วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 07:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ปัญญาวิมุตินี้ศีลต้องยิ่งจริงๆ ส่วน[u]สมาธินั้นก็ต้องทำแต่ ให้ทำแค่ขนิกะสมาธิ หรืออุปจาระสมาธิก็ได้(ไม้ต้องเข้าอัปนาสมาธิซึ่งเป็นสมาธิขององค์ฌาน) ถ้าทำแล้วกิเลสอย่างหยาบ และนิวรณ์ยังไม่ดับ ให้เจริญสติช่วย เช่นที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ให้ภิกษุมีสติระลึกรู้ในการเคี้ยว การลิ้ม การเหยียด การคู้ อันนี้คือการเจริญสติ เพื่อให้จิตมันอยู่กับปัจจุบันขณะไม่ส่งจิตออกนอกกายจนเกิดจิตสังขารหรือการปรุงแต่งคิดไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ เมื่อจิตอยู่กับปัจจุบันขณะอยู่เนืองๆ ประกอบกับกำลังสมาธิในระดับขณิกะหรืออุปจาระสมาธิ กิเลสหย่างหยาบและนิวรณ์ก็ดับลงได้ ถึงตรงนีก็ยกจิตขึ้นสู่วิปัสนาได้(กิเลสนิวรณ์ต้องดับจิตถึงจะมองเห็นพระไตรลักษณ์) การยกจิตขึ้นสู่วิปัสนา ก็คือการพิจารณาพระไตรลักษณ์เมื่อจิตถูกขัดเกลาจากกิเลสและนิวรณ์จนพร้อมแล้วโดยให้เริ่มทำในหมวดกาย หมวดเวทนาละเอียดลงไป ถึงหมวดจิต และหมวดธรรมมานุปัสนา ไล่ไปจากหมวดกายก่อนเพราะป็นหมวดที่หยาบที่สุด โดยพิจาณนากายเป็นธาติ4เลย เริ่มต้นจากธาติดินก่อนคือผม ขน เล็บฟันหนังนี่แหละ เอาให้มันเห็น เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของธาติทั้ง4ในกาย ให้ได้ชัด ค่อยเลื่อนไปหมวดเวทนา(ไม่ขออธิบายโดยละเอียด) แต่การจะเห็นพระไตรลักษณ์ชัดเจน มันอาจใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี หรืออาจถึง7ปีก็แล้วแต่ จะวัดความก้าวหน้าให้วัดที่จิตนี้ ว่าละอะไรได้บ้าง ละแล้วภาวะจิต คงที่ไหม ถ้าละได้แล้วหยุดนั่งสมาธิกิเลสมันไม่ฟูขึ้น แสดงว่ามันดับไปแล้วด้วยกำลังปัญญา(วิปัสนา) แต่ถ้าหยุดนั่งกิเลสมันฟูขึ้นอีก แสดงว่ากิเลสมันยังไม่ดับแต่ถูกกดไว้ด้วยกำลังสมาธิ ซึ่งยังถือว่าการทำวิปัสนายังไม่ได้ผล พิจารณายังไม่ละเอียดพอ
......ตอหน้าถัดไป......เจโตวิมุติ/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 12:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาสมาธิ นับจากปฐมฌาณครับ ท่านเจโต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 เม.ย. 2011, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42จากที่กล่าวมาทั้งหมด นั้นเป็นข้อเท็จจริง เป็นผลจากการปฎิบัติ และข้อแนะนำจากครูอาจารย์ อย่างน้อย4ท่านคือ ท่านพุทธทาส หลวงพ่อชา หลวงพ่อสุทัศน์ หลวงพ่อพุทธ ซึ่งล้วนเป็นทฤษฏิเดิม ของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้นแม้กระทั้งอาจารย์มั่น ท่านสอนสมรรถะเอาเป็นเอาตาย อยู่หลายปี จึงสอนวิปัสนา เพราะท่านรู่ว่า มันต้อง ศีล สมาธิ แล้วจึงปัญญา ทั้งเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ ต้องผ่านสมาธิทั้นนั้น ต่างกันแค่เจโตต้องได้สมาธิในระดับองค์ฌาน ยิ่งหลวงพ่อสุทัศน์ท่านย้ำหนักหนาเลยว่า การทำวิปัสนาโดยไม่ผ่านการทำสมาธิ (กิเลสอย่างหยาบและนิวรณ์ไม่ดับ)ผลของมันเป็นแค่วิปัสนึก อันนีเจ้าลัทธิไหนท่สอน ว่ามรรคมีองค์ 8 รวมกันแล้วแหลือแค ศีล กับปัญญา(สมาธิหายไป) [u]เรากล้ากล่าวว่าธรรมนั้นวิปลาส[/u].
....พุทธบริษัททั้งหลายวันนี้ เราเปลืองตัวมากที่สุด ไม่มีเจตนาอวดอ้างคุณธรรมในตน มีเพียงเมตตา ต่อพุทธบริษัท ที่ถูกกลโกงเล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงจากคนห่มเหลืองบางคน บางพวกอยู่อย่างลำพองใจ โดยไม่เกรงต่อทุคตินรก....ถ้าใครคิดว่าธรรมที่เรากล่าววันนี้ ถูกต้อง มีประโยชน์เกื้อกูล สร้างความสว่างแก่จิตได้แม่แต่น้อยนิด โปรดใช่สติ และปัญญาพิจาณรา บอกต่อกับคนที่พอบอกได้ ถ้าใครยังไม่เชื่อว่าถูก ยังลังเลสังสัย หลวงพ่อสุทัศน์ โกวสโล ท่านเป็นอริยะบุคล เป็นแก่นแน่ ไปสอบถามหาคำยืนยันจากท่านได้ ที่วัดกระโจมทอง บางกรวยแค่นี้ อย่าเดินตามกันไปอย่างคนตาบอดเลย.....เจริญในธรรม.....เจโตวิมุติ/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 136 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร