วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 03:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2011, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับผู้ที่มุ่งบรรพชา บวชแล้ว ซึ่งคำว่า บรรพชา หมายถึง การเว้นทั่ว เว้นทั่วใน

อะไร คือ เว้นทั่วในสภาพธรรมที่เป็นอกุศลทั้งปวง ดังนั้นเมื่อบรรพชา บวชเป็นเพศ

บรรพชิตแล้ว ก็ควรขัดเกลากิเลสทุกๆทางอันเป็นไปเพื่อเว้นทั่วในกิเลสประการต่างๆ

นั่นคือการอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลสและการเว้นทั่วก็ด้วย การอบรมศีลที่พระพุทธเจ้า

ทรงบัญญัติไว้ คือ ปาฏิโมกขสังวรศีล ที่มี 227 ข้อ รวมทั้ง เสขิยวัตร คือวัตรที่ภิกษุจะ

ต้องศึกษาธรรมเนียมเกี่ยวกับมารยาทที่ภิกษุพึงสำเหนียก หรือพึงฝึกฝนปฏิบัติ เป็น

พุทธบัญญัติที่ได้เตือนสติให้ภิกษุสงฆ์พึงสำรวมกาย วาจา ใจ เมื่อเข้าไป อยู่ในที่ชุมชน

หรือในละแวกบ้านของผู้อื่น เพื่อยังให้เกิดความเลื่อมใสของบุคคลในชุมชนนั้นๆ จะได้มี

ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาครับ

ดังนั้นเพศพระภิกษุ จึงต้องเป็นผู้ขัดเกลากิเลสอย่างยิ่งทั้งทางกาย วาจาและใจเพื่อ

ประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่นและประโยชน์คือการรักษาพระศาสนาครับ

แม้การเที่ยวไปในละแวกบ้าน ตามที่ชุมชน ผู้ที่บวชแล้วเป็นเพศสมณะ ควรเป็นผู้ขัด

เกลาทั้งทางกายและวาจา อันเกิดจากจิตทีเป็นกุศล ด้วยการสำรวม ระวัง ประพฤติตาม

ข้อบัญญัติของพระพุทธเจ้า เช่น ไม่พูดหัวเราะ เสียงดังกันในละแวกบ้าน การนุ่งห่ม

เรียบร้อยในละแวกบ้าน ไม่ควรนุ่งห่มไม่เรียบร้อยครับ ควรประพฤติไม่แกว่งแขนและขา

ควรประพฤติเรียบร้อยทางกายด้วย นี่คือข้อปฏิบัติที่งามและสมควรในการเข้าไปใน

ละแวกบ้านครับ
พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ - หน้าที่ 160

คำถามและคำตอบในเสขิยกัณฑ์

[๓๙๑] ภิกษุอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ คะนองมือ หรือเท้าไปในละแวก

บ้าน ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ทุกกฏ.

[๓๙๗] ภิกษุอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินหัวเราะไปในละแวกบ้าน

ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ทุกกฏ.

[๓๙๙] ภิกษุอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินพูดเสียงดังลั่นไปในละแวก

บ้าน ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ทุกกฏ.

[๔๐๑] ภิกษุอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินโคลงกายไปในละแวกบ้าน

ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ทุกกฏ.

[๔๐๓] ภิกษุอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินไกวแขนไปในละแวกบ้าน

ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ทุกกฏ.

ฝาแฝดเกิดจากอะไร ฝาแฝดก็คือการเกิดเป็นมนุษย์ดังนั้น ฝาแฝดจะเกิดได้ก็เพราะ

กรรมที่เป็นกุศลกรรมให้ผลนำเกิดนั่นเองครับ ตามที่พระพุทธองค์ได้แสดงเรื่องการ

ปฏิสนธิ เมื่อปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น ก็เกิดจุดเล็กๆ ที่เกิดในครรภ์และก็มีรูปที่เกิดพร้อม

ปฏิสนธิจิต คือ กัมมัชชรูป มี หทัยวัตถุ เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเกิดฝาแฝดก็เท่ากับว่ามีสอง

คน ดังนั้นจึงเป็นปฏิสนธิจิต คนละดวงกัน ไม่ใช่ร่วมกันเหมือนกับไข่ใบเดียวกัน หรือ

เซลล์เดียวกันครับ ดังนั้นจึงเป็นปฏิสนธิจิตทีเกิดคนละดวงกัน เพราะเป็นสองคน หาก

เกิดเป็นมนุษย์ที่ไม่มีพิการทั้งสองคนตั้งแต่กำเนิด ก็เป็นผลของกุศลกรรม ทำให้เกิด

ด้วยปฏิสนธิจิตที่ประกอบด้วยเหตุ คือ อโลภะ อโทสะ เป็นอย่างน้อย หรือ ประกอบด้วย

ปัญญาก็ได้ครับ คือ ปฏิสนธิจิตมีอโมหะเจตสิกเกิดร่วมด้วย ดังนั้น ฝาแฝดทั้งสองคน

แม้จะมีหน้าตาเหมือนกัน แต่ปฏิสนธิจิตที่เกิดก็ต่างกันก็ได้ บางคนอาจไม่มีปัญญา

อโมหะเหตุเกิดร่วมด้วย ก็ได้ครับ นี่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของฝาแฝดในเรื่อง

ปฏิสนธิจิตทั้งสองคนที่แตกต่างกันได้ เพราะกรรมที่ให้ผลแตกต่างกันไป และฝาแฝด

ทั้งสองคน ต่างก็สะสมอุปนิสัย สะสมสิ่งต่างๆที่สะสมมาจากการเกิดขึ้นของจิตทีเกิด

ดับในอดีตมาแตกต่างกัน ทำให้มีอุปนิสัย ความสนใจและปัญญาแตกต่างกันไป แม้จะมี

หน้าตาเหมือนกัน คล้ายกันก็ตามครับ ดังนั้นฝาแฝด จึงไม่ใช่เป็นเพราะกรรมเดียวกันจึง

มาเกิดร่วมกัน ไม่ใช่เช่นนั้นครับ
ประเด็นแรก คือ เรื่องฝาแฝด ทำไมหน้าตาเหมือนกัน การเกิดเป็นฝาแฝดแบบหน้าตา

เหมือนกันในทางวิทยาศาตารณ์ที่อธิบายกัน ก็คือ เกิดจากไข่ 1 ใบที่ได้รับการผสมและ

เกิดเซลล์ และเซลล์เมื่อแบ่งตัวออกมาเป็น 4 เซลล์ ซึ่งเซลล์ใน 4 ส่วนนั้นก็แบ่งแยก

ออกมาเป็น 2 ส่วน จึงเกิดฝาแฝดขึ้นที่มีหน้าตาเหมือนกัน เพราะเกิดจากเซลล์เดียวกัน

นั่นเองครับ นี่คืออธิบายแบบวิทยาศาสตร์

ส่วนในทางพระพุทธศาสนาก็ต้องเข้าใจก่อนครับว่า รูป เกิดจากสมุฏฐานคือ เหตุต่าง

กัน 4 ประการคือ รูปเกิดจากรรม ที่เรียกว่า กัมมัชชรูป รูปที่เกิดจากจิต รูปที่เกิดจากอุตุ

รูปที่เกิดจากอาหาร ดังนั้น ใบหน้าของแต่ละคน จึงมีรูปต่างๆประชุมรวมกันอันเป็นรูปที่

เกิดจากสมุฏฐานต่างๆ คือ รูปที่เกิดจากกรรมด้วย เช่น ตา จักขุปสาท รูปที่เกิดจากอุตุ

และรูปที่เกิดจากอาหาร ประชุมรวมกันเป็นใบหน้า ดังนั้น การที่มีหน้าตาเหมือนกัน

คล้ายกันของฝาแฝด ตามที่กล่าวไปแล้วคือเกิดจากไข่ใบเดียวกัน จึงเป็นไปได้ที่หน้า

คล้ายกัน เพราะขณะที่อยู่ในครรภ์เดียวกัน ขณะที่เกิดแล้ว อาศัยไข่ใบเดียวกัน เซลล์ที่

แยกตัวจากเซล์เดียวกัน รูปที่เกิดขึ้นจึง เป็นรูปที่เกิดจากอุตุเดียวกัน(ไข่ใบเดีวกัน หรือ

เซลล์เดียวกัน)นั่นเองครับ ทำให้มีใบหน้าเหมือนกันได้ แต่ตามที่กล่าวมารูปร่างหน้าตา

ก็ต้องอาศัยรูปอื่นๆที่มีสมุฏฐานต่างๆกัน อันเกิดจาก อุตุ อาหารบ้าง มาประชุมรวมกัน

ดังนั้น การที่เรามองฝาแฝดว่าหน้าเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เหมือนกันที

เดียวทั้งหมดครับ หากเรามองส่วนหยาบ(นิมิต)ก็ดูเหมือนกันมาก แต่หากมองส่วน

ละเอียด(อนุพยัญญชนะ)ก็จะเห็นถึงความแตกต่างของทั้งสองคน รวมทั้งหน้าตาด้วยว่า

ไม่เหมือนกันทั้งหมดครับ เพราะตามที่กล่าวแล้วหน้าตาก็ต้องอาศัยรูปหลายๆสมุฏฐาน

ดังนั้นแต่ละคนก็มีปัจจัยของรูปแตกต่างกันไป ไม่เสมอเหมือนกันทั้งหมด แม้จะเกิดจาก

ไข่ใบเดียวกัน รูปที่เกิดจากอุตุเหมือนกัน แต่ก็มีปัจจัยของรูปอื่นๆที่แตกต่างกันได้

ฝาแฝดจึงมีรูปร่าง หน้าตาโดยส่วนละเอียดแล้วไม่เหมือนกันทั้งหมดแน่นอนครับ ตาม

เหตุผลที่กล่าวมา
ดูก่อนมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม

ย่อมเป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล

อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ

อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไรเมื่อทำ

ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน. เขาตายไป

จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้

อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ

ในภายหลัง จะเป็นคนมีปัญญามาก. ดูก่อนมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมี

ปัญญามากนี้ คือ เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไร

เป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ

อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน

หรือว่าอะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน.

ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีปัญญามาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีปัญญามาก

ดูก่อนมาณภพ สัตว์ทั้งหลาย

มีกรรมเป็นของตน

เป็นทายาทแห่งกรรม

มีกรรมเป็นกำเนิด

มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์

มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีต.


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 470

[๘๗๕] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า

บุคคลจงสำคัญเห็นว่า ผู้นี้อดกลั้น

ต่อเราเพราะความกลัวหรือหาไม่ก็ตามที

ประโยชน์ทั้งหลายมีประโยชน์ของตนเป็น

อย่างยิ่ง ประโยชน์ยิ่งกว่าขันติไม่มี
อนึ่ง โลกุตรมรรคใด พร้อมทั้งโลกิยมรรค ถึงซึ่งการนับ ว่าเป็น

ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา (ปฏิปทาให้ถึงความดับทุกข์) มรรคนั้นแลเป็น

ทั้งวิชชาและจรณะ เพราะสัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทรงสงเคราะห์ไว้ด้วย

วิชชา ธรรมที่เหลือสงเคราะห์ไว้ด้วยจรณะ อนึ่ง มรรคนั้นเป็นทั้งสมถะและ

วิปัสสนา เพราะความที่สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทั้ง ๒ เหล่านั้น ทรง

สงเคราะห์ไว้ด้วยวิปัสสนาญาณ. ธรรมนอกจากนี้ สงเคราะห์ไว้ด้วยสมถญาณ.





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของมารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 119 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร