วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2013, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




59061549c4e20e40d57d8ca9c1f9ee78.png
59061549c4e20e40d57d8ca9c1f9ee78.png [ 154.07 KiB | เปิดดู 3771 ครั้ง ]
พระธรรม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อกล่าวโดยลักษณะท่านจัดออกเป็น ๔ ลักษณะ คือ
๑) สวากขาตธรรม เป็นพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วทั้งที่เป็น กุศล อกุศล อัพยากต เป็นธรรมที่มีความงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด สมบูรณ์ด้วยอรรถะและพยัญชนะ
๒) สัลเลขธรรม เป็นพระธรรมที่ทำหน้าที่ขัดเกลาจิต หรือขัดเกลาบาปอกุศลให้ออกไปจากจิต ตามคุณสมบัติแห่งองค์ธรรมนั้นๆ เช่น ปัญญาขจัดความโง่เขลา เมตตา ขจัด ความพยาบาท ความโกรธ เป็นต้น
๓) นิยยานิกธรรม เป็ธรรมที่นำสัตว์ผู้ปฏิบัติ ให้ออกจากอำนาจของกิเลส ทุกข์ และสังสารวัฏฏ์ นำออกจากเวรภัยปัจจุบัน
๔) สันติธรรม เป็นพระธรรมที่ก่อให้เกิดสันติสุขในชั้นนั้นๆ ตามสมควรแก่ธรรมที่บุคคลได้เข้าถึงและปฏิบัติตาม จนถึงสันติสุขอย่างยอดเยี่ยม ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า
นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2013, 11:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Image-5159.jpg
Image-5159.jpg [ 25.74 KiB | เปิดดู 3764 ครั้ง ]
:b8: แค่อ่านก็ชื่นใจ :b35: :b35: :b35:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2013, 00:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว




IE-couple-shopping.png
IE-couple-shopping.png [ 240.17 KiB | เปิดดู 3763 ครั้ง ]
อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2013, 07:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




7d0f07251742a7ac875d7eb95257d7b2.png
7d0f07251742a7ac875d7eb95257d7b2.png [ 112.44 KiB | เปิดดู 3771 ครั้ง ]
ธรรมทั้งมวลที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้นั้น
ทรงแสดงว่าเป็นธรรมอยู่อย่างนั้น คือ จะเป็น กุศล อกุศล อพยากต
และแม้แต่พระนิพพาน เป็นธรรมฐีติ ธรรมนิยาม
คือพระพุทธเจ้าจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม
พระธรรมก็จะมีสภาพเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

พระองค์ได้พบธรรมเหล่านี้นำมาเปิดเผยชี้แจงแก่ชาวโลก
ตามความเป็นจริงแห่งธรรมนั้น
ส่วนผู้ประพฤติปฏิบัติเป็นหน้าที่ของผู้ฟัง
จะต้องลงมือทำด้วยตนเอง อำนาจในการดลบันดาล
การสร้างโลก เป็นต้น จึงไม่มีในพระพุทธศาสนา

หากผู้ฟังเชื่อตามคำสอนว่า สิ่งที่พระองค์ห้ามก็งดเว้นเสีย
สิ่งใดที่ควรประพฤติปฏิบัติ ก็ควรทำตามนั้นอย่างถูกต้อง
ไม่ต้องมาถกเถียงกันว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกคนย่อมมีความสำเร็จแน่นอน

การที่เราถกเถียงกันนั้นเพราะเราไม่เข้าใจคำสอนต่างหาก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2013, 13:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




df146276e9a94a8d67d569fcc17bda54.png
df146276e9a94a8d67d569fcc17bda54.png [ 140.27 KiB | เปิดดู 3763 ครั้ง ]
ลุงหมาน เขียน:
พระธรรม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อกล่าวโดยลักษณะท่านจัดออกเป็น ๔ ลักษณะ คือ
๑) สวากขาตธรรม เป็นพระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วทั้งที่เป็น กุศล อกุศล อัพยากต เป็นธรรมที่มีความงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด สมบูรณ์ด้วยอรรถะและพยัญชนะ
๒) สัลเลขธรรม เป็นพระธรรมที่ทำหน้าที่ขัดเกลาจิต หรือขัดเกลาบาปอกุศลให้ออกไปจากจิต ตามคุณสมบัติแห่งองค์ธรรมนั้นๆ เช่น ปัญญาขจัดความโง่เขลา เมตตา ขจัด ความพยาบาท ความโกรธ เป็นต้น
๓) นิยยานิกธรรม เป็ธรรมที่นำสัตว์ผู้ปฏิบัติ ให้ออกจากอำนาจของกิเลส ทุกข์ และสังสารวัฏฏ์ นำออกจากเวรภัยปัจจุบัน
๔) สันติธรรม เป็นพระธรรมที่ก่อให้เกิดสันติสุขในชั้นนั้นๆ ตามสมควรแก่ธรรมที่บุคคลได้เข้าถึงและปฏิบัติตาม จนถึงสันติสุขอย่างยอดเยี่ยม ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า
นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี


:b8: :b8: :b8: อนุโมทนาค่ะคุณลุงหมาน

เราเคารพในพระสัทธรรมขององค์พระศาสดาเหนือสิ่งอื่นใด... :b8:
พระสัทธรรมเปรียบดั่งแสงสว่างของอาทิตย์ยามเที่ยงวันที่เข้าไปขับไล่ความมืดมิดภายในจิตใจให้เลือนหาย...คงเหลือไว้แต่ความสว่างไสวภายในจิตใจ...เรารู้แต่ว่าจะไม่ย้อนกลับไม่ตกต่ำไปกว่านี้และจะก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2013, 14:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1037125d1e39508dc91045ae095ad34c.png
1037125d1e39508dc91045ae095ad34c.png [ 326.65 KiB | เปิดดู 3763 ครั้ง ]
อนุโมทนาครับ :b8: :b8: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2013, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




b2bd6ce2543ca171c4267d8b8558d57c.png
b2bd6ce2543ca171c4267d8b8558d57c.png [ 152.43 KiB | เปิดดู 3763 ครั้ง ]
ลักษณะของพระสัทธรรม อีกกรณีหนึ่งคือ

เป็นสันทิฏฐิโก คือผู้ปฏิบัติเห็นได้ ด้วยตนเอง
เป็นอกาลิโก ไม่มีขณะคั่น ไม่ขึ้นกับการปรุงแต่ง เป็นสัจจะเป็นความจริง
เอหิปัสสิโก ควรเรียกให้มาดู ดูที่ไหน ดูที่กายวาจาใจ
โอปนายิโก คือต้องน้อมเข้าไปดู
ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญุูหิ เป็นธรรมที่เมื่อปฏิบัติแล้วก็รู้จำเพาะได้ที่ตนเอง


เพิ่มเติมจากลักษณะ 4 ประการที่ลุงหมานได้กล่าวไว้

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2013, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




IE-older-woman-with-a-purse.png
IE-older-woman-with-a-purse.png [ 93.49 KiB | เปิดดู 3763 ครั้ง ]
เช่นนั้น เขียน:
ลักษณะของพระสัทธรรม อีกกรณีหนึ่งคือ

เป็นสันทิฏฐิโก คือผู้ปฏิบัติเห็นได้ ด้วยตนเอง
เป็นอกาลิโก ไม่มีขณะคั่น ไม่ขึ้นกับการปรุงแต่ง เป็นสัจจะเป็นความจริง
เอหิปัสสิโก ควรเรียกให้มาดู ดูที่ไหน ดูที่กายวาจาใจ
โอปนายิโก คือต้องน้อมเข้าไปดู
ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญุูหิ เป็นธรรมที่เมื่อปฏิบัติแล้วก็รู้จำเพาะได้ที่ตนเอง


เพิ่มเติมจากลักษณะ 4 ประการที่ลุงหมานได้กล่าวไว้


:b8: อนุโมทนาค่ะ อ่านแล้วซาบซึ้งใจ...

สัมผัสได้ถึงจิตใจที่เริ่มพ้นจากพันธนาการ...เครื่องร้อยรัด..
..เป็นอิสระภาพ..เป็นสุขอย่างยิ่ง... :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2013, 08:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




cut_out_monk_by_solstock.png
cut_out_monk_by_solstock.png [ 142.23 KiB | เปิดดู 3771 ครั้ง ]
เมื่อเวไนยสัตว์ฟังพระอภิธรรม ก็พิจารณาสภาพปรมัตถธรรมที่ปรากฏ
ด้วยปัญญาที่ได้อบรมสะสมมาแล้วในอดีต จึงรู้ความจริงของปรมัตถธรรมในขณะนั้นได้
ด้วยเหตุนี้ในครั้งพุทธกาล เมื่อพระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมจบลง
จึงมีผู้บรรลุมรรคผลนิพพานเป็นจำนวนมาก เพราะท่านเหล่านั้นฟังพระธรรมเข้าใจ
และพิจารณารู้ความจริงของสภาพปรมัตถธรรม ที่กำลังปรากฏในขณะนั้น
เช่น เมื่อพระองค์ทรงเทศนาว่า จักขุวิญญาณ คือจิตที่ทำกิจเห็นนั้นไม่เที่ยง ท่านเหล่านั้นก็มีสติสัมปชัญญะ
รู้สภาพลักษณะของจิตในขณะที่กำลังเห็นนั้นได้ถูกต้อง ว่าเป็นสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม
ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ในขณะที่กำลังได้ยิน

ท่านเหล่านั้นก็มีสติสัมปชัญญะรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะที่กำลังได้ยินนั้น
เมื่อปัญญารู้แจ้งลักษณะไม่เที่ยง เกิดดับ เป็นทุกข์ ของปรมัตถธรรมที่ปรากฏในขณะนั้น
แล้วก็ละคลายความยินดีเห็นผิด ที่ยึดถือปรมัตถธรรมเหล่านั้นเป็นตัวตน เที่ยง และเป็นสุข
ฉะนั้น พึงเข้าใจให้ถูกต้องว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงเทศนาสั่งสอน
ซึ่งได้รวบรวมบันทึกไว้เป็นพระไตรปิฎกนั้น เป็นเรื่องความจริงของสภาพธรรมทั้งปวง
เมื่อศึกษาและเข้าใจปรมัตถธรรมแล้ว ก็ควรพิจารณาปรมัตถธรรมที่กำลังปรากฏ
เพื่อรู้แจ้งลักษณะความจริงของ ปรมัตถธรรมที่กำลังปรากฏนั้น จึงจะละความสงสัยและความไม่รู้
ในสภาพลักษณะของปรมัตถธรรมได้อย่างแท้จริง

การศึกษาเพื่อให้เข้าใจปรมัตถธรรมนั้น จะต้องพิจารณาถึงเหตุผลจึงจะเข้าใจได้แจ่มแจ้ง
เช่น จะต้องรู้ว่าสภาพที่เห็นกับสภาพที่ได้ยินนั้นเหมือนกันหรือไม่ ถ้าเหมือนกัน เหมือนกันอย่างไร ถ้าไม่เหมือน ไม่เหมือนกันอย่างไร
สภาพเห็นและสภาพได้ยินเป็นจิตปรมัตถ์ก็จริง แต่ไม่ใช่จิตเดียวกัน เพราะเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดต่างกัน
จิตเห็นนั้นต้องอาศัยสิ่งที่ปรากฏทางตากระทบกับจักขุปสาทเป็นปัจจัยจึงจะเกิดได้ ส่วนจิตได้ยินต้องอาศัยเสียงกระทบกับโสตปสาทเป็นปัจจัย
จึงจะเกิดได้ จิตเห็นและจิตได้ยินมีกิจต่างกันและเกิดจากปัจจัยต่างกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2013, 06:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




a71adcdf0d2c975406f13d37fbd8cf87.png
a71adcdf0d2c975406f13d37fbd8cf87.png [ 448.78 KiB | เปิดดู 3763 ครั้ง ]
ความจริงแล้ว ในโลกนี้มีนามกับรูปเท่านั้น
มิได้มีสัตว์และมนุษย์แต่ประการใดเลย
นามและรูปเป็นของว่างเปล่า ถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้นเหมือนตัวหุ่น
เป็นกองทุกข์เช่นเดียวกับกองหญ้าและกองไม้

นามและรูปในปัญจโวการภพต่างก็อาศัยซึ่งกันและกัน
สิ่งหนึ่งเป็นผู้ค้ำจุนอีกสิ่งหนึ่งไว้ เมื่อสิ่งหนึ่งล้มลงไปด้วยการแตกทำลาย
อีกสิ่งหนึ่งก็ล้มลงด้วย การแตกทำลายลงด้วย เช่นกับฟ่อนต้นอ้อ ๒ มัด พิงกันไว้
ฟ่อนอ้อมัดหนึ่งก็ค้ำฟ่อนต้นอ้อ อีกมัดหนึ่งไว้ เมื่อฟ่อนต้นอ้อมัดหนึ่งล้มลง
ฟ่อนต้นอ้ออีกมัดหนึ่งก็ล้มลงด้วย นามและรูปนั้นเป็นของคู่กัน

ทั้งสองต่างอาศัยซึ่งกันและกัน เมื่ออย่างหนึ่งแตกทำลายไป
สิ่งทั้งสองที่อาศัยกันก็แตกทำลายไปด้วย ตัวหุ่นเป็นของว่าเปล่า ไม่มีชีวิต
เคลื่อนไหวไม่ได้ แต่เพราะการประกอบกัน ของไม้และเส้นเชือกที่ชัก ตัวหุ่นจึงเคลื่อนไหวได้
ปรากฏคล้ายกับสิ่งมีชีวิต ฉันใด นามและรูปก็เช่นกัน ว่างเปล่า ไม่มีชีวิต ไม่เคลื่อนไหว
แต่เพราะอิงอาศัยซึ่งกันและกัน นามรูปจึงเคลื่อนไหวได้ ปรากฏมีชีวิตชีวาขึ้น ฉันนั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2014, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




8548941.png
8548941.png [ 457.08 KiB | เปิดดู 3763 ครั้ง ]
กลับมาอ่านใหม่ก็ยังชื่นใจอยู่
:b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2018, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว




Image-4499.jpg
Image-4499.jpg [ 99.25 KiB | เปิดดู 3771 ครั้ง ]
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร