วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 20:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 264 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 07:51
โพสต์: 132

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องแยกประเด็นก่อนครับว่าผู้ที่ฝึกสมาธินั้นเข้าใจจุดประสงค์ของสมาธิหรือไม่
ถ้าผู้ฝึกมีความเข้าใจถึงเป้าประสงค์ของสมาธิอย่างชัดเจนว่าทำไปเพื่ออะไร ผลที่พึงจะได้รับคืออะไร
ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ

ผมว่าศึกษาเอาจากนี่เลยดีกว่าครับจะได้ลดความสับสนลงไปกันบ้าง
http://www.watnyanaves.net/th/album_det ... evelopment


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b1: ไม่จริงค่ะ ทำสมาธิต้องดี มีประโยชน์ซิ เชื่ออย่างนั้นนะ แปลก งง :b20: :b20:

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
1) สมาธิดับทุกข์ไม่ได้
2) พาตัวเองไปติดตาข่ายของมาร
3) เปิดโอกาสให้เปรตอสูรกายทำร้ายตนเอง

1 ดับทุกข์ไม่ได้แต่ทำให้ความทุกข์เบาบางลง และทำให้วิสัยของผู้นั่งสมาธิโอนเอียงไปในทางที่ดีคือมีหวังเห็นพระธรรม หากนั่งสมาธิที่มีกุศลจิตตามมรรค์มีองค์8
2 พาตัวเองข้ามพ้นความสงสัย ไม่ว่าความสงสัยในพระรัตนตรัย หรือ พระไตรลักษณ์
3 เปิดโอกาสให้ตัวเองได้พัฒนาจิตให้เกิดความละเอียด มีความเมตตามากขึ้นต่อ คนอื่นและสัตว์โลกทั้งหลาย ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 20:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองศึกษาเกี่ยวกับสมาธิที่นี่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=24.0


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทิฏฐิความเห็น ความโน้มเอียงทางด้านจิตใจของคนมีตัวอย่างที่นี่ แล้วแต่ประสบการณ์ของตน หากเห็นผิด ก็เรียกมิจฉาทิฏฐิ เห็นถูกต้อง ก็เรียกสัมมาทิฏฐิ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=886.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2011, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2011, 16:58
โพสต์: 144

งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: มุก
อายุ: 29
ที่อยู่: จ.ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2011, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิที่จะนำไปสู้ความดับทุกข์นั้น จะต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ หรือปฏิบัติตามมรรคมีองค์๘ เพราะในมรรคมีองค์๘นั้นย่อลง ในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เรียกว่าศีลของพระอริยเจ้า ที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้นหรือดับทุกข์ ที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติสมาธิในสำนักของอาจารย์ทั้ง๒ จนบรรลุสมาบัติ๘ แต่ก็ไม่ช่วยให้ดับทุกข์ได้เพราะไม่ได้รักษาศีลหรือไม่ปฏิบัติตามมรรคมีองค์๘ ปฏิบัติเพื่อใหจิตสงบชั่วขณะเท่านั้นหรือข่มกิเลสไว้ชั่วขณะไว้ เมื่อออกจากสามธิ กิเลสก็เข้ามาครอบคลุมเหมือนเดิม จึงไม่ช่วยให้พ้นทุกข์

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2011, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สัจจะธรรมของชีวิต เขียน
สมาธิที่จะนำไปสู้ความดับทุกข์นั้น จะต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ หรือปฏิบัติตามมรรคมีองค์๘ เพราะในมรรคมีองค์๘นั้นย่อลง ในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เรียกว่าศีลของพระอริยเจ้า ที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้นหรือดับทุกข์ ที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติสมาธิในสำนักของอาจารย์ทั้ง๒ จนบรรลุสมาบัติ๘ แต่ก็ไม่ช่วยให้ดับทุกข์ได้เพราะไม่ได้รักษาศีลหรือไม่ปฏิบัติตามมรรคมีองค์๘ ปฏิบัติเพื่อใหจิตสงบชั่วขณะเท่านั้นหรือข่มกิเลสไว้ชั่วขณะไว้ เมื่อออกจากสามธิ กิเลสก็เข้ามาครอบคลุมเหมือนเดิม จึงไม่ช่วยให้พ้นทุกข์

อนุโมทนา ครับ แต่การอบรมนิสัยจากการนั่งสมาธิหมั่นทำความเพียร ก็ย่อมทำให้บุคคลนั้นไม่สิ้นหวังเสียทีเดียวที่จะเห็นปัญญา ความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส กิจที่ควรทำถ้าไม่เสร็จก็ไม่เลิกเสียระหว่างทาง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 02:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


จากคำถามที่ว่าการฝึกสมาธิเป็นบาปมหันต์เป็นที่สถิตของเปรต

การเจริญสมาธิเป็นบุญเป็นกุศลแน่นอนครับ และก็ไม่ใช่ที่สถิตของเปรต

ขอให้เจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2010, 21:56
โพสต์: 56

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใช้หลัก กาลามสูตร ในเบื้อนต้น
ของจริง ปฏิบัติจริงจะรู้จะเห็นของจริง อย่าคิดเอาเอง อย่าคล้อยตามความคิดของตัวเอง และผู้อื่น ของจริงอยู่เหนือความคิด และสิ่งใดๆ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คุณทักษาบอกว่าผมไม่ได้อ่านแล้วตอบไม่จริงครับ อาจจะอ่านไม่หมดทุกท่านแต่คนที่คุณโพสไว้ผมอ่านครับ
เพียงแต่เห็นว่าคำถามมันเป็นอย่างนั้นก็เลยตอบไปตามคำถามเท่านั้นเอง ถ้าตอบไม่ตรงวัตถุประสงค์ผมขออภัยด้วยครับ

พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องสมาธิไว้มากครับ สมาธิมีอยู่ในหลายๆหมวดธรรมด้วยกัน
ทั้งในอินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8

ลองดูในนี้นะครับ จะได้ทำความเข้าใจทำความเห็นให้ถูกต้องในเรื่องเกี่ยวกับสมถะและวิปัสสนา
http://www.dhammathai.org/webboard/dbview.php?No=336

อยากฝากพระสูตรที่ผมชอบมากบทหนึ่่ง ชื่อมูลสูตร ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามากขึ้นครับ

[๑๘๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก

พึงถามอย่างนี้ว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล

มีอะไรเป็นแดนเกิด มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นที่ประชุมลง

มีอะไรเป็นประมุข มีอะไรเป็นใหญ่ มีอะไรยิ่งกว่า มีอะไรเป็นแก่น

เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชก

เหล่านั้นว่าอย่างไร.

ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมแห่ง

ข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นมูล มีพระผู้มีพระภาค

เจ้าเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึ่งอาศัย ข้าแต่พระองค์ผู้

เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอเนื้อความแห่งภาษิตนี้จงแจ่มแจ้ง

กะพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด ภิกษุทั้งหลายได้ฟังต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า

จักทรงจำไว้.

พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้นเธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่

ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่า พวกอัญญ-

เดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ธรรม

ทั้งปวง มีอะไรเป็นมูล มีอะไรเป็นแดนเกิด มีอะไรเป็นสมุทัย มี

อะไรเป็นที่ประชุมลง มีอะไรเป็นประมุข มีอะไรเป็นใหญ่ มีอะไร

ยิ่งกว่า มีอะไรเป็นแก่น เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงพยากรณ์

แก่พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้ว่า ดูก่อนอาวุโสทั้ง

หลาย ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นมูล มีมนสิการเป็นแดนเกิด มี

ผัสสะเป็นสมุทัย มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง มีสมาธิเป็นประมุข มีสติ

เป็นใหญ่ มีปัญญาเป็นยิ่ง มีวิมุตติเป็นแก่น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เธอทั้งหลายถูกถามอย่างแล้ว พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชก

เหล่านั้นอย่างนี้.


พระพุทธเจ้าสอนสิ่งที่เป็นธรรมเป็นประโยชน์นะครับ ถ้าสมาธิไม่ดีท่านไม่ตรัสหรอกครับเพียงแต่ยิ่งกว่าสมาธิยังมีปัญญา ยิ่งกว่าปัญญายังมีวิมุตติหลุดพ้น

บทส่งท้าย
คนเราทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะมีทิฏฐิที่แตกต่างกัน
พระพุทธเจ้าสอนเรื่องที่พ้นจากทิฏฐิทั้งหลายคืออริยสัจสี่
คือทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความล่วงพ้นทุกข์ และอริยมรรค มีองค์แปดประการ

ขอให้เจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผมว่าจริงตามกระทู้ที่ท่านอ้างอิงครับ คือสมาธิตัดกิเลสไม่ได้ต้องใช้วิปัสสนา
(ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย :b8: )

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชิโนะซึเกะ เขียน:
ผมว่าจริงตามกระทู้ที่ท่านอ้างอิงครับ คือสมาธิตัดกิเลสไม่ได้ต้องใช้วิปัสสนา
(ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย :b8: )



การฝึกสมาธิ เราไม่ได้ฝึกเพื่อให้พ้นทุกข์ เพราะฝึกสมาธิพ้นทุกข์ไม่ได้
การฝึกสมาธิ เราไม่ได้ฝึกเพราะหวังว่าจะตัดกิเลสได้ แต่เราฝึกเพื่อเจริญปัญญา
การฝึกสมาธิ เป็นการเจริญสติ ก่อให้เกิดปัญญา เป็นการกำหนดรู้ลมหายใจของตนเอง
อยู่ตลอดเวลา การฝึกสมาธิไม่ทำร้ายใครแต่ก่อให้เกิดประโยชน์
พุทธองค์ไม่ได้บอกว่าการฝึกสมาธิทำให้คนหลุดพ้นและเข้าถึงนิพพานได้
แต่จุดประสงค์ของการฝึกสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา เมื่อมีปัญญาก็จะไม่มีทาง
ตกเป็นเหยื่อของมาร และการฝึกสมาธิยังเป็นการแผ่เมตตาให้กับสัมภเวสี
เหล่านั้น เขาจึงไม่มากวนเราหรอกนะ การฝึกสมาธิไม่มีผลเสีย มีแต่ผลดี
ฝึกสมาธิเพื่อเจริญสติ เมื่อมีสติจะก่อให้เกิดปัญญา เมื่อมีปัญญาจะทำให้เรา
รู้ถึงไตรลักษณ์ และมองเห็นความจริง ส่วนพวกที่จะฝึกสมาธิเพื่อนิพพาน
เป็นพระอรหันต์ อย่ามาถามผมนะครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าทำยังไง เพราะว่า
ยังไม่เคยนิพพาน ยังไม่เคยเป็นอรหันต์

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 18:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาสมาธิมี มิจฉาสมาธิมี
วิปัสสนามี วิปัสสนูมี

ผู้ใดดำรงอยู่ ตั้งอยู่ในภูมิแห่งธรรมชั้นใดก็ตาม
พึงพิจารณา ในทางที่ตั้งอยู่ ให้ชำนิชำนาญ
จักเป็นผู้รู้ชัดเอง ว่าสิ่งใดควรเอา สิ่งใดไม่ควรเอา
ด้วยปัญญา ในภูมิธรรมนั้นๆ แห่งทางสัมมาทิฏฐิเป็นเบื้องต้น
:b25:

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 264 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร