วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2011, 20:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 20:08
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


คือผมนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจในธรรมมะเท่าไหร่ครับ ที่ว่าตัวเราไม่ใช่ของเรา กายเราไม่ใช่ของเราอันนี้ผมเข้าใจครับ แล้วบอกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเรา ถ้าเป็นแบบนี้แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราปฏิบัติศีล 5 หรือ ผิดศีล 5 อะไรที่ต้องมารับกรรม เวียนว่ายตายเกิดแบบนี้ บอกว่าเราทุกข์เพราะเรามัวแต่ยึดว่านี่คือของเรา พ่อเรา แม่เรา ถ้าอย่างนั้นใครที่เราต้องทดแทนบุญคุณล่ะครับ ขอให้ผู้รู้ช่วยแนะทางสว่างกับผมด้วยครับ ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2011, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 07:51
โพสต์: 132

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองเปรียบเทียบกับรถ ซึ่งเป็นองค์ประชุมของตัวถัง เครื่องยนต์กลไก ล้อ เพลาฯ
แท้จริงแล้วรถไม่มี รถเป็นเพียงแค่บัญญัติของการประกอบกันของชิ้นส่วนต่างๆเท่านั้น
ทีนี้ลองถามว่าถ้ามีรถคันอื่นมาชน หรือรถคันนี้ไปชนเสา กำแพง ฯ
เพราะการชนเป็นเหตุส่วนประกอบต่างๆย่อมบิดเบี้ยวไปบ้าง เสียไปบ้าง
การชนนั้นย่อมส่งผลต่อสิ่งที่ถูกบัญญัติว่ารถ แม้ว่าแท้จริงแล้วรถไม่ได้มีเป็นเพียงสมมุติบัญญัติเท่านั้น

เราก็เป็นเพียงบัญญัติของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่มาประชุมกันในลักษณะหนึ่งๆ
ที่มีรายละเอียดแตกต่างกันตามบุคคล แท้จริงเราไม่ได้มี
การทำต่างๆ และกรรมต่างๆ ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับรถในข้างต้น
การกระทำนั้นๆ ย่อมส่งผลต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของ ขันธ์ ๕ (อาจจะเป็นบางส่วน หรือทุกส่วน แล้วแต่กรณี)
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของขันธ์ ๕ ก็ย่อมส่งผลถึง"เรา"ซึ่งเป็นบัญญัติของการประชุมกันของธาตุขันธ์นั้นๆ
ส่วนการรักษาศีล ตอบแทนบุญคุณ การภาวนา ฯ ที่เป็นกุศลกรรมทั้งหลาย
หรือแม้แต่การอกุศลกรรม ก็ย่อมส่งผลต่อขันธ์ ๕ ซึ่งย่อมส่งผลถึง"เรา"เช่นกัน
(ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ การกระทำที่มีสติย่อมส่งผลสัญญาที่จะบันทึกเหตุการณ์นั้นๆ)
การประกอบกุศลกรรมที่ดำเนินไปตามทางแห่งมรรค ๘ เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอย่อมนำไปสู่การพ้นทุกข์เช่นกัน

[หาอ่าน มิลินทปัญหา หัวข้อ นามปัญหา เพิ่มเติมได้นะครับ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2011, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว ถือว่าไม่มีตัว ไม่มีตน

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2011, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เราเป็นแค่สภาวะธรรม ซึ่งเกิดขึ้นชั่วคราวเมื่อ
สังขารธรรม(จิต เจตสิก รูป) ได้ทำงาน โดยที่จิตได้ขึ้นสู่วิถีจิต
เรา(หรือความรู้สึกตัว) ไม่หายไปเมื่อจิตพ้นวิถีแบบสั้นๆ
แต่ถ้า จิตพ้นวิถีแบบนานๆ(ยาวๆ) เราก็จะหมดความรู้สึก คือไม่มีเราในสภาวะนั้น

ปกติของจิต คือ วิถีจิต และพ้นวิถี วิถี และพ้นวิถี สลับกันไปตลอดวันตลอดคืน
ตอนที่เรานอนหลับสนิทไม่ฝันเป็นเวลานานๆ ขณะนั้นจิตพ้นวิถี นานๆ

เราจึงเป็นสิ่งที่มีจริงชั่วครู่ชั่วยาม
เราเคยเป็นเด็กใช่มั๊ย ขณะนี้เราเป็นคนใหญ่ใช่มั๊ย
เราเคยความจำดีใช่มั๊ย ขณะนี้เราความจำไม่ดีใช่มั๊ย
เราเคยไม่มีใช่มั๊ย ขณะนี้มีเราอยู่ในโลกนี้ใช่มั๊ย
นี่แสดงว่า เราเป็นสิ่งชั่วคราว และไม่เที่ยง
ความคิด ความจำ เราไม่เที่ยงสักอย่าง
เดี๋ยวเราก็สุข เดี๋ยวเราก็ทุกข์ เดี๋ยวเราก็ยิ้ม เดี๋ยวเราก็ร้องไห้
เราไม่เป็นตัวเป็นตนที่แน่นอนเลย

เราไปโลดแล่นในความฝัน เมื่อเรานอนหลับฝันไป
เราไปจมอยู่ในความคิด เมื่อเราใช้ความคิดจนลืมตัว
เราไม่มีเมื่อเราหลับสนิท ไม่ฝัน

ถ้าพูดกันจริงๆ แล้ว เรามิได้มีจริงเลย เป็นแต่เรื่องหลอกลวง เป็นตุเป็นตะ

แท้จริงเป็นการทำงานของ จิต เจตสิก รูป
ซึ่งเกิดขึ้น และผันแปรไปตามเหตุตามปัจจัย
จิต เจตสิก รูป เป็นสิ่งซึ่งมีจริง และเกิดดับอยู่ตลอดเวลาด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่าสิ่งใดๆ

ความเร็วที่มันเกิดดับ ทำให้เราไม่ทราบเลยว่ามันเกิดดับ นั่นเป็นเพราะความเร็วของมัน

เหตุปัจจัยที่ทำให้จิต เจตสิก รูป เกิดดับสืบต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยไม่ขาดสายนั้น

คือ อะไร พระผู้มีพระภาค ได้ทรงแสดงไว้แล้ว
ไปศึกษาได้ เรื่อง ปัจจัย24

เช่น กรรมเป็นปัจจัย วิบากเป็นปัจจัย

เพราะของเก่าดับไป จึงเป็นปัจจัยให้ของใหม่เกิดสืบต่อทันที โดยไม่มีระหว่างคั่น คืออนันตรปัจจัย

เพราะ จิตมี จึงเป็นปัจจัยให้ เจตสิกมีด้วย เพราะ สหชาตปัจจัย

เหล่านี้......................................เป็นต้น

จิตมีอำนาจ สั่งสม กรรมและกิเลส

การกระทำกรรม ทางใจ วาจา กาย

เวลากรรมส่งผล ส่งให้เกิดจิต ทางอายตนะทั้ง6

และจิตเองนั้น ก็กระทำกรรม เป็นกุศล อกุศล ตอนที่จิตเป็นมโนวิญญาณ

กรรมที่กระทำแล้ว ถูกสั่งสมโดยจิตเอง และรอจังหวะตอบสนองเมื่อได้จังหวะเวลาอันเหมาะสม
ซึ่งไม่แน่ไม่นอน ไม่มีสูตรตายตัว
มีเพียงสูตร คร่าวๆ ว่า กรรมหนักส่งผลก่อน
อยากทราบรายละเอียด ก็ต้องศึกษาเรื่องกรรม กรรมหนัก กรรมเบา กรรมที่กระทำบ่อยๆ

จิต ไม่ใช่เรา เพราะตอนที่เราไม่มี จิตยังมี
ก่อนจะมีเรา จิตก็มีอยู่ก่อนแล้ว
จุดเริ่มต้นของจิต ว่ามีมาตั้งแต่เมื่อใด ไม่มีจุดเบื้องต้น
เพราะมันหมุนวนคล้ายวงล้อเกวียน หาจุดต้นไม่เจอ ดั่งปัญหา ไข่กับไก่ อะไรเกิดก่อน
สืบหาไปเถอะ ไม่หาจุดเริ่มเจอ หาไปจนโลกสลาย ก็ไม่พบจุดเริ่มต้น

กรรม ส่งผลให้จิตเกิดขึ้นรับอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ทางใจ นี่แหละที่มันหลายดวงสืบต่อ บางดวงเกิดขึ้นเพราะผลกรรม บางดวงเกิดขึ้นแบบอัตตโนมัติ
บางดวงเกิดขึ้นเป็นกุศล บางดวงเกิดขึ้นเป็นอกุศล ...........นี่คือการสร้างกรรมใหม่

คือมโนวิญญาณนั้นรับกรรมเก่าด้วย และสร้างกรรมใหม่ด้วย เพราะมันสืบต่อกันหลายดวง
บรรดาวิญญาณอื่นๆ มโนวิญญาณเกิดบ่อยกว่าเพื่อน เกิดเยอะกว่าเพื่อน มีหลายดวงกว่าเพื่อน

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2011, 23:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 13:31
โพสต์: 12

ชื่อเล่น: เบสท์
อายุ: 0
ที่อยู่: เจริญนคร

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นผิด
ความยึดถือว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวเราครับ
ต้องมีสติ รู้กายรู้ใจนี้ ว่าสักแต่ว่าสภาวะที่เกิดดับกันไม่มีสาระสำคัญอะไร
จนเกิดปัญญาหรือความรู้แจ้งว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา สักแต่ว่าอาศัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 00:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


phakawan15 เขียน:
แล้วบอกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเรา ถ้าเป็นแบบนี้แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราปฏิบัติศีล 5 หรือ ผิดศีล 5 อะไรที่ต้องมารับกรรม เวียนว่ายตายเกิดแบบนี้ บอกว่าเราทุกข์เพราะเรามัวแต่ยึดว่านี่คือของเรา พ่อเรา แม่เรา ถ้าอย่างนั้นใครที่เราต้องทดแทนบุญคุณล่ะครับ ขอให้ผู้รู้ช่วยแนะทางสว่างกับผมด้วยครับ ขอบคุณครับ :b8:

ที่บอกว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเรา...ก็เพื่อหวังให้เราคลายความยึดมั่นในกาย.ทั้งกายนอกคือญาติพี่น้องลูกพ่อผัวเมีย..และกายใน..ก็คือร่างกายเรานี้เอง..ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้เราได้พ้นจากทุกข์นั้นเองละครับ..

แล้วที่ไปถือศีล ไม่ทำผิดศีล ไปปฏิบัติธรรม..ก็เพื่อให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์..เราเองนั้นแหละที่จะรู้ว่ามีทุกข์หรือไม่มีทุกข์..ถ้าไม่ได้อยากให้เราพ้นทุกข์แล้วจะอยากให้อะไรพ้นทุกข์..จริงมัย??

ที่เขาบอกว่าขันธ์ 5 ไม่ใช่เรา..นี้จริงแท้เชียวละ..ความทุกข์ทั้งมวลก็มาจากการที่เราหาทางปกป้องขันธ์ 5นี้..ทำทุกอย่างเพื่อให้มันอยู่ได้นาน ๆ ..ทั้งนี้เพราะเราหลงว่ามันเป็นเรา..เราเป็นมันนั้นเอง..เราจีงมัวแต่สาลวนกับการดูแลมัน..เมื่อมันแก่..มันเจ็บ ..เราก็เลยทุกข์..เพราะความแก่ความเจ็บเป็นสัญญาลักษณ์ของการแตกสลาย..

ก็ขนาดขันธ์ 5 ที่เราครองอยู่มันยังไม่ใช่เรา..แล้วขันธ์ 5 ภายนอก..จะเป็นพ่อเรา..แม่เรา..ไปได้อย่างไร..แต่จิตใจท่านที่รักเรา...เลี้ยงดูแลเรา..ปรารถณาดีต่อเราเสมอ..อันนี้แหละที่เราต้องตอบแทน..ทดแทนคุณ..การได้ทำให้ท่านมีความสบายใจ..มีความสุขใจ..มีสุคติภพจนถึงพระนิพพาน..จึงได้ชื่อว่าได้ทดแทนคุณจิตใจท่านอย่างแท้จริง..

อาจจะพูดว่า..เราคือความรู้สึกก็น่าจะได้นะ..แต่ความรู้สึกตอนนี้มันเป็นไปด้วยความไม่บริสุทธิ์..มันมีอวิชชา..กิเลส..ตัณหา..อาสาวะ..ปกคลุมมิดชิดจนไม่เคยรู้ว่า..ความรู้สึกที่บริสุทธิ์มันเป็นยังงัย..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 02:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะท่านฯ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Yodyood เขียน:
ลองเปรียบเทียบกับรถ ซึ่งเป็นองค์ประชุมของตัวถัง เครื่องยนต์กลไก ล้อ เพลาฯ
แท้จริงแล้วรถไม่มี รถเป็นเพียงแค่บัญญัติของการประกอบกันของชิ้นส่วนต่างๆเท่านั้น
ทีนี้ลองถามว่าถ้ามีรถคันอื่นมาชน หรือรถคันนี้ไปชนเสา กำแพง ฯ
เพราะการชนเป็นเหตุส่วนประกอบต่างๆย่อมบิดเบี้ยวไปบ้าง เสียไปบ้าง
การชนนั้นย่อมส่งผลต่อสิ่งที่ถูกบัญญัติว่ารถ แม้ว่าแท้จริงแล้วรถไม่ได้มีเป็นเพียงสมมุติบัญญัติเท่านั้น

งงครับ ที่บอกรถไม่มี อะไรกันแน่ที่ไม่มี อะไรกันแน่ที่เป็นสมมุติบัญญัติ
แล้วการชนส่งผลต่อที่ถูกบัญญัติที่เรียกว่ารถได้อย่างไร ถ้ามันไม่มีนั้นน่ะ
ผมว่าสิ่งที่คุณอธิบายมันคยละเรื่อง และไม่รู้วิธีอธิบาย

ไหนคุณลองอธิยายให้ฟังหน่อยซิครับ ที่ว่ามันไม่มีเป็นเพียงสมมุติ
แล้วอะไรที่ชนกันแล้วทำให้คนตายตั้งหลายร้อยศพเมื่อตอนปีใหม่
สงสัยเขาแกล้งตาย สมมุติว่าเขาตาย :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 06:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 07:51
โพสต์: 132

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.baanjomyut.com/pratripidok/m ... ha/01.html
ถ้าคำอธิบายไม่ถูกใจก็ให้ศึกษานามปัญหาเอาก็แล้วกันครับ ละเอียดกว่าด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 08:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
สงสัยเขาแกล้งตาย สมมุติว่า เขาตาย :b10:


สมมุติว่า เขารัก :b32:

http://www.youtube.com/watch?v=kCF9jwp9FCU

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Yodyood เขียน:
http://www.baanjomyut.com/pratripidok/milin/milinthapanha/01.html
ถ้าคำอธิบายไม่ถูกใจก็ให้ศึกษานามปัญหาเอาก็แล้วกันครับ ละเอียดกว่าด้วย

อะไรกันครับ ไปเอาของเขามาโพส ตัวเราต้องเขาใจต้องให้ความกระจ่างได้ซิครับ
คุณเล่นโยนกลองแบบนี้ แบบนี้ชาวบ้านเรียกไม่รับผิดชอบนะครับ ถ้าขืนทำแบบนี้
ผมว่ากลับไปเผาตำราทิ้งดีกว่านะครับ :b13:

สิ่งที่คุณว่า "มันไม่มี"น่ะมันใช่ซะที่ไหนกันเล่า เขาเรียกว่า"มันไม่ใช่ตัวตน"ครับ
การที่เขายกเรื่องรถขึ้นมา เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า ที่เป็นรถได้ก็เพราะมันประกอบขึ้นมาจากส่วนต่าง
เช่นล้อ และเหล็กหรืออื่นๆ ถ้าเรามองส่วนประกอบที่ยังไม่ได้ประกอบ เรามองอย่างไรมันก็ไม่ใช่รถ
ครูบาอาจารย์จึงได้เอามาเปรียบกับเรื่องของคนว่า...
การที่คนเราไปยึดมั่นอะไรเข้าจนเกิดเป็นตัวเป็นตน แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ตัวตน
มันเกิดจากการประชุมของขันธ์ห้า เกิดขบวนการขันธ์เกิดดับอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้เกิดหลงไปยึดมั่นเป็นตัวเป็นตนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
สงสัยเขาแกล้งตาย สมมุติว่า เขาตาย :b10:


สมมุติว่า เขารัก :b32:

http://www.youtube.com/watch?v=kCF9jwp9FCU

โอ๋โห้! สมัยไหนครับ มันต้องเพลงที่เขากับกระทู้และวัยหน่อย :b14:
เช่น กวนมึนโฮ "ยินดีไม่รู้จัก" :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเขาหรือใครตอบคำถามไม่ถูกไม่ตรงไม่เข้าแก๊ป ท่านโฮฮับก็ตอบให้เขา หรือจขกท. สะเองเลย จะได้เคลียร์เป็นเรื่องๆเป็นตอนๆไป :b27: :b16:

ตอบข้อสงสัย จขกท. เลยครับ จะได้หายข้องใจสะที

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:30
โพสต์: 74

ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็พระท่านเคยบอกไว้ ต่อให้ร่ำรวยมีทรัพย์สินเงินทองแค่ไหน สุดท้ายก็เอาไปด้วยไม่ดี ตอนมีชีวิตอยู่ให้หมั่นทำบุญ ทำทาน รักษาศีล เข้าไว้ เพราะมีแต่บาปกับบุญเท่านั้นที่เราเอาติดตัวไปได้ ต่อให้คนๆหนึ่งซึ่งสวยเหมือนนางฟ้าแค่ไหน วาระสุดท้ายก็เหลือแต่เถ้ากระดูกกันทุกคนค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


phakawan15 เขียน:
คือผมนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจในธรรมมะเท่าไหร่ครับ ที่ว่าตัวเราไม่ใช่ของเรา กายเราไม่ใช่ของเราอันนี้ผมเข้าใจครับ แล้วบอกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเรา ถ้าเป็นแบบนี้แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราปฏิบัติศีล 5 หรือ ผิดศีล 5 อะไรที่ต้องมารับกรรม เวียนว่ายตายเกิดแบบนี้ บอกว่าเราทุกข์เพราะเรามัวแต่ยึดว่านี่คือของเรา พ่อเรา แม่เรา ถ้าอย่างนั้นใครที่เราต้องทดแทนบุญคุณล่ะครับ ขอให้ผู้รู้ช่วยแนะทางสว่างกับผมด้วยครับ ขอบคุณครับ :b8:

เรื่องการการยึดมั่นเป็นทุกข์คุณเข้าใจหมดแล้ว ผมจะอธิบาย แต่สิ่งที่คุณไม่เข้าใจนะครับ
คุณต้องรู้นะครับว่าธรรมชาติของจิตเมื่อไปรับรู้อะไรแล้วชอบเข้าไปยีดมั่นถือมั่น
และการยึดมั่นถือมั่น มันเป็นตัวการทำให้เกิดภพเกิดชาติ
เรื่องกรรมการกระทำอีกครับมันส่งผลไปชาติหน้าเหมือนกัน เพราะเราทำอะไรไปจิตจะเข้าไปยึดมั่นถือมั่น
เหมือนกัน เหตุนี้เราจึงต้องเลือกทำแต่สิ่งที่ดีเป็นกุศล เพราะสิ่งนี้จะตามเราไปครับ

ที่นี้มาดูประเด็นสำคัญ ว่าทำไมเราวู้ว่าทุกอย่างไม่ใช่ตัวเราเกิดจากการยึดมั่น
ตามที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้นครับ มันเป็นธรรมชาติของจิต การที่จะให้จิตเลิกยึดมั่น
แค่รู้อย่างเดียวไม่ได้ครับ เราต้องปฏิบัติด้วย แล้วปฏิบัติอย่างไรก็ในเรื่องมรรคมีองค์แปด
การปฏิบัติไม่ใช่เรื่องง่ายอาจไม่สำเร็จในชาติเดียว
การถือศีลหมั่นทำความดี มันเป็นเรื่องของความไม่ประมาท เพราะถ้าเรายังปฏิบัติไม่ถึง
ระดับอรหันต์ เราย่อมต้องเกิดใหม่แน่ๆ
สรุปก็คือการป้องกันไม่ชาติหน้าค้องไปเกิดในอบายภูมิครับ มันเป็นไปตามกฎแห่งกรรม
และการยึดมั่นถือมั่น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร