วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 05:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


มนุษย์เราที่เป็นปุถุชนอยู่นี้ ก็มีความปราถนาในเรื่องต่างๆอยู่มากมาย แต่สรุปแล้วก็ประมาณ 3 อย่าง คือ
1 ต้องการมีฐานะดี มั่นคง
2 ต้องการมีรูปดี สวย หล่อ น่ารัก
3 ต้องการมีปัญญาเฉลียวฉลาด
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์" ซึ่งถ้าพูดถึงมนุษย์ซึ่งแปลว่าผู้มีใจสูงแล้ว ก็คือการกระทำของเรานี่แหละ ส่งผลให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ บ้างก็สวย หล่อ น่ารัก มีสเน่ ใครเห็นก็อยากใกล้ชิด บ้างก็ธรรมดาๆ บ้างก็ขี้เหร่ พิการ ขี้โรค
ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยและมีเหตุผล อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล และปัจจุบันก็จะเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล ดังนั้นปัจจุบันจึงเป็นที่รวม ของเหตุและผล
การปฏิบัติธรรม ท่านให้ศึกษาปัจจุบัน คืออยู่กับปัจจุบัน เป็นปัจจุบันธรรม ปล่อยวางอดีตที่ผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่นำมาศึกษาเพื่อพัฒนาจิตใจตนเองให้บริสุทธิ์ และปล่อยวางอนาคตที่ยังมาไม่ถึงซึ่งบางครั้งก็อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังเอาไว้ ดังนั้นปัจจุบันจึงสำคัญที่สุด เพราะเมื่อสร้างเหตุที่ดีในปัจจุบันแล้ว อนาคตก็ย่อมดีแน่นอน
โดยทั่วๆไปผู้ที่จะมีข้อ 123 ดัวกล่าวข้างต้นครบนั้น ก็คือผู้ที่ศึกษาธรรมะจนบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน เพราะเมื่อท่านบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว ท่านจะมีความศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างถึงใจ คือเชื่อสนิทใจว่าธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้นเป็นความจริง และเมื่อมีความศรัทธาอย่างถึงใจแล้วก็จะตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของท่าน พระโสดาบันที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร ก็ภาวนาต่อไปเพื่อให้หมดกิเลส เมื่อหมดกิเลสแล้วก็เรียกว่าเป็นพระอรหันต์ ส่วนพระโสดาบันที่ยังมีความพอใจในโลกียสุขอยู่ ท่านก็อยู่สบายๆมีศีล5เป็นปกติ ไม่ทำบาปทั้งปวง และมีมนุษย์สมบัติบริบูรณ์ ซึ่งตัวอย่างในสมัยพุทธกาลก็คือนางวิสาขา ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าพระโสดาบันนี้จะเป็นฆราวาสก็ได้ เป็นชายหรือหญิงก็ได้
พระพุทธเจ้าทรงสอนวิธีการทำบุญ (บุญ หมายถึง ความสบายใจ สุขใจ สิ่งใดที่ทำแล้วสบายใจ สุขใจ อิ่มเอิบใจเรียกว่าเป็นบุญ) ซึ่งหลักใหญ่ๆมี 3 วิธี อันได้แก่
1. การให้ทาน ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยให้เรามีฐานะดี ฐานะมั่นคง
การให้ทานนั้นหากผู้รับเป็นคนดี มีศีลธรรมสูงมากเท่าใด อานิสงส์ก็ยิ่งมากเท่านั้น และผู้ให้ก็ต้องให้ด้วยเจตนาที่จะช่วยเหลือหรืออนุเคราะห์แก่ผู้รับไม่ใช่ให้ด้วยความโลภว่าจะทำให้เราเกิดความร่ำรวยซึ่งเป็นการเห็นแก่ตัวเสียมากกว่า
ซึ่งถ้าหากให้ด้วยเจตนาที่ดีแล้ว การมีฐานะดี ฐานะมั่นคง ก็ย่อมเป็นไปเองตามเหตุปัจจัย เปรียบเหมือนเราปลูกต้นไม้ต้นหนึ่ง ถ้าเราให้น้ำ ปุ๋ย แสงสว่างพอดีๆแก่ต้นไม้ อนาคต ต้นไม้ก็จะเจริญเติบโต ออกดอกออกผลเอง คือเป็นไปเองตามเหตุปัจจัย โดยที่เราไม่ต้องไปอธิษฐานว่า ขอให้ต้นไม้เจริญเติบโตออกดอกออกผล ซึ่งอาจทำให้เราร้อนใจไปซะเปล่าด้วย
2. การรักษาศีล เป็นเหตุปัจจัยให้เรามีรูปดี มีอาการครบ 32 สวย หล่อ น่ารัก
ศีล คือ การรักษากาย วาจาให้เรียบร้อย จะยืน เดิน นั่ง นอน ก็สำรวมให้เรียบร้อย ซึ่งถ้าจะให้ดียิ่งไปกว่านี้ก็ให้ศีลถึงใจคือรักษาใจให้เรียบร้อยด้วย คือคิดดี ไม่โกรธ การโกรธนี้สำคัญมาก สังเกตุดูคนที่ขี้โกรธ ขี้อารมณ์เสีย ขี้บ่นหรือแม้แต่บ่นในใจ ผิวพรรณมักจะไม่ค่อยดี หรือถ้าเห็นว่าผิวพรรณดีก็เป็นเพราะบุญเก่า เพราะอดีตอาจจะประพฤติกายวาจาใจเรียบร้อย ปัจจุบันจึงรูปดี แต่ถ้าปัจจุบันประพฤติกาย วาจา ใจ ไม่เรียบร้อย อนาคตก็จะรูปไม่ดีแน่นอน อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล
ศีล5 ศีล8 ศีล10 ศีล227 ท่านเรียกว่าเป็นอาการของศีล หัวใจของศีลคือการไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น
3. การภาวนา เป็นเหตุปัจจัยให้เราเป็นคนมีปัญญาเฉลียวฉลาดการภาวนา มี2 อย่างคือ การทำสมาธิกับการเจริญปัญญา
3.1การทำสมาธินั้นก็มีอยู่หลายวิธีซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละอัน แต่สำหรับตัวผู้เขียนเองนี้ชอบวิธีอานาปานสติ
อานาปานสติ หมายถึงการระลึกรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกให้ติดต่อกันต่อเนื่องกัน โดยไม่เผลอสติไปคิดถึงสิ่งอื่นซึ่งถ้าทำถูกวิธีก็จะรู้สึกสบายแต่หากทำไม่ถูกวิธีจะรู้สึกอึดอัด และให้พยายามหายใจเข้าลึกๆช้าๆ หายใจออกยาวๆช้าๆเพื่อให้เกิดความรู้สึกถึงลมหายใจชัดเจน นอกจากนี้การวิจัยทางการแพทย์ก็ยืนยันว่าการค่อยๆหายใจเข้าลึกๆนี้จะทำให้ร่างกายได้รับโอโซนอย่างเต็มที่ ทำให้สมองและสุขภาพดีอีกด้วย
3.2การเจริญปัญญา คือ การพิจารณาขันธ์5 ซึ่งก็คือตัวของเรานี้เอง ว่าเป็นไตรลักษณ์
ขันธ์5 ได้แก่ กาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไตรลักษณ์หรือลักษณะ3ประการ หมายถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
กาย หมายถึง ร่างกายของเรานี้
เวทนา หมายถึง ความรู้สึก เช่นรู้สึกชอบ ไม่ชอบ รู้สึกโกรธ รู้สึกเฉยๆ เป็นต้น
สัญญา หมายถึง ความจำ เช่นความทรงจำในเรื่องต่างๆของเราในอดีต เป็นต้น
สังขาร หมายถึง ความนึกคิด เช่นนึกอยากจะกิน นึกอยากจะทำนู่นนี่ นึกอยากจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นต้น
วิญญาณ หมายถึง การรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่น ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นชิมรส กายได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆ ใจได้รับรู้อารมณ์ต่างๆ เป็นต้น
อนิจจัง หมายถึง ความไม่เที่ยงแท้ ไม่แน่นอน ต้องเปลี่ยนแปลง
ทุกขัง หมายถึง ความคงสภาพไม่ได้
อนัตตา หมายถึง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่ของเขา ไม่มีตัวตน
การเจริญปัญญานี้เป็นวิถีทางให้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน คือมีดวงตาเห็นธรรม เห็นพระนิพพาน ละสังโยชน์ขั้นต่ำ3อย่างได้คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส

สรุปแล้วเมื่อเราหวังผลอะไรก็ให้สร้างเหตุปัจจัยให้พร้อม และหมั่นสร้างอยู่สม่ำเสมอ เพราะกรรมหมดได้ฉันใด บุญก็หมดได้ฉันนั้น

สุดท้ายนี้ผู้เขียนขออนุโมทนากับผู้ที่ได้อ่านและนำมาปฏิบัติ อันจะทำให้ตนเองนั้นมีความเจริญงอกงามยิ่งๆขึ้นไป และขอแนะนำหนังสือดีดีสักหนึ่งเล่มเพื่อความสุขของท่านผู้ที่ได้ไปหามาลองอ่าน ชื่อหนังสือ "อานาปานสติ: วิถีแห่งความสุข" ของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


แก้ไขล่าสุดโดย หัวหอม เมื่อ 24 เม.ย. 2011, 17:17, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 16:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2009, 18:45
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ ขอนุโมทนาบุญด้วยนะขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 09:41
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: อนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ :b41: :b41: :b41:

.....................................................
เห็นสิ่งใด เอามาคิด พินิจไว้

เพื่อเตือนใจ ตนเอง มิให้หลง

เห็นเขาผิด คิดแก้ตน ให้อาจอง

ใจมั่นคง น้อมมาดู รู้ภายใน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ขออนุโมทนา และขอกล่าวคำชื่นชม ที่กล่าวได้ถูกต้อง ถูกธรรม มีประโยขน์เกื้อกูล ต่อผู้อ่าน ผู้ฟัง
ธรรมมะไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครกล่าวก็ได้ แต่ถ้ามีสาระ มีประโยชน์มันก็ดีทั้งนั้น .......เจโตวิมุติ/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b38: อยากสวย อยากรวย อยากมี ล้วนเป็นความอยากในโลกทุนนิยม
กิเลสเป็นสิ่งที่ยากจะกำจัด แต่การขัดเกลาและตกแต่งให้เข้ารูปเข้ารอย
อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่า ชีวิตนี้จะมีความสุขเพิ่มขึ้นและทุกข์น้อยลงแน่ๆ... :b51: :b53:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 00:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว




67.jpg
67.jpg [ 42.64 KiB | เปิดดู 5050 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8: สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญ ด้วยคนค่ะ กล่าวได้จริงและถูกต้อง มีประโยชน์ที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณข้อความดี ๆ มีสาระที่นำมาแบ่งปันกัน ขอบคุณอีกครั้งค่ะ tongue
:b44: :b45: :b44: :b45: :b44: :b45: :b44: :b45: :b44: :b45: :b44: :b45: :b44: :b45: :b44: :b45:

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า


แก้ไขล่าสุดโดย สุดปลายฟ้า เมื่อ 14 เม.ย. 2011, 15:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2011, 00:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ.. :b8: :b8: ..ที่คุณหัวหอม..นำธรรมดี ๆ มาฝาก

อยากรวย...ก็เพราะ..อยากให้ร่างกายนี้..อยู่สบาย ๆ อายุจะได้ยืน ๆ

อยากสวยอยากหล่อ...ก็เพราะ...จะได้ดึงดูดหลาย ๆ คนมาสนใจ...จะได้มีโอกาสเลือกคู่ที่ดีที่จะมาดูแลตัวเรา...เราก็จะสบาย..อายุก็จะยืน

อยากฉลาด...ก็เพราะ...ความฉลาดจะช่วยให้มีความเป็นอยู่ที่ดี...ไม่ทุกข์ไม่ยาก..เราก็อยู่สบาย ๆ อายุก็จะยืน...

ทั้งหมด..มุ่งตรงมาที่..การให้มีความเป็นอยู่ที่สบาย...เมื่ออยู่สบายร่างกายก็อายุยืน...มันลงที่ร่างกายนี้..ทั้งหมด...เพราะมันหลงว่าร่างกายนี้เป็นเรา...

ที่โลภ..ที่โกรธ...ที่หลง..ก็เพื่อร่างกาย..อย่างเดียว

นี้แหละ...ความปรารถณาของมนุษย์ปุถุชน
.
มาทำความรู้เรื่องร่างกายนี้ให้รู้ให้ลึกอย่างเดียว..คิดว่า..ก็น่าจะฆ่ากิเลสทั้งหมดได้...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2011, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


การบำเพ็ญทาน 10 ประการ

๑. ให้ทานด้วย ทรัพย์สินเงินทอง
๒. ให้ทานด้วย สายตาที่เมตตาปราณี
๓. ให้ทานด้วย ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
๔. ให้ทานด้วย วาจาที่ไพเราะน่าฟัง
๕. ให้ทานด้วย ให้แรงงานช่วยเหลือผู้อื่น
๖. ให้ทานด้วย การอนุโมทนายินดีเมื่อผู้อื่นทำดี
๗. ให้ทานด้วย การให้อาสนะ (ที่นั่ง)
๘. ให้ทานด้วย การให้ที่พักอันสะดวกสบาย
๙. ให้ทานด้วย การให้อภัย
๑๐. ให้ทานด้วย การให้ธรรมะ

จากหนังสือ สาระแห่งชีวิต คือรักและเมตตา
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2011, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว


หัวหอม เขียน:
การบำเพ็ญทาน 10 ประการ

๑. ให้ทานด้วย ทรัพย์สินเงินทอง
๒. ให้ทานด้วย สายตาที่เมตตาปราณี
๓. ให้ทานด้วย ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
๔. ให้ทานด้วย วาจาที่ไพเราะน่าฟัง
๕. ให้ทานด้วย ให้แรงงานช่วยเหลือผู้อื่น
๖. ให้ทานด้วย การอนุโมทนายินดีเมื่อผู้อื่นทำดี
๗. ให้ทานด้วย การให้อาสนะ (ที่นั่ง)
๘. ให้ทานด้วย การให้ที่พักอันสะดวกสบาย
๙. ให้ทานด้วย การให้อภัย
๑๐. ให้ทานด้วย การให้ธรรมะ

จากหนังสือ สาระแห่งชีวิต คือรักและเมตตา
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก



:b8: :b8: :b8: อนุโมทนาบุญ ทาน ๑๐ ประการจากคุณหัวหอมค่ะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ :b45: :b44: :b45: :b44: :b45: :b44: :b45:

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 72 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร