วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 04:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2011, 05:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


การเข้าทรง จึงเป็นเรื่องของความไม่รู้และเ็ป็นการเพิ่มความไม่รู้กับผู้เสพคุ้นและ

เพิ่มความสงสัยให้กับผู้พบเห็น พระพุทธองค์ทรงติเตียนการกระทำเหล่านั้นคือการ

เป็นหมอทรงเจ้า เพราะไม่ใช่ปัญญา ไม่เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสกับเป็นการเพิ่ม

กิเลส เพิ่มความไม่รู้กับผู้ทำเองและผู้เสพคุ้นด้วยครับ อันเป็นติรัจฉานวิชา คือวิชา

ที่ทำให้กั้นสวรรค์ คือไม่สามารถไปสุคติภูมิได้และกั้นมรรค ผล คือไม่สามารถบรรลุได้

เลยเพราะเป็นความไม่รู้ครับ

การกล่าวความจริงที่เป็นสัจจะจึงไม่ใช่การลบหลู่แต่ประโยชน์คือความเข้าใจพระ-

ธรรมที่เป็นความเห็นถูกอันจะนำมาซึ่งประโยชน์ของตนและผู้อื่นครับ
เรื่อง การเป็นหมอเข้าทรง พระพุทธเจ้าติเตียนและเป็นติรัจฉานวิชา

วิชาที่กั้นสวรรค์และการบรรลุธรรม


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 14

ข้อความบางตอนจากพรหมชาลสูตร

(๒๔) ๖. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิด

ด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขา

ให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้

คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์

หย่าร้าง ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้

ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง ร่ายมนต์ให้

มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรง

หญิงสาว เป็นหมอทรงเจ้าบวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม

ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ. ฯลฯ
พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเน้นเรื่องของปัญญา เน้นเรื่องของกรรมและผลของกรรม

ในพระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้ คนไช้มี 3 ประเภท

1. คนไข้บางคน เป็นโีรครักษาหรือไม่รักษา ก็ไม่หาย เป็นโรคกรรม

2. คนไข้บางคน จะรักษาหรือไม่รักษาก็หาย

3. คนไข้บางคน ต้องได้ยา ต้องได้อาหาร ได้คนดูแลที่เหมาะสม ถึงจะหาย
เรื่อง ยักษ์ไม่เข้าสิงคนมีศีล

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒- หน้าที่ 397

ข้อความบางตอนจาก สานุสูตร

ว่าด้วยสามเณรถูกยักษ์สิง
[๘๑๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน

อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี.

สมัยนั้นแล บุตรของอุบาสิกาคนหนึ่งชื่อสานุ ถูกยักษ์เข้าสิง.

[๘๑๕] ครั้งนั้นแล อุบาสิกานั้นได้ปริเวทนาการกล่าวคาถาเหล่านี้

ในเวลานั้นว่า

ฉันได้สดับต่อพระอรหันต์ทั้งหลาย

ว่า ชนเหล่าใดเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบ

ด้วยองค์ ๘ ประการด้วยดี ตลอดดิถีที่ ๑๔

ที่ ๑๕ และที่ ๘ แห่งปักษ์ ทั้งตลอดปาริหา-

ริกปักษ์ ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ ยักษ์ทั้ง

หลายย่อมไม่เล่นกับชนเหล่านั้น บัดนี้

ฉันเห็นในวันนี้ ยักษ์เล่นกับสามเณรสานุ.
[๘๑๖] ยักษ์กล่าวว่า

ท่านได้สดับต่อพระอรหันต์ทั้งหลาย

ว่า ชนเหล่าใดเข้าอยู่อุโบสถอันประกอบ

ด้วยองค์ ๘ ประการด้วยดี ตลอดดิถีที่ ๑๔

ที่ ๑๕ และที่ ๘ แห่งปักษ์ ทั้งตลอดปาริ-

หาริกปักษ์ ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ ยักษ์

ทั้งหลายย่อมไม่เล่นกับชนเหล่านั้น เป็น

การชอบ ท่านพึงบอกสานุผู้ฟื้นขึ้นแล้ว

ว่า ยักษ์สั่งคำนี้ไว้ว่า ท่านอย่าได้กระทำ

ธรรมอันลามกทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ถ้า

ท่านจักกระทำกรรมอันลามกไซร้ ถึงท่าน

จะเหาะหนีไปก็ไม่พ้นจากทุกข์.




พระสุตตันตปิำฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่มที่ ๒๙ หน้า ๑๗๙-๑๘๓



๒. ตาลปุตตสูตร

(ว่าด้วยปัญหาของนักเต้นรำชื่อว่าตาลบุตร)



[๕๘๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร

เวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้กรุงราชคฤห์. ครั้งนั้น นายบ้านนักเต้นรำ

นามว่า ตาลบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคม

พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถาม

พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของ

นักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์ และปาจารย์ก่อน ๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใด

ทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง กลางสถานเต้นรำ

กลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย

แห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างไร. พระผู้มีพระ-

ภาคเจ้าตรัสว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้

กะเราเลย.

[๕๙๐] แม้ครั้งที่ ๒ . . . . แม้ครั้งที่ ๓ นายบ้านนักเต้นรำนามว่า

ตาลบุตร ก็ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระ-

องค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวว่า

นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง

ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกาย

ตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระ-

ภาคเจ้าตรัสอย่างไร.

[๕๙๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนนายคามณี เราห้าม

ท่านไม่ได้แล้วว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถาม

ข้อนี้กะเราเลย แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน ดูก่อนนายคามณี เมื่อก่อนสัตว์

ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะ อันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำ

รวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถาน

เต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น. เมื่อก่อน

สัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโทสะผูกไว้ นัก-

เต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ

ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น. เมื่อก่อนสัตว์

ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโมหะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโมหะผูกไว้ นักเต้นรำ

ย่อมรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ

ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น นักเต้นรำนั้น

ตนเองก็มัวเมาประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป ย่อม

บังเกิดในนรกชื่อปหาสะ. อนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำ

คนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลาง

สถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อม

เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาสะ. ความเห็นของเขานั้นเป็น

ความเห็นผิด. ดูก่อนนายคามณี ก็เราย่อมกล่าวคติสองอย่าง คือ นรกหรือ

กำเนิดสัตว์เดียรัจฉานอย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด.

[๕๙๒] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว นายบ้านนัก-

เต้นรำนามว่าตาลบุตร ร้องไห้สะอื้น น้ำตาไหล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนนายคามณี เราได้ห้ามท่านแล้วมิใช่หรือว่า อย่าเลย นายคามณี

ขอพักข้อนี้เสียเถิด อย่าถามข้อนี้กะเราเลย.

คามณี. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้ร้องไห้ถึงข้อที่

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้กะข้าพระองค์หรอก แต่ว่าข้าพระองค์ถูก

นักเต้นรำผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อน ๆ ล่อลวงให้หลงสิ้นกาลนานว่า

นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ใน

ท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็น

สหายของเทวดาชื่อปหาสะ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของ

พระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระ-

องค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย

ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทางหรือตามประทีป

ในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ

ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับทั้งพระธรรมและภิกษสงฆ์ว่าเป็น

สรณะ ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบท ในสำนักของพระผู้มีพระ-

ภาคเจ้า นายบ้านนักเต้นรำนามว่าตาลบุตรได้บรรพชาอุปสมบท ในสำนัก

พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ท่านพระตาลบุตรอุปสมบทไม่นาน หลีกออกจาก

หมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจแน่วแน่ ฯลฯ ก็แลท่าน

พระตาลบุตรเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย.

จบ ตาลปุตตสูตรที่ ๒.



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน
รักษาศ๊ล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้าง ธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทผสมทองคำเปลวถวายพร้อมนำดอกไม้มาบูชาพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน และจะถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น เมื่อวานนี้ได้สักการะพระธาตุและปิดทองพระที่พระธาตุเจดีย์ วัดแจ้ง จ.ปราจีนบุรี และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน
รักษาศ๊ล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทผสมทองคำเปลวถวายพร้อมนำดอกไม้มาบูชาพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
ปิดทองพระและสักการะพระธาตุที่พระธาตุเจดีย์ วัดแจ้ง จ.ปราจีนบุรี และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 148 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron