ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

อานาปานสติภาวนาเต็มสูตรต้องมี ๑๖ ขั้นตอนครับ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=38448
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  อนัตตาธรรม [ 06 มิ.ย. 2011, 18:13 ]
หัวข้อกระทู้:  อานาปานสติภาวนาเต็มสูตรต้องมี ๑๖ ขั้นตอนครับ

:b27:
มีผู้ถามและผู้กล่าวตอบได้ยินอยู่เสมอว่า ผม ดิฉัน เจริญอานาปานสติภาวนา ครับ ค๊ะ
พอซักถามรายละเอียดลงไปปรากฏว่าเป็นอานาปานสติประยุกต์ เช่น

บริกรรม พุท-โธ ตามลมหายใจเข้าออก ซึ่งเป็นพุทธานุสติ + อานาปานสติข้อแรก

บริกรรมคำว่า หนอ ตามการพอง ยุบ ของท้อง ตามจังหวะ ลมหายใจ เข้า - ออก

กำหนดรู้ลมหายใจ เข้า - ออก โดยไม่มีคำบริกรรมใดๆ

บริกรรมคำว่า อนัตตา ตามลมหายใจเข้า - ออก

ฯลฯ

ดังที่ยกมานี้ยังไม่ชื่อว่าอานาปานสติภาวนา ดังมีมาในอานาปานสติสูตร

การภาวนาตามอานาปานสติสูตรนั้นต้องเป็นไปตาม ๑๖ ขั้นนตอนที่คัดย่อมานี้ครับ โปรดช่วยกันพิจารณาและให้ความสำคัญ

ทั้งนี้เนื่องจากว่าอานาปานสติสูตรเป็นวิธีภาวนาโดยเจริญสมถะควบคู่ไปกับวิปัสสนาภาวนา เป็นคำสอนที่เยี่ยมยอดอย่างหนึ่งของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
:b36:
๑๖ ขั้นตอนของการทำอานาปานสติภาวนา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างไร ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใน ธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้า
เธอย่อมมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
๑. เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
หรือเมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว
๒. เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น
หรือเมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น
๓.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า
๔.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักระงับกายสังขาร หายใจออก ว่าเราจักระงับกายสังขาร หายใจเข้า
๕.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้ปีติ หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้
ปีติ หายใจเข้า
๖.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้สุข หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้สุข หายใจเข้า
๗.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิตสังขาร หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิตสังขาร หายใจเข้า
๘.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักระงับจิตสังขาร หายใจออก ว่าเราจักระงับจิตสังขาร หายใจเข้า
๙. สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจเข้า
๑๐.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า
๑๑.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจออก ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจเข้า
๑๒. สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจออก ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจเข้า
๑๓.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้ตามพิจารณา
ความไม่เที่ยง หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้ตามพิจารณาความไม่เที่ยง หายใจเข้า
๑๔.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้ตามพิจารณาความคลายกำหนัด หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้ตามพิจารณาความคลายกำหนัด หายใจเข้า
๑๕.สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้ตามพิจารณาความดับกิเลส หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้ตามพิจารณาความดับกิเลส หายใจเข้า
๑๖. สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้ตามพิจารณาความสละคืนกิเลส หายใจ
ออก ว่าเราจักเป็นผู้ตามพิจารณาความสละคืนกิเลส หายใจเข้า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้แล จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ


เชิญมาช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์เพื่อความแตกฉานในเรื่องนี้กันต่อไปนะครับ สาธุ

ไฟล์แนป:
100_3966_resize_resize.JPG
100_3966_resize_resize.JPG [ 51.07 KiB | เปิดดู 1979 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/