วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 13:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 19:15
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ cool นี่เป็นกระทู้แรกที่ตั้งเลยค่ะ ยังไงขอคารวะท่านเจ้าถิ่น ตลอดจนขาประจำ ขาจรด้วยนะคะ :b27: คือ เป็นคนไม่ได้ศึกษารายละเอียดเรื่องธรรมะลึกซึ้ง แต่ว่าสนใจอ่าน สนใจฟังธรรมบ้างอยู่บ้างค่ะ เคยอ่านกระทู้ของที่นี่แล้วไขข้อข้องใจได้หลายเรื่องเลยตัดสินใจสมัครสมาชิกค่ะ

มีข้อสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง คือ สืบเนื่องจากในช่วงนี้ข่าวโลกร้อนกำลังมาแรงถึงขนาดที่ว่ามีทฤษฎีทำนายว่าโลกอาจใกล้ถึงจุดแตกหัก หรือจุดจบแล้วก็เป็นได้ เลยทำให้อยากรู้ว่าถ้าจำนวนคนที่จะอยู่รอดมีจำนวนจำกัดแล้ว นั่นหมายความว่าเราต้อง"แข่ง"กันสะสมบุญหรือคะ ใครมีบุญพอก็อยู่รอด แบบตัดเกรดอิงกลุ่มอย่างนั้นหรือคะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่เป็นการพอกพูนกิเลสหรอกหรือ ? และถ้าเป็นเช่นนั้นวิธีการคิดที่ถูกต้องคืออย่างไรคะ

ขอถามอีกคำถามนะคะ :b3: หนูคิดว่าหนูเป็นคนนิสัยไม่ดีเลยค่ะ หนูรู้สึกเหมือนกับว่าหนูเกิดมาพร้อมจิตใจที่สกปรก เห็นแก่ตัว ขี้อิจฉา แล้วก็เต็มไปด้วยกิเลส มากจนบางทีในใจหนูก็รู้สึกอิจฉาคนที่เกิดมาพร้อมกับจิตใจที่ดีงาม ฟังดูพิกลใช่มั้ย :b5: แต่หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หนูมีเพื่อนน้อย แต่รู้จักคนเยอะนะคะ เป็นคนคุยด้วยง่ายค่ะ เรียกว่าคบได้ ไม่สร้างความเสียหายให้ใคร แต่ก็คบแล้วไม่เพลิดเพลิน ไม่เกิดประโยชน์มั้งคะ ถึงไม่ค่อยจะได้พัฒนาสานต่อความสัมพันธ์ถึงขั้นเป็นเพื่อนได้ ตั้งแต่เด็กหนูทำตัวอยู่ในกฏระเบียบตลอดเวลา เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็กดี ในสายตาของทุกคน แต่หนูรู้สึกว่าหนูทำสิ่งต่างๆไปด้วยความเห็นแก่ตัว งมงาย ไร้ความคิด เหมือนกับว่ากำลัง"แข่ง"เป็นคนดีของสังคมอยู่ตลอดเวลา บางทีเวลาเห็นคนอื่นทำผิด หนูก็ไม่เตือน เพราะมันทำให้หนูรู้สึกว่านั่นน่ะคนไม่ดี ฉันนี่สิคนดี เห็นแก่ตัวมากๆเลยใช่มั้ยคะ หนูคิดว่านี่อาจเป็นกรรมไม่ดีที่ทำให้ไม่มีใครอยากคบ อยากรู้จักหนูสักเท่าไร หนูเพิ่งสำนึกสิ่งเหล่านี้ได้เอาตอนโตแล้ว สายไปแล้วสำหรับเวลาสร้างความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อน.. มันเหงาบ้าง บางเวลานะคะ แต่ไม่เป็นไรหนูเข้าใจ มันเป็นกรรมเป็นเวรของหนู :b34: แต่สิ่งสำคัญคือ หนูควรจะทำอย่างไรเพื่อให้หนูเป็นคนที่ดีขึ้น มีจิตใจที่มี"เมตตา"และ"เห็นแก่ตัว"น้อยลง ธรรมะข้อไหนหรือคะที่จะช่วยขัดเกลานิสัยของหนูได้.. ช่วยชี้ทางสว่างหนูทีนะคะ :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


luminee เขียน:
....
แต่สิ่งสำคัญคือ หนูควรจะทำอย่างไรเพื่อให้หนูเป็นคนที่ดีขึ้น มีจิตใจที่มี"เมตตา"และ"เห็นแก่ตัว"น้อยลง ธรรมะข้อไหนหรือคะที่จะช่วยขัดเกลานิสัยของหนูได้.. ช่วยชี้ทางสว่างหนูทีนะคะ :b43:


ทาน....การให้..เป็นการช่วยละความเห็นแก่ตัว...ทำแรก ๆ ก็อาจเพราะอยากได้ดี..อยากได้บุญ..ทำบ่อย ๆ ...จะพัฒนาเป็นความปรารถณาให้คนอื่น..คนที่รับ..มีความสุข...หากท่านมีความสุขที่เห็นเขามีความสุข...นี้คือจิตใจที่มีความเมตตา

ส่วนนิสัยเก่าเราเป็นอย่างไรก็ชั่งมันเถอะครับ...แต่ละคนก็มีสิ่งที่เป็นปมแตกต่างกันไป...เห็นคนอื่น ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร..แต่ข้างในมันไม่แน่...เพราะไม่มีใครเขาเอามาบอกกันเป็นสาธารณะ....

สิ่งสำคัญคือ..ขอเพียงแต่เรามุ่งมั่นที่จะไปสู่ความดีงาม..แม้จะเป็นความดีงามแบบโลก..ก็ถือว่าเป็นความดีอยู่....ดีที่สุดคือหาความดีแบบพระพุทธองค์และอรหันตสาวกทั้งหลาย..นี้แหละครับ..เป็นความดีที่นำมาซึ่งความสุขอันไพบูรณ์..

แม้ใครจะมืดมา...แต่ปรารถณาไปสว่าง...เขาย่อมมีโอกาสเสมอ.. :b8: :b8: :b8:

ของฝากครับ...
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%96%E0%B8%B8
บุญกิริยาวัตถุ (อ่านว่า บุน-ยะ-กิ-ริ-ยา-วัด-ถุ) แปลว่า เหตุเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ หมายถึงเหตุเกิดบุญ, วิธีการทำบุญ, วิธีที่เมื่อทำแล้วได้ชื่อว่าทำบุญและจะได้รับผลเป็นความสุข

บุญกิริยาวัตถุโดยย่อมี 3 ประการคือ

1.ทานมัย การให้ทาน
2.ศีลมัย การรักษาศีล
3.ภาวนามัย การอบรมจิตใจ
บุญกิริยาวัตถุโดยพิสดาร มี 10 ประการ คือ

1.ทานมัย การให้ทาน
2.ศีลมัย การรักษาศีล
3.ภาวนามัย การอบรมจิตใจ
4.อปจายนมัย การอ่อนน้อมถ่อมตน
5.เวยาวัจมัย การช่วยเหลือผู้อื่น
6.ปัตติทานมัย การแผ่ส่วนบุญ
7.ปัตตานุโมทนามัย การอนุโมทนาบุญ
8.ธัมมัสสวนมัย การฟังธรรม
9.ธัมมเทสนามัย การแสดงธรรม
10.ทิฏฐุชุกรรม การทำความเห็นให้ถูกต้อง,ดีงาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 22:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่า..สงสัย luminee ไม่ได้สงสัย ออกจะมั่นใจในตัวเองนะ

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 07:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราล้วนแล้วแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อารมณ์ที่เกิดจากการปรุงแต่งของกิเลส ตัญหานั้นล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของทุกข์ ควรแล้วหรือที่เราจะยึดมั่นถือมั่น

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้คนเราใช้ชีวิตตั้งอยู่บนความไม่ประมาท นั่นคือ เห็นภัยของโลกว่า มีทุกข์ ไม่เที่ยง หาตัวตนไม่ได้ ควรหรือที่จะยึดมั่นว่านั่นเรา นั่นเขา

พระพุทธเจ้าท่านทรงยกย่องคนที่มีชีวิตอย่างคนที่ประเสริฐ นั่นคือ เว้นจากการทำความชั่วทั้งปวง มีความละอายต่อบาปทั้งกาย ใจ

คนเราควรใช้วิธีคิดที่ถูกต้องคือ การพิจารณาครับ พิจารณาว่ากุศลธรรมต่างๆควรทำให้แจ้ง งดเว้นและระงับอกุศลธรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในใจ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จขกท. พูดตรงไปตรงมาดีไม่อ้อมค้อม กรัชกายอยากมีเพื่อนแบบนี้สักคนสองคน :b15:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีข้อสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง คือ สืบเนื่องจากในช่วงนี้ ข่าวโลกร้อนกำลังมาแรง ถึงขนาดที่ว่ามีทฤษฎีทำนายว่า โลกอาจใกล้ถึงจุดแตกหัก หรือจุดจบแล้วก็เป็นได้ เลยทำให้อยากรู้ว่า ถ้าจำนวนคนที่จะอยู่รอดมีจำนวนจำกัดแล้ว นั่นหมายความว่าเราต้อง "แข่ง" กันสะสมบุญหรือคะ ใครมีบุญพอก็อยู่รอด แบบตัดเกรดอิงกลุ่มอย่างนั้นหรือคะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่เป็นการพอกพูนกิเลสหรอกหรือ ? และถ้าเป็นเช่นนั้นวิธีการคิดที่ถูกต้องคืออย่างไรคะ



จะชั่วดีถี่ห่าง มีบุญมีบาป จะโลกเย็นโลกร้อน ฯลฯ ตายหมดแหละ เกิดเท่าไหร่ตายเท่านั้น บ้างก็ตายตามคิว ตายแซงคิว ตายลัดคิวว่ากันไป แม้แต่พระพุทธเจ้ายังตาย พระเทวทัตก็ตาย พระโมคคัลลานะก็ตาย จะกล่าวไปใยถึงคนเช่นเราเล่า คิดยังงี้ก็น่าสบายใจขึ้นนะ ไม่ต้องไปแข่งขันทำดีทำชั่วกับใครเขา สบายๆไตล์ของเราเอง


อ้างคำพูด:
ขอถามอีกคำถามนะคะ หนูคิดว่าหนูเป็นคนนิสัยไม่ดีเลยค่ะ หนูรู้สึกเหมือนกับว่าหนูเกิดมาพร้อมจิตใจที่สกปรก เห็นแก่ตัว ขี้อิจฉา แล้วก็เต็มไปด้วยกิเลสมาก จนบางทีในใจหนูก็รู้สึกอิจฉาคนที่เกิดมาพร้อมกับจิตใจที่ดีงาม ฟังดูพิกลใช่มั้ย แต่หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หนูมีเพื่อนน้อย แต่รู้จักคนเยอะนะคะ เป็นคนคุยด้วยง่ายค่ะ เรียกว่าคบได้ ไม่สร้างความเสียหายให้ใคร แต่ก็คบแล้วไม่เพลิดเพลิน ไม่เกิดประโยชน์มั้งคะ ถึงไม่ค่อยจะได้พัฒนาสานต่อความสัมพันธ์ถึงขั้นเป็นเพื่อนได้

ตั้งแต่เด็กหนูทำตัวอยู่ในกฏระเบียบตลอดเวลา เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็กดี ในสายตาของทุกคน แต่หนูรู้สึกว่า หนูทำสิ่งต่างๆไปด้วยความเห็นแก่ตัว งมงาย ไร้ความคิด เหมือนกับว่ากำลัง"แข่ง"เป็นคนดีของสังคมอยู่ตลอดเวลา บางทีเวลาเห็นคนอื่น ทำผิด หนูก็ไม่เตือน เพราะมันทำให้หนูรู้สึกว่านั่นน่ะคนไม่ดี ฉันนี่สิคนดี เห็นแก่ตัวมากๆเลยใช่มั้ยคะ

หนูคิดว่านี่อาจเป็นกรรมไม่ดีที่ทำให้ไม่มีใครอยากคบ อยากรู้จักหนูสักเท่าไร หนูเพิ่งสำนึกสิ่งเหล่านี้ได้เอาตอนโตแล้ว สายไปแล้วสำหรับเวลาสร้างความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อน.. มันเหงาบ้าง บางเวลานะคะ แต่ไม่เป็นไรหนูเข้าใจ มันเป็นกรรมเป็นเวรของหนู
แต่สิ่งสำคัญ คือ หนูควรจะทำอย่างไร เพื่อให้หนูเป็นคนที่ดีขึ้น มีจิตใจที่มี "เมตตา" และ "เห็นแก่ตัว" น้อยลง ธรรมะข้อไหนหรือคะ ที่จะช่วยขัดเกลานิสัยของหนูได้.. ช่วยชี้ทางสว่างหนูทีนะคะ


ทำอย่างที่เคยทำเช่นที่ว่า

อ้างคำพูด:
เป็นคนไม่ได้ศึกษารายละเอียดเรื่องธรรมะลึกซึ้ง แต่ว่าสนใจอ่าน สนใจฟังธรรมอยู่บ้างค่ะ เคยอ่านกระทู้ของที่นี่แล้ว ไขข้อข้องใจได้หลายเรื่อง เลยตัดสินใจสมัครสมาชิก


น่าจะเป็นทางออกที่ดีตามสไตล์เรา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องภัยพิบัติล้างโลกแล้วเหลือแต่คนดีนะ เป็นเรื่องที่คนจำนวนหนึ่ง ที่เขา คิดว่า เขาเป็นคนดี เชื่อกันและอยากให้เกิดขึ้น เพื่อกำจัดคนที่เขา คิดว่า เป็นคนชั่ว ทิ้งไป...

แต่อย่าลืมนะ คนดีย่อมเห็นสิ่งที่ดีเป็นเรื่องดี และในทางกลับกัน คนชั่วก็ย่อมเห็นสิ่งที่ชั่ว ว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะงั้นคนที่คิดว่าตนเองดี อาจจะชั่วก็ได้...
ในทางธรรมเขาจึงมีเกณฑ์พื้นฐาน คือศีล 5 อย่างหยาบ ถ้าทำไม่ได้ก็คือคนชั่ว
ที่ต้องบอกศีล 5 อย่างหยาบ เพราะเดี๋ยวจะพาลไปคิดว่า ตบยุงก็นับว่าชั่วแล้ว เรื่องแบบนั้นยกให้ผู้ที่จะถือ ศีลบริสุทธิ์ ก็แล้วกัน

จริงๆ เรายังสงสัยอยู่ว่า ยุงมี จิต หรือไม่ หรือเป็นเพียง ชีวกล เท่านั้น อันนี้ไม่รู้จริงๆ
เอาเป็นว่า อย่าฆ่าสัตว์ใหญ่ก็แล้วกัน อย่าลักเล็กขโมยน้อย อย่าปล้ำแฟนเพื่อน อย่าเป็นคนโกหกตอแหล และอย่าเป็นขี้เหล้าเมายา...

เรื่องภัยพิบัติ ในความเป็นจริงต่อให้เป็นพระเจ้า ถ้ามาอยู่ในร่างมนุษย์ ตกตึกก็ตาย รถชนก็ตาย หรือถึงจะสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์ โดนตึกทับก็ตายหมือนกัน

ถ้าแนวคิดเรื่อง new age หรือยุคใหม่เป็นจริง สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นจริงก็คือ แผ่นดินอธรรมจะถูกทำลาย แผ่นดินอธรรมไม่ได้แปลว่า ทุกคนในนั้นจะเป็นคนชั่ว แต่เป็นแผ่นดินที่อยู่ภายใต้อำนาจอธรรม แผ่นดินนั้นอาจมีพระอรหันต์อยู่ด้วยก็ได้ แต่อาจถูกทำลายเพราะไม่มีสิ่งใดช่วยเหลือ (สิ่งใดคืออะไรนั้น ก็อย่ารู้เลย อาจเป็นมะนาวต่างดุ๊ด เทพเจ้าเบจีต้า หรือมหาเทพปิตโกโร่ก็ได้ :b32: )

โลกไม่ถึงกาลดับสูญหรอก อารยธรรมมนุษย์ก็ไม่ดับสูญเช่นกัน แต่ไม่มีสิ่งใดที่คงทนถาวร โลกก็ไม่ได้คงทนถาวร เราอาจจะตกใจเมื่ออยู่ในห้วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง แต่จริงๆ แล้ว โลกก็เปลี่ยนแปลงมาตลอด โลกไม่เคยหยุดนิ่งนะจ๊ะ...


ส่วนเรื่องนิสัยของเจ้าของกระทู้... คนเราจะคบกันได้ ไม่ว่าจะในสถานะใด จะมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ต้องมีธรรมเสมอกัน แปลง่ายๆ ว่า มีธรรมชาติ (ตัวตน) ที่ใกล้เคียงกัน ไม่ใช่ว่าใครดีใครเลวนะ ถ้าธรรมไม่เท่ากัน ฝืนดันทุรังไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จะฝืนไปได้สักกี่น้ำล่ะ จริงไหม...

การไม่อยากคบใคร ไม่ใช่เป็นเรื่องผิดปกติ ยกเว้นแต่ว่า ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวด้วย... ถ้าชอบที่จะอยู่อย่างเงียบๆ ก็คงมีแววบวชล่ะ อีกพักหนึ่งประเทศนี้คงมีภิกษุณีอย่างถูกต้อง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ไม่ต้องรอโลกแตกหรอกกว่าโลกจะแตกเราต้องตายก่อนแน่นอนตรงนี้ซิที่ควรคิดความตายไม่มีเวลาบอกเพราะฉะนั้นเพื่ออนาคตของเราเราควรทำอะไรต่อไปนับตั้งแต่เวลานี้ อันไหนที่เราพิจารณาด้วยปัญญาแล้วเห็นว่าดีก็ให้ทำถ้าเห็นว่าชั่วก็ให้ละการทำความดีมันก็จะชื่นใจเย็นใจให้ผลเดี๋ยวนั้นเลยทำชั่วก็เศร้าหมองเดี๋ยวนั้นเลย มันให้ผลเลยนะ

2.นี่ดีนะที่ยังรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแล้วคิดจะกลับตัว ถ้าจะพูดเป็นภาษาธรรมะเรียกว่าให้พิจารณาว่า ขันธ์ห้าไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่ขันธ์ห้า ขันธ์ห้าไม่มีในเรา ถ้าให้คิดแบบง่ายๆก็คือกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราจะต้องตายแน่ไม่ว่าเวลาใดเวลาหนึ่ง คนอื่นก็เช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะศึษาใหม่หรือศึกษาเก่าเราก็ต้องศึกษาจนกว่าจะพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 21:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จขกท. พูดตรงไปตรงมาดีไม่อ้อมค้อม กรัชกายอยากมีเพื่อนแบบนี้สักคนสองคน :b15:


อาจารย์ใหญ่เรา...มักน้อยจัง...

คนที่สาม..ที่สี่..ที่ห้า...ที่...ก็เก้อซิ
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 21:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
เรื่องภัยพิบัติ ในความเป็นจริงต่อให้เป็นพระเจ้า ถ้ามาอยู่ในร่างมนุษย์ ตกตึกก็ตาย รถชนก็ตาย หรือถึงจะสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์ โดนตึกทับก็ตายหมือนกัน



ทำให้นึกถึง..เทศน์ของพระอาจารย์(ของกระผม)...ว่า

กฏของกรรม...ศักดิ์สิทธิ์..ยิ่งกว่า..สิ่งศักดิ์สิทธิ์..ซะอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 00:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 19:15
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


ดีใจมากเลยค่ะที่ใน 1 วันมีคนเข้ามาตอบกระทู้เยอะขนาดนี้ :b12:
ได้รับความรู้เพียบเลย จะค่อยๆย่อยและซึมซับไปค่ะ

ทาน ศีล ภาวนา..
คิด พิจารณา จนเห็นถูกเป็นถูกควรทำ เห็นผิดเป็นผิดไม่ทำ..
จะอย่างไร ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ล้วนมีความตายเป็นของตน..
หมั่นสะสมความรู้ไปเรื่อยๆ สบายๆ สินะคะ..
ยินดีต้อนรับความเป็นเพื่อนเสมอค่ะ :b15: ..
แต่ต้องปล. ไว้นิดนึง ในชีวิตจริงจขกท.ไม่เป็นคนพูดตรงไปตรงมาเลยค่ะ ออกจะอ้อมจากโลกไปดาวอังคารด้วยซ้ำ คิดว่า นี่เป็นข้อดีมากๆเลยของการใช้เว็บบอร์ด เพราะสามารถเปิดเผยได้อย่างที่ใจต้องการ ทำให้คนมีปัญหาและคนที่มีปัญหาอย่างเดียวกัน แต่ไม่กล้าพูดออกมาในชีวิตจริง มีทางออกได้.. เป็น สไตล์ :b28: ที่ดีมากเลยค่ะ..
ทฤษฎีก็เป็นแค่ความคิด ของคนที่อาจดีหรือชั่ว ที่อาจถูกหรือผิดก็ได้..
จะดูว่าอย่างไหนถูกอย่างไหนผิด ตัดสินด้วยศีล5 เป็นเบื้องต้น..
จริงๆโลกมันก็แค่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมดาของมัน เราไปเอาใจใส่มันให้เป็นเรื่องเป็นราวเอง..
คนที่ไปกันได้ คือคนที่มี ธรรม เสมอกัน..
เรื่องบวช ตอนนี้อาจยังไม่ ถ้าต้องบวชโดยที่ยังไม่เคยดูดรากอลบอลซักภาคคงน่าเสียดายแย่ :b2: ..แต่วันหน้าก็ไม่แน่นะคะ..
อยู่กับปัจจุบัน กรรมให้ผลทันทีที่ใจ..
ศึกษาจนกว่าจะพ้นทุกข์ สิ้นเชิง จะจำไว้ค่ะ..
กฎแห่งกรรม นี่สิ ของจริง..

กระแสความรู้หลั่งไหลพรั่งพรู :b23: :b8:
ยังไงต้องขอขอบคุณความมีน้ำใจของทุกท่านที่ช่วยตอบกระทู้นะคะ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 01:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 13:59
โพสต์: 50

อายุ: 0
ที่อยู่: ท่องไปดุจ..นอแรด

 ข้อมูลส่วนตัว


...จขกท.ดูตัวเอง..ได้ขนาดนี้..

...แหล่ม จริงๆ..

.....................................................
"..หลักของพระพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่การพูดกันเฉย ๆ
หรือด้วยการเดา..หรือการคิดเอาเอง
หลักของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงคือ
การรู้เท่าทันความจริงตามความเป็นจริงนั่นเอง
ถ้ารู้เท่าทันตามความเป็นจริงนี้แล้ว
การสอนก็ไม่จำเป็น..แต่ถ้าไม่รู้ถึงความเป็นจริงอันนี้
แม้จะฟังคำสอนเท่าใด ก็เหมือนกับไม่ได้ฟัง!!!"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 15:18 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 11:57
โพสต์: 22

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: รัชกาลที่ ๙
ชื่อเล่น: ตอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การสะสมบุญไม่จำเป็นต้องแข่งกันค่ะ ถ้าเรารู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราก็ไม่ต้องเอาบุญตัวเองไปเทียบบุญคนอื่นหรอกค่ะ ส่วนเรื่องที่คุณบอกว่า คุณคิดว่าคุณเกิดมาพร้อมกับจิตใจที่สกปรก อันนี้ขอบอกเลยนะคะ ว่า ในโลกนี้ มีทั้งคนที่ดีและคนไม่ดี แต่ไม่มีคนไหน ร้ายกาจ หรอกค่ะ คุณก็อาจไม่ได้เกิดมาพร้อมกับจิตใจที่สกปรก แต่แค่คุณยังไม่ทำความเข้าใจกับตนเอง ก่อนที่เราจะรู้เรื่องอื่นเราต้องรู้จักตนเองก่อนค่ะ และที่สำคัญนะคะ ไม่มีใครเกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่างหรอกค่ะ เพราะถ้าเรามีมา ไม่ว่าจะกี่ประการก็ตาม แต่ก็ต้องมีอีกอยู่หลายสิ่งที่เราไม่มี อย่างเช่น
เพื่อนคนหนึ่งของเราเค้า วาดรูปเก่ง พละก็เก่ง ร้องเพลงก็เก่ง เต้นก็สวย แต่เขาก็ เรียนคณิตไม่เก่ง วิทย์ก็ไม่เก่ง
อะไรที่เกี่ยวกับวิชาการเขาไม่เก่งหมด ก้เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ
ยังไงก็ขอให้เอาไปพิจารณาดูนะคะ :b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 196 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร