วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 08:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 15:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2010, 14:24
โพสต์: 8


 ข้อมูลส่วนตัว


ไปปฏิบัติธรรมมาก็หลายที่ หลายสำนัก กลับมาทำต่อที่บ้านก็ไม่ค่อยได้ผล ปฏิบัติธรรมแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรา คิดอยู่ตลอดเวลา ส่วนตัวชอบถาม เวลาเกิดปัญหา ก็ไม่กล้าจะถาม เพราะคนเยอะ อยากฝึกไม่ต้องตัวต่อตัวก็ได้ กลุ่มประมาณ 4-5 คน/อาจารย์ 1 คนก็ได้ มีที่ไหนบ้างค่ะ แล้วการปฏิบัติธรรมแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรา บางทีก็สับสน ไม่รู้จะกำหนดตรงไหนดี ยุบหนอ พองหนอ หรือพุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออก เราก็พยายามจึงทำให้เหมือนบังคับตัวเองไปเสียแล้ว จึงคิดว่าเรายังมาไม่ถูกทาง จะสอบถามใครดี ปฏิบัติอย่างไรดี หนังสือฝึกปฏิบัติก็เต็มบ้าน แต่ไม่ได้ซักแนวทาง ตอนนี้มีลูกชายวัย 7 เดือน ดิฉันอยากรู้แจ้งเห็นจริงก่อนที่จะสอนลูกให้ปฏิบัติตามแม่ของเขาบ้าง ตอนเขาอยู่ในท้องก็พาไปปฏิบัติธรรม พาไปวัด พาไปทำบุญ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ แต่ก็ก็พยายามทำให้เขาคุ้นเคยกับวัดก่อน จึงอยากทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าค่ะสำหรับผู้ที่ให้คำปรึกษา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


นฎกร เขียน:
ไปปฏิบัติธรรมมาก็หลายที่ หลายสำนัก กลับมาทำต่อที่บ้านก็ไม่ค่อยได้ผล ปฏิบัติธรรมแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรา คิดอยู่ตลอดเวลา ส่วนตัวชอบถาม เวลาเกิดปัญหา ก็ไม่กล้าจะถาม เพราะคนเยอะ อยากฝึกไม่ต้องตัวต่อตัวก็ได้ กลุ่มประมาณ 4-5 คน/อาจารย์ 1 คนก็ได้ มีที่ไหนบ้างค่ะ แล้วการปฏิบัติธรรมแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรา บางทีก็สับสน ไม่รู้จะกำหนดตรงไหนดี ยุบหนอ พองหนอ หรือพุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออก เราก็พยายามจึงทำให้เหมือนบังคับตัวเองไปเสียแล้ว จึงคิดว่าเรายังมาไม่ถูกทาง จะสอบถามใครดี ปฏิบัติอย่างไรดี หนังสือฝึกปฏิบัติก็เต็มบ้าน แต่ไม่ได้ซักแนวทาง ตอนนี้มีลูกชายวัย 7 เดือน ดิฉันอยากรู้แจ้งเห็นจริงก่อนที่จะสอนลูกให้ปฏิบัติตามแม่ของเขาบ้าง ตอนเขาอยู่ในท้องก็พาไปปฏิบัติธรรม พาไปวัด พาไปทำบุญ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ แต่ก็ก็พยายามทำให้เขาคุ้นเคยกับวัดก่อน จึงอยากทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าค่ะสำหรับผู้ที่ให้คำปรึกษา


คุณขอรับ คุณเคยถามตัวคุณเอง หรือรู้บ้างไหมว่า "อะไร คือ การปฏิบัติธรรม" ถ้าคุณคิดว่า หรือได้รับการอบรมขัดเกลามาว่า "การปฏิบัติธรรม คือ การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม" ไม่ถูกต้องขอรับ
สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ในชีวิตประจำวันของคุณ ในทางที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง และผู้อื่น นั่นแหละคือ "การปฏิบัติธรรม"
การปฏิบัติสมาธิ หรือวิธีการต่างๆ เป็นเพียงการฝึกจิต ฝึกควบคุม ความคิด ฝึกเพื่อให้เกิด สติ สัมปชัญญะ ให้ดีขึ้น เพื่อจะได้ยับยั้งหรือห้ามมิให้ตัวเอง ไปประพฤติผิดศีล ผิดธรรม
การไปทำบุญ ที่วัด ก็เป็นเพียง การให้ทาน เพื่อจิตใจ ความคิดจะได้ไม่มีความโลภ ถ้าไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็จะทุเลาเบาบางลง
ถ้าคุณอยากรู้แจ้ง เห็นจริง คุณก็ต้อง รู้จักการปฏิบัติตัวตามหน้าที่ของคุณ คุณต้องรู้ก่อนว่า ขณะนี้คุณเป็นใคร มีหน้าที่อย่างไร ถ้าคุณคิดได้ทำได้ นั่นก็คือ คุณรู้แจ้งเห็นจริงในการครองเรือนของคุณระดับหนึ่งแล้ว
ธรรมะใดใด ก็อยู่ในตัวคุณอยู่แล้ว คุณจะรู้จักนำธรรมะในตัวคุณ ออกมาใช้หรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวคุณ ความคิดเป็นสิ่งสำคัญ คิดดี ก็สบายใจ คิดร้ายก็จิตใจเศร้าหมอง หดหู่ แค้นเคือง ขุ่นแค้นใจ อยากได้ อยากมี อยากเป็น
ถ้าคุณคิดได้ คุณรู้ว่าตัวคุณมีธรรมะอะไรอยู่บ้าง นั่นแหละคุณก็จะรู้แจ้งเห็นจริง ในธรรมะขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2011, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2008, 15:51
โพสต์: 334

งานอดิเรก: ชอบเรื่องพลังงาน
สิ่งที่ชื่นชอบ: มิลินทปัญหา
ชื่อเล่น: อมร
อายุ: 63
ที่อยู่: 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

 ข้อมูลส่วนตัว www


นฎกร เขียน:
ไปปฏิบัติธรรมมาก็หลายที่ หลายสำนัก กลับมาทำต่อที่บ้านก็ไม่ค่อยได้ผล ปฏิบัติธรรมแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรา คิดอยู่ตลอดเวลา ส่วนตัวชอบถาม เวลาเกิดปัญหา ก็ไม่กล้าจะถาม เพราะคนเยอะ อยากฝึกไม่ต้องตัวต่อตัวก็ได้ กลุ่มประมาณ 4-5 คน/อาจารย์ 1 คนก็ได้ มีที่ไหนบ้างค่ะ แล้วการปฏิบัติธรรมแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรา บางทีก็สับสน ไม่รู้จะกำหนดตรงไหนดี ยุบหนอ พองหนอ หรือพุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออก เราก็พยายามจึงทำให้เหมือนบังคับตัวเองไปเสียแล้ว จึงคิดว่าเรายังมาไม่ถูกทาง จะสอบถามใครดี ปฏิบัติอย่างไรดี หนังสือฝึกปฏิบัติก็เต็มบ้าน แต่ไม่ได้ซักแนวทาง ตอนนี้มีลูกชายวัย 7 เดือน ดิฉันอยากรู้แจ้งเห็นจริงก่อนที่จะสอนลูกให้ปฏิบัติตามแม่ของเขาบ้าง ตอนเขาอยู่ในท้องก็พาไปปฏิบัติธรรม พาไปวัด พาไปทำบุญ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ แต่ก็ก็พยายามทำให้เขาคุ้นเคยกับวัดก่อน จึงอยากทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าค่ะสำหรับผู้ที่ให้คำปรึกษา


นี้เลยเข้าไปโหลดเอาไปฟังด้วย เราว่าท่านเทศน์ให้เข้าใจง่ายมาก
เอาไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันและนำไปปฎิบัติก็ได้

http://www.fungdham.com/sound/put.html

.....................................................
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล เข้าวัดตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาหามเข้าแล้วเผาเลย ฮิฮิฮิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2011, 19:04
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ความจริงศาสนาพุทธเป็นศาสนา ศึกษาเองรู้เอง ปฏิบัติเองก็จะเข้าใจเอง จริงๆ แล้ว นั่งสมาธิ จาก 30 นาที ไป 1 ชั่วโมง จาก 1 ชั่วโมง ไป 3 ชั่วโมง เดี๋ยวเราก็จะเข้าใจในตัวเอง เข้าในหลักสูตร อริยสัจ 4 ประมาณนั้น

อาจารย์ทำให้เราบรรลุธรรมไม่ได้ ทำได้เพียงชี้แนวทาง หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่า ทางที่หลายท่านชี้มา เราจะเข้าใจหรือไม่ว่าต้องไปอย่างไร ปัญหาของทุกคนแตกต่างกัน วิธีแก้ก็แตกต่างกันเช่นเดียวกัน เส้นทางคนเราไม่เหมือนกัน คนละทาง แต่เป้าหมายเดียวกันคือบรรลุธรรม ทุกคนจะต้องไปเจอกันที่ทางออกแน่นอน s007

ผู้ใหญ่หลายคนชอบว่าผมทำไมถึงทำไม่ได้ แล้วหาว่าผมโง่ หรือหาว่าผมด้อยประสิทธิภาพ แต่เขาไม่เข้าใจว่า ทุกคนก็มีบางสิ่งที่ทำไม่ได้ ในบางสิ่งที่ท่านทำไม่ได้แต่ผมกลับทำได้ก็มีเหมือนกันนะ..... Onion_no

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ

.....................................................
http://www.facebook.com/dnk.surin


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 09:16
โพสต์: 158

แนวปฏิบัติ: พุธโท
งานอดิเรก: นั่งสมาธิ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรัชญา
ชื่อเล่น: T^^T
อายุ: 23
ที่อยู่: ลำปาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าปฏิบัติแบบไม่มีอาจารย์ผมขอแนะนำให้ใช้บริกรรมพุทธโทครับ เพราะมันจะง่ายต่อการปฏิบัติ คือไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่เวลาหายใจเข้ากำหนดว่าพุทธ-ออกก็โท พุทธ-โท พุทธ-โท อยู่อย่างนี้เดียวมันก็เริ่มสงบเอง ส่วนตัวผมก็ใช้พุทธโท เพราะกำหนดง่ายดี ไม่ต้องให้ครูอาจารยชี้แนะก็สามารถทำได้ onion onion onion

.....................................................
ดูก่อu!!!ภิกษุทั้งหลาย!!!คนพาลเขากลัวยากจนจึงไม่รู้จักขวนขวายในการให้ทาน!!!ส่วนบัณฑิตชนเขากลัวยากจนจึงรู้ขวนขวายในการให้ทาน!!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ การนั่งสมาธินั้นทำไม่ยากเลย แต่การที่จะลงมือปฏิบัติสักครั้งหรือแต่ละครั้งนั้นมันต้องอาศัยเหตุจูงใจหลายอย่างคือ เห็นว่าการนั่งสมาธิมีประโยชน์ เห็นว่าการนั่งสมาธินั้นเป็นสิ่งที่ควรกระทำให้มาก ซึ่งต้องอาศัยศรัทธาเป็นตัวนำ
ส่วนตัวนั้นผมก็ไม่มีครูอาจารย์ส่งเสริมหรือสอนเป็นส่วนตัว มีหนังสือเป็นแนวทางปฏิบัติยุบหนอพองหนอ มีธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นพลัง มีเพื่อนธรรมจักรในที่นี้เป็นครูสอนหลายๆคนหลายๆคำแนะนำแล้วนำมาพิจารณาว่าเรานั่งปฏิบัติในแนวทางเดียวกันหรือใกล้เคียงกันจนเราจับจุดขึ้นมาตามความถนัด นั่งคนเดียวในห้องเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด
ก่อนอื่นนั้นต้องรู้ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมีประตูเปิดโลกคือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นตัวรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง การกำหนดยุบหนอ พองหนอ เป็นการกำหนดรู้ทันกาย เอาใจจดจ่ออยู่ที่กาย ต้องบอกตัวเองว่าตราบใดที่เรายังวอกแวกอยู่กำหนดไม่ทัน อึดอัด เราต้องอดทนนั่งกำหนดต่อไปวันละนิดวันละหน่อยโดยใช้สติรู้ทันกาย ทำทุกวันเราจะรู้สึกว่าเราถนัดขึ้น ส่วนสมาธินั้นขึ้นอยู่กับเวลา บางคนนั่ง5นาทีก็เป็นสมาธิแล้ว บางคนนั่งนานกว่านั้น ตัวผมเองนั่งประมาณ30นาทีจึงเริ่มเป็นสมาธิ แล้วขึ้นอยู่กับความเพียรของเราเองด้วยในการพัฒนาความสงบให้ก้าวหน้าต่อไปเป็นสมาธิในอีกระดับที่ลึกยิ่งขึ้น ส่วนธรรมที่ใช้พิจารณานั้นคือพระไตรลักษณ์คือ สิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตต้องตกอยู่ในสภาพเสมอเหมือนกันคือเสื่อมสลายลงไปเรื่อยๆนั่นคือทุกข์ สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตล้วนหาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้คืออนิจจัง ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่มีใครเป็นเจ้าของบังคับไม่ได้เป็นอนัตตา
ส่วนอริยสัท4นั้นคือการพิจารณาว่าทุกข์นั้นคืออะไร เหตุของทุกข์นั้นคืออะไร ผลของการดับทุกข์เป็นอย่างไร วิธีการดับทุกข์นั้นต้องทำอย่างไร โดยมีศีลเข้ามาเป็นตัวพัฒนาชีวิตเรา และมรรคเป็นปัญญาดับทุกข์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟังหัวข้อเหล่านี้ น่าจะพอเข้าใจพุทธศาสนาบ้างตามสมควร :b1:

1. จากเทพสูงสุด สู่ธรรมสูงสุด
2. นับถือพุทธศาสนา อย่าให้เพี้ยน
3. เลิกพูดเสียที ว่าเกิดมาใช้หนี้กรรม
4. ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ กรรมไม่ง้อใคร ตอนที่ 1
5. ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ กรรมไม่ง้อใคร ตอนที่ 2
6. ไม่ลบหลู่ แต่ต้องรู้ เข้าใจ และทำให้ถูก
7. จิตวิญญาณแบบแม่มด แบบฮิปปี้ หรือแบบฤๅษีจะเอาแบบไหนคิดกันให้ดี
8. พุทธศาสนาเกิดขึ้นมา มิใช่ว่าพิธีกรรมจะไร้ความหมาย
9. ถ้าไม่มัวถือแบบงมงาย ก็อาจใช้พิธีกรรมมาสื่อคนให้ถึงธรรม
10. วัตถุมงคล ต้องใช้ผูกใจประชาชนไว้กับธรรม
11. เอาวัตถุมงคลมาเป็นบันได พัฒนาคนไปไห้พ้นวัตถุมงคล
12. นับถือเทวดายังพอฟัง แต่ถ้ามัวหวังพึ่งขอผลก็หล่นจากอริยมรรคไม่เหลือดี
13. อะไรกันคนไทย ยังไม่รู้จักว่าสันโดษอย่างไหนดี อย่างไหนไม่ดี
14. ฟังคำทำนาย ทำไมจึงมัวตื่นตูม แล้วภูมิปัญญาจะมีมาจากที่ไหน
15. ปัญหาภิกษุณี คิดให้ดีก็ไม่ยาก
16. เพศศึกษาพลาดแน่ ถ้ามองแค่เพศสัมพันธ์
17. คนไทยมีบุญ แต่ไม่รู้จักใช้บุญ
18. อายุแท้ ยิ่งมากยิ่งดี
19. อย่ามัวตอมมัวดมอาจม จงร่วมกันพาสังคมสู่จุดหมาย
20. ถวายเทียน 9 วัด ได้บุญมากพอไหม
21. สังคมไทย อย่าก้าวหน้าไปลงอบาย
22. รู้จักพระพรหมให้ดีไว้ อย่าทำได้แค่ขอท่านอย่างเดียว

ที่

http://www.ideaforlife.net/dhamma/sound/payutto/11.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศึกษาหัวข้อเกี่ยวการปฏิบัติได้จากหัวข้อเหล่านี้

1. จากจิตวิทยา สู่จิตภาวนา

2. ตำแหน่งของข้อปฏิบัติทางจิตใจในระบบพระพุทธศาสนา

3. ความสัมพันธ์ระหว่างจิตภาวนากับปัญญาภาวนา

4. บุพภาคของการเจริญภาวนา

5. ปลิโพธ

6.เข้าหากัลยาณมิตร เรียนกรรมฐานกับพระอาจารย์

7.เลือกหาที่สัปปายะ

8.พิธีสมาทานกรรมฐาน

9.พิธีสมาทานกรรมฐาน คุณพระรัตนตรัย

10.สมาทานศีล อธิษฐาน แผ่เมตตา มรณสติ ระลึกถึงบุญข้อห้าม

11.ความหมายของภาวนา กรรมฐาน อารมณ์

12.กรรมฐานที่ใช้ในการเจริญสมถภาวนา

13.กรรมฐาน ๔๐

14.เกณฑ์ในการเลือกกรรมฐาน

15.จริต๖และหลักการดูจริต

16.การเลือกกรรมฐานโดยพิจารณาให้เหมาะกับจริต

17.ขีดขั้นของความสำเร็จที่กรรมฐานจะให้ได้

18.ผลสำเร็จของการเจริญจิตภาวนา การละนิวรณ์ สมาธิ ๓ อย่าง

19.สมาบัติ ๘ อภิญญา ๖

20.ความก้าวหน้าหรือขั้นตอนในการปฏิบัติ นิมิต ๓ ภาวนา ๓ ขั้น

21.จากจิตภาวนาสู่ปัญญาภาวนาตามวิธีสติปัฏฐาน

22.ความหมายของวิปัสสนา

23.วิปัสสนาภูมิ ๖

24.โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ

25.วิสุทธิ ๗ (อธิบาย ความหมายสมมติบัญญัติด้วย)

26.วิปัสสนาญาณ ๙

27.ญาณ ๑๖

28.ปริญญา ๓

29.อนุปัสสนา ๓

30.ตัวอุปสรรคในกระบวนการปฏิบัติ (วิปัลลาส ๔ วิปัสสนูปกิเลส ๑๐)

31.ความจริงที่ถูกเปิดเผยโดยวิปัสสนา

32.หลักการทั่วไปของสติปัฏฐาน

33.ความหมายของสติปัฏฐาน

34.อารมณ์ของสติปัฏฐานโดยย่อ

35.กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน

36.เวทนา-จิตตา-ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน

37.ข้อสังเกตและข้อแตกต่าง

38.หลักการปฏิบัติ ความมุ่งหมาย และตัวทำงาน

39.วิธีการกำหนดและวางใจ

40.กระบวนวิธีปฏิบัติและเทคนิค

41.การใช้อานาปานสติโยงสู่สติปัฏฐานสี่

42.ลำดับการปฏิบัติในการเจริญอานาปานสติ ๑๖ ขั้น

43.ข้อควรทราบที่ ๑ (สิกฺขติ=ศึกษาว่า ปชานาติ=รู้ชัดว่า)

44.ข้อควรทราบที่ ๒ (สังขาร ๓)

45.ข้อควรทราบที่ ๓ (นิวรณ์ ๕ องค์ฌาน ๕ ธรรมสมาธิ ๕)

46.ลำดับการปฏิบัติ

47.หมวดที่ ๑ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน

48.หมวดที่ ๒ เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน

49.หมวดที่ ๓ จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน

50.หมวดที่ ๔ ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน

51.ความสำเร็จของการปฏิบัติ (โพชฌงค์ ๗)

ที่

http://www.watnyanaves.net/th/album_det ... evelopment

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อปิดช่องว่างสุดโต่งก็พึงศึกษาพุทธศาสนาขั้นโลกียธรรมด้วย

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=1031.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ประโยชน์ของการศึกษาพระธรรมก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฎขณะนี้ไม่ใช่ขณะอื่น...
...ธรรมเป็นสภาพเกิด-ดับของสิ่งที่มีขณะนี้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจในชีวิตประจำวันค่ะ...
...ยังไม่ต้องไปทำอะไรที่ไหน...แค่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็มีเห็น มีได้ยิน มีได้กลิ่น มีลิ้มรส มีรับสัมผัส...
...ตลอดวันก็เป็นเราไปทำอะไรในชีวิตประจำวันก็ไม่เข้าใจว่าขณะนี้มีธรรมที่เกิดขึ้นก็ผ่านไปแล้ว...
...โดยไม่คิดพิจารณาสภาพความจริงที่ปรากฎทุกขณะนั้นที่เห็นคน สัตว์ สิ่งของว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา...
...ก็สะสมแต่กิเลส ตัณหา อวิชชา แล้วธรรมทั้งหมดก็ผ่านเป็นอดีตไปแล้วเพราะมีแต่เราไปทำสิ่งต่างๆ...
...การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือคิดพิจารณาเดี๋ยวนี้ที่มีเห็น มีได้ยิน มีได้กลิ่น มีลิ้มรส มีรับสัมผัส...
...เป็นแต่สภาพธรรมที่เสวยภพชาติมนุษย์สะดวกสบาย ร่ำรวย ทุกข์ยากลำบากแตกต่างแต่ละบุคคล...
...เป็นธรรมะค่ะ...ไม่ใช่เรา ไม่ใช่คนชื่อนั้น ชื่อนี้...แต่เป็นสภาพจิตแต่ละดวงมาเสวยชาติตามกรรม...
...ของจิตแต่ละดวงเอง...มีเหตุและปัจจัยต่างๆที่ปรากฎให้เห็นได้ผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ...
...ไม่ใช่ตัวตนของเราไปทำอะไร...ธรรมไม่ต้องบัญญัติชื่อของสิ่งใดเลย...ให้รู้และเข้าใจขึ้นเท่านั้น...
...ว่ามีสัณฐานของธาตุ4 ดิน น้ำ ไฟ ลม ปรากฎให้สามารถหยิบ จับ แตะ ต้อง สัมผัสได้จริงมีจริง...
...ลูกก็มีจริง...ก็เป็นจิตอีกดวงมาเสวยชาติ...ตัวเราก็มีกาย+จิตจริงๆแต่เป็นธรรม...ไม่ใช่เรา ของเรา...
...เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่คิดได้ว่าเป็นธรรมะไม่ใช่เรา...ก็คือสอนจิตให้ปฏิบัติตามคำสอนแล้วค่ะ...
Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 13:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...สภาพธรรมทุกอย่างเป็นความจริง...เป็นศีลธรรมประจำใจที่จิตแต่ละดวงมีในชีวิตประจำวัน...
...การแสดงออกทางกาย วาจา จิตใจ ควรสอนจิตตนให้รู้ว่าทุกขณะเป็นธรรม...รู้หรือไม่รู้ก็เป็นธรรมะ...
...การสอนลูกที่ดีก็คือทำให้ลูกดู เวลาไปวัดไปตักบาตรก็จับมือเขาหยิบของใส่บาตรด้วย...
...เด็กก็จะได้เรียนรู้การทำความดี...ส่วนการคิดก็จะไปคิดแทนกันไม่ได้...ทำได้คือปลูกฝังเป็นนิสัย...
...คือสร้างเหตุปัจจัยให้ได้มีโอกาสแสดงคุณธรรมทางกาย วาจา ใจ ให้ลูกเห็นแม้แต่ความกตัญญู...
...ที่เป็นตัวเรามีจิตใจที่แสดงความกตัญญูผ่านกาย วาจา ใจต่อบิดามารดา...ทำให้ลูกเห็นด้วยค่ะ...
...ถึงลูกยังไม่รู้แต่ก็ให้สะสมการเห็นสภาพธรรมฝ่ายดีของจิตดวงอื่น...และคิดว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา...
...ควรฝึกคิดและเตือนจิตตนเป็นกิจวัตรให้การทำความดีและพิจารณาธรรมตามหลักคำสอนบ่อยๆ...
...ถึงแม้ว่าจิตแต่ละดวงจะยังไม่สามารถเข้าถึงความจริงที่มีแต่สภาพเกิดดับได้...ยังเห็นเป็นกิเลส...
...คือเห็นทีไรก็มีคน สัตว์ สิ่งของเต็มไปหมด...ที่ทำได้คือสอนจิตให้เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา...
...ทุกขณะที่เป็นธรรม...เป็นการคิด...ทุกขณะที่เป็นเรากระทำทุกสิ่งในชีวิตประจำวันเป็นสภาพคิด...
...มีแค่การคิด 2 อย่างคือคิดดีกับคิดไม่ดี....เป็นกุศลกับอกุศลที่จิตกระทำไม่ใช่เราไปทำอะไรที่ไหน...
...เป็นธรรมฝ่ายดีก็เป็นกุศลธรรม...เป็นธรรมฝ่ายไม่ดีก็เป็นอกุศลธรรม...เป็นจิตรู้ขณะทำไม่ใช่เรา...
...ถ้าไม่คิดถึงธรรมก็เป็นเราทำทุกอย่าง...ก็รู้ได้เลยว่าขณะนั้นจิตสะสมแต่อกุศลเพราะไม่เข้าใจธรรม...
:b20:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เรียนรู้กายรู้ใจ
รู้ความจริง
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงเอาไว้แล้วในพระไตรปิฏก
เมื่อรู้ความจริงแล้ว ก็ย่อมจะปฏิบัติธรรมได้ถูกต้อง

ว่าเส้นทางใดนำไปสู่ การบรรลุโสดาบัน

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาคปฏิบัติศึกษาวงนอกคือเรียนรู้ไปก่อนก็ได้

ปฏิบัติธรรมจนอยากเลิกกับสามี

ตอนปฎิบัติธรรมใหม่ๆ นั่งสมาธิแล้วมีความสุข (ไม่รู้อธิบายยังไง รู้แต่ว่าเย็น) ไม่อยากพูดอยากคุยกับใคร (กลัวความสุขจะหายไป) บางวันอยู่ในห้องพระมีความสุขไม่อยากไปไหน (น่าจะเรียกติดสุข) วันหนึ่ง ก่อนนอนเราพูดกับสามีว่าพ่อ (เราเรียกสามีว่าพ่อ) ถ้าพ่อเจอคนดีก็เลือกเขาเลยนะ เพราะอนาคตคงไม่ได้อยู่กับพ่อ (อยากบวชชี) พอบอกเสร็จเราก็กำหนดดูลมหายใจจนหลับไป ตื่นมาอีกที สามีบอกเขาไม่นอนเลย คิดถึงคำพูดเรา หวังจะได้ดูแลกันตอนเขาเกษียน (คิดว่าน่าจะบาปอยู่นะคะทำให้คนเป็นทุกข์)
ตอนนี้ก็ยังปฎิบัติธรรมอยู่ แต่ขอสามีรอลูกเรียนจบ ตอนนี้อยู่มหาลัยปี. ๑ ค่ะ
ปล.จริงๆสามีเป็นคนดีนะคะ
อ้อ อยากถามว่า กราบขออโหสิกรรมสามีกราบ ๓ ครั้ง เท่ากราบพ่อแม่ไหมคะ?

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 47#msg9047

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


^ ^ เพื่อให้ฉุกคิดว่า เมื่อภาวนา (หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตั้งชื่อเอา) ถึงระดับหนึ่งแล้วมันเป็นไปเองโดยไม่ต้องบังคับอะไร ทั้งด้านความประพฤติและความรู้สึกนึกคิด :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 16:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นฎกร เขียน:
ตอนนี้มีลูกชายวัย 7 เดือน ดิฉันอยากรู้แจ้งเห็นจริงก่อนที่จะสอนลูกให้ปฏิบัติตามแม่ของเขาบ้าง ตอนเขาอยู่ในท้อง ก็พาไปปฏิบัติธรรม พาไปวัด พาไปทำบุญ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ แต่ก็ก็พยายามทำให้เขาคุ้นเคยกับวัดก่อน จึงอยากทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก


จขกท.ทำถูกต้องแล้วครับ ลูกเพียง 7 เดือนเอง แม่ไปวัดก็พาเขาไปวัด เห็นพระเห็นพระอุโบสถก็สอนให้ลูกพนมมือไหว้ แม่ตักบาตรก็จับมือลูกตักบาตรด้วย ฯลฯ ให้ลูกเรียนรู้ขนบธรรมเนียมพื้นๆไปก่อน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 107 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron