วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 00:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 152 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2011, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
สัญญาลากไปใหญ่แล้ว ฟุ้ง
มีอนิจสัญญา ทุกขสัญญา อนันตสัญญา :b1:

ความจริงมันตั้งอยู่อย่างไรก็ตั้งอยู่อย่างนั้นนะครับ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2011, 21:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
eragon_joe เขียน:
สัญญาลากไปใหญ่แล้ว ฟุ้ง
มีอนิจสัญญา ทุกขสัญญา อนันตสัญญา :b1:

ความจริงมันตั้งอยู่อย่างไรก็ตั้งอยู่อย่างนั้นนะครับ


ความเห็นท่าน ความคิดท่านเอง
ชงเอง เสพเอง
และมันก็เป็นเพียงแค่ มายา

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2011, 21:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ตงลงว่า จะอยู่กับความเชื่อ ความเห็นอย่างนั้น ... มันเป็นสิทธิที่ผู้ใดไม่อาจล่วงได้

ฝากไว้อีกหน่อยก็แล้วกัน ว่า ธรรมชาติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ ทุกสิ่งมีเหตุปัจจัยเป็นแดนเกิด มีลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ฯ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2011, 23:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
ก็ตงลงว่า จะอยู่กับความเชื่อ ความเห็นอย่างนั้น ... มันเป็นสิทธิที่ผู้ใดไม่อาจล่วงได้

ฝากไว้อีกหน่อยก็แล้วกัน ว่า ธรรมชาติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ ทุกสิ่งมีเหตุปัจจัยเป็นแดนเกิด มีลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ฯ


ความเห็นนี้ ผู้เห็นคือท่านเอง ไม่ใช่หรือ
งอกออกมาจากสัญญาท่านเอง งอกออกมาจากไหน
มันก็ฝากคาอยู่ตรงนั้นล่ะ

:b14: :b14:
:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 11:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ดื้อยานิ feed fact ให้ถูก reject หมด accepted แต่ opinion ... fact ที่ฝากผมไว้ อยากจะมาเอาวันใหนก็มาเอาได้นะ จะ take care ไม่ว่ากัน

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 11:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกียทรัพย์

ตรึกที่จะได้ ตรึกที่จะมี ตรึกที่จะเก็บ
ตรึกที่จะรักษาไว้ จะต่างอะไรกับ ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

ไม่ผิดเลย ที่เป็น ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เพราะยังยึดในทรัพย์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 15:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Supareak Mulpong เขียน:
อ้างคำพูด:
ปญฺญาสหิโต นโร อิธ ทุกฺเข สุขานิ วินฺทติ
คนมีปัญญา ถึงแม้ตกทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ
อริยบุคคล ถึงจะตกอยู่ในสภาพที่น่าจะประสบกับความทุกข์มากที่สุด ก็ยังมีความสุขอยู่ได้ เพราะมีปัญญา จนบางทีคนทั่วไปสงสัยว่า โดนขนาดนี้แล้วมันยังเฉยยิ้มอยู่ได้ยังไงฟะ


อันนี้ กล่าวอาการแสดงของอริยะบุคคลเพื่อสนับสนุน อาการที่ปรากฎในตน

อาการแสดงออก ดูคล้ายกันเท่านั้น
เพราะอาการ เป็นสิ่งที่มองเห็นแค่ภายนอก

แต่ปัจจัยอันเป็นองค์ประกอบภายใน ที่ส่งผลให้อาการนั้นแสดงออกมามันต่างกัน
หนึ่งไหล ไปในอารมณ์
กะหนึ่ง รู้แจ้งในธรรม
เืหมือนกันแค่ภาพภายนอก แต่ภายในต่างกันด้วยคุณธรรม

:b16: :b16: :b16:

คนที่มีรอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้า ก็หลวงพ่อชา หลวงปู่แหวน หลวงตาบัว
หลวงปู่บุญฤทธิ์(รอยยิ้มท่านชื่นใจจริง ๆ)
ท่าน ติ นัท ฮัช แม่ชีสันสนีย์ ฯลฯ
ต้องไปถามท่านเหล่านั้น ว่า รอยยิ้มนั้น เพราะเหตุปัจจัยใด จึงปรากฎ
แล้วก็ต้องลองถามท่านด้วยว่า การยิ้มได้เช่นนี้ ท่านเป็นอริยะบุคคลแล้ว ใช่หรือไม่

ยังมีบุคคลเป็นจำนวนมาก ในหลวงแห่งแผ่นดินไทย
ที่ยากนัก ที่จะเห็นรอยยิ้มของท่า่น แต่บารมีที่ปรากฎแก่สายคนไทย
ยากยิ่งนักที่จะกล่าวว่า ท่านไม่ใช่อริยบุคคล
และบางที ท่านอาจจะอยู่ในฐานะที่สูงยิ่ง

:b16: :b16: :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 27 มิ.ย. 2011, 16:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
งั้นผมจะถามคุณ rosarin

จิตนี้เป็นอมตะ หรือ จิตนี้เกิดดับ

:b12:
...จิตนี้ยังเป็นปุถุชนที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลส...ยังเห็นเป็นคน สัตว์ สิ่งของ...กำลังคิดพิจารณาธรรม...
...ว่ามีแต่สภาพธรรมเกิด-ดับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับค่ะ...อยู่เป็นผู้ดู...
...ไม่ใช่อยู่แบบผู้กระทำ...กำลังสอนจิตให้ถอนตัวตนอยู่...ไม่ง่ายแต่ก็ทำได้ตามกำลังให้สะสมถูกขึ้น...
...เพราะว่าจิตนี้ยังไม่เข้าถึงสภาพธรรมอมตะที่จิตไม่เกิดและไม่ดับ...จิตอมตะน่ะคือจิตพระอรหันต์...
:b20:
:b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 27 มิ.ย. 2011, 17:05, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 16:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
Supareak Mulpong เขียน:
ดื้อยานิ feed fact ให้ถูก reject หมด accepted แต่ opinion ... fact ที่ฝากผมไว้ อยากจะมาเอาวันใหนก็มาเอาได้นะ จะ take care ไม่ว่ากัน

...ไทยคำ...ฝรั่งคำ...สมควรแปล...เพราะฝรั่งงงเจ้าค่ะ...
...แปลไทยเป็นไทยยังยาก...ยังเห็นไม่ค่อยถูกเลย...ว่าไม๊คะ...
:b9: :b32:
:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
...พระธรรมคำสอนทั้งหมดที่มีการบันทึกเป็นพระไตรปิฎก...
...เป็นการอธิบายสภาพธรรมที่กำลังปรากฎต่อหน้าผู้ฟัง...
...ในครั้งพุทธกาลไม่มีตำรามาให้อ่านมีแต่ฟังจากพระโอษฐ์...
...ขณะนี้ธรรมทั้งหลายที่ทรงแสดงก็ยังไม่หายไปไหนเลย...
...จะเข้าใจสิ่งที่ปรากฎทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เดี๋ยวนี้...
...หรือจะรอให้ศึกษาพระไตรปิฎกทั้งหมดก่อนค่อยจะปฏิบัติ...
...ย้อนเวลามาพิจารณาอีกไม่ได้กลายเป็นทะเลเรื่องราวทั้งหมด...
...เมื่อไม่สามารถรู้ความจริงที่กำลังปรากฎเดี๋ยวนี้...เกิดแน่นอน...
...ไม่ต้องถามพระพุทธเจ้าก็รู้ว่าเกิดแน่นอน...จนกว่าจะรู้ความจริง...
...ว่าทั้งหลายทั้งปวงที่เที่ยวเกิด-ตายอยู่นี้เพื่อศึกษาความจริงที่กำลังปรากฎ...
:b8:
:b44: :b44:

:b17: อนัตตาธรรม.........

เยี่ยมจริงๆครับ คุณรสริน ผมขอเป็นกองเชียร์ความเห็นอย่างนี้ แต่ผู้ที่จมลึกอยู่ในบัญญัติอันวิเศษทั้งหลาย จะรู้ตัวหรือเปล่าหนอ!

ขณะนี้ธรรมทั้งหลายที่ทรงแสดงก็ยังไม่หายไปไหนเลย...
...จะเข้าใจสิ่งที่ปรากฎทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เดี๋ยวนี้...


คำพูดประโยคนี้กล่าวถึงปัจจุบันสภาวะ ผู้ที่หลงยึดตำราหรือบัญญัติทั้งหลาย จะมีสำนึกรู้กันหรือเปล่าหนอ!

เขาเคยได้รู้ไหมว่า เวลาลงมือปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาจริงๆเนียะ บัญญัติที่
เรียนรู้มามากมาย ลึกซึ้ง วิเศษเพียงใด แม่แต่จะเป็นพุทธวัจจนะ ก็ต้องเอากองทิ้งไว้ทั้งหมดเสียก่อน ด่วยความเคารพ

ทิ้งบัญญัติ มาเอาสติ ปัญญา เฝ้าตามดู ตามรู้ ตามสังเกต พิจารณา กระบวนการทำงานตามธรรมชาติ ในรูป - นาม กาย - ใจ ทั้งหมด ณ ปัจจุบันขณะ ปัจจุบันอารมณ์ ที่ปรมัตถอารมณ์
ทำอย่างนี้ได้ดีๆแล้ว คำตอบตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน จะรู้ชัดขึ้นมาในจิตในใจ เป็นภาวนามยปัญญาแท้ๆ ไม่ใช่ สุตตและ จินตมยปัญญา อันเต็มอยู่ใน สัญญา ที่ยกมาถกเถียงแสดงภูมิบัญญัติทับถม เอาชนะคะคานกันอยู่ทุกวันนี้ ความรู้บัญญัติเป็นอย่างดีของบางท่านอาจพาตัวท่านสำเร็จธรรมเป็นพระอรหันต์ด้วยความนึกคิดหรือบัญญัติไปแล้วก็ได้

ผู้แสดง ธรรมปัจจุบัน ซึ่งก็คือธรรมมะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงในอดีตเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วนั่นเอง กลับถูกหมิ่นแคลน แถมยังบอกว่า เป็นผู้บิดเบือนคำสอนอันบันทึกไว้ในคัมภีร์พระไตรปิฎก

ความจริงที่แสดงไว้ในคัมภีร์ปรมัตถ์ กว้างศอก ยาววา หนาคืบ นี้ ใช้ไม่ได้ใช่ไหมครับ ถ้าไม่ตรงกับคำสอนในพระสูตร

ความเจ็บ ปวด ทุกข์ สุข ร้อน หนาว เย็น อุ่น หนัก เบา แข็ง อ่อน ซึมซับ เอิบอาบ แตกสลาย
เวทนาในกายใจในปัจจุบันชีวิตของคนสมัยนี้ ไม่เหมือนของคนในสมัยพุทธกาลหรือครับ

การนำเอาคำสอนในตำรา มาลงมือพิสูจน์กับความจริงในปัจจุบัน ใช้บัญญัติ ชื่อเรียกตามศัพท์บัญญัติที่ใช้ในปัจจุบัน มิใช่การปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเช่นนั้นหรือ


ควรถอนตัวออกมาจากปลักตมแห่งบัญญัติ มาสู่ความเป็นจริงในปัจจุบันที่ทุกชีวิต ทุกท่านกำลังประสบอยู่เดี๋ยวนี้ แล้วเอาหลักที่พระพุทธเจ้าทรงสอนมาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความจริง ว่าถ้าจริงอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว ผู้พิสูจน์ก็ย่อมจะได้รับผลอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงด้วยตนเองในที่สุด

:b34:
:b12:

:b1:
...ถ้าหลงว่ามีตัวตนของเราไปคิดจดจำพระธรรมคำสอน...รู้ได้ขณะนั้นไม่เข้าใจสภาพธรรม...ธรรมไม่ต้องจำชื่อ...
...แต่เป็นการศึกษาความจริงที่กำลังปรากฎขณะนี้ ที่กำลังมีเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รับสัมผัส เป็นธรรมไม่ใช่เรา...
...รู้ว่าขณะนี้มีธรรมและคิดพิจารณาไตร่ตรองตามความเป็นจริงให้เข้าใจตามได้บ้าง ขณะนั้นก็เกิดปัญญา...
...เมื่อไม่ได้คิดพิจารณาก็ลืมแล้วว่าเป็นธรรมะ...ก็กลายเป็นตัวตนเราทำสิ่งต่างๆ...เกิดแล้วแน่นอนค่ะ...
:b22:
:b12: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2011, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
:b8:
...สภาพจิตท่องเที่ยว 6ทางมีลักษณะภพของโคจรรูป 7 อย่างคือ...
...1รูปหรือสี 2เสียง 3กลิ่น 4รส 5เย็น-ร้อน 6อ่อน-แข็ง 7ตึง-ไหว...
...เช่น เวลาสัมผัสทางกายให้ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ...
...ละเอียดมากค่ะทั้ง 6ทางรู้คนละอย่างแต่จิตปุถุชนเร็วไม่พอที่จะรู้พร้อมกันได้...
:b12:
...เอาง่ายๆลองพิจารณาแค่กัดฟัน...เป็นไงบ้าง...คิดว่ากัดฟันใช่ไหม...ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมค่ะ...
...เวลาพิจารณาตอนกัดฟันปรากฎฟันคือคิดเอาค่ะ...ที่ถูกคือปรากฎแข็งไม่ใช่ฟัน ไม่ใช่เรากัดฟันค่ะ...
...ยากมากขอบอกกว่าจะไม่มีเรา ไม่มีชื่ออวัยวะต่างๆ ก็ควรต้องฝึกคิดให้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฎ...
...เหตุที่ศึกษาพระธรรมก็เพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาที่เห็นว่าเป็นเราทำ...จนกว่าเห็นความจริง จริงๆ...
:b22:
:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2011, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes พึ่งจะเข้ามาอ่าน แหมสุดยอดทุกท่านเลย ทั้งข้อมุล หลักธรรม พระสูตรต่างๆที่นำมาแสดงได้ความรู้มากมาย แต่ขอเก็บความรู้ไว้แค่ที่พอเข้าใจ แต่ที่ยังย่อยไม่ได้ไม่กล้าซักไซ้ เทียบเคียง ไว้ต่อยอดทีหลัง แหมขุมทรัพย์ทั้งนั้น สาธุ สาธุ สาธุ :b8: :b20: :b19:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2011, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


Rosarin เขียน:
rolleyes
:b8:
...สภาพจิตท่องเที่ยว 6ทางมีลักษณะภพของโคจรรูป 7 อย่างคือ...
...1รูปหรือสี 2เสียง 3กลิ่น 4รส 5เย็น-ร้อน 6อ่อน-แข็ง 7ตึง-ไหว...
...เช่น เวลาสัมผัสทางกายให้ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ...
...ละเอียดมากค่ะทั้ง 6ทางรู้คนละอย่างแต่จิตปุถุชนเร็วไม่พอที่จะรู้พร้อมกันได้...
:b12:
...เอาง่ายๆลองพิจารณาแค่กัดฟัน...เป็นไงบ้าง...คิดว่ากัดฟันใช่ไหม...ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมค่ะ...
...เวลาพิจารณาตอนกัดฟันปรากฎฟันคือคิดเอาค่ะ...ที่ถูกคือปรากฎแข็งไม่ใช่ฟัน ไม่ใช่เรากัดฟันค่ะ...
...ยากมากขอบอกกว่าจะไม่มีเรา ไม่มีชื่ออวัยวะต่างๆ ก็ควรต้องฝึกคิดให้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฎ...
...เหตุที่ศึกษาพระธรรมก็เพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาที่เห็นว่าเป็นเราทำ...จนกว่าเห็นความจริง จริงๆ...
:b22:
:b13: :b13:

:b20:
อนัตตาธรรม..........

ละเอียดอ่อนและลึกซึ้งดีจังครับ คุณรสริน

แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจสำหรับผู้ใหม่หรือผู้ที่กำลังหลงจมอยู่ในทะเลแห่งสมมุติบัญญัติ

สภาวะปรมัตถ์ หรือสัจจธรรมความจริงนั้น คงสัมผัสได้ด้วยการปฏิบัติจริงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
จะมาคิด ให้รู้ความจริงนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ผัสสะทางทวารทั้ง 6 นั้น เราควรสนใจที่ปัจจุบันผ้สสะ น่าจะเป็นคุณเป็นประโยชน์ ที่จะนำเอาไปกินไปใช้ได้จริงๆ

มาสนใจและทำความแตกฉานกันเรื่องของปัจจุบันผัสสะ ปัจจุบันอารมณ์กันให้มาก เราจะได้คำตอบทั้งหมดปรากฏชัดขึ้นที่ใจของเจ้าของผู้ทำภาวนา

ความทันปัจจุบันอารมณ์ของสติ ความรู้และสังเกตอยู่ที่ปัจจุบันอารมณ์ของปัญญา จะเป็นตัวตัดบัญญัติให้ขาดสะบั้นไปชั่วขณะเป็น ขณิกสมาธิ จิตจะได้สัมผัสสภาวะไร้บัญญัติ ชัดอยู่แต่ปรมัตถ์ 1 ชั่วขณะ
สะสมสมาธิอันเปรียบเหมือนหยดน้ำเล็กๆเหล่านี้ให้พอกพูนมากขึ้นๆ จนกลายเป็นน้ำเต็มขันเต็มโอ่ง ก็จะสามารถใช้ดื่ม อาบ บริโภคได้

จะสัมผัสความจริงที่ไม่ใช่สมมุติบัญญัติ ว่า หู ตา จมูก ปาก คน สัตว์ หญิง ชาย ให้รู้แต่เพียงสักแต่ว่าธาตุนั้น คงต้องสะสมพอกพูนความรู้อยู่กับปัจจุบันให้ได้มากๆ แล้วเขาก็จะได้รู้ได้สัมผัสเองโดยอัตโนมัติครับ
:b8:
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2011, 23:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
rosarin เขียน
เวลาพิจารณาตอนกัดฟันปรากฎฟันคือคิดเอาค่ะ...ที่ถูกคือปรากฎแข็งไม่ใช่ฟัน ไม่ใช่เรากัดฟันค่ะ.


ผมสนใจในข้อความนี้มากครับจะลองไปกำหนดดู

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2011, 23:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ลองพิจารณาโดยความเป็นธาตุก็ดีครับ

รูป คือมหาภูตรูปสี่ หรือรูปที่อาศัยมหาภูตรูปสี่

พิจารณารูปโดยความเป็นรูป แต่ไม่มีรูป ที่เป็น คน สัตว์ สิ่งของ เรา เขา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 152 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 118 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron