยมีครอบครัวอยู่เคียงข้าง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ว่า จาง จิน ยอง (Jang Jin Young) นักแสดงสาวชื่อดังของเกาหลีใต้ วัย 35 ปี ที่มีค่าตัวแพงที่สุดถึง 400 ล้านวอน ได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.ย. เวลา 16.04 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่โรงพยาบาลโซล เซนต์ แมรี่ ในกรุงโซล หลังจากป่วยด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร โดยมีแฟนและครอบครัวของเธออยู่เคียงข้าง
โดยดาราสาวคนดัง ต้องหยุดรับงานแสดงหลังจากตรวจพบความผิดปกติในร่างกาย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ปีที่แล้ว ก่อนที่ผลการตรวจของแพทย์จะยืนยันว่าเธอเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร จึงเดินทางไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา ก่อนเสียชีวิตในที่สุด จาง จิน ยอง ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแม่ทีวีเกาหลีใต้ มีผลงานละครทีวีหลายเรื่อง ที่โด่งดัง อาทิ The Lobbyist ของค่าย SBS ในปี 2007, Modest Lover ของค่าย MBC ปี 1999, Should Have A Good Heart และ The Angel Within รวมไปถึงผลงานภาพยนตร์ อาทิ Between Love and Hate, Blue Swallow, Singles และ Scent of Love โดยได้รับรางวัลจากการแสดงมากมาย และเป็นนักแสดง 1 ใน 2 คน ที่คว้ารางวัลดารานำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม รางวัลบลู ดรากอน ฟิล์ม อวอร์ด 2 ครั้ง ในปี 2544 และ 2546 ก่อนจะกลายเป็นนักแสดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดในวงการภาพยนตร์เกาหลี โดยเธอได้รับค่าตัวโดยเฉลี่ยเรื่องละ 400 ล้านวอน
นอกจากนี้ จาง จิน ยอง ยังติดอันดับ 6 สตรีเกาหลีผู้มีใบหน้าสวยงามที่สุด จากการจัดอันดับของนิตยสารมูฟวี่ วีค ของเกาหลี โดยสอบถามความเห็นจากตากล้องช้นนำ 86 คน


-------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------
คนเกาหลีนิยม ส่วนใหญ่ นิยม ชมชอบการบริโภคเนื้อ มีอัตราการป่วยโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งกะเพาะติดอันดับต้น ๆ
หรือวันละ กว่า 1,000 ราย มีผู้ป่วยสูงเกือบ 1 ล้านคน ไม่รวมโรคไขมันอุดตัน และ โรคหัวใจอีกหลาย ล้าน คน
เมื่อ 2 เดือน ก่อน มี 3 อดีต นักร้องชาย หญิง นักแสดงชื่อดัง ก็ เสียชีวิตจาก โรคมะเร็งลำไส้ และ มะเร็งกะเพาะ
ด้วยเพียง 35 และ 40 ต้น ๆ

แต่ไม่เป็นข่าวดัง ทางสื่อตปท

ภัยอันตราย ต่อสุขภาพ จาก เนื้อสัตว์

ติดตามจากเวปข้างล่าง มีข้อมูลมากมายที่บ่งชี้ถึงต้นเหตุโรคมะเร็งร้าย
ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่า

http://www.watisan.com/showdetail.asp?boardid=1080
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: เนื้อแดง
bee.jpg
bee.jpg [ 16.84 KiB | เปิดดู 3817 ครั้ง ]
เนื้อสัตว์ สีแดง (Red meat):เชื่อมโยงกับมะเร็งในลำไส้ใหญ่โดยตรง

ผู้เชี่ยวชาญ มุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานของคนเราในปัจจุบัน โดย แนะนำถ้าเป็นไปได้ให้ บริโภค เนื้อสัตว์ปีก เนื้อปลาและธัญญาพืช ประเภท ถั่ว แทน เนื้อสัตว์สีแดง (Red Meat) ภายหลังจากทราบยืนยันอย่างชัดเจนเกี่ยวกับผลของการศึกษาในงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องกับอันตรายของเนื้อสัตว์สีแดง ในการบริโภคในระยะยาว.

ตัวอย่างเช่น สีแดง (Red meat) เช่นเนื้อวัว ตับและ เนื้อหมู เป็นต้น รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์แปรรูปของเนื้อสัตว์ สีแดง (Red meat) เช่น อาหารบรรจุห่อ เบอร์เกอร์ ไส้กรอก ฮอต ดอก หมูเบคอน แฮม ซาลามิ และสเต็ก เป็นต้น

ในปีคศ. 1996 เคยมีการศึกษาเกี่ยวกับการบริโภค เช่น แฮม เบอร์เกอร์ ที่ใช้เนื้อสัตว์สีแดง เป็นส่วนผสม ในผู้หญิงมีอายุชาวอเมริกัน จำนวน 35,000 คน พบว่า มีผลต่อการเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการก่อมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นสองเท่าทีเดียว
(www.cnn.com/US/9604/30/meat.cancer)

ปัจจุบัน มีแนวโน้ม เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ต่อการพัฒนาของโรคมะเร็ง ลำไส้ใหญ่ส่วนกลาง และ มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (Colon or rectal Cancer ) การศึกษาพิสูจน์ ให้เห็นได้ชัดเจนว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (rectal Cancer) คือสาเหตุทั่วไปของความตายในระดับที่ สามในสหรัฐอเมริกา
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบแต่มักจะพบร่วมปัจจัยต่างๆดังนี้

-พบมากในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50 ปี แต่สามารถพบในอายุน้อยได้
-อาหาร ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และใยอาหารน้อย
-polyps เนื้องอกในลำไส้ใหญ่หากพบมากมีแนวโน้มเป็นมะเร็ง
-ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งรังไข่ มดลูก เต้านม มีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่สูง
-ผู้ป่วยที่มีพ่อ แม่ พี่ น้องเป็นมะเร็งมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่สูง
-ผู้ป่วยทีเป็นลำไส้ใหญ่อักเสบ ulcerative colitis

อาการของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่พบบ่อย
-อุจาระเหลวกับอุจาระแข็งสลับกัน บางครั้งเหมือนถ่ายไม่หมด
-เลือดปนอุจาระ
-อุจาระลำเล็กกว่าปกติ
-ท้องอืดแน่นท้องตลอดเวลา
-น้ำหนักลด และ มีอาเจียน

การแบ่งระยะของโรค

หลังจากวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว แพทย์จะแบ่งระยะของโรคโดยแบ่งตามการแพร่กระจายของโรคดังนี้
1.Stage 0 คุณเป็นคนที่โชคดีเป็นโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น มะเร็งอยู่เฉพาะผิวของลำไส้
2.Stage 1 มะเร็งอยู่เฉพาะผนังลำไส้ ยังไม่แพร่ออกนอกลำไส้
3.Stage 2 มะเร็งแพร่ออกนอกลำไส้แต่ยังแพร่ไม่ถึงต่อมน้ำเหลือง
4.Stage 3 มะเร็งแพร่ไปต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง แต่ยังไม่แพร่ไปยังอวัยวะอื่น
5.Stage 4 มะเร็งแพร่ไปอวัยวะอื่นโดยมากไปยังตับและปอด
6.Recurrent เป็นมะเร็งซ้ำหลังจาการรักษา

จนกระทั่ง การศึกษาวิจัยล่าสุดของ Michael Thun และทีมงาน จาก The American Cancer Society (ASC) ที่แอตแลนตา จอร์เจีย รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภค ของผู้คนอเมริกัน ประมาณ15,0000 คนในสหรัฐอเมริกาในปี คศ.1982 และ 1992.

รายงานการวิจัยพบว่า พวกเขาสามารถแบ่ง กลุ่ม พฤติกรรมการบริโภค เป็น 3 กลุ่ม ซึ่ง สอดคล้องกับจำนวนของเนื้อสัตว์ที่กลุ่มผู้บริโภครับประทานและบำทึกผู้ป่วยคนไหนบ้างในกลุ่มดังกล่าวหลังจากมีการ พัฒนาของโรคมะเร็งเกิดขึ้น ในปี2001 .

ผู้มีพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ จะมีแนวโน้มในการ เกิด มะเร็ง ลำไส้ใหญ่ส่วนกลาง (Colon Cancer ) ในสัดส่วนที่สูง เป็นสองเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับ ผู้มีพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ ในปริมาณที่บริโภคน้อยกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น นักวิจัยยังพบว่า ผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ สีแดง (Red meat) ในปริมาณมากๆ จะมีแนวโน้มในการ เกิด มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (rectal Cancer) สูง กว่าผู้มีพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ในปริมาณที่บริโภคที่น้อยกว่า ถึง 40เปอร์เซ็นต์ทีเดียว

ในทางตรงกันข้าม ผู้มีพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ปีกหรือ เนื้อ ปลา ในปริมาณที่สูงจะมีแนวโน้มในการ พัฒนาของโรคมะเร็งลำไส้น้อย เพียงแค่ 20-30% เท่านั้น ของการก่อเกิดโรคมะเร็ง เมื่อเทียบกับ ผู้มีพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ สีแดง (Red meat)

Michael Thun และทีมงาน ได้ทำการตีพิมพ์ผลงานวิจัยดังกล่าว ใน ( Journal of the American Medical ) ผลงานวิจัยดังกล่าว นักวิจัยไม่ได้นำเรื่อง ปัจจัยภัยอื่นๆ มา พิจารณาร่วมด้วยในการศึกษาครั้งนี้ เช่น ผู้มีพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ ไม่ทำการออกกำลังและผู้มีพฤติกรรมบริโภค เนื้อสัตว์ และ ไม่บริโภคผลไม้และผัก และ ผู้มีพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ ที่น้ำหนักเกิน. ปัจจัยเหล่านี้ถือว่าเป็นกลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษา เป็นกลุ่มเดียวกันหมดในเชิงวิชาสถิต

อันตรายดังกล่าว ยังไม่รวม สารเคมี (ไนเตรตและสารไนไตรท์ที่ใช้ ผสมในเนื้อสัตว์ เพื่อให้เกิดสีแดง และจุดประสงค์เพื่อเก็บรักษาเนื้อสัตว์ ให้มีอายุยาวนานยิ่งขึ้น สารดังกล่าวล้วนทำให้เร่งก่อให้เกิดมะเร็งยิ่งขึ้น

” การเปลี่ยน พฤติกรรมการบริโภคเนื้อปลา เนื้อสัตว์ปีก และถั่ว มีประโยชน์อาจช่วยลดภัยมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (Rectal Cancer)” Walter Willett ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโภชนาการอาหาร จากโรงเรียนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของการสาธารณสุขในบอสตันกล่าว “บางทีช่วยลดอัตรา การเกิดโรคหัวใจน้อยลงอีกด้วย.” Walter Willett กล่าวเพิ่มเติม

แปลและเรียบเรียงโดย Nattawut

Key words: Red meat, Colon Cancer, Rectal Cancer, Lymph node cancer

อ้างอิง
www.nature.com/news/2005/050110/pf/050110-7_pf.html
www.cnn.com/US/9604/30/meat.cancer)
www.nci.nih.gov/cancertopics/types/colon-and-rectal
www.siamhealth.net/Disease/cancer/coloncancer.htm
www.hopkinskimmelcancercenter.org/cance ... ancerid=78

เกล็ดความรู้เรื่องอาหารเจ
เนื้อสัตว์ สีแดง (Red meat):เชื่อมโยงกับมะเร็งในลำไส้ใหญ่โดยตรง

มะเร็ง มันมากับเนื้อสัตว์

ข้อคิดสำหรับศีลข้อหนึ่ง

การเป็นมังสวิรัติ เข้ากับหลักการของคำสอนทางพุทธศาสนา

พระพุทธเจ้า...กับ...มังสวิรัติ

ผัก รักษาโรค

10 ข้อผิดพลาดของการรับประทานอาหารผิดวิธี สำหรับผู้ป่วยต้องการลดน้ำหนัก

อาหารกำหนดชะตา

อาการผิดปกติที่อาจบ่งชี้ว่าเป็นโรคหัวใจ

อาการผิดปกติที่อาจบ่งชี้ว่าเป็นโรคหัวใจ

ดูทั้งหมด
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


[size=150]สาระดี น่าอ่าน

ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเราจะตายหรือไม่

หาอ่านรายละเอียด จากเวป ข้างล่าง

http://www.watisan.com/wizContent.asp?w ... 5&txtmMenu


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าดูกันแล้ว ยังอยากกินอยู่อีกก็... :b22: :b2:
(ไม่กล้าดู ทำใจลำบาก)
http://atcloud.com/stories/16603

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2011, 22:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มะเร็งลำใส้...สวยดีเน๊าะ :b12: :b12:

save เอาใว้พิจารณาดีกว่า.. :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2011, 01:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เรากินเขา....สุดท้ายเขาก็กลับมากินเรา :b5:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2011, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมการกินเนื้อจึงสร้างหนี้สินเวรกรรมติดตัว?



คนทั้งหลายมักจะคิดไปได้ไกลแค่ปลายจมูกตัวเอง นึกถึงแต่ปาก ไม่เคยคิดถึงหนี้สินเวรกรรมที่จะต้องได้รับการกินเลือดเนื้อทั้ง ๆ ที่เขาไม่ยอม ย่อมต้องถูกตามอาฆาต พยาบาท จองเวร

หากคิดกันให้ดีแล้ว คนที่ถูกแทงตาย ถูกเชือดคอตายถูกตีตายก็จะเรียกว่า “ตายโหง” การตายที่ผิดธรรมดา ผู้คนต่างหวาดกลัวกันมาก หมู ไก่ วัว ควาย ฯลฯ ก็ถูกแทง ถูกเชือดต้องตายโหงเช่นกัน จิตวิญญาณจึงเต็มไปด้วยความอาฆาตเคียดแค้นพยาบาท มีคำกล่าวอยู่ว่า “ร่างกายของมนุษย์เป็นป่าช้า ที่ฝังศพของสัตว์ อันกว้างใหญ่ไพศาล”

ศพของ มนุษย์เขาฝังกันไว้ใต้ดินแต่น่าแปลกประหลาดที่ศพหมู ศพวัว ศพควาย ศพของสัตว์ต่าง ๆ มนุษย์พากันฝังไว้ในท้องตัวเอง เวลาที่สัตว์ เจ็บป่วย ล้มตาย คนก็เอาไปฝังดินเสียทันที ด้วยกลัวโรคภัย แต่เวลามีสัตว์ตายโดยการฆาตกรรม ด้วยคมมีดของคนฆ่าสัตว์ คนกลับเอาไปฝังไว้ในกระเพาะของตนเสียทันที เหมือนกัน ดังนั้นกระเพาะของคนก็คือ “ป่าช้า” สำหรับบรรดาสัตว์ทั้งหลายคนกินเนื้อ ก็คือ “หลุมฝังศพที่เดินได้” นั่นเอง

ถ้าพูดตามกฏธรรมดาโลก เราเป็นหนี้ใครก็ต้องชดใช้ฆ่าเขาก็ต้องถูกเขาฆ่า กินเลือดเนื้อของเขาก็ต้องถูกเขากินเลือดเนื้อคืนบ้าง ชีวิตใช้คืน ด้วยชีวิต เนื้อใช้คืนด้วยเนื้อ ความตายใช้คืนด้วยความตาย เป็นที่เที่ยงธรรม

โลกนี้จึงเต็มไปด้วยการจองเวรติดตามทวงหนี้ไม่รู้จักจบสิ้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมด้วยเมตตาจิต ต้องการระงับการจองเวรจึงโปรดแสดงหลักธรรม และให้ โอกาสมนุษย์ได้ถือศีลกินเจ สะสางหนี้เสียให้หมดสิ้น

การหยุดกินเนื้อ คือการตัดหนี้สินเวรกรรม หยุดการจองเวรซึ่งกันและกัน หากเราเป็นหนี้ผู้ใดแล้วหลบหนี ไม่ยอมชดใช้ก็คือ “คนโกง” โกงมนุษย์ด้วยกัน แล้วหลบหนีก็มีแต่จะโกงฏกแห่งกรรม โกงบาป โกงบุญ โกงนรก โกงสวรรค์ เห็นจะโกงกันไม่ได้ หนีคดีความบนโลก ทำผิดให้เป็นถูกบนโลกพอจะหนีกันได้ แต่จะหนีเวรกรรมนั้นไม่มีทางเลย


ต่อหน้าที่ 2


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2011, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


หลงติดอยู่ใน “ความอร่อยลิ้น” นำไปสู่ความวิบัติ



ผู้มีความรู้มากมาย แม้จะได้ศึกษา เหตุ และผลของ “การกินอาหารมังสะวิรัติ ” อย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม ได้ยินได้ฟังมาก็มากแต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถเลิกกินเนื้อสัตว์ได้ เป็นด้วยเหตุใดกันเล่า? หากมิใช่เพราะว่าต่างพากันหลงติดอยู่ใน “ความอร่อยลิ้น” ของตน

มีนักบุญท่านหนึ่งได้คำนวณว่า ในชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่มีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 60 ปี จะต้องกินวัวควายกว่า 3,000 ตัว เป็ดไก่ 20,000 ตัว ปลาถึง 200,000 ตัว ออกจะน่าใจหายอยู่ไม่น้อยที่คนเรามีชีวิตอยู่คนเดียวจะต้องล้างผลาญชีวิต วัว ควาย เป็ด ไก่ ปลา และสัตว์ต่าง ๆ เสีย มากมายก่ายกองเช่นนี้ อย่าเห็นแก่ความอร่อย โดยที่ของอร่อยนั้นได้จากการทำลายชีวิตผู้อื่น เราได้รับผลจากการกินเนื้อเพียงความพอใจที่ “ลิ้น” ซึ่งมีความยาวเพียง 3 นิ้วเท่านั้น แต่ชีวิตสัตว์ต้องคอขาดบาดตาย ถูกฆ่าอย่างทุกข์ทรมานยิ่งยวด ดูไม่คู่ควรกันเลย

มนุษย์ได้พยายามคิดค้นประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ให้ปรากฏขึ้นแก่โลกเป็นอันมาก เช่น ไฟฟ้า วิทยุ โทรศัพท์ รถยนต์ เครื่องจักร ฯลฯ แต่จะบังคับลิ้นอันนิดเดียวให้เสพอาหารธรรมชาติที่ถูกต้องสมควร สละความอร่อยที่เต็มไปด้วยพิษภัยและความตาย เพื่อสุขภาพอนามัย และศีลธรรม เท่านี้ไม่ได้เลยเชียวหรือ?


มนุษย์ใช้ความรู้ความฉลาดจับสัตว์ไม่ว่าที่อยู่บนพื้นดินในน้ำ บนอากาศ และแม้กระทั่งที่อยู่ในรู มนุษย์ก็พากันขุดคุ้ยขึ้นมา เพื่อลิ้นเพื่อปากแลัว ลุกลามไปจนถึง ฆ่าเพื่อความสนุกบันเทิง มนุษย์ยิ่งกินเนื้อมากก็ยิ่งดุร้ายมากขึ้นจนไม่มีขอบเขตไม่มีอะไรในโลกนี้ที่น่ากลัว เท่ากับความดุร้ายของมนุษย์ มนุษย์หลง มอมเมาตัวเองด้วยการกินเนื้อ เป็นเหตุให้เต็มไปด้วยราคะ โทสะ โมหะ

มนุษย์โลภมากรุกรานแย่งชิงแผ่นดินผู้อื่น คอยคิดแต่จะสร้างอาวุธร้ายแรงใหม่ ๆ ขึ้น มาทำสงครามย่ำยีประหัตประหารซึ่งกันและกัน เมื่อจิตใจของมนุษย์ ตกต่ำลงถึงเพียงนี้ ทุกคนสะสมบาปไว้คนละมาก ๆ ย่อมเป็นมูลเหตุบันดาลให้โลกธาตุวิปริต ธรรมชาติแปรปรวนเกิดภัยพิบัติ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ร้ายแรงนานัปการดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้


แท้จริงแล้วโลกใหม่อันบริสุทธิ์สดใส โลกในอุดมคติของมนุษยชาติ โลกที่ไม่เบียดเบียนกัน กำลังรอท่านอยู่เพียงแต่ท่านยอมสละสิทธิ์การกินอัน ไม่ชอบธรรมนั้นเสีย

ลิ้นของมนุษย์ได้ทำให้เกิดความทุกข์ยากคอขาดบาดตายบ้านแตกเมืองตื่นให้แก่มนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลายมาชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ แล้วเราจะมัวนิยมชมชื่น ตามใจลิ้นเพื่อ “ความอร่อย” กันอยู่ทำไม ?



ต่อหน้า 3


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2011, 20:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คุณ มันฑนา..กระผมติดใจนิดหน่อย..หากบทความข้างต้นเหล่านี้เป็นความคิดของคุณเอง..คุณมันฑนาก็น่าจะไขข้อข้องใจกระผมได้นะครับ

muntana เขียน:
ทำไมการกินเนื้อจึงสร้างหนี้สินเวรกรรมติดตัว?
.......
หากคิดกันให้ดีแล้ว คนที่ถูกแทงตาย ถูกเชือดคอตายถูกตีตายก็จะเรียกว่า “ตายโหง” การตายที่ผิดธรรมดา ผู้คนต่างหวาดกลัวกันมาก หมู ไก่ วัว ควาย ฯลฯ ก็ถูกแทง ถูกเชือดต้องตายโหงเช่นกัน จิตวิญญาณจึงเต็มไปด้วยความอาฆาตเคียดแค้นพยาบาท มีคำกล่าวอยู่ว่า “ร่างกายของมนุษย์เป็นป่าช้า ที่ฝังศพของสัตว์ อันกว้างใหญ่ไพศาล”

ความเคียดแค้นของสัตว์มาอยู่ในศพ...แล้วศพในร่างกายเรามาเป็นเวณกรรมให้แก่เราได้ยังงัยรึครับ...

พระเทวทัตเคยขอให้บัญญัติให้สงฆ์กินมังสวิรัต..พระพุทธเจ้านิ่งเฉยเสีย..แปลว่าไม่เห็นด้วย..กระผมจึงคิดว่า..หากการกินเนื้อเป็นการสร้างหนี้สินเวรกรรมติดตัวแล้วละก้อ..พระองค์ซึ่งเป็นผู้สอนสัตว์โลกให้ละบาปทั้งปวง...บำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม...ทำจิตให้บริสุทธิ์..คงไม่เฉยหรอกกระมั้งครับ???

อ้างคำพูด:
ถ้าพูดตามกฏธรรมดาโลก เราเป็นหนี้ใครก็ต้องชดใช้ฆ่าเขาก็ต้องถูกเขาฆ่า กินเลือดเนื้อของเขาก็ต้องถูกเขากินเลือดเนื้อคืนบ้าง ชีวิตใช้คืน ด้วยชีวิต เนื้อใช้คืนด้วยเนื้อ ความตายใช้คืนด้วยความตาย เป็นที่เที่ยงธรรม

โลกนี้จึงเต็มไปด้วยการจองเวรติดตามทวงหนี้ไม่รู้จักจบสิ้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมด้วยเมตตาจิต ต้องการระงับการจองเวรจึงโปรดแสดงหลักธรรม และให้ โอกาสมนุษย์ได้ถือศีลกินเจ สะสางหนี้เสียให้หมดสิ้น

การกินเจ..ดีครับ..ความจริงมนุษย์ไม่ต้องกินสัตว์เลย..ก็ไม่ขาดสารอาหารหรอก..
แต่การกินเจ..ด้วยความไม่ฉลาด..ด้วยความคิดที่หลงผิด..เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมากเลยครับ

กินเจ..ไม่ไปสร้างหนี้ใหม่..พอจะเข้าใจ
แต่กินเจ..แล้วไปสะสางหนี้..นี้ซิ..มันเป็นยังงัยรื??

อ้างคำพูด:
การหยุดกินเนื้อ คือการตัดหนี้สินเวรกรรม หยุดการจองเวรซึ่งกันและกัน ....

นี้ก็อีกตัวอย่างหนึ่ง...

จริงอยู่..ลดการกิน..ก็เป็นการลดการฆ่า...ไม่กินเลยก็ไม่มีการฆ่าเพื่อนำมากินกัน

แต่..การกินเนื้อ..ไม่ใช่เป็นการไปก่อเวรก่อกรรม..นะครับ..การฆ่าต่างหาก..ไม่ว่าจะฆ่าเองหรือเจตนาให้คนอื่นทำแทน..อันนี้เข้าใจตรงกันไหมครับ??

ไม่งั้นนะ..ศีลข้อที่ 1 ก็คง..ห้ามการฆ่า..และ..ห้ามกิน ไปด้วยแล้ว

ยังงัยก็ช่วยอธิบายให้ความกระจ่างด้วยนะครับ...
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2011, 23:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแถมนิดหนึ่ง..

การกินอย่างไรไม่ให้เป็นโทษ..สำหรับผู้มุ่งสู่ความดี

ให้พิจารณาอาหารที่กำลังจะกิน..
ให้เป็นเพียงธาตุ 4..บำรุงธาตุ 4..เป็นปฏิกูล..บำรุงปฏิกูล..
ไม่กินเพื่อความสุขความอร่อย..เพื่อความอิ่มหมีพีมัน..

เป็นการกินอย่างฉลาด..ไม่ว่ามันจะมาเป็นตัวเป็นต๋อน..เราก็ย่อยสลายมันให้เป็นเพียงธาตุ(สำหรับใจเรา)ไปซะ..แค่นี้ก็ไม่เกิดไปเป็นเปรตอันเนื่องจากการกินแล้วละ..

ปล.

โรคภัยที่เกิดจากการกินโดยเฉพาะเนื้อสัตว์นั้นเป็นเรื่องจริงไม่ได้คัดค้านนะครับ..มันมากับเนื้อ..แล้วไปเกิดใหม่ในร่างกายเรา..เป็นชีวิตใหม่แยกต่างหาก..ดูการเกิดแบบสังเสทชะ เกิดในที่ชื้นแฉะ..ที่แพทย์เรียกมันว่า..เซลล์ที่ร่างกายไม่สามารถสั่งการได้..นั้นและครับ..มันละ..มะเร็ง

(อย่าคิดว่าร่างกายเราเป็นของเราคนเดียวนะ...พยาธิก็อยุ่ในนั้น..แบตทีเรียก็อยู่ในนั้น..มะเร็งก็อยู่ในนั้น..ใช่มีแต่เราที่ไหน :b12: :b12: )

การไม่กิน...ก็เป็นกรรมใหม่..อาจเป็นการยืดวาระกรรมเก่าที่จะเกิดทุกข์ให้โทษแก่เรา..ให้ยืดออกไปก่อน..ถ้ามีนะ

แต่ยังมองไม่ออกว่า..การกินเนื้อจะเป็นการสร้างหนี้เวรกรรมได้อย่างไร


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 25 ม.ค. 2011, 23:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2011, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องวัตถุ ๕ ประการ
http://www.84000.org/tipitaka/book/v.ph ... 770&Z=3863 :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2011, 23:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สาธุครับ..คุณ Rotala


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากลองให้พิจารณาด้วยใจเป็นกลาง และ เป็น ธรรม
ผู้ทำอาชีพ ปานาติบาตร เลี้ยงสัตว์ เพื่อการค้า การฆ่า
ล้วนประสพเคราะห์กรรม ไม่ช้าก็เร็ว ญาติมิตร เพื่อนสนิทหลาย ๆ คน

ที่ได้รับรู้มา ในอดีตเคยร่ำรวย มั่งคั่ง แต่อนิจจา ณ ปัจจุบัน ประสพปัญหา
มากมายในชีวิต ทั้งสุขภาพ ครอบครัว เจ็บป่วยออดๆ แอด ๆ หมดค่ารักษา
แทบล้มละลาย ก่อนจบชีวิตอย่างทรมารแสนสาหัส ป่วยด้วยโรคไม่สามารถรักษาได้
ที่หลาย ท่านคงพอทราบ โรคผลจาก กรรม เจ็บป่วยไม่ทราบสาเหตุ

เรื่อง ของ น้องอ้อม ที่เคยออก ทีวี รายการคน ค้น คน เมื่อ 2-3 ปี ก่อน
น่าพอจะเป็นตัวอย่าง ที่อาจยากจะเข้าใจ ได้ ทำไม ๆ ทำไม ทั้งที่เกิดก็สุขสมบูรณ์
ครบถ้วน แต่พอเติบโตอายุเพียง 10 กว่า กลับล้มป่วยด้วยโรคร้าย ที่ไม่อาจรักษาได้

ทนทุกข์ทรมารหลาย ๆ ปี น่าจะสะท้อนอะไรได้บางอย่าง

คงเคยได้ยิน ได้อ่านข่าว เจ้าของฟาร์มหมูใหญ่โต มีชื่อเสียงระดับจังหวัดภาคกลาง
ไกล้ กทม ทายาท พี่น้อง ๆ อาหลาน ๆ ฆ่ากัน เพื่อทรัพย์สมบัติ มากมายมหาศาล
ทำไม ถึงเกิดแบบนี้

และข่าวคราวโด่งดังมานานกว่า 5 ปี ทายาทเจ้าของตลาดใหญ่ ฆ่ากันแบบล้างผลาญ
จบสิ้นชีวิต รวม 5 คน เพื่อมรดกมูลค่านับหมื่น ล้าน ๆ
ถ้าสืบเช็คดุเบื้องหน้าเบื้องหลัง

ก่อนสร้างฐานะร่ำรวย จนมีทรัพยสินมากมาย เคยทำอาชีพ ฆ่าวัว ควายวันละหลาย ๆ ตัว
ขายใน ตลาด นับสิบ ๆ ปี
คงไม่หลาดใจ ว่า สาเหตุ ถ้าเชื่อ เรื่อง กฎแห่งกรรม

ลองหาอ่านจากเวปข้างล่างที่ได้เคยนำมาลง
ถ้าได้เคยอ่านหนังสือ กฎแห่งกรรม จะเข้าใจ

ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย นับพัน ๆ เรื่อง เกี่ยวกับอาชีพ ค้าขาย ฆ่า สัตว์อาชีพ

แม้แต่เรื่อง ตระกูลแขกปาทาน ที่สระบุรี ลพบุร ฆ่าล้างผลาญแทบหมดตระกูล
กว่า 50 ชีวิต อาชีพเลี้ยง ฆ่า วัว ควายขายตลาด ค้าส่ง เรื่องนี้เกิดมากว่า 15 ปีก่อน
นสพ ลงข่าวครึกโครม เกรียวกาวนานนับสัปดาห์ หาอ่านได้


viewtopic.php?f=4&t=23702


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 21:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องทายาทกรรม...ไม่ได้สงสัยครับ :b1: :b1:

แต่ที่สงสัย..มันอยู่ตรงนี้ครับ..

กบนอกกะลา เขียน:

..การกินเนื้อจะเป็นการสร้างหนี้เวรกรรมได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2011, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด


พระพุทธเจ้าสอนให้เรามีเมตตา รักษาศีล


และศีลข้อแรกก็คือ ไม่ฆ่าสัตว์ แต่มีชาวพุทธกี่คนที่ฟัง และปฏิบัติตาม
บางคนบอกว่า การทานเนื้อสัตว์ ไม่เหมือนกับ การฆ่าเนื้อสัตว์
ถ้าพุทธศาสนิกชนทุกคนไม่ทานเนื้อสัตว์ แล้วจะมีใครฆ่าสัตว์มาขายให้เรา
ไม่มีคนซื้อ ก็ไม่มีคนขาย
ฉะนั้น การทานเนื้อสัตว์ ก็คือการฆ่าสัตว์ทางอ้อม
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ชาวพุทธจะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
โดยมิได้เป็นพุทธศาสนิกชนแค่เพียงชื่อ หรือลมปาก
ในยุคศิวิไลซ์เช่นปัจจุบัน มีพืชผักนานาชนิดให้เลือกมากมาย
การละเนื้อสัตว์เป็นสิ่งที่ง่ายมาก แค่แทนที่เนื้อสัตว์ ด้วยเต้าหู้
ก็มีโปรตีนเหมือนกัน แถมยังช่วยชีวิตสัตว์โลกได้นับไม่ถ้วน
แต่ละวัน สัตว์โลกต้องตายอย่างโหดร้ายทารุณ
เพียงเพราะความอยากในรสปากของเรา
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง
ที่จะรักษาศีลของเราให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะศีลข้อแรก
ลูกศิษย์พระพุทธเจ้าที่แท้จริง ต้องไม่ทานเนื้อสัตว์


ลังกาวตารสูตร
แปลโดย "พุทธทาสภิกขุ"
พระพุทธองค์ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ให้ทานเนื้อสัตว์
ลองอ่านดู

จาก
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001363.htm
---------------------------------------------------------

โอ, มหาบัณฑิต! ในวัฏสงสาร อันไม่มีใครทราบที่สุดในเบื้องต้นนี้ สัตว์ผู้มีชีพได้พากันท่องเที่ยวไป ในการว่ายเวียนในการเกิดอีกตายอีก, ไม่มีสัตว์แม้แต่ตัวเดียว ที่ในบางสมัย ไม่เคยเป็น แม่ พ่อ พี่น้องชาย พี่น้องหญิง ลูกชาย ลูกหญิง หรือเครือญาติอย่างอื่นๆ แก่กัน สัตว์ตัวเดียวกัน ย่อมถือปฏิสนธิในภพต่างๆ เป็นกวาง หรือสัตว์สองเท้าสัตว์สี่เท้าอื่นๆ เป็นนก ฯลฯ ซึ่งยังนับได้ว่าเป็นเครือญาติของเราโดยตรง สาวกแห่งพระพุทธศาสนา จะทำลงไปได้อย่างไรหนอ, จะเป็นผู้สำเร็จแล้วหรือยังเป็นสาวกธรรมดาอยู่ก็ตาม ผู้เห็นอยู่ว่าสัตว์เหล่านี้ทั้งหมด, เป็นภราดรของตน, แล้วจะเชือดเถือเนื้อหนังของมันอีกหรือ?

โอ, มหาบัณฑิต! ในโลกนี้มีคนเป็นอันมาก ซึ่งกล่าวคำเท็จเทียมต่อพระพุทธดำรัสฯ ให้ผิดไปจากความจริง เขากล่าวกันว่า บรรดาผู้ซึ่งคัดค้านอาหารอันสมควรแด่ท่านผู้บริสุทธิ์แห่งสมัยเพรงกาล ย่อมกินอาหารเหมือนนักกินเนื้อ ย่อมเที่ยวใส่ความทุกข์เจ็บปวดให้แก่สัตว์น้อยๆ ที่มีชีวิตอยู่ในอากาศ บนบก และในน้ำ เที่ยวรบกวนรังควานมัน ทั้งที่นี่และที่นั่นอยู่เสมอ สมณภาพของเขาถูกทำลายเสียย่อยยับแล้ว พรหมณ์ภาพของเขาถูกทำให้เศร้าหมองเสียแล้ว เขามิได้ประกอบด้วยศรัทธาและสมาจาร คนชนิดนี้แหละ ที่กล่าวคำเท็จเทียมมากมายหลายชนิด แด่พระพุทธวจนะ
โอ, มหาบัณฑิต! เรากำลังประกาศว่า การกินเนื้อสัตว์เป็นการกินเนื้อบุตรของตนเองอยู่ดั่งนี้ แล้วจะกล่าวไปอย่างไรได้ ที่เราจะบัญญัติให้สาวกของเรากินเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นของจัดไว้ต้อนรับของพวกคนใจอำมหิต เป็นของถูกห้ามโดยท่านสัตบุรุษทั่วไป เต็มไปด้วยมลทิน ปราศจากคุณธรรมใดๆ ไม่เหมาะที่จะบริโภคสำหรับผู้บริสุทธิ์ และเป็นของควรห้ามเด็ดขาด โดยประการทั้งปวง


-----------------------------

ฝากบทกลอน มีสาระ น่าใคร่ครวญ พิจารณา

กลอนสะกิดใจ




สัพเพ สัตตา เสียงร้องขอ ชีวิตจิตหวั่นไหว

เสียงห่ำหั่น เข่นฆ่า น่าสยอง

เสียงซวบซาบ ดาบคมเชือด เลือดไหลนอง

เสียงกรีดร้อง สะท้านจิต สะกิดใจ

เสียงสัพเพ สัตตา พาให้คิดว่าชีวิตนี้ มีค่า กว่าสิ่งไหน

อเวรา อย่ามีเวร อย่ามีภัย
ชีวิตใคร ใครก็หวง อย่าล่วงเกิน

ท่องสัพเพ สัตตา มาแต่ไหน ยังเข้าใจ ในเนื้อแท้ ้แค่ผิวเผิน

ยังฆ่าบ้าง กินบ้าง อย่างเพลิดเพลิน ยังใช้เงิน ซื้อชีวิต อนิจจา

สัตว์เกิดกาย มาใช้กรรม ที่ทำไว้ เป็นเป็ดไก่ กุ้งปลา ูและหมูหมา

ตามเหตุต้น ผลกรรม ที่ทำมา มิใช่ฟ้า ประทานมา ให้คนกิน

มีปัญญา แต่ไฉน จึงไม่คิด
มองชีวิต กลับเห็น เป็นทรัพย์สิน

เสียงกรีดร้อง ก่อนตาย ใครได้ยิน น้ำตาริน เมื่อถูกเฉือด เลือดกระเซ็น

พูดว่าเขา เกิดมา เป็นอาหาร เขาลนลาน หนีตาย ใครมองเห็น

เขาจนใจ พูดไม่ได ้เถียงไม่เป็น ช่างเลือดเย็น เข่นฆ่า ไม่ปราณี

มีพืชผัก มากมาย นับไม่ถ้วน ทุกกลิ่นรส สดใส หลายหลากสี

ธรรมชาติ วางไว้ อย่างดิบดี สัตว์วิ่งหนี พืชเต็มใจ ให้กินมัน

เพราะเรากิน เขาจึงฆ่า เอามาขาย เราสบาย แต่สัตว์โลก ต้องโศกศัลย์

ท่องสัพเพ สัตตา มาทุกวัน
เมตตากัน โปรดอย่าฆ่า และอย่ากิน




ประพันธ์โดย
คุณประวิทย์ ชัยศิริสัมพันธ์
รูปขนาดเล็ก

ในอนาคตกาล ในหมู่สงฆ์ของเราจะเกิดมีคนบางคน ซึ่งกำลังสมาทานข้อปฏิบัติแห่งบรรพชิต และกำลังปฏิญาณตนเป็นศากยบุตร กำลังครองผ้ากาสาวพัสตร์สีแดงหม่น จะเป็นผู้มัวเมาและประกอบตนคลุกเคล้าอยู่ในความเพลิดเพลิน เขาจะมีจิตที่เต็มไปด้วย ความปรารถนาลามก บัญญัติข้อปฏิบัติที่ผิดแบบแผนขึ้นใหม่ เขาเหล่านั้น เป็นผู้อยากเสพเพราะติดรส และจะเรียบเรียงพระคัมภีร์ให้มีข้อความเท็จ อันจะเป็นเครื่องยืนยัน และโต้แย้งอย่างพอเพียง สำหรับการกินเนื้อสัตว์กัน เขาจะบัญญัติสิ่งที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ เขาจะกล่าวข้อความที่ส่งเสริมการกินเนื้อสัตว์ เขาจะกล่าวว่าเรา ตถาคตได้บัญญัติไว้ในเรื่องนี้ เช่นนี้ และว่าเราตถาคตนับมันเข้าไว้ ในสิ่งทั้งหลายที่ควรกิน และว่าพระภควันต์ก็ได้ทรงเสวยเนื้อสัตว์โดยพระองค์เอง
แต่ โอ, มหาบัณฑิต! เรามิได้เคยบัญญัติเนื้อสัตว์ไว้ในสูตรใดๆ หรือกล่าวว่ามันเป็นของควรกิน หรือนับมันเข้าในประเภทของดีที่ควรกิน
เราบัญญัติห้ามเนื้อสัตว์ไว้ในข้อความ แห่งคัมภีร์เหล่านี้ คือ ๑. หัสติกักสยะ ๒. มหาเมฆะ ๓. นิรวาณางคลี มาลิกา และ ๔. ลังกาวตารสูตร (๑๖)
ดั่งนั้น เนื้อสัตว์ซึ่งเป็นของดูน่ากลัวแก่สรรพสัตว์ และเป็นอุปสรรคแก่การปฏิบัติเพื่อวิมุติ จึงเป็นของไม่ควรกิน นี่คือธงชัยแห่งอารยชน (๒๔)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 65 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร