วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 10:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2011, 06:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเราพบเห็นบุคคลที่กำลังได้รับทุกข์อยู่เราเกิดมีความสงสารมากจนอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวจนเกิดการร้องไห้นั้น ท่านว่าตรงนี้ "จะเป็นบุญหรือเป็นบาป" cry

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2011, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อเราพบเห็นบุคคลที่กำลังได้รับทุกข์อยู่เราเกิดมีความสงสารมากจนอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวจนเกิดการร้องไห้นั้น ท่านว่าตรงนี้ "จะเป็นบุญหรือเป็นบาป" cry




สำหรับเรา เราคิดว่าเป็นบุญค่ะ เพราะมีเมตตาเกิดขึ้นในใจ
(แต่ไม่ใช่เป็นการร้องไห้ แบบคุมสติไม่ได้น่ะค่ะ แต่เป็นการร้องแบบน้ำตาซึมๆน่ะค่ะ) :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2011, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เมื่อเราพบเห็นบุคคลที่กำลังได้รับทุกข์อยู่เราเกิดมีความสงสารมากจนอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวจนเกิดการร้องไห้นั้น ท่านว่าตรงนี้ "จะเป็นบุญหรือเป็นบาป" cry

ทุกขเวทนา
เป็นกรรมวิบาก....ฝ่ายอกุศล
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2011, 19:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นบาปครับเพราะจิตเศร้าหมอง ความกรุณาเป็นเหตุให้ใกล้ความเสียใจ เมตตาเป็นเหตุให้ใกล้ราคะ
ความจริงต้องใช้อารมณ์นี้ครับ ถ้าเมตตาก็แล้ว กรุณาก็แล้ว ก็ต้องใช้อุเบกขาครับไม่ใช่โทมนัส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2011, 09:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
tonnk เขียน
เป็นบาปครับเพราะจิตเศร้าหมอง ความกรุณาเป็นเหตุให้ใกล้ความเสียใจ เมตตาเป็นเหตุให้ใกล้ราคะ
ความจริงต้องใช้อารมณ์นี้ครับ ถ้าเมตตาก็แล้ว กรุณาก็แล้ว ก็ต้องใช้อุเบกขาครับไม่ใช่โทมนัส


ครับผม เมื่อเห็นคนอื่นได้รับความทุกข์อยากให้เขาพ้นทุกข์เมื่อไม่สมหวังเกิดความเศร้าโศรก จัดเป็นวิบัติของความกรุณา ส่วนวิบัติของเมตตาคือ เกิดสิเนหะ คือความลำเอียง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2011, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
ปัญหาที่ ๖ ถามถึงความต่างกันแห่งน้ำตา

" ข้าแต่พระนาคเสน บุรุษคนหนึ่งร้องไห้เพราะบิดามารดาตาย อีกคนหนึ่งน้ำตาไหลเพราะความชอบใจธรรมะ น้ำตาของคนทั้งสองนั้น น้ำตาของใครเป็นเภสัช น้ำตาของใครไม่เป็นเภสัช ? "

" ขอถวายพระพร น้ำตาของคนที่ร้องไห้ด้วยราคะ โทสะ โมหะ เป็นน้ำตาร้อน ส่วนน้ำตาของผู้ฟังธรรมนั้น มีน้ำตาไหลด้วยปีติยินดีเป็นน้ำตาเย็น เป็นอันว่า น้ำตาเย็นเป็นเภสัช น้ำตาร้อนไม่เป็นเภสัช"

" ถูกดีแล้ง พระนาคเสน "

จากปุจฉาวิสัชชนาของท่านพระนาคเสน ย่อมแสดงให้เห็นว่า โทมนัสเวทนา ความปฏิฆะ ขัดเคืองกระทบกระทั้งอารมณ์ที่ไ่ม่ดี ของคุณโยม เป็นอกุศลวิบาก เป็นผลที่เกิดมาจากเหตุ คืออกุศลกรรม มีการได้เห็นได้ยิน และรู้สึกต่อสถานการณ์นั้นๆ แล้วไม่ชอบใจไม่พอใจ กระทบกระทั้งจนเกิดน้ำตาร้อน

ความจริงดูเหมือนว่าจะเป็นน้ำตาเย็นแต่ไม่ใช่เลย เป็นน้ำตาร้อน เพราะการเสียใจน้ำตาไหลออกมาได้ ด้วยปฏิฆะสัญญา หรือโทมนัสเวทนานี้ท่านจัดว่ามาจาก โทสมูลจิตเป็นเหตุสะสมอยู่ในขันธสันดานอย่างละเอียด เพราะว่า ถ้าเรื่องนั้นเหตุการณ์นั้นดันไปเกิดกับศัตรูคู่แค้น โยมลุงหมาน ได้ยิ้มปริ่ม สะใจหัวเราะชอบใจก็เป็นได้ แซวเล่นนำครับ คงไม่ใช่เนอะ :b1:

แสดงให้เห็นว่า เรามีมานะ สำคัญว่าเราดีกว่าเขา เสมอเขา เลวกว่าเขาอย่างใดอย่างหนึ่ง หากเกิดความกรุณาแสดงว่า สำคัญว่าเราดีกว่าเขามาก เลยเกิดความกรุณาสงสาร บุคคลคนนั้นต้องลำบากกว่าเรา การศึกษาน้อยกว่าเรา เป็นคนแก่ชราไม่ก็เด็กที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ หรือไม่ก็พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน ที่นี้ บุญเป็นชื่อของความสุขใจอิ่มใจ เป็นผลจากการกระทำ หากว่าเราได้ลงมือช่วยเหลือ หรือที่เขาเรียกว่าแผ่เมตตา กรุณานั่นแหละ ด้วยกาย คือลงมือออกแรงประครอง ขวนขวายช่วยเหลือ หรือออกปากให้กำลังใจแสดงน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งแน่นอนใจเป็นหัวหน้าใจเป็นประธาน คุณโยมลุงหมานก็ได้แผ่เมตตากรุณาด้วยกาย วาจา ใจครบเบ็ดเสร็จเรียบร้อย เมื่อลงมือก่อเจตนาที่เป็นกุสลคือ เป็นปัญญา ฉลาด ตัดความไม่รู้ความหลง ไม่นิ่งดูดาย ลงมือช่วยเหลือเพื่อนผู้ตกทุกข์ได้ยาก

บุญจากการให้ รอยยิ้ม น้ำตาของคนที่ได้รับความช่วยเหลือ อาจไม่ได้เป็นคำขอบคุณแต่ความรู้สึกสำหรับคนที่เคยให้ ชอบให้ เสียสละย่อมรับรู้ได้ว่า น้ำตาเย็นเป็นอย่างไร

ผิดกับบาป ความแห้งแร้ง ความเศร้าหมอง ความหดหู่ ที่เกาะกินอยู่ในจิตใจ เพราะไม่เกิดกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เปลี่ยนน้อมนำความรู้สีกนึกคิดทางกายทางวาจาทางใจของเราให้กระทำ กุศล ถือข้างกุศลไว้ โทมนัสเวทนาปฏิฆสัญญา ก็จะทำการตักเตือนเราแล้วๆ เล่าๆ น้อมจิตน้อมใจเราให้ลงต่ำ ให้เกิดความทุกข์ เกิดแต่น้ำตาร้อน เพราะเดือดร้อนรำคาญใจ ในการที่นิ่งดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้กระทำการอะไรเลย

บุญคือผล บาปคือผล เกิดจากเหตุที่ได้กระทำเอาไว้ วันนี้ยังไม่รู้ วันนี้ยังไม่ให้ วันนี้ยังไม่ได้ทำ ผลต่างๆ ก็จะน้อมนำซ้ำๆ เตือนให้เราเกิดร้อน เกิดเย็น เป็นบุญหรือบาป ขึ้นอยู่กับการกระทำ อยู่กับกรรมหรือเจตนาของเราเอง เจริญพรโยมลุงหมานครับ

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2011, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ลุงหมาน เขียน:
เมื่อเราพบเห็นบุคคลที่กำลังได้รับทุกข์อยู่เราเกิดมีความสงสารมากจนอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวจนเกิดการร้องไห้นั้น ท่านว่าตรงนี้ "จะเป็นบุญหรือเป็นบาป" cry


การที่คุณมีความสงสารและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นในยามยาก แสดงให้เห็นว่าพื้นฐานด้านจิตใจของคุณ
เป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณา จิตใจเปี่ยมไปด้วยความดีงาม ต้องการแบ่งเบาภาระของผู้อื่นอย่าง
เต็มใจและสุดความสามารถเพื่อให้ผู้อื่นได้มีโอกาส.....เมื่อจิตใจของคุณเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม
เช่นนี้แล้วย่อมเกิดกุศลบารมีต่อคุณเอง.....ขอให้คุณรักษาจิตใจที่ดีงามนี้ไว้

ขออนุโมทนาทานในจิตใจอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตาของคุณ และขอพุทธคุณคุ้มครอง ให้คุณมีอายุ วัณณะ สุขขะ พละ เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา มีความสุข ความเจริญตลอดไปครับ

:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2011, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




4_465[2].jpg
4_465[2].jpg [ 8.84 KiB | เปิดดู 5481 ครั้ง ]
ขอบคุณกับคำตอบทุกท่านครับที่ให้สาระน่ารู้ โดยเฉพาะ ท่าน พุทธฎีกาท่านอธิบายได้เข้าใจลึกซึ้งครับ
ผมแวะเข้ามาอ่านบ่อยแต่ไม่ได้โพสต์ เพราะจำรหัสตัวเองไม่ได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2011, 03:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


เจริญพร คุณโยมลุงหมาน จริงๆ จะยกรูปมาให้คุณโยมลุงหมานดูเหมือนกันแต่ตอบคำถามตอบเมล์หลายฉบับ มีเวลาน้อย ก็ขออนุโมทนาสาธุครับ พุทธฏีกาอยู่ประจำที่ลานธรรมเสวนาครับ แวะมาที่นี้บ้างมาน้อยคงเหมือนคุณโยมลุงหมานเหมือนกัน นี่แหละครับ ธรรมจัดสรร ให้ได้พบกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

ถ้าไม่มีอกุศลมูลจิต มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นเหตุ เป็นสังโยชน์ร้อยรัด เป็นสักกายะทิฏฐิ บุญบาปสุขทุกข์ที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยนี้ก็ให้ผลแก่ธาตุขันธ์เท่านั้นครับ สัมมาทิฏฐิในส่วนแห่งบุญแห่งวิปาก มีผู้รับมีอัตตามีความยึดถือว่าเป็นเราเห็น เราได้ยิน เรารู้สึกนึกคิดแน่นอน ขาดการพิจารณาใส่ใจโดยแยบคาย มันเลยทบทวนสะสมเหตุเก่า เพิ่มเหตุใหม่อยู่เรื่อยๆ วนเวียนไปอย่างนี้

เมื่อสัมมาทิฏฐิ ที่เป็นองค์แห่งมรรค เป็นปัญญินทรีย์เจตสิก พ้นทางแห่งบัญญัติตัวตนบุคคล เป็นวิปัสสาญาณ รู้แจ้งในสภาวะธรรมทั้งหลาย เป็นปรมัตถธรรม ก็เป็นโสภณเจตสิก ประกอบกับมหากุศลจิตที่ไม่ประกอบด้วยความเห็นผิด มีสติสัมปชัญญะ ความเพียร ปิดกั้นอกุศลเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น สลัดทิ้งเห็นความไม่เที่ยงไม่ใช่ัตัวตนเป็นอนัตตา เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป บุญบาปมีแต่ผู้เป็นบุญเป็นบาปไม่มี มีแต่สภาวะของ กุศลบ้าง อกุศลบ้าง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยตามกระแสของอิทัปปัจจัยตา

เดี๋ยวเดินจงกรม เสร็จทำวัตรเ้ช้า โยมลุงหมานและกัลยาณมิตรทุกท่านรับพรด้วยกันนะครับ ขอเจริญพร


สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ สพฺพโรโค วินสฺสตุ

มา เต ภวตฺวนฺตราโย สุขี ทีฆายุโก ภว

อภิวาทนสีลิสฺส นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน

จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ


ความจัญไรทั้งปวงจงบำราศไป โรคทั้งปวงจงหายไป อันตรายอย่ามีแก่ท่าน ขอท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีการอภิวาทเป็นปรกติ อ่อนน้อมต่อผู้เจริญเป็นนิตย์. เจริญพร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2011, 06:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ เท่าที่อ่านดูการสนทนารู้สึกพระคุณเจ้าจะศึกษาพระอภิธรรมมาอย่างดี
ตัวกระผมเองก็ศึกษาพระอภิธรรมอยู่ชั้นมหาเอกจะจบปีนี้แหละครับถ้าสอบผ่าน ที่บอกนี้จะได้สนทนากันโดยไม่ต้องเกรงใจน่ะครับ ผมก็อยากรู้จักกับคนที่ศึกษาพระอภิธรรมจะได้คุยกันรู้เรื่องดี

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2011, 09:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


เจริญพรไม่หรอกครับโยมลุงหมาน ไม่ถึงกับว่าดีอะไรเลยครับ พุทธฏีกาเป็นพระอยู่ป่าอยู่ดอย ครูพักลักจำ จะได้มีความรู้อภิธรรมตรีโทเอกตามหลักสูตรกะเขาก็เปล่าเลย ขอให้โยมลุงหมานสอบผ่านสมปรารถนาด้วยนะครับ อ๋อ ที่แนะนำตัวกลมๆ สีฟ้าๆ link ที่ลานธรรมเสวนาที่นั่นผู้รู้อภิธรรมมีอยู่พอสมควรครับ ตัวพุทธฏีกาต่างหากครับที่ต้องขอความรู้คุณโยมลุงหมาน ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย เจริญพรครับ ^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
อ้างคำพูด:
เมื่อเราพบเห็นบุคคลที่กำลังได้รับทุกข์อยู่เราเกิดมีความสงสารมากจนอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวจนเกิดการร้องไห้นั้น ท่านว่าตรงนี้ "จะเป็นบุญหรือเป็นบาป"

...พบเห็นบุคคล...ก็คือเห็นเป็นอัตตาอยู่...คือไม่เข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฎตามความเป็นจริง...
...เพราะเหตุที่เกิดไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวหรือตัวเราเองเป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา...
...สัพเพธัมมา อนัตตา...ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา..เพราะจิตยังหลงในภพคือภว ที่มีตัวตนที่เป็นอยู่...
...แล้วก็ติดข้องทุกสิ่งที่เห็นทางตา สร้างความรู้สึกปรุงแต่งตามความรู้สึกแห่งตนคือเวทนา...
:b48:
...ขอให้ทำความเข้าใจว่าขณะที่เห็นว่าเป็นเรารู้สึกทุกข์ร้องไห้ตาม...ขณะนั้นติดข้องแล้วด้วยโมหะ...
...เพราะไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะ...เกิด-ดับไปหมดแล้วทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ...
...ก็จิตที่หลงผิดดวงนั้นเอง...ที่สะสมแล้วซึ่งความเกิด-ดับที่ต่อเนื่องโดยความไม่รู้สภาพธรรมแล้ว...
...คืออวิชชาครอบงำ...ต้องแก้ด้วยวิชชาคือปัญญาที่สอนจิตให้เข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรมไม่ใชเรา...
:b48:
...เราไม่ทำอะไร...แต่เป็นกิเลสที่เกิดเห็นอกุศลธรรมและนิวรณ์ธรรม...เพราะไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะ...
...โมหะครอบงำเห็นเป็นบุคคล สัตว์ สิ่งของแล้วก็จำเป็นชื่อคน สัตว์ สิ่งของเรื่องราวต่างๆมากมาย...
...เพราะฉะนั้นก็สะสมแต่อวิชชา...ความไม่รู้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรมะไม่ใช่เรา...
...อีกยาวนานเท่าไหร่ที่จิตจะสามารถดับอวิชชาได้...ก็ไม่ควรคิด...ให้คิดว่าทำยังไงจะเข้าใจขึ้นบ้าง...
:b48:
...คือจะต้องอบรมเจริญปัญญา...โดยเริ่มจากการฝึกคิดในสิ่งที่ปรากฎว่าเป็นธรรมะทุกขณะที่เห็น...
...ทุกๆการเห็นแต่ละทาง...ไม่ว่าจะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ...เกิดขึ้นไม่เหลือแล้วผ่านเป็นอดีต...
...กระพริบตาก็ดับไปแล้วนับไม่ถ้วนก็ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะ...เพราะคิดว่าเราไปรับสภาพนั้นเองด้วย...
...ต้องสอนจิตให้เข้าใจว่า...ไม่ใช่เราเห็น...เป็นธรรมะ....กว่าจะรู้ว่าไม่ใช่เรา...ก็ต้องสอนจิตเนืองๆ...
:b48:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เมื่อเราพบเห็นบุคคลที่กำลังได้รับทุกข์อยู่เราเกิดมีความสงสารมากจนอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวจนเกิดการร้องไห้นั้น ท่านว่าตรงนี้ "จะเป็นบุญหรือเป็นบาป"


ที่แน่ๆ มีความทุกข์เกิดขึ้น
ทุกข์เพราะไม่มีบุญปารมี(อุเปกขาเป็นหลักๆ) ถ้ามีจะไม่ร้องไห้แต่จะช่วยทันทีเลยหรือวางเพราะว่าเหลือวิสัยตน ที่ร้องไห้เพราะไม่สามารถช่วยได้หรือวางไม่ได้

อย่าไปใส่ใจกับความทุกข์ เมื่อความทุกข์ตรงนั้นเกิดขึ้น ให้ปล่อยโดยพลันโดยคิดว่าตอนนี้ยังเหลือวิสัยแห่งเรา ตรวจดูตนเองว่าบุญบารมีตนยังขาดเหลือด้านใดจึงจะช่วยเขาได้(ถ้าเหลือวิสัยไปก็สร้างอุเปกขาปารมีเถิด)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 67 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร