วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 20:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 184 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 12:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Supareak Mulpong เขียน:
อาจารย์สินธพเป็นอนาคามีมรรค ยังไม่ถึงอนาคามีผล ถึงผลเมื่อใหร่ท่านคงบวช ถึงตอนนั้นใครไปถามอะไรท่าน ท่านก็ตอบได้คำเดียวว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ... ตอนเป็นโสดาบันท่านเป็นกายะสักขี ชาติๆ ก่อนๆ ท่านเป็นฤาษีที่ทรงฌานอภิญญามากที่สุดท่านหนึ่ง ชาติต่อๆ มาก็ได้บวช แต่ก็ปฏิบัติถึงแค่ฌานอภิญญา เคยเป็นถึงสังฆราช (เปรียญ ๑๘ ประโยค) ถึงชาตินี้ ท่านเลยมีของเก่าติดตัวมามาก จึงเกิดฌานทัศนะตอนบรรลุโสดาปัตติผลเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐

ยังไม่มีอรหันต์เกิดขึ้นมนโลกมากว่า ๑๔๐๐ ปีแล้ว อรหันต์องค์แรกที่จะเกิดขึ้นมาในยุคนี้ อาจจะเป็นคุณก็ได้ ใครจะรู้


http://www.77jowo.com/content/394/

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews ... 0000139723

อยากให้คุณ Supareak ยังอยู่จังเลย

:b7: :b1: :b7:

ตอนนี้อนาคามีของท่านกำลังถูกตรวจสอบ... :b5:


โอ้...โฮ้ว....

คนปะหลาด...

จำได้งัย?...

s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 12:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

โอ้...โฮ้ว....

คนปะหลาด...

จำได้งัย?...

s006 s006


:b14: ... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
[๒๓๖] คำว่า ธรรมเครื่องขัดเกลา ความว่า กามฉันทะมิใช่ธรรมเครื่อง
ขัดเกลา เนกขัมมะเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา พยาบาทมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
ความไม่พยาบาทเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ถีนมิทธะมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
อาโลกสัญญาเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา อุทธัจจะมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา ความไม่
ฟุ้งซ่านเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา วิจิกิจฉามิใช่เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา การกำหนด
ธรรมเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา อวิชชามิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา ญาณเป็นธรรม
เครื่องขัดเกลา อรติมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา ความปราโมทย์เป็นธรรมเครื่อง
ขัดเกลา นิวรณ์มิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา ปฐมฌานเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ฯลฯ
กิเลสทั้งปวงมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา อรหัตมรรคเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ฯ
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรม ซึ่งว่าปัญญาเพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะ
เหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในความสิ้นไปแห่งกิเลสอันหนา สภาพต่าง ๆ
และเดช เป็นสัลเลขัฏฐญาณ ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๖๕๖๑ - ๖๕๘๑. หน้าที่ ๒๖๙ - ๒๗๐.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B= ... agebreak=1


ธรรมดาแล้วคำขอพระพุทธเจ้าย่อมไม่ขัดแย้งกัน

น่าสังเกตว่าทำไมอย่างนึงว่าฌาณไม่่ใช่เครื่องขัดเกลา อย่างนึงว่าเป็นเครื่องขัดเกลา

แสดงว่าฌาณทั้งสองนี้ย่อมมีความแตกต่างกันหรือ







ถ้าคุณเฟรมกลับมาอ่าน


จากพระธรรมคำสอนที่อ้างอิงมา
ที่คุณเฟรมสังเกตุว่า


ปฤษฎี เขียน:
น่าสังเกตว่าทำไมอย่างนึงว่าฌาณไม่่ใช่เครื่องขัดเกลา อย่างนึงว่าเป็นเครื่องขัดเกลา

แสดงว่าฌาณทั้งสองนี้ย่อมมีความแตกต่างกันหรือ






จะช่วยแยกรายละเอียดให้เห็นชัดมากขึ้น
โดยการเว้นวรรคช่องไฟให้ใหม่


หลับอยุ่ เขียน:
[๒๓๖] คำว่า ธรรมเครื่องขัดเกลา ความว่า

กามฉันทะมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
เนกขัมมะเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา

พยาบาทมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
ความไม่พยาบาทเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา


ถีนมิทธะมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
อาโลกสัญญาเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา

อุทธัจจะมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
ความไม่ฟุ้งซ่านเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา


วิจิกิจฉามิใช่เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา
การกำหนดธรรมเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา


อวิชชามิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
ญาณเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา

อรติมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
ความปราโมทย์เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา


นิวรณ์มิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
ปฐมฌานเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา
ฯลฯ

กิเลสทั้งปวงมิใช่ธรรมเครื่องขัดเกลา
อรหัตมรรคเป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ฯ



ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรม

ซึ่งว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด

เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า
ปัญญาในความสิ้นไปแห่งกิเลสอันหนา สภาพต่าง ๆ
และเดช เป็นสัลเลขัฏฐญาณ ฯ


http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 564&Z=2596











รูปฌาน ๔


[๑๐๒] ดูกรจุนทะ ก็ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล
ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้

สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน
มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่

ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส



ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือปฐมฌานนี้
เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ


เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ ในวินัยของพระอริยะ






อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงบรรลุทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่

ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส


ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือทุติยฌานนี้
เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ
เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ ในวินัยของพระอริยะ



อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้
พึงมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยกาย
เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า
ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข


ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส

ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือตติยฌานนี้
เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ
เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ ในวินัยของพระอริยะ






อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงบรรลุจตุตถฌาน
ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสในก่อนเสียได้
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส

ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือจตุตถฌานนี้
เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ
เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในอัตภาพนี้ ในวินัยของพระอริยะ







อรูปฌาน ๔




[๑๐๓] ดูกรจุนทะ ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้
พึงบรรลุอากาสานัญจายตนฌาน โดยมนสิการว่า อากาศไม่มีที่สุดเพราะก้าวล่วงรูปสัญญา
ดับปฏิฆสัญญา ไม่มนสิการนานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวงอยู่

ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส

ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคืออากาสานัญจายตนฌานนี้
เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ
เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ





อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้
พึงล่วงอากาสานัญจายตนฌานเสียโดยประการทั้งปวง
แล้วมนสิการว่า วิญญาณไม่มีที่สุด พึงบรรลุวิญญาณัญจายตนฌานอยู่

ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส

ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือวิญญาณัญจายตนฌานนี้
เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลา ในวินัยของพระอริยะ
เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ




อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้
พึงล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง
แล้วมนสิการว่า ไม่มีอะไรเหลือสักน้อยหนึ่ง พึงบรรลุอากิญจัญญายตนฌานอยู่

ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส

ดูกรจุนทะแต่ธรรมคืออากิญจัญญายตนฌานนี้
เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ
เรากล่าวว่าเป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ




อนึ่ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แลที่ ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ พึงล่วงอากิญจัญญายตนฌานเสียโดยประการทั้งปวง แล้วพึงบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู่

ภิกษุนั้นพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส


ดูกรจุนทะ แต่ธรรมคือเนวสัญญานาสัญญายตนฌานนี้
เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ
เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ



http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 237&Z=1517

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 23:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:
Supareak Mulpong เขียน:
อาจารย์สินธพเป็นอนาคามีมรรค ยังไม่ถึงอนาคามีผล ถึงผลเมื่อใหร่ท่านคงบวช ถึงตอนนั้นใครไปถามอะไรท่าน ท่านก็ตอบได้คำเดียวว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ... ตอนเป็นโสดาบันท่านเป็นกายะสักขี ชาติๆ ก่อนๆ ท่านเป็นฤาษีที่ทรงฌานอภิญญามากที่สุดท่านหนึ่ง ชาติต่อๆ มาก็ได้บวช แต่ก็ปฏิบัติถึงแค่ฌานอภิญญา เคยเป็นถึงสังฆราช (เปรียญ ๑๘ ประโยค) ถึงชาตินี้ ท่านเลยมีของเก่าติดตัวมามาก จึงเกิดฌานทัศนะตอนบรรลุโสดาปัตติผลเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐

ยังไม่มีอรหันต์เกิดขึ้นมนโลกมากว่า ๑๔๐๐ ปีแล้ว อรหันต์องค์แรกที่จะเกิดขึ้นมาในยุคนี้ อาจจะเป็นคุณก็ได้ ใครจะรู้


http://www.77jowo.com/content/394/

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews ... 0000139723

อยากให้คุณ Supareak ยังอยู่จังเลย

:b7: :b1: :b7:

ตอนนี้อนาคามีของท่านกำลังถูกตรวจสอบ... :b5:


โอ้...โฮ้ว....

คนปะหลาด...

จำได้งัย?...

s006 s006


จำได้เพราะเอกอนจับตามองสำนักนี้อยู่ ว่ามีการเติบโตมั๊ย
ซึ่งถ้าไม่มีการเติบโตก็วางใจ
...
จริง ๆ เคสนี้เป็นเคสที่ผู้ศึกษาปฏิบัติจะย้อนกลับไปศึกษาในกระทู้เก่า ๆ
ที่มีการสนทนากันระหว่างสมาชิก เพื่อศึกษากรณีไว้เป็นอุทาหรณ์ ก็เป็นประโยชน์มาก ... :b8:

จริง ๆ เอกอนเคยกระแทกคุณ Supareak เป็นนัย ๆ ในทำนองว่า
เขาเป็นคนดีที่ถ้าศึกษาพระธรรมปฏิบัติอย่างจริง ๆ จัง ๆ จะก้าวหน้ากว่าอาจารย์
คือให้เขาออกมาจากเงาของอาจารย์ซะ :b6:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 184 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 49 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร