วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 01:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 14:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 18:45
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b49: คนอื่นเขาหาว่ากระผมบ้าธรรมะ บ้าทำทาน บ้ารักษาศีล บ้าเจริญสมาธิภาวนา เขาว่ากระผมเป็นคนแบบนี้ เป็นคนไม่ดี ไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าสังคม สังคมไม่ต้อนรับ พูดแบบนี้ให้คนอื่นๆฟังทำให้กระผมอายมากๆ(ก็กระผมยังมีกิเลส)จะทำอย่างไรดีขอรับ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


มีสรรเสริญก็มีนินทาครับ เป็นธรรมดาของโลกครับ

ไม่ต้องอายเราทำดีไม่ต้องอายครับ
คนทำชั่วต่างหากที่ต้องละอาย

"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง เมื่อใดบาปให้ผลคนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น" (พุทธพจน์)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 01:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ฟังดูแล้ว...ดีมากกว่าเสียนะค่ะ
ไม่เห็นจะน่ากลุ้มใจตรงไหนเลย.... :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 01:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าไปสนใจอะไรมากเลย..... เขาว่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ทำตัวให้ปกติ
ทำให้เปนธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่น่าอาย สิ่งที่น่าอายยิ่งกว่าคือไม่มีหิริ-โอตัปปะ ในใจ
ยังงี้ไม่เรียกว่าบ้า หรอก บ้าจริงๆคือคนที่ขาดสติ คนที่ไม่มีศีล ไม่มีภาวนา คนที่ไม่มีทาน


ของดีเปนสิ่งที่ทำได้ยาก รักษาได้ยาก แต่เมื่อทำได้ รักษาได้ ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐ :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 05:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาคงลองใจคุณดูว่าโมโหหรือปล่าวที่พูดให้คุณอาย เพราะถ้าโมโหก็คือบ้าครับ ถ้าไม่โมโหเราก็ไม่บ้า

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 06:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 18:45
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โชคดีที่ไม่ได้โมโหก็ทำตัวเฉยๆตามปกติขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2011, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


นิสัยคนไทยก็เป็นแบบนี้แหละ ใครทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น ก็ถูกกว่าหานินทาเป็นธรรมดา ดูอย่างท่านพุทธทาสตอนแรกๆยังถูกกล่าวหาว่าเป็นพระบ้าเลย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็อย่างไปสนใจ จงเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ :b8: :b4: :b4: :b12:

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คนอื่นเค้าจะคิดยังไงกับเรา ไม่สำคัญเท่าเรา รู้ ว่าเราคิดอะไร
รู้ ว่าเราทำอะไร

คนที่ไม่ได้ทำเหตุด้านนี้มาเค้าอาจไม่เข้าใจ หรือถึงขั้น anti
ยิ่งเจอข่าวด้านลบที่สื่อนำเสนอ ก็อาจทำให้ตีค่าพุทธศาสนาผ่านข่าวนั้นๆ

เวลาเราจะคุยกับใคร ก็ดูคน สถานที่ กาล
เดินทางสายกลาง ไม่สุดโต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง

กระแสโลกแรง
ทวนกระแส..ยืดอกที่รักษาศีล รักษาธรรม รักษาความดีนะคะ

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 13:02
โพสต์: 129

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครจะพูดยังไงก็ปล่อยเค้าเถอะค่ะ แค่คุณรู้ตัวว่าคุณทำดี ทำสิ่งที่ถูกต้องและไม่ฝืนใจตัวเองก็พอแล้วค่ะ

.....................................................
ชีวิตที่เหลือ ขออยู่เพื่อธรรมะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 13:59
โพสต์: 50

อายุ: 0
ที่อยู่: ท่องไปดุจ..นอแรด

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่ชาเคยกล่าวไว้ว่า
”อย่าฝากหัวใจไว้กับคำพูดของผู้อื่น เพราะเราจะผิดหวัง
ต้องฝากหัวใจไว้กับพระธรรม”

.....................................................
"..หลักของพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่การพูดกันเฉย ๆ
หรือด้วยการเดา..หรือการคิดเอาเอง
หลักของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงคือ
การรู้เท่าทันความจริงตามความเป็นจริงนั่นเอง
ถ้ารู้เท่าทันตามความเป็นจริงนี้แล้ว
การสอนก็ไม่จำเป็น..แต่ถ้าไม่รู้ถึงความเป็นจริงอันนี้
แม้จะฟังคำสอนเท่าใด ก็เหมือนกับไม่ได้ฟัง!!!"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ดอกอุบล เขียน:
:b49: คนอื่นเขาหาว่ากระผมบ้าธรรมะ บ้าทำทาน บ้ารักษาศีล บ้าเจริญสมาธิภาวนา เขาว่ากระผมเป็นคนแบบนี้ เป็นคนไม่ดี ไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าสังคม สังคมไม่ต้อนรับ พูดแบบนี้ให้คนอื่นๆฟังทำให้กระผมอายมากๆ(ก็กระผมยังมีกิเลส)จะทำอย่างไรดีขอรับ?


ผมว่าธรรมดานะ โลกธรรม 8 ธรรมดาๆ
ถ้าเราไปอยู่ในอีกสังคมนึง ที่เขาบ้าทำทาน รักษาศีล เราก็จะกลายเป็นคนดี

พระพุทธเจ้าบอกว่าทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ล้วนเป็นหัวใจพระศาสนา
เป็นความดีทั้งนั้น

แต่มีคนมาบอกว่ามันไม่ดี เราก็ต้องเลือกเอาว่า
ข้างหนึ่งพระพุทธเจ้าว่าดี อีกข้างใครก็ไม่รู้มาบอกว่ามันไม่ดี
เราเอาข้างพระพุทธเจ้าดีกว่า อย่าไปสนใจพวกมิจฉาทิฐิ

แต่ผมสงสัยนะ ว่าคนจำนวนมาก
จะมาบอกว่ารักษาศีลไม่ดี ทำทานไม่ดี ผมว่ามันแปลกๆนะ

ผมว่าคุณลองดูตัวเองก่อนว่า เราทำทานรักษาศีลแบบไหน
ทำทาน รักษาศีลน่ะดี ถ้าพูดแง่หลักการ มันดีแน่นอน
แต่ในวิธีปฏิบัติของคุณมันแปลกประหลาดเกินชาวบ้านมั๊ย

บางคนมีลูกเมียต้องรับผิดชอบนะ แต่ยกสมบัติไปทำทานหมด
อย่างนี้มันก็น่าด่านะ บุญกับคนใกล้ตัวไม่ทำ หนีภาระ หนีหน้าที่
เอาแต่ได้ถ่ายเดียว ไม่สนใจความเดือดร้อนคนอื่น อย่างนี้ก็เป็นทานที่น่าตำหนิ

หรือเจริญภาวนานะ โอยเพียรมากเลย
แต่เช้าเย็นพ่อแม่จะอยู่จะกินยังไง ไม่สนใจ เอาแต่ภาวนา
อย่างนี้ด่าไม่พอ ต้องเขกกะโหลกแถมอีก

มันเป็นทาน ศีล ภาวนา แบบโง่ๆ คนเลยด่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2011, 20:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

ความศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญา :b8:
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้หลัก "มัชฌิมาปฏิปทา" เป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้บรรลุ "นิพพาน"

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2011, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: คนเราไม่มีใครยอมรับตัวเองว่าเป็นมิจฉาทิฐิหรอก ทุกคนก็ต่างตู่ว่าตนเองเป็นสัมมาทิฐิ แต่ธรรมมะมันต้องอธิบายได้ ว่าทำไมเป็นอย่างโน้น ทำไมเป็นอย่างนี้ เพราะธรรมมะแท้ทุกอย่างต้องเกิดแต่เหตุ
อันนี้ ต้องบอกว่าต้องพิจารณาดุ ว่าความจริงเราป็นธรรมะแท้ ธรรมมะที่พอดีไม่มาก -ไม่น้อยหรือยัง ถูกที่ถูกทางไหม
อันนี้สำคัญกว่า เราต้องพิจารณากลับมาที่ตัวเราก่อนว่าถ้าเราเป็นธรรมมะแท้ เราต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน-และเราก็จะไม่ไปเดือดร้อนกับคนอื่น(ที่ไม่เหมือนเรา)
......ทีนี้เราเดือดร้อนอยู่ และดูเหมือนคนอื่นก็คงเดือดร้อนรำคาญกับเราเหมือนกัน เขาถึงว่าเราบ้า ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าเราเป็นสัมมาทิฐิ สัมมาปฏิบัติอยู่ เราตรวจสอบด้วยปัญญา ว่ามันใช่ มันตรง มันพอดี มันถูกที่ถูกทาง เราก็ต้องเชื่อตนเอง และก็อุเบกขาเสีย แต่ที่เราเห็นส่วนมากมันมักไม่ค่อยใช่ ไม่ค่อยตรง มันมีขาด-มีเกิน เช่นเราเป็นเหมือนบ้าหอบฟางอยู่ เขารื่นเริงร้องรำกันอยู่ เราก็ปลีกตัวไปทำสมาธิ เขาฟังเพลงเราก็จะฟังธรรมมะในเวลาเดียวกันอันนี้ก็ลำบากอยู่ จิตเราใครจะรู้ว่าขณะใดเราประคอง เราระลึกรู้ไว้อย่างไร
.....ถ้าพระอรหันต์เสด็จไปคาสิโน เอาเงินสดมาให้ท่าน 1 ล้าน บอกให้เปล่า ให้ไปเล่นอะไรก็ได้ในบ่อนนี้ ท่านก็ไม่รับ และคืนเจ้าของไป คนในบ่อนทั้งหมดนั่นแหละสรุปว่าท่านเป็นคนบ้า มี่ท่านคนเดียวที่รู้ตนเองว่าเราไม่บ้า แต่ท่านคงเลือกที่จะไม่อธิบาย เพราะอย่างที่เราเคยกล่าวบ่อยๆว่าธรรมมะ ต้องกล่าวให้ถูกที่ถูกคน และการกล่าวต้องสร้างประโยชน์เกื้อกูล
......คนเราเขากำลังสนุกกับการเล่นโดดยาง เฮฮากันอยู่ มีแป๊ะมาร้องขายยาหมอ่ง ก็ถูกไล่เปิดไป หลังจากนั้นมีคนหกล้มหัวเข่าบวม จึงคิดถึงแป๊ะ ธรรมมะก็เป็นเช่นนี้ อย่าไปนำเสนอ ในคนที่ไม่ศรัทธา อย่าไปพรรณากับคนที่มืดบอด
ปฏิบัติมันต้องใช้สติปัญญาเหมือนกัน มันใช้แต่ศรัทธาอย่างเดียวไม่ได้ เล่าให้ฟังสักนิดก็ได้ วันนั้นเรากับนายและลูกค้าสำคัญ ก็นัดกันไฟท้บังคับ ก็ไปกินกันที่บ้านแสนรัก(บ้านพี่แจ้) เขาก็สั่งเหล้า สั่งเบียร์มา เราก็ไม่ได้ดื่ม เพราะดื่มเข้าไปแล้วสมาธิมันถอย แต่เราก็ไม่ได้ดัดจริตไปบอกเขาตรงๆอย่างนั้น ก็อ้างอย่างอื่นที่มันสมเหตสมผลไป ที่นี้ถึงเวลาออกไปดิ้นเขาก็มาชวนก็ได้เหมือนกัน เราก็เอาอุปกรณ์วงๆเรียกไม่ถุกมาอันหนึ่ง ก็ออกไปขยับกับเขา ทำหน้ารื่นๆไว้ คนอื่นเขาดิ้นกันด้วยความเมา-มัน แต่เราหน้ารื่น เคาะมือก็รู้สึกทุกครังตามรู้อาการกระทบของเจ้าตัวนั้นกับมือ เอาจิตตามรู้อาการสัมผัสของมันไปตลอดสาย กี่เพลงไม่รู้ ก๊ขวดไม่รู้ คนอื่นเขาไม่มีสติแล้ว เราเจริญสติอยู่ตลอด สงบจากภายใน ขณะทีภายนอกนั้นไม่สงบ เลิกแยกย้ายกลับ บ้าน เขาก็สุขแบบหนึ่ง เราก็สุขของเราแบบหนึ่ง ไม่มี่ใครรู้ ไม่มีใครแบกใครอยู่ ทั้งสองฝ่าย เราบ้าไหม(ถ้าเขารู้ก็คงบ้านะ) ...ที่เราเป็นกันอยู่และที่น่าห่วงก็พวกบ้าหอบ ฟาง หอบใบหอบเปลือกอยู่ ต้องมีรูปแบบ ต้องมีเครื่องแบบ...อันนั้นแหละที่มันสร้างปัญหา
อย่างเราพิมพ์หนังสือแจกนี้ เราก็เลือกคนแจก ถามเขาก่อนว่าเขาสนใจไหม หนังสือเป็นแบบนี้ลักษณะนี้ ไม่มีครูบาอาจารย์ให้ยึดนะ ไม่มีวิธีภาวนาให้ยึดนะ ถ้ายึดสัจจะธรรมก็เอาไป ถ้ายึดตัวครูอาจารย์ วิธีภาวนาก็ไม่ต้องเอาไป เอาไปแจกแล้วอย่าบอกใครว่าเราเป็นคนพิมพ์แจก ไม่พอมาเอาได้อีก ทำอย่างนี้มันก็ไม่เดือดร้อนแล้ว....เจโตวิมุติ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2011, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 07:51
โพสต์: 132

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ เขียน:
...
เพราะอย่างที่เราเคยกล่าวบ่อยๆว่าธรรมมะ ต้องกล่าวให้ถูกที่ถูกคน และการกล่าวต้องสร้างประโยชน์เกื้อกูล
...
ธรรมมะก็เป็นเช่นนี้ อย่าไปนำเสนอ ในคนที่ไม่ศรัทธา อย่าไปพรรณากับคนที่มืดบอด
...

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 09:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ดอกอุบล เขียน:
:b49: คนอื่นเขาหาว่ากระผมบ้าธรรมะ บ้าทำทาน บ้ารักษาศีล บ้าเจริญสมาธิภาวนา เขาว่ากระผมเป็นคนแบบนี้ เป็นคนไม่ดี ไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าสังคม สังคมไม่ต้อนรับ พูดแบบนี้ให้คนอื่นๆฟังทำให้กระผมอายมากๆ(ก็กระผมยังมีกิเลส)จะทำอย่างไรดีขอรับ?


ความจริง..อ่านความเห็นของท่านอื่น ๆ ...แล้วก็คิดว่าน่าจะพอเหมาะกับท่าน จขกท. แล้ว

พอดี..ตามันหาเรื่อง...

...เขาว่ากระผมเป็นคนแบบนี้ เป็นคนไม่ดี ไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าสังคม สังคมไม่ต้อนรับ ...

ผมว่ามันแปลก ๆ นะ....ต่อให้คนไม่ดียังงัยก็จะรู้ว่า...ความดีนั้นเป็นอย่างไร...

เพื่อน ๆ กินเหล้า...เรากินน้ำชา...ถึงตี4..ตี 5...เขาก็ว่าผมดีกันทุกคน.. :b12: :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 66 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron