วันเวลาปัจจุบัน 13 พ.ค. 2024, 02:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2011, 21:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2011, 20:23
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมสงสัยนานแล้วครับ ว่าการทำบุญเป็นจำนวนเงิน หรือปัจจัยนี่ ทำเท่าไหร่ก็ได้จริงหรือ เพราะผมเคยฟังจากคนเฒ่าคนแก่บ้าง จากรายการจำพวกลึกลับบ้าง เล่าว่าคนที่ตายไปแล้วก็มีการใช้เงินเหมือนกัน และผมก็ได้ฟังจากรายการตีสิบ ซึ่งจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมก็มิอาจรู้ได้ ผู้ที่มาเล่าบอกว่า คนที่ตายไปแล้วมาเข้าร่างบอกให้คนทำบุญไปให้เขา เขาอดอยากมาก เขามีเงินที่เคยได้ทำบุญไว้ทีละ10-20รวมๆแล้วประมาณ300บาท แต่ในที่ ที่เขาอยู่ใช้แค่แปปเดียวก็หมดแล้ว ผมจึงสงสัยว่า ชีวิตหลังการตายของเรา มีการใช้เงินด้วยหรือ แล้วอย่างนี้เราควรทำบุญเป็นปัจจัยเพื่อที่จะได้รวมไว้ใช้หลังความตายหรือไม่
ขอบพระคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2011, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


บุญย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกนี้และโลกหน้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2011, 00:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะความไม่รู้...อุตส่าทำบุญด้วยเงินมาก ๆ ....แต่กลับได้บุญน้อยกว่าคนทำบุญด้วยเงินที่ไม่มาก....

มีอยู่เยอะ...

จงมาทำบุญ...ให้ได้บุญเต็ม..จะดีกว่าสนเรื่องจำนวน...

คนให้..ให้อย่างเต็มใจ

ของที่จะให้....ได้มาด้วยความบริสุทธิ์

คนที่รับ...มีศีลสมบูรณ์

นี้แค่ตัวอย่างเรื่องทานอย่างเดียวนะครับ...บุญที่ทำด้วยวิธีอื่นยังมีอีก ตั้ง 9 อย่าง..ที่ไม่ได้ใช้เงินเลย

ลองดูได้ที่บุญกิริยาวัตถุ 10...นะครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2011, 00:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เล่าว่าคนที่ตายไปแล้วก็มีการใช้เงินเหมือนกัน และผมก็ได้ฟังจากรายการตีสิบ ซึ่งจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผมก็มิอาจรู้ได้ ผู้ที่มาเล่าบอกว่า คนที่ตายไปแล้วมาเข้าร่างบอกให้คนทำบุญไปให้เขา เขาอดอยากมาก เขามีเงินที่เคยได้ทำบุญไว้ทีละ10-20รวมๆแล้วประมาณ300บาท แต่ในที่ ที่เขาอยู่ใช้แค่แปปเดียวก็หมดแล้ว ผมจึงสงสัยว่า ชีวิตหลังการตายของเรา มีการใช้เงินด้วยหรือ แล้วอย่างนี้เราควรทำบุญเป็นปัจจัยเพื่อที่จะได้รวมไว้ใช้หลังความตายหรือไม่

เพราะอุปาทานจึงมีภพ เพราะภพจึงมีชาติ ปราถนาจะทำบุญด้วยเงินเพื่อหวังว่าตายไปตัวเองจะมีเงินใช้ในโลกหน้าย่อมเกิดมาในภพที่ได้ใช้เงินแต่ว่าจะเกิดในภพใดย่อมไม่สามารถบอกได้ หากทำบุญด้วยเงินที่มีความกรุณาต่อผู้ที่เดือดร้อนปราถนาว่าเงินที่ทำบุญนี้ได้ช่วยให้คนที่เดือดร้อนได้ใช้ประโยชน์ตามหลักมรรค8 เช่น สัมมาสังกัปปะ ผลของการทำบุญย่อมส่งผลให้เกิดในภพที่แตกต่างกันกับเหตุผลแรก

เราควรทำบุญเพื่อคลายความทุกข์ของเพื่อนร่วมโลกเพื่อปัจจัยในการปฏิบัติตนตามหลักมรรคมีองค์8 เพื่อดับอวิชชาไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2011, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคนเราทำบุญอะไรแล้วจะได้อย่างนั้น โลกหน้าคง..วุ่นวายมากเลยนะคะ
คิดภาพสิ่งที่เราเคยบริจาคกันไว้ดูสิคะ เราบริจาคหนังสือก็มีหนังสือไปกองไว้ให้เราอ่านเยอะๆ
บริจาคไถ่ชีวิตโคกระบือก็มีวัวควายไปรอให้เราใช้งานอยู่เยอะแยะ ฯลฯ

ตัวบุญมันไม่ได้อยู่ในรูปของสิ่งของที่เราบริจาคกันนี่นา
มันสั่งสมอยู่ในจิตของเรา เป็นความดีในตัวเรา เป็นตัวช่วยขัดเกลาจิตใจ

ทำบุญให้จิตใจเราผ่องใส คลายความตระหนี่ลง
ก่อนจะคิดถึงชีวิตหลังความตาย ถามตัวเองว่า ปัจจุบันเราดีแล้วหรือยัง ดีกว่าใช่มะ :b1:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 05:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เพราะความหลง ความไม่รู้ จึงได้กระทำกรรม ที่เป็นบุญบ้าง เป็นบาปบ้าง เป็นอเนญชาบ้าง
(อวิชชามี สังขารจึงมี)

จิตอันแบ่งได้เป็นสี่ชาติคือ กุศล อกุศล กิริยา และวิบาก

เพราะความหลง ความไม่รู้ จึงได้ กระทำ กุศล อกุศล ผ่านทางจิตชาติ กุศล และอกุศล
อยู่ตลอดเวลา
(อวิชชามี สังขารจึงมีอยู่ตลอดเวลา)

การกระทำกรรมเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดวิบากจิต (จิตชาติวิบาก)
(สังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี)

สังขารในอดีต ส่งผลให้เกิดวิปากวิญญาณ
(คำว่าอดีตในที่นี้ ไม่ระบุเวลาว่าตั้งแต่เมื่อไร หรือเรียงลำดับหรือไม่ ไม่มีใครกำหนดได้ เป็นเรื่องอจินไตย)

วิญญาณอะไรบ้าง จัดเป็นวิปากวิญญาณ

วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ................จัดเป็นวิบาก
ปฏิสนธิวิญญาณ.......................................จัดเป็นวิบาก
จุติจิต..................................................จัดเป็นวิบาก
ภวังคจิต...............................................จัดเป็นวิบาก

เน้นย้ำว่า มโนวิญญาณ บางส่วนเท่านั้น...............จัดเป็นวิบาก

ปฏิสนธิจิต จุติจิต ภวังคจิต .......เหล่านี้ .............จัดเป็นมโนวิญญาณ

สรุปให้เห็นว่า .....................มีจิตส่วนหนึ่ง เกิดจากผลกรรม
(เพราะสังขาร เป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ)

สังขารในที่นี้คือ เจตนาในการกระทำกรรมทางกาย วาจา ใจ

เพราะอวิชชา เป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
(เพราะความไม่รู้ เพราะความหลง จึงได้กระทำกรรมทางกาย วาจา ใจ ในแบบต่างๆ)

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 12:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคิดหวังในเรื่องผลบุญ
ทำไปเท่าไร อย่างไร ก็จะไปได้อัตภาพตามนั้นล่ะ

ถ้าทำไปโดยเมตตา
เมตตานั้นก็เป็นอัตภาพ

ถ้าทำไปโดยความว่าง
ก็ได้ความว่างนั้นล่ะ เป็นที่อาศัย


:b8: :b8: :b8:

เดามันไป ถูกใจก็ถูก ไม่ถูกใจก็วางมันลงซะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบตามที่เคยอ่านมาค่ะ
ถ้าเราตายไปเกิดใหม่เป็น
1.สัตว์นรก ไม่มีการใช้เงิน เพราะต้องเสวยทุกขเวทนาตลอดเวลา
2.เปรต อสุรกาย ไม่ใช้เงิน อาหารเป็นการเสพรูปสมมติที่คนอุทิศให้(บางพวกที่รับบุญอุทิศได้)
หรือซากสัตว์ ของเน่าเหม็น เพราะอำนาจของอกุศลกรรมทำให้ไม่สามารถเสวยสุขในสิ่งละเอียดได้
3.สัตว์เดรัจฉาน เรารู้อยู่แล้วว่าไม่ใช้เงินแน่นอน
4.มนุษย์ ใช้เงินก็จริง แต่ไม่ใช่ในรูปของตัวเงินที่เราเคยทำบุญสมัยยังมีชีวิต
โดยจะเป็นรูปของกำลังบุญที่เคยทำทานด้วยเงินนั้น
มาตกแต่งอัตภาพของมนุษย์ในร่างใหม่ เช่น หากทำทานไว้ก็ทำให้มีกินมีใช้ไม่อดอยาก
5.เทวดานางฟ้า ไม่ใช้เงิน เพราะกามคุณ5ของเทพเป็นทิพย์ไม่ใช่วัตถุ เสวยด้วยใจอันเกิดจากอำนาจแห่งบุญกุศล

หากตายด้วยอุปฆาตกรรมก่อนหมดอายุขัย บุญและบาปที่ทำไว้ยังไม่ให้ผล
เรียก สัมภเวสี เป็นสัตว์รอเกิดในที่อยู่แน่นอน
ก็ไม่ใช้เงิน อาศัยการอุทิศบุญให้

ทางที่ดีควรทำบุญให้หลากหลายและสม่ำเสมอใน10ข้อของบุญกิริยาวัตถุ10ค่ะ

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


แก้ไขล่าสุดโดย จันทร์ ณ ฟ้า เมื่อ 13 ส.ค. 2011, 21:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2011, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาสาธุทุกความเห็นด้วยนะครับ ^^

http://bit.ly/nAkB1t
อ้างคำพูด:
สรุปว่าเหตุแห่งการให้ และผลของการให้ทาน ทั้ง ๘
ข้อ ๗ มีผลมาก มีอานิสงส์มากที่สุด นอกนั้นก็ให้ผลมากน้อยลดหลั่นกันลงไป ๑-๖ เป็นโลกียสัมมทิฏฐิ ทิฏฐุชุกรรม เป็นมโนสุจริต ข้อ ๗ เป็นได้ทั้งโลกียสัมมาทิฏฐิ และโลกุตตรสัมมาทิฏฐิ นั่นจึงเป็นเหตุให้มีผลมากมีอานิสงส์มากที่สุด เพราะเป็นเหตุนำออกจากวัฏสงสารนั่นเองครับ ^^

๑)ให้เพราะอยากมีอยากได้อยากเป็น (มีความหวังให้ทาน มีจิตผูกพันในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่าตายไปแล้วจักได้เสวยผลทาน)
๒)ด้วยความยำเกรง (ให้ทานด้วยคิดว่าทานเป็นการดี,ทานนี้ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ดีงาม.)
๓)ให้ด้วยความละอายและเกรงกลัว (ให้ทานด้วยคิดว่า บิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี)
๔)ให้ด้วยไม่ให้เหลือเศษ (เราหุงหากินได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านี้หุงหากินไม่ได้ จะไม่ให้ทานแก่ผู้ที่หุงหากินไม่ได้)
๕)ให้แก่พระทักขิเณยยบุคคล(ให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อน,เลือกปฏิคาหก)
๖)ให้ด้วยอิงอาศัยโสมนัส (ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส
๗)ให้เป็นเครื่องประดับและเป็นบริวาร (แห่งจิต จิตฺตาลงฺการํ จิตฺตปริกฺขารํ ความว่า เป็นเครื่องประดับและเป็นเครื่องแวดล้อมจิต อันสัมปยุตด้วยสมถะและวิปัสสนา.)

บทว่า จิตฺตาลงฺการจิตฺตปริกฺขารตฺถํ ทานํ เทติ ความว่า ให้เพื่อประดับและตกแต่งจิตในสมถะและวิปัสสนา. เพราะว่าทานย่อมทำจิตให้อ่อนโยน บุคคลผู้ได้รับทานย่อมมีจิตอ่อนโยนดีว่าเราได้แล้ว แม้บุคคลผู้ให้ทานนั้นก็ย่อมมีจิตอ่อนโยนว่า เราให้ทานแล้ว. เพราะฉะนั้น ทานนั้นชื่อว่าย่อมทำจิตของบุคคลทั้ง ๒ ฝ่ายให้อ่อนโยน เพราะเหตุนั้นนั่นแหละ ท่านจึงตรัสว่า อทนฺตทมนํ การฝึกจิตที่ยังไม่ได้ฝึก.

ดังพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า

อทนฺตทมนํ ทานํ อทานํ ทนฺตทูสกํ
อเนน ปิยวาเจน โอณมนฺติ นมนฺติ จ.

การให้ทานเป็นเครื่องฝึกจิตที่ยังไม่ได้ฝึก
การไม่ให้ทานเป็นเครื่องประทุษร้ายจิตที่ฝึกแล้ว
ชนทั้งหลายมีจิตโอนอ่อน และน้อมลงด้วยปิยวาจานี้.


ก็บรรดาการให้ทาน ๘ ประการนี้ การให้เพื่อประดับจิตเท่านั้นเป็นสูงสุดแล.
----------------------------------------------------------------------------------------------
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต
ปัณณาสก์ ทานวรรคที่ ๔ ๑. ทานสูตร


.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2011, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ถ้าคิดหวังในเรื่องผลบุญ
ทำไปเท่าไร อย่างไร ก็จะไปได้อัตภาพตามนั้นล่ะ

ถ้าทำไปโดยเมตตา
เมตตานั้นก็เป็นอัตภาพ

ถ้าทำไปโดยความว่าง
ก็ได้ความว่างนั้นล่ะ เป็นที่อาศัย


:b8: :b8: :b8:

เดามันไป ถูกใจก็ถูก ไม่ถูกใจก็วางมันลงซะ


:b42: :b42: :b8: :b8: :b8: :b42: :b42:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2011, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
:b1:
...บุญคือจิตใจคิดดี พูดดี ทำดี ขณะที่กำลังทำสำเร็จเป็นกุศลกรรมแล้ว...
...มีลักษณะมาก-น้อย 3 ระดับคือหยาบ ปานกลาง และละเอียดของกุศลจิต...
...ซึ่งจิตแต่ละดวงจะไม่อาจคิดได้เท่ากันได้ และไม่สามารถคิดได้เหมือนกันเลย...
...ลองมองหน้าแต่ละคนที่คุณเจอสิ...ทำไมถึงมีรูปร่าง สีผิว หน้าตาแตกต่างกัน...
...การบริจาคเงินทองข้าวของหรือแม้แต่เรี่ยวแรงแรงกายแรงใจจึงขึ้นอยู่กับแรงศรัทธา...
...ซึ่งหมายถึงการมั่นคงในความเชื่อที่มีต่อหลักคำสอน บุญที่มีศรัทธราแรงกล้าจึงมีผลมาก...
...คน สิ่งของ เป็นอุบายในการทำเท่านั้น ถ้าศรัทธามาก+บริจาคเงินมากก็ได้มากตามกำลัง...
...เปรียบดั่งคนจนที่ไม่มีเงินมีแต่เข็ม จึงบริจาคเข็มโดยเลื่อมใส ก็เข็มเล่มเดียวนั้นชุนส่วนขาดได้...
...ความสำคัญคือจะได้บุญมากหรือน้อยขึ้นกับจิตก่อนให้ จิตขณะให้ และจิตหลังให้ไปแล้วมีสุข...
:b12: :b27:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 20:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ม.ค. 2008, 16:58
โพสต์: 42


 ข้อมูลส่วนตัว


ความเชื่อ ๒ อย่างที่ต้องเลือกให้ดี
๑.เชื่อด้วยตนเอง(เคยตายไปแล้วได้ใช้เงินหรือไม่ได้ใช้)
๒.เชื่อตามผู้ที่รู้จริงรู้แจ้ง(เคยตามมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน)นั้นคือ พระพุทธเจ้า
ในพระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๕
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
คัดมาเฉพาะที่เกี่ยวข้องว่า
ในเปรตวิสัยนั้น ไม่มีกสิกรรม ไม่มีโครักขกรรม ไม่มีพาณิชยกรรม
เช่นนั้น ไม่มีการซื้อการขาย [การแลกเปลี่ยน] ด้วยเงิน ผู้ทำกาลกิริยาละ
ไปแล้ว ย่อมยังอัตภาพให้เป็นไปในเปรตวิสัยนั้น ด้วยทานทั้งหลายที่
ญาติให้แล้วแต่มนุษยโลกนี้ น้ำฝนตกลงในที่ดอนย่อมไหลไปสู่ที่ลุ่ม
ฉันใด ทานที่ญาติทั้งหลายให้แล้วแต่มนุษย์ในโลกนี้ย่อมสำเร็จแก่เปรต
ทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสมุทรสาครให้เต็มเปี่ยม
ฉันใด ทานที่ญาติทั้งหลายให้แล้วแต่มนุษยโลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่เปรต
ทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
หมายเหตุ ดังนั้นจะเลือกเชื่อตัวเองหรือเชื่อคนบอกเล่าเชื่อฝันเชื่อผีหรือจะเชื่อพระพุทธเจ้า ก็เลือกเอาบางที่ชีวิตนี้ก็สับสนถ้าไม่ลงมือปฏิบัติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2011, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนผมยังบวชเป็นพระอยู่พอออกปริวาสกรรม...(กลับเข้าหมู่สงฆ์เรียบร้อยแล้ว)ที่ป่าเมืองกาญจน์ตาลุงคนนึงแกให้ลูกหลานมาส่งแกที่วัด......ผมได้คุยกะแกๆบอกผมว่า......ผมไม่มีตังค์เลย(ไม่มีเงินทำบุญเลยแม้แต่บาทเดียว)...,มางานทอกกฐินนี่จะได้บุญหรือเปล่า? ผมตอบไปว่า.แค่มาอนุโมทนาก็ได้บุญเยอะแล้ว....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2011, 02:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 10:52
โพสต์: 256

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ตอนผมยังบวชเป็นพระอยู่พอออกปริวาสกรรม...(กลับเข้าหมู่สงฆ์เรียบร้อยแล้ว)ที่ป่าเมืองกาญจน์ตาลุงคนนึงแกให้ลูกหลานมาส่งแกที่วัด......ผมได้คุยกะแกๆบอกผมว่า......ผมไม่มีตังค์เลย(ไม่มีเงินทำบุญเลยแม้แต่บาทเดียว)...,มางานทอกกฐินนี่จะได้บุญหรือเปล่า? ผมตอบไปว่า.แค่มาอนุโมทนาก็ได้บุญเยอะแล้ว....



เป็นดังนั้นแล จิตเป็นกุศลก็ได้บุญแล้ว สาธุ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน
พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง
พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ
อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน
ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง
ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร