ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=38614 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 11 |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 17 มิ.ย. 2011, 11:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
๑ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือใคร ? ๒ ท่านค้นหาอะไร ? ๓ ท่านพบอะไร ? ๔ ท่านเอาอะไรมาสอน ? |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 17 มิ.ย. 2011, 12:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
อ้างคำพูด: ๑ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือใคร ? พระพุทธเจ้าคือ พุทธะ อ้างคำพูด: ๒ ท่านค้นหาอะไร ? ความหลุดพ้น อ้างคำพูด: ๓ ท่านพบอะไร ? สิ่งที่พระองค์พบ คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ได้แก่ ทุกขอริยสัจ ทุกขสมุทัยอริยสัจ ทุกขนิโรธอริยสัจ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ อ้างคำพูด: ๔ ท่านเอาอะไรมาสอน ? พระองค์นำสิ่งที่ค้นพบมาสอน คือเรื่องทุกข์ และความดับแห่งทุกข์ |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 17 มิ.ย. 2011, 14:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
ข้อแรกถูกครึ่งเดียว ข้อสองถูกครึ่งเดียว ข้อสามถูกครึ่งเดียว ข้อสุดท้ายก็ยังถูกครึ่งเดียว หายไปตั้งครึ่ง |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 17 มิ.ย. 2011, 15:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
Supareak Mulpong เขียน: ข้อแรกถูกครึ่งเดียว ข้อสองถูกครึ่งเดียว ข้อสามถูกครึ่งเดียว ข้อสุดท้ายก็ยังถูกครึ่งเดียว หายไปตั้งครึ่ง เอาหล่ะงั้นจะตอบใหม่ แต่ไม่ใช่ผมที่ตอบ |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 17 มิ.ย. 2011, 16:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
ปัญหาที่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นใคร ๖. โทณสูตร ว่าด้วยโทณพราหมณ์ทูลถามปัญหา สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จพระพุทธดำเนินทางไกลอยู่ในระหว่างเมืองอุกกัฏฐะกับเมืองเสตัพยะ แม้โทณพราหมณ์ก็เดิน-ทางไกล อยู่ในระหว่างเมืองอุกกัฏฐะกับเมืองเสตัพยะ โทณพราหมณ์ได้เห็นรูปจักรในรอยพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า ประกอบด้วยซี่กำนับ ๑,๐๐๐มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยลักษณาการพร้อมสรรพ เห็นประหลาดไม่เคยมีชะรอยจักไม่ใช่รอยเท้ามนุษย์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จแวะไปประทับอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่งทรงคู้บัลลังก์ ตั้งพระกายตรง ดำรงพระสติไว้จำเพาะหน้า. โทณพราหมณ์เดินตามรอยพระบาทไป พบพระองค์ ดูผุดผ่องน่าเลื่อมใส อินทรีย์สงบ มีพระทัยอันสงบ ได้รับการฝึกฝนและความสงบอย่างยอดเยี่ยม มีตนฝึกแล้ว คุ้มครองแล้ว มีอินทรีย์อันรักษาแล้ว เป็นผู้ประเสริฐ ครั้นแล้ว จึงเข้าไปใกล้แล้วทูลถามว่า ท่านผู้เจริญเป็นเทวดาหรือ. พ. ตรัสตอบว่า เราไม่เป็นเทวดา พราหมณ์. โทณ. เป็นคนธรรพ์หรือ. พ. ไม่เป็น. โทณ. เป็นยักษ์กระมัง. พ. ไม่เป็น. โทณ. เป็นมนุษย์สิ. พ. ไม่เป็น. โทณ. ข้าพเจ้าถามว่า ท่านเป็นเทวดา...เป็นคนธรรพ์...เป็นยักษ์ เป็นมนุษย์หรือ ท่านก็ตอบว่า ไม่เป็น ๆ ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นใครกัน. พ. พราหมณ์ เราจะพึงเป็นเทวดา...เป็นคนธรรพ์...เป็นยักษ์...เป็นมนุษย์ เพราะอาสวะเหล่าใดที่เราละไม่ได้ อาสวะเหล่านั้นเราละได้แล้วมีมูลอันขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดด้วนแล้ว ทำให้ไม่มีในภายหลังแล้วมีอัน ไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา นี่แน่ะพราหมณ์ ดอกอุบลก็ดี ดอกปทุมก็ดี ดอกบุณฑริกก็ดี เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ แต่ขึ้นมาตั้งอยู่พ้นน้ำน้ำไม่กำซาบเข้าไปได้ ฉันใด เราก็ฉันนั้น เกิดในโลก เติบใหญ่มาในโลกแต่เราอยู่เหนือโลก โลกไม่เข้ามากำซาบ (ใจเรา) ได้ แน่ะพราหมณ์ ท่านจงจำเราไว้ว่า เป็นพุทธะ " เราจะพึงได้กำเนิดเป็นเทวดา หรือ ว่าเป็นคนธรรพ์ผู้เหาะเหินได้ เพราะ อาสวะใด เราจะพึงได้อัตภาพยักษ์ และ อัตภาพมนุษย์ เพราะอาสวะใด อาสวะ เหล่านั้นของเราสิ้นไปแล้ว เราทำลาย ทำ ให้ขาดสายแล้ว. แน่ะพราหมณ์ ดอกบัวย่อมขึ้นมา อยู่พ้นน้ำ น้ำไม่กำซาบเข้าไปได้ ฉันใด เราก็ฉันนั้น โลกไม่เข้ามากำซาบใจเราได้ เพราะฉะนั้น เราจึงเป็น พุทธะ. " จบโทณสูตรที่ ๖ พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๓๕ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่มที่ ๒ หมายเหตุ อีกสำนวนหนึ่ง ใช้คำว่าพระพุทธเจ้า แทนพุทธะ |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 17 มิ.ย. 2011, 17:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
ปัญหาที่ถามว่าท่านค้นหาอะไร พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าเรื่องอดีตแก่พระสารีบุตรว่า เมื่อสี่อสงไขยแสนกัป มีนครชื่อ อมรนคร น่าชมชื่นรื่นรมย์. ไม่ว่างเว้นจากเสียง ๑๐ เสียง พรั่งพร้อมด้วย ข้าวน้ำ มีเสียงข้าง เสียงม้า เสียงกลอง เสียงสังข์ เสียงรถ. เสียงอึกทึกด้วยเสียงร้องเชิญบริโภคอาหารว่าเชิญ กินข้าว เชิญดื่มน้ำ เป็นนครเพียบพร้อมด้วยองค์ ประกอบทุกอย่าง ประกอบด้วยการงานทุกอย่าง. สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ คลาคล่ำ ด้วยชนต่างๆ มั่งคั่ง เป็นที่อยู่ของคนมีบุญ เหมือนเทพนคร. ในนครอมรวดี มีพราหมณ์ชื่อสุเมธมีกองทรัพย์ หลายโกฏิ มีทรัพย์และข้าวเปลือกเป็นอันมาก. เป็นผู้คงแก่เรียน ทรงมนต์ จบไตรเพทถึงฝั่ง [สำเร็จ] ในลักขณศาสตร์ อิติหาสศาสตร์ ในศาสนา ของตน. ครั้งนั้น เรานั่งอยู่ในที่ลับ จึงคิดอย่างนี้ว่า ขึ้น ชื่อว่าการเกิดอีก ความแตกสลายแห่งสรีระ เป็น ทุกข์ ถูกชราย่ำยีหลงตายก็เป็นทุกข์.ครั้งนั้น เรามีชาติชราพยาธิเป็นสภาพ จำเราจัก แสวงหาพระนิพพานที่ไม่แก่ ไม่ตาย แต่เกษม. ถ้ากระไร เราเมื่อไม่ไยดี ไม่ต้องการ ก็ควร ละทิ้งกายอันเน่านี้ ที่เต็มด้วยซากศพต่างๆ ไปเสีย. ทางนั้น คงมีแน่ ทางนั้น จักไม่มีไม่ได้ จำเรา จักแสวงหาทางนั้น เพื่อหลุดพ้นจากภพ. (ตรัสเล่าอดีต เมื่อครั้งยังเป็นสุเมธโพธิสัตว์ )
(คัดมาบางส่วน) พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๗๓ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่มที่ ๙ ภาคที่ ๒ |
เจ้าของ: | สัจจะธรรมของชีวิต [ 17 มิ.ย. 2011, 17:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
อีกหน่อยพวกเกาหลีพวกฝรั่งกินขี้ คนไทยก็คงจะกินตาม เพราะมันเป็นกระแส มันเป็นแฟชั่น ส่วนใครที่มีปัญญาหน่อยไม่กิน ก็จะถุกกล่าวหาไม่ว่าทันสมัย ตกยุค หล้าหลัง ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 17 มิ.ย. 2011, 19:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
![]() ท่านหาอมตะนิพพาน หรือท่านหาว่า ทำอย่างไรคนเราจะได้ไม่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย ดูพุทธประวัติตอนหนีออกจากวังประกอบก็ได้ ![]() |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 18 มิ.ย. 2011, 16:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
ใบ้ให้หน่อย .. ข้อแรก ใครก็เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ถ้าได้ฝึก ![]() |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 19 มิ.ย. 2011, 11:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
![]() พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน เขตกรุงโกสัมพี ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคทรงหยิบใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบขึ้นมา แล้วรับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราหยิบขึ้นมากับใบที่อยู่บนต้น อย่างไหนจะมากกว่ากัน” ลำดับนั้นภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ใบที่อยู่บนต้นไม้นั้นแลมากกว่า ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่พระองค์ทรงหยิบขึ้นมามีเพียงเล็กน้อย พระพุทธเจ้าข้า” “ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วแต่มิได้บอกเธอทั้งหลายมีมาก เพราะเหตุไร เราจึงมิได้บอก เพราะสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์ ไม่ใช่จุดเริ่มต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย ไม่เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อดับ ไม่เป็นไปเพื่อสงบระงับไม่เป็นไปเพื่อรู้ยิ่ง ไม่เป็นไปเพื่อตรัสรู้ ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงมิได้บอก ![]() สิ่งอะไรเล่าที่เราบอกแล้ว คือ เราได้บอกว่า ‘นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา’ เพราะเหตุไร เราจึงบอก เพราะสิ่งนี้มีประโยชน์ เป็นจุดเริ่มต้นแห่งพรหมจรรย์ เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพิ่อตรัสรู้ เพื่อนิพพานเพราะเหตุนั้น เราจึงบอก ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงทำความเพียรเพื่อรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า ‘นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 19 มิ.ย. 2011, 12:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตตรัสรู้โลกแล้ว พรากแล้วจากโลก ตรัสรู้เหตุเกิดโลกแล้ว ละเหตุเกิดโลกได้แล้วตรัสรู้ความดับแห่งโลกแล้ว ทำให้แจ้งความดับโลกแล้ว ตรัสรู้ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งโลกแล้ว เจริญปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งโลกแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่โลกพร้อมทั้งเทวโลกมารโลก พรหมโลก ที่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เห็นแล้วฟังแล้ว ทราบแล้ว รู้แจ้งแล้ว ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจ เพราะสิ่งนั้นพระตถาคตตรัสรู้แล้ว ฉะนั้น บัณฑิตจึงกล่าวว่าพระตถาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตย่อมตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในราตรีใดและย่อมปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในราตรีใด ย่อมตรัสบอกแสดงซึ่งพุทธพจน์อันใดในระหว่างนี้ พุทธพจน์นั้นทั้งหมด ย่อมเป็นอย่างนั้นนั่นแลไม่เป็นอย่างอื่น ฉะนั้น บัณฑิตจึงกล่าวว่า พระตถาคต ดูกรภิกษุทั้งหลายพระตถาคตตรัสอย่างใด ทำอย่างนั้น ทำอย่างใด ตรัสอย่างนั้น เพราะเหตุดังนั้นบัณฑิตจึงกล่าวว่า พระตถาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตทรงครอบงำโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลกพรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ อันใครๆ ครอบงำไม่ได้ ทรงเห็นโดยถ่องแท้ ยังอำนาจให้เป็นไปเพราะเหตุนั้น บัณฑิตจึงกล่าวว่า พระตถาคต ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า " พระพุทธเจ้าทรงรู้โลกทั้งหมด ในโลกทั้งปวงด้วยพระปัญญาอันยิ่ง ตาม ความเป็นจริง ทรงพรากแล้วจากโลกทั้งหมด ไม่มีผู้เปรียบในโลกทั้ง ปวง เป็นนักปราชญ์ ทรงครอบงำมารทั้งหมด สังขารทั้งหมด ทรง ปลดเปลื้องกิเลสเครื่องร้อยรัดได้ทั้งหมด ความสงบอย่างยวดยิ่ง คือ นิพพาน ซึ่งไม่มีภัยแต่ไหนๆ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ทรงถูกต้องแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ทรงมีอาสวะสิ้นแล้ว ไม่ทรงมีทุกข์ ทรงตัด ความสงสัยได้แล้ว ทรงถึงความสิ้นไปแห่งกรรมทั้งหมด ทรงน้อมไป แล้วในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปธิ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ชื่อว่า เป็นพระพุทธเจ้า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ชื่อว่าเป็นสีหะผู้ยอด เยี่ยม ทรงประกาศพรหมจักรแก่โลกพร้อมทั้งเทวโลก เพราะเหตุดังนั้น เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายผู้ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะย่อมมาประชุมกัน น้อมนมัสการพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีพระคุณใหญ่ ผู้ปราศจากความ ครั่นคร้าม บรรดาบุคคลผู้ฝึกหัดอยู่ พระพุทธเจ้าผู้ทรงฝึกแล้ว เป็น ผู้ประเสริฐสุด บรรดาบุคคลผู้สงบอยู่พระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณ ผู้ สงบแล้ว เป็นผู้ประเสริฐสุดบรรดาบุคคลผู้พ้นอยู่ พระพุทธเจ้าทรง พ้นแล้วเป็นผู้เลิศบรรดาบุคคลผู้ข้ามอยู่ พระพุทธเจ้าผู้ทรงข้ามพ้น แล้ว เป็นผู้ประเสริฐ เพราะเหตุนั้นแล เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมนอบน้อมพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ผู้มีพระคุณใหญ่ ผู้ปราศจากความ ครั่นคร้ามด้วยคิดว่า บุคคลผู้เปรียบด้วยพระองค์ย่อมไม่มีในโลกพร้อม ทั้งเทวโลก ฯ" |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 19 มิ.ย. 2011, 20:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 19 มิ.ย. 2011, 20:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
![]() เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถือกำเนิด จะเป็นบุคคลที่มีบุญญาบารมีมากที่สุด อัจฉริยมากที่สุด เป็นเอกบุคคลในโลก คือ มีเพียงท่านเดียวในโลก Quote Tipitaka: [๑๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอก เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิด
ขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บุคคล ผู้เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ ความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูล เพื่อ ความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ [๑๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏแห่งบุคคลผู้เอกหาได้ยากในโลก บุคคลผู้เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏแห่งบุคคลผู้เอกนี้แล หาได้ยากในโลก ฯ [๑๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอก เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิด ขึ้นเป็นอัจฉริยมนุษย์ บุคคลผู้เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมา- *สัมพุทธเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิด ขึ้นเป็นอัจฉริยมนุษย์ ฯ [๑๔๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาลกิริยาของบุคคลผู้เอก เป็นเหตุเดือด- *ร้อนแก่ชนเป็นอันมาก บุคคลผู้เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมา- *สัมพุทธเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาลกิริยาของบุคคลผู้เอกนี้แล เป็นเหตุเดือดร้อน แก่ชนเป็นอันมาก ฯ [๑๔๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอก เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิด ขึ้นเป็นผู้ไม่มีที่สอง ไม่มีใครเช่นกับพระองค์ ไม่มีใครเปรียบ ไม่มีใครเปรียบ เสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลเปรียบ ไม่มีใครเสมอ เสมอด้วยพระพุทธเจ้า ผู้ไม่มีใครเสมอ เป็นผู้เลิศกว่าสัตว์ทั้งหลาย บุคคลผู้เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคต อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้นเป็นผู้ไม่มีสอง ไม่มีเช่นกับพระองค์ ไม่มีใครเปรียบ ไม่มีใคร เปรียบเสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลเปรียบ ไม่มีใครเสมอ เสมอด้วย พระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ เป็นผู้เลิศกว่าสัตว์ทั้งหลาย ฯ [๑๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความปรากฏขึ้นแห่งบุคคลผู้เอก เป็นความ ปรากฏแห่งจักษุใหญ่ แห่งแสงสว่างใหญ่ แห่งโอภาสใหญ่ แห่งอนุตตริยะ ๖ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งปฏิสัมภิทา ๔ เป็นการแทงตลอดธาตุเป็นอันมาก เป็น การแทงตลอดธาตุต่างๆ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งผล คือ วิชชาและวิมุตติ เป็นการ กระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตผล บุคคลผู้ เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความ ปรากฏขึ้นแห่งบุคคลผู้เอกนี้แล เป็นความปรากฏแห่งจักษุใหญ่ แห่งแสงสว่าง ใหญ่ แห่งโอภาสใหญ่ แห่งอนุตตริยะ ๖ เป็นการทำให้แจ้งซึ่งปฏิสัมภิทา ๔ เป็นการแทงตลอดธาตุเป็นอันมาก เป็นการแทงตลอดธาตุต่างๆ เป็นการกระทำ ให้แจ้งซึ่งผล คือ วิชชาและวิมุตติ เป็นการกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตผล ฯ [๑๔๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นบุคคลอื่นแม้คนเดียว ผู้ ยังธรรมจักรที่ยอดเยี่ยมอันตถาคตให้เป็นไปแล้ว ให้เป็นไปตามโดยชอบ เหมือน สารีบุตรนี้เลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรย่อมยังธรรมจักรที่ยอดเยี่ยม อันตถาคต ให้เป็นไปแล้ว ให้เป็นไปตามโดยชอบทีเดียว ฯ |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 19 มิ.ย. 2011, 21:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
![]() |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 19 มิ.ย. 2011, 21:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชาวพุทธ ต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ |
![]() ความรู้ที่ว่า ธรรมชาติเกิดจากเหตุปัจจัยฯ ได้สรุปออกมาเป็น อภิธรรม ๗ คัมภีร์ ที่เรียกว่า ปัฏฐานกร หรือ ปัจจัย ๒๔ ด้วยความรู้ที่ท่านพบ ทำให้ท่านสามารถหาคำตอบที่ต้องการได้ว่า อะไรคือเบื้องหลังของการเกิดแก่เจ็บตาย สรุปมาเป็นความจริงอันประเสริญ ๔ ประการ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 11 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |