ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ทำไม http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=36539 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | หัสพล พวงแก้ว [ 31 ม.ค. 2011, 23:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทำไม |
คนบางคนก็ชอบการทำบุญตักบาตรแต่ไม่ชอบฟังธรรมเลย ![]() แต่ก็เข้าใจว่าอยากได้บุญกัน แต่ฟังธรรมคิดว่าไม่ได้บุญแล้วแถมฟังแล้วไม่ค่อยจะเข้าใจธรรม ยิ่งถ้าเจอพระท่านเทศน์แบบปรมัตถธรรมด้วยแล้วล่ะก็งงน่าดูเลย และเขาก็จะคิดว่าถึงไม่ได้ฟังธรรมะก็ไม่เป็นไรเพราะเราทำบุญ ทำดีไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เท่านี้ก็ถือว่าเป็นการปฎิบัติธรรมแล้ว (ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ผมได้เคยถามดู) ส่วนคนที่ชอบฟังธรรมแล้วนำมาพิจารณาธรรมไปเรื่อย ๆ ตามที่ได้ฟังมานั้นก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำบุญหรอกเพราะยังไงก็เป็นของแน่อยู่แล้ว แต่จะมีปัญญาเพิ่มขึ้นตรงที่ว่าการฟังธรรมช่วยทำให้จิตของเราได้ขัดเกลาจากกิเลสให้เบาบางทำเกิดปัญญาเห็นทุกข์ และก็รู้จักวิธีการดับทุกข์ ทำให้จิตใจสงบเข้าสู่ความว่างได้จนอาจจะปล่อยวางทุก ๆอย่างได้ ก็เข้าใจว่าคนที่ชอบทำบุญหรือคิดที่จะทำบุญแต่ไม่คิดที่จะฟังธรรมะนั้นก็คงจะเป็นเพราะว่ายังไม่เข้าใจธรรมะของพระองค์อย่างถ่องแท้ว่าธรรมะสอนอะไรเรา ทำไมถึงต้องศึกษาธรรมครับ ![]() |
เจ้าของ: | ปลีกวิเวก [ 01 ก.พ. 2011, 08:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม |
![]() จากประสบการณ์ที่เราเคยพบมานั้น บางคนชอบทั้งทำบุญและฟังธรรมแต่แนวโน้มส่วนใหญ่ เอนเอียงไปหนักเรื่องการทำบุญที่เป็น "อามิสบูชา" เสียส่วนมาก อนุมานได้ว่า เป็นเรื่องที่ กระทำได้ง่าย สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่การฟังธรรม ถ้าฟังแล้วไม่ คิดตาม หรือคิดพิจารณา แบบ "แยบคาย"(โยนิโสมนสิการ) แล้วน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ ให้บังเกิด "ผล" กับตนเอง เขาก็จะไม่เห็นประโยชน์จากการฟังธรรม เรียกว่า สักแต่ว่าฟัง เข้าหูซ้ายออกหูขวาเท่านั้นเอง ...อย่างนี้ปัญญาไม่เกิด...โดยเฉพาะการเจริญวิปัสสนา...นั้นเป็นเรื่องยาก...การจะ เกิดปัญญาเห็นแจ้งในสภาวะธรรมนั้นต้องน้อมนำไป "ปฏิบัติ" ไม่อาจรู้แจ้งได้ด้วยปัญญาทางโลก ที่เรียกว่า สุตมยปัญญาหรือจินตามยปัญญา... ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 01 ก.พ. 2011, 16:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม |
หัสพล พวงแก้ว เขียน: คนบางคนก็ชอบการทำบุญตักบาตรแต่ไม่ชอบฟังธรรมเลย ![]() แต่ก็เข้าใจว่าอยากได้บุญกัน แต่ฟังธรรมคิดว่าไม่ได้บุญแล้วแถมฟังแล้วไม่ค่อยจะเข้าใจธรรม ยิ่งถ้าเจอพระท่านเทศน์แบบปรมัตถธรรมด้วยแล้วล่ะก็งงน่าดูเลย และเขาก็จะคิดว่าถึงไม่ได้ฟังธรรมะก็ไม่เป็นไรเพราะเราทำบุญ ทำดีไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เท่านี้ก็ถือว่าเป็นการปฎิบัติธรรมแล้ว (ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ผมได้เคยถามดู) ส่วนคนที่ชอบฟังธรรมแล้วนำมาพิจารณาธรรมไปเรื่อย ๆ ตามที่ได้ฟังมานั้นก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำบุญหรอกเพราะยังไงก็เป็นของแน่อยู่แล้ว แต่จะมีปัญญาเพิ่มขึ้นตรงที่ว่าการฟังธรรมช่วยทำให้จิตของเราได้ขัดเกลาจากกิเลสให้เบาบางทำเกิดปัญญาเห็นทุกข์ และก็รู้จักวิธีการดับทุกข์ ทำให้จิตใจสงบเข้าสู่ความว่างได้จนอาจจะปล่อยวางทุก ๆอย่างได้ ก็เข้าใจว่าคนที่ชอบทำบุญหรือคิดที่จะทำบุญแต่ไม่คิดที่จะฟังธรรมะนั้นก็คงจะเป็นเพราะว่ายังไม่เข้าใจธรรมะของพระองค์อย่างถ่องแท้ว่าธรรมะสอนอะไรเรา ทำไมถึงต้องศึกษาธรรมครับ ![]() ![]() ...ธรรมะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...ก็แค่ท่องจำได้ยังไม่เกิดปัญญา... ...การไม่เข้าใจสภาพธรรมตามจริง...จึงจำเป็นต้องศึกษาพระธรรมคำสอน... ...ไม่ใช่แค่การนับถือพุทธศาสนาก็จบแล้ว...การได้ชื่อว่าได้ลาภอันประเสริฐนั้น... ...ก็คือได้เป็นมนุษย์ที่เกิดพบพระพุทธศาสนาและศึกษาพระธรรมจนเกิดศรัทธาตั้งมั่น... ...พระสมณโคดม...พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมตลอด45พรรษาที่ได้บรรลุธรรม... ...พระธรรมที่ทรงแสดงเพื่อเมตตาสอนเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายพอสังเขปเพียง84000พระธรรมขันธ์... ...ผู้ที่มีจิตใจใฝ่ในทางฝึกหัดอบรมจิตใจตนเองตามหลักพระธรรมคำสอนเท่านั้น...จึงชื่อว่าได้ลาภคือบุญ... ...เพราะพระธรรมที่ทรงแสดงละเอียดและยากที่จะรู้ได้โดยง่าย...แค่จำได้...ไม่ปรากฎความจริงให้รู้ได้เลย... ...ทุกขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัส...เกิดได้ทีละอย่าง...ทีละ 1 ขณะ...ไม่มีการเกิดพร้อมกันเลย... ...เห็นเกิดแล้วก็หมดไปคือเกิดแล้วดับไปหมดสิ้นแล้ว...จึงเกิด-ดับทางอื่นๆได้...เพราะขณะที่เข้าใจว่าทุกอย่างเกิดขึ้น... ...ก็รับรู้เสมือนเกิดพร้อมกันทั้งสิ้น...เพราะไม่สามารถเข้าถึงความจริงของสภาพธรรมเกิดดับทีละ1ขณะจิตได้เลย... ...ก็คือไม่เข้าใจพระธรรม...เพราะจิตไม่สามารถแยกแยะระหว่างความจริงกับความจำได้...ยังเป็นสภาพคิดล้วนๆ... ...คิดแล้ว...ก็ได้แต่การสะสมความคิดที่กลายเป็นวิบากกรรมอันกิเลสและอวิชชาครอบงำ...จึงต้องหมั่นศึกษาค่ะ... ...แค่ขั้นการฟังก่อน...อย่าเพิ่งเลยไปถึงจะให้ฆ่ากิเลสได้เลย...แค่ให้เข้าใจว่าทุกสิ่งที่เกิดทางตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ... ...เป็นเพียงสภาพธรรมะที่ปรากฎให้เห็นทั้ง6ทางได้เท่านั้น...ไม่ใช่เรา...ไม่ใช่คน...ไม่ใช่สัตว์...ไม่ใช่สิ่งของเลยจึงยาก... ![]() ![]() ![]() ... |
เจ้าของ: | chanachai2010 [ 01 ก.พ. 2011, 22:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม |
![]() ทำไม พึงพิจารณาแล้วว่า ยังไม่รู้แจ้ง ยังไม่เป็นผู้ตื่นจากข้อสงสัย ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดคำถามขึ้นมาในกลางใจ ทำไม..........เขารวย เพราะเกิดจากความเศร้าหมองของจิต ทำไม..........เรามีกรรม เพราะไม่เป็นผู้รู้ สิ่งทั้งหลายนี้ มีอยู่ในตัวตนของทุกคน ขอให้เจริญในธรรมเทอญฯ....................... |
เจ้าของ: | อสรี [ 03 ก.พ. 2011, 08:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม |
"คนบางคนก็ชอบการทำบุญตักบาตรแต่ไม่ชอบฟังธรรมเลย" (ความเห็น)...การที่คนชอบทำบุญตักบาตรมากกว่าการฟังธรรมนั้น เหตุมาจากการที่เขาเหล่านั้นมีความเชื่อและมีความหวังว่า การทำบุญตักบาตรนั้นสามารถไปรอรับคืนได้ ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า...เหมือนซื้อล๊อตตารี่ การที่ได้นำเงินตัวเองไปซื้อกระดาษเก็บไว้ ก็มีความหวังว่าจะได้รับรางวัลใหญ่น้อยทั้งนั้น คือภาพที่คนเห็นมันชัดๆตรงได้ใช้เงินไปซื้อและรอรับผล...แต่การฟังธรรมนี่...เป็นแค่เสียง..เป็นของลม ๆ มองไม่เห็น และเมื่อไม่ต้องใช้เงินไปซื้อ คนเหล่านั้นก็เชื่อไปว่า ฟังธรรมแล้วก็ไม่ได้ผลตอบแทนอะไร ก็เลยไม่ฟังให้เสียเวลาหาเงินของเขา ... "ทำไมถึงต้องศึกษาธรรมครับ" (ความเห็น)...หากคำว่า "ธรรม" ในความหมายว่า "ธรรมชาติ" ...ก็น่าที่มนุษย์ควรจะไปศึกษากันให้หมด เพราะจิตมนุษย์ทุกวันนี้มันได้กลายพันธุ์และห่างไกลจากธรรมชาติเดิมแท้ไปมากเหลือเกิน...แต่หากคำว่า "ธรรม" ในความหมายที่เกี่ยวกับ พระไตรปิฏก หรือหนังสือธรรมะทั้งหลาย... การศึกษาในเรื่องนี้ก็เพื่อให้ มนุษย์ได้ศึกษาในเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้หรือเพื่อตรวจสอบในเรื่องที่ตัวรู้หรือได้ยินได้ฟังมา... |
เจ้าของ: | ยังไม่พ้น [ 07 ก.พ. 2011, 14:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำไม |
ปฏิบัติอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ผู้ยังไม่ถึงเวลาแม้จะเอาหนังสือธรรมมาวางให้เป็นพันเล่ม ซีดีธรรม หรือ พาไปฟังธรรมจากพระอริยะเจ้าท่านทั้งหลายอธิบายความอัศจรรย์ และบุญที่จะได้รับเค้าก็ไม่มีทางที่จะสนใจ แต่ผู้ที่ถึงเวลาแล้วสั่งสมมาพอแล้ว แม้พระอริยะเจ้าท่านอยู่ในป่าเขาหนทางไปแสนอยาก ก็จะดั้นด้นหาวิธีเข้าไปฟังธรรมแสวงหาธรรม บุญธรรมกรรมแต่งปฏิบัติอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |