| ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
| ความจริง กับ สมมุติ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=37631 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 7 |
| เจ้าของ: | mes [ 04 เม.ย. 2011, 16:09 ] |
| หัวข้อกระทู้: | ความจริง กับ สมมุติ |
แรกเริ่มฉันไม่มีเงินเลย ปัจจุบันฉันมีเงิน เงินเป็นสิ่งสมมุติ เมื่อฉันไม่มีเงินฉันก็ไม่มีสิ่งสมมุติ จึงขออนุมานว่า เมื่อเราเกิด คือเกิดอัตตา แต่อัตตาทั้งหลายเป็นอนัตตา นิพพานเป็นสภาวะธรรมที่ไม่เกิดอีก จึงไม่เป็นอัตตา เมื่อไม่มีอัตตาก็ไม่มีอนัตตา นิพพานเป็นธรรมธาตุ ไม่ใช่อัตตา และ อนัตตา |
|
| เจ้าของ: | จางบาง [ 04 เม.ย. 2011, 23:21 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
เพราะตีความหมาย คำว่าอนัตตาผิดๆ จึงมีความเข้าใจว่า นิพพาน ไม่ใช่อนัตตา และเพราะยังไม่รู้จริงว่านิพพานแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร จึงมีความเข้าใจว่านิพพานไม่ใช่ทั้งอัตตาไม่ใช่ทั้งอนัตตา เพราะ เข้าใจสับสน ระหว่างสมมุติ และ สมมุติบัญญัติ จึงเอามาปนเปวกวนรวมกัน เพราะห่างพระไตรปิฎก จึงมีความเห็นไปได้ว่า นิพพานไม่ใช่อนัตตา
|
|
| เจ้าของ: | ผงธุลีดิน [ 04 เม.ย. 2011, 23:50 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
ที่พอจะทราบความได้ ก็มี นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สุญญัง ก็ไม่เห็นจะปรากฏเป็นอื่นเสียอย่างใด |
|
| เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 04 เม.ย. 2011, 23:56 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
สุญญัง นั่น สุญจากกิเลส only ! หรือผงดินธุลี จะหมายเอาว่า นิพพานสูญ มิเช่นนั้น จักขัดกับอีกหลายๆพระสูตร และเท่าที่อ่านในพุทธพจน์ กับคำสอนหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ไม่ได้เจอ คำว่า นิพพาน เป็นอัตตา หรืออนัตตาแต่อย่างใด! |
|
| เจ้าของ: | ผงธุลีดิน [ 04 เม.ย. 2011, 23:58 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
อยากรู้ก็ลองทายใจผมดูสิน่า ท่านหลับอยู่
|
|
| เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 05 เม.ย. 2011, 00:04 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
ครั้งหนึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์ฯ ครั้งนั้นพระองค์ได้ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า เราจักแสดงอปริหานิยธรรม ๗ ประการให้ฟัง เธอทั้งหลายจงตั้งใจฟังให้ดี เราจักแสดงให้ฟังในบัดนี้ฯ ภิกษุทั้งหลายก็ทูลรับว่า พระเจ้าข้าฯ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อปริหานิยธรรม ๗ ประการนั้น คือ ประการใดบ้าง คือภิกษุทั้งหลายจักประชุมกันเนืองๆ จักมากด้วยการประชุมตราบใด ต้องหวังได้ความเจริญอยู่ตราบนั้น ไม่มีความเสื่อมเลยฯ ภิกษุทั้งหลายจะพร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม พร้อมเพรียงกันทำสิ่งที่ควรทำตราบใด ต้องหวังได้ความเจริญอยู่ตราบนั้น ไม่มีความเสื่อมเลย ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่เราไม่ได้บัญญัติไว้ จักไม่เลิกถอนสิ่งที่เราบัญญัติไว้แล้ว จักศึกษามั่นอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ตามที่เราบัญญัติไว้แล้วอยู่ตราบใด ต้องหวังได้ความเจริญตราบนั้น ไม่มีความเสื่อมเลยฯ ภิกษุที่เป็นพระเถระที่รู้ราตรี คือที่บวชนาน ที่เป็นบิดาสงฆ์ ที่เป็นปรินายกสงฆ์ เหล่าใดมีอยู่ ภิกษุทั้งหลายจักสักการะเคารพนับถือบูชาเชื่อฟัง ภิกษุผู้เป็นเถระเหล่านั้นอยู่ตราบใด ภิกษุต้องหวังได้ความเจริญอยู่ตราบนั้น ไม่มีความเสื่อมเลยฯ ภิกษุทั้งหลายจักไม่อยู่ในอำนาจตัณหา อันทำให้เกิดอีกอยู่ตราบใด ต้องหวังได้ความเจริญอยู่ตราบนั้น ไม่มีความเสื่อมเลยฯ ภิกษุทั้งหลายจักยินดีในเสนาสนะป่าอยู่ตราบใด ต้องหวังได้ความเจริญอยู่ตราบนั้น ไม่มีความเสื่อมเลยฯ ภิกษุทั้งหลายจักตั้งสติไว้ในตนว่า ทำอย่างไรเพื่อนพรหมจรรย์ที่มีศีลน่ารักซึ่งยังไม่มาก็จักมา ที่มาแล้วก็จักอยู่เป็นสุขอยู่ตราบใดคือหวังได้ความเจริญอยู่ตราบนั้น ไม่มีความเสื่อมเลยฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อปริหานิยธรรมทั้ง ๗ นี้ จักอยู่ในภิกษุทั้งหลายอยู่ตราบใด ภิกษุทั้งหลายจักเห็นดี เห็นชอบ อยู่ในอปริหานิยธรรมทั้ง ๗ นี้ ตราบใดต้องหวังได้ความเจริญอยู่ตราบนั้น ไม่มีความเสื่อมเลย ที่มา http://board.palungjit.com/ |
|
| เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 05 เม.ย. 2011, 00:13 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
กิเลสบางอย่างย่อมไม่ไปตามในโลก Quote Tipitaka: เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๗๔๘ - ๗๙๘. หน้าที่ ๓๓ - ๓๕.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... &pagebreak |
|
| เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 05 เม.ย. 2011, 00:16 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
ผงธุลีดิน เขียน: อยากรู้ก็ลองทายใจผมดูสิน่า ท่านหลับอยู่ ![]() ขอเดาว่า คุณขี้เกียจ ภาวนา
|
|
| เจ้าของ: | student [ 05 เม.ย. 2011, 01:53 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
ความสิ้นสุด และดับลง ย่อมเป็นอนัตตา นิพพานในความเข้าใจของผมเองก็คืออนัตตา แต่เป็นสภาวะที่ไม่มีห่วงเกี่ยวพัน ดับสูญลงไม่ไปปรากฏที่แห่งไหนอีกเลย |
|
| เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 05 เม.ย. 2011, 02:40 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
ผงธุลีดิน เขียน: .... นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สุญญัง ..... นิพพาน..สุขอย่างยิ่ง....นิพพาน..ว่างอย่างยิ่ง.. ที..ปรมัง สุขัง...ยังแปลว่า...สุขอย่างยิ่ง แล้วทำไม...ปรมัง สุญญัง...ไม่ยอมแปล... ยังจะคงคำว่า..สูญ..อยู่อีกทำไม...ทำไมไม่แปลว่า..ว่าง ละคุณ..นักเรียน
|
|
| เจ้าของ: | mes [ 05 เม.ย. 2011, 07:39 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
จางบางลางเลือน เขียน: เพราะตีความหมาย คำว่าอนัตตาผิดๆ จึงมีความเข้าใจว่า นิพพาน ไม่ใช่อนัตตา และเพราะยังไม่รู้จริงว่านิพพานแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร จึงมีความเข้าใจว่านิพพานไม่ใช่ทั้งอัตตาไม่ใช่ทั้งอนัตตา เพราะ เข้าใจสับสน ระหว่างสมมุติ และ สมมุติบัญญัติ จึงเอามาปนเปวกวนรวมกัน เพราะห่างพระไตรปิฎก จึงมีความเห็นไปได้ว่า นิพพานไม่ใช่อนัตตา ![]() อัตตาจริงๆ ไม่มี มีเหตุเหตุปัจจัย หรือ อิทัปปัจจยตา ตามกระบวนการปฏิจจสมุปบาทสมุทยวาร ในเมื่อทุกอย่างเป็นเพียงกระแสเหตุปัจจัยจึงไม่มีอัตตา อัตตาที่เรายึดเป็นเพียงอุปาทานเท่านั้น เมื่อเกิดอัตตาที่เรายึดว่าเป็นตัวตนจึงเกิดอนัตตาขึ้นมาเพื่ออธิบายสิ่งที่ตรงข้ามกับที่คนยึดว่าเป็นอัตตา อย่างนี้แล้วยังจะปนเปวกวนอีกหรือไม่ครับ |
|
| เจ้าของ: | mes [ 05 เม.ย. 2011, 07:48 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
student เขียน: ความสิ้นสุด และดับลง ย่อมเป็นอนัตตา นิพพานในความเข้าใจของผมเองก็คืออนัตตา แต่เป็นสภาวะที่ไม่มีห่วงเกี่ยวพัน ดับสูญลงไม่ไปปรากฏที่แห่งไหนอีกเลย จริงๆไม่มีอะไรสูญ มิเช่นนั้นจะเข้าติดกับดักอุจเฉจทิฎฐิ เมื่อนำไม้มาเลื่อยเป็นแผ่นเป็นท่อน แล้วประกอบเป็นโต๊ะ ตัวโต๊ะจึงเกิดตามปัจจัยที่เรานำเอาไม้กระดานแผ่นมาต่อขาสี่ขาเข้าด้วยกัน มาวันหนึ่ง โต๊ะตัวนั้นถูกรื้อ แผ่นไม่กระดานที่เป็นพื้นโต๊ะยังอยู่ ขาทั้งสี่ก็ยังอยู่ครบ ไม่มีอะไรสูญ แต่ตัวโต๊ะ ไม่มี เมือนำมาประกอบเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง ก็เป็นโต๊ะตัวใหม่แล้ว ไม่ใช่ตัวเก่าก่อนการรื้อ ครับ |
|
| เจ้าของ: | mes [ 05 เม.ย. 2011, 07:53 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
หลับอยุ่ เขียน: สุญญัง นั่น สุญจากกิเลส only ! หรือผงดินธุลี จะหมายเอาว่า นิพพานสูญ มิเช่นนั้น จักขัดกับอีกหลายๆพระสูตร และเท่าที่อ่านในพุทธพจน์ กับคำสอนหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ไม่ได้เจอ คำว่า นิพพาน เป็นอัตตา หรืออนัตตาแต่อย่างใด! ความหมายที่แท้จริงของนิพพานคือ หลุดพ้นจากกิเลส ที่ว่าสูญนั้นคือกิเลสครับ |
|
| เจ้าของ: | student [ 05 เม.ย. 2011, 07:55 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
อ้างคำพูด: mes เขียน จริงๆไม่มีอะไรสูญ มิเช่นนั้นจะเข้าติดกับดักอุจเฉจทิฎฐิ เมื่อนำไม้มาเลื่อยเป็นแผ่นเป็นท่อน แล้วประกอบเป็นโต๊ะ ตัวโต๊ะจึงเกิดตามปัจจัยที่เรานำเอาไม้กระดานแผ่นมาต่อขาสี่ขาเข้าด้วยกัน มาวันหนึ่ง โต๊ะตัวนั้นถูกรื้อ แผ่นไม่กระดานที่เป็นพื้นโต๊ะยังอยู่ ขาทั้งสี่ก็ยังอยู่ครบ ไม่มีอะไรสูญ แต่ตัวโต๊ะ ไม่มี เมือนำมาประกอบเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง ก็เป็นโต๊ะตัวใหม่แล้ว ไม่ใช่ตัวเก่าก่อนการรื้อ ครับ หากว่าไม่สูญ แสดงว่าพระนิพพานของพระพุทธเจ้ายังอยู่ เช่นพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ เป็นฐานะที่ขัดกับกฎของพระไตรลักษณ์ |
|
| เจ้าของ: | mes [ 05 เม.ย. 2011, 07:56 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความจริง กับ สมมุติ |
หลับอยุ่ เขียน: สุญญัง นั่น สุญจากกิเลส only ! หรือผงดินธุลี จะหมายเอาว่า นิพพานสูญ มิเช่นนั้น จักขัดกับอีกหลายๆพระสูตร และเท่าที่อ่านในพุทธพจน์ กับคำสอนหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ไม่ได้เจอ คำว่า นิพพาน เป็นอัตตา หรืออนัตตาแต่อย่างใด! หลวงพ่อปากน้ำท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ ธัมมชโยดึงท่านลงมาเล่นจนเสียหาย |
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 7 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|