ทำไมเรารู้สึกได้ในทุกส่วนของร่างกาย, เราหายใจทำไมไม่หายใจไม่ได้หรือ
อาหารที่กินเข้าไปเกี่ยวอะไรกับลมหายใจหรือไม่ ทำไมจึงเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานได้
อะไรชนะทุกสิ่งทุกอย่าง???

ทำไมเรารู้สึกได้ในทุกส่วนของร่างกาย

รู้สึกไม่ถึง การเต้นของหัวใจ ถึงขนาดต้องฟัง หรือจับชีพจร เท่านั้น

คุณนับซี่ฟัน ได้หรือไม่ว่ามีกี่ซี่อยู่ในปาก ไม่ใช้มือคลำ หรือใช้กระจกส่อง

ถ้ารู้สึกไม่ได้ ลองใช้ลิ้นดุนๆ ก็ได้ ดูว่า นับได้ครบหรือไม่ ถ้าได้นับว่าเก่ง

สรุปว่า เราไม่มีความรู้สึกได้ครบทุกส่วนของร่างกาย

หมายถึงว่าเดินๆสะดุดก้อนหินรู้สึกเจ็บที่เท้า
หมายถึงว่ามือโดนมดกัดรู้สึกเจ็บ
หมายถึงว่าเดินๆหัวชนผนังเจ็บหัวโน
หมายถึงว่าเดินๆกลางแดดรู้สึกร้อน
หมายถึงว่าทานข้าวมันอร่อยไม่อร่อย
หมายถึงว่าความคิดมันคิดไปเองอัตโนมัติ

คนเรา มันก็เหมือนเครื่องจักร ที่ถูกออกแบบมาจากเหตุปัจจัย(ไม่ใช่พระเจ้าผู้สร้างที่เป็นตัวเป็นตน)

คนเรามีสภาพรู้(วิญญาณ) ได้ถึง 6 ทาง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

จักรกล แห่งจิต เจตสิก รูป มันดำเนินไป ด้วยปัจจัย24
คือมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อยู่ตลอดเวลา

จิต เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตลอดเวลา ด้วยความรวดเร็ว(ความถึ่สูงกว่าแสง)
รูป(ร่างกาย) เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตลอดเวลา ด้วยความรวดเร็วกว่าแสง

เพราะความเร็วกว่าแสง นี่เอง ทำให้สายตามนุษย์ทั่วไป ไม่เห็นการเกิดดับ
แห่งรูป และจิต
หลอดไฟ ที่กระพริบด้วยความเร็วแค่ 100 ครั้งต่อวินาที
สายตาคนเรา ก็ไม่เห็นการกระพริบซะแล้ว
นับประสาอะไร กับความถี่ที่สูงยิ่งกว่า คือ1 วินาทีมีการเกิดดับที่เป็นล้านล้านครั้ง
ย่อมไม่เห็น ย่อมไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของ จิต เจตสิก รูป

และเราเอง ก็ไม่ใช่ จิต
เรากับจิต เป็นคนละตัวกัน
เราเกิด เราตาย ไม่เกี่ยวกับจิต(หมายถึง เราตายไปแล้ว จิตยังดำเนินไป)

ไร้นา" ..... ทำไมเรารู้สึกได้ในทุกส่วนของร่างกาย,

อนัตตตาธรรม .... เราสามารถรู้สึกได้ในทุกส่วนของร่างกาย แม้ลมหายใจ หัวใจเต้น ชีพจร หรือแม้กระทั่งความสั่นสะเทือนในร่างกาย (Vibration) ถ้ามี ปัญญา สติ สมาธิ ที่ ฝึกฝนไว้ดีแล้วจนมีความละเอียด เฉียบแหลม ดุจมีดโกนที่คมกริบ

ไร้นา....เราหายใจทำไมไม่หายใจไม่ได้หรือ

อนัตตาธรรม.....เราหายใจ เพราะถูกความทุกข์บีบคั้น ไม่หายใจไม่ได้ เพราะความทุกข์มันคอยบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา

ไร้นา......อาหารที่กินเข้าไปเกี่ยวอะไรกับลมหายใจหรือไม่

อนัตตาธรรม .....เกี่ยวข้องกัน เพราะเมื่อความทุกข์บีบคั้นให้ต้องหายใจ ความทุกข์ก็บีบคั้นให้ต้องเสาะแสวงหาอาหาร มาใส่เข้าไปในธาตุขันธ์ ร่างกาย

ไร้นา......ทำไมจึงเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานได้

อนัตตาธรรม .......อาหารที่กินเข้าไป เป็นธาตุ ดินและธาตุน้ำ เมื้อไปกระทบกับธาตุลม จึงเกิดเป็นธาตุไฟขึ้นมา นี่เป็นเรื่องและกระบวนการทำงานของธรรมชาติ

ไร้นา........อะไรชนะทุกสิ่งทุกอย่าง???

อนัตตาธรรม....... ปัญญา ........ชนะทุกสิ่งทุกอย่าง

สาธุ (แวะมาอ่านค่ะ)

ได้ความรู้ดีครับ
ท่านใดมีความเห็น แสดงความคิดเห็นได้ครับ

ขอบคุณทุกๆท่านที่ร่วมสนทนาข้อธรรมที่เป็นจริงเป็นประโยชน์ในการ ดับทุกข์

จักรกล แห่งจิต เจตสิก รูป มันดำเนินไป ด้วยปัจจัย24
คือมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อยู่ตลอดเวลา

ยังเยี่ยว ไม่สุดครับ
ขอต่อก็แล้วกัน
เพราะ มีความเห็น กันไปต่างๆ นานา ที่จุดนี้........จุดอนัตตา

จิต เจตสิก รูป เกิดขึ้นด้วยปัจจัย24
มีอยู่ข้อหนึ่งคือ กัมมปัจจัย
อีกข้อหนึ่งคือ วิปากปัจจัย

ผลแห่งกรรม และผลของกรรม ..........ทำนองนี้

ก่อให้เกิด จิต เจตสิก รูป

บางคน จึงมีความเห็นไปว่า อนัตตา คือ เป็นแต่ธรรมชาติล้วนๆ โดยปฏิเสธผลแห่งกรรม
หรือว่า กรรมไม่ให้ผล กรรมเป็นเรื่องไร้สาระไป
เพราะ ไม่มีคน สัตว์ หรือตัวตน ซะแล้ว ก็เลยไม่สนใจเรื่องกรรม
ดาบองคุลิมาลที่ฟันลงไปบนลำคอของเหยื่อ ก็แค่วัตถุธาตุ ชำแรกผ่านวัตถุธาตุ.....เป็นงั้นไป

อนัตตา คือ ไม่มีตัวตน ที่จะรับสุข รับทุกข์ หรือ รับอะไรก็แล้วแต่
เป็นเหมือน ท่อนไม้ที่เผาไฟ แล้วก็เหลือแต่ขี้เถ้า

จิต ที่เป็นธาตุรู้ในคนเรา เกิดขึ้นมาเพราะมีเลือดเนื้อ เมื่อไม่มีเลือดเนื้อ จิตก็จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
จิตไม่มีที่ตั้ง จิตไม่มีที่อาศัย ...................ว่าไปอย่างนั้น

แต่ตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง จิต เจตสิก รูป เกิดขึ้นด้วยปัจจัยต่างๆ ถึง 24 ปัจจัย
ปัจจัยหนึ่งคือ กรรม
ปัจจัยหนึ่งคือ วิบาก

มีจิตอยู่ส่วนหนึ่ง เกิดขึ้นมาเพื่อรับผลกรรม.......เรียกว่าวิบากจิต
มีจิตอยู่จังหวะหนึ่ง เกิดขึ้นมาเพื่อกระทำกรรม....เรียกว่า กุศลจิต อกุศลจิต
มีจิตอยู่ขณะหนึ่ง เกิดขึ้นมาแบบอัตตโนมัติ หรือตามน้ำนั่นเอง ก็คือ กิริยาจิต

จิตคนเรา ตลอดทั้งวัน เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย บางควาวเป็นวิบากจิต บางคราวเป็นกิริยาจิต
บางคราวเป็นกุศล บางคราวเป็นอกุศล

โดยที่ไม่มีใคร ไปบังคับบัญชาได้ และไม่มีใครเป็นเจ้าของ

ฝากรูปข้างบนนี้ให้คุณ govit2552 กรุณาช่วยวิจารณ์ด้วยครับ

ช่วยขยายให้ชัดได้มั๊ยครับ
แล้วให้ดาวน์โหลดได้
ผมจะได้สามารถ เอามาพินิจพิเคราะห์ เต็มจอหน่อย

จะขออนุญาตตอบเท่าที่ตอบได้ตามความเข้าใจดังนี้ครับ



กายใจมีอยู่ จิตมีอยู่ เมื่อมีกายใจ เวทนา หรืออารมณ์ความรู้สึกที่อาศัยกายใจเป็นที่เกิดย่อมเกิดได้ เมื่อมีจิต จิตมีหน้าที่รับรู้ ดังนั้นเวทนาที่เกิดขึ้นกับกายใจ ย่อมรู้สึกได้ด้วยจิต



ร่างกายก็เหมือนเครื่องจักรที่ซับซ้อน เครื่องจักรต้องการพลังงานในการขับเคลื่อนฉันใด ร่ายกายก็ต้องการอากาศเพื่อใช้ในการสร้างพลังงานฉันนั้น ดังนั้นตราบใดที่ยังมีร่างกายที่ทำงานได้อันนี้อยู่ ตราบใดที่กายนี้ยังไม่แตกดับ เราย่อมต้องหายใจต่อไป

แต่ความรู้สึกว่าหายใจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราอาจกำลังหายใจอยู่โดยที่ไม่รู้ตัวเองเลยก็ได้ว่ากำลังหายใจ เช่นขณะคิดเรื่องอื่นเพลินๆอยู่ หรือขณะกำลังอยู่ในสมาธิขั้นละเอียด



อาหารที่กินเข้าไปจะถูกร่างกายย่อยสลายจนเล็กเกินกว่าตาจะมองเห็นได้และดูดซึมส่วนที่ใช้งานได้ไปใช้งาน บางส่วนเอาไปใช้เป็นโครงสร้างหรือใช้ซ่อมแซมร่างกาย บางส่วนถูกย่อยสลายต่อไปภายในร่างกายด้วยกลไกที่ซับซ้อนซึ่งสามารถปลดปล่อยพลังงานที่ถูกเก็บไว้ในโครงสร้างของสารอาหารนั้นและปรับให้อยู่ในรูปที่ร่างกายเอาไปใช้งานได้ การย่อยสลายเพื่อสร้างพลังงานนี้จำเป็นต้องใช้แกสออกซิเจนที่ได้จากลมหายใจ ดังนั้นอาหาร พลังงาน และลมหายใจ จึงเกี่ยวข้องกัน สารอาหารส่วนที่เหลือจะถูกลำเลียงเก็บไว้เป็นพลังงานสำรองในรูปแบบที่ง่ายต่อร่างกายในการใช้งาน เช่นในรูปไขมัน อ่านเพิ่มเติมได้ในเรื่องการหายใจระดับเซลล์ตามหนังสือชีววิทยา

ความจริงไม่ขัดแย้งกัน

ธรรมะ วิทยาศาสตร์ และปรัชญา คือเรื่องเดียวกัน



ผมไม่เข้าใจคำถามข้อนี้ครับ โปรดขยายความคำว่าชนะ และโปรดชี้แจงเพิ่มว่าทุกสิ่งทุกอย่างหมายรวมอะไรบ้าง



อันนี้พระอาจารย์มั่นเคยมีกล่าวไว้ครับ ว่าการแปลว่า อนัตตา คือ ไม่มีตัวตน หรือไม่เป็นตัวเป็นตน ดูจะค่อนข้างเข้าใจยาก เป็นปัญหาจากการแปลภาษามคธเป็นภาษาไทย ท่านแนะนำว่าให้แปลว่า "อยู่นอกเหนืออำนาจบังคับบัญชา" จะเป็นที่เข้าใจมากกว่าครับ อ่านเพิ่มได้ในปฏิบัติปุจฉาวิสัชนาครับ

ชนะ เช่น ชนะใจ
ทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น ทุกสิ่งที่มีดวงจิต

ถ้าจะชนะใจเราเอง ผมเข้าใจว่าคงต้องเอาความรู้เท่าทันเข้าสู้ครับ รู้ทันตลอดไม่ว่าใจจะเกิดอาการอย่างไร รู้เฉยๆโดยไม่หลงตาม นั่นละครับ ชนะใจตัวเองแล้ว



อะไรจะชนะทุกสิ่งที่มีดวงจิต อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆครับ

ขออนุญาติถามว่าจะเอาชนะทุกสิ่งที่มีดวงจิตไปเพื่ออะไรครับ?

คือคำถามนี้ไม่มีอะไรมาก ไม่ให้เป็นไปเพื่อชนะหรือครอบครองสิ่งใดทั้งสิ้น
โดยคำตอบนั้นคือ เมตตา