วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 18:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 14:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 12:28
โพสต์: 10


 ข้อมูลส่วนตัว


ในสมัยปัจจุบันนี้ พระโสดาบันจะไกลเกิน ที่เราจะหวังไหม ครับ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กริษแก้ว เขียน:
ในสมัยปัจจุบันนี้ พระโสดาบันจะไกลเกิน ที่เราจะหวังไหม ครับ s006

สวัสดีครับ คุณกริษแก้ว
ไกลเกินเอื้อมอย่างไร ก็ไม่อาจตอบได้ จึงได้แต่ให้ท่าน พิจารณาจากพุทธพจน์กันล่ะครับ
แล้ว พิจารณาโดยเหตุโดยผลเพื่อให้เกิดปัญญา ดังพุทธพจน์บทนี้ครับ

สัปปัญญวรรคที่ ๖
สคาถกสูตร
ผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเป็นพระโสดาบัน
[๑๖๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการย่อมเป็นพระ
โสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ธรรม ๔ ประการเป็น
ไฉน? อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ใน
พระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยสาวกประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา
เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า

[๑๖๒๒] ผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ในพระตถาคต
มีศีลอันงาม ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว สรรเสริญแล้ว
มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์
และมีความเห็นตรง
บัณฑิตเรียกผู้นั้นว่า เป็นคนไม่ขัดสน ชีวิตของเขาไม่เปล่าประโยชน์
เพราะฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า
พึงประกอบตามซึ่งศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และความเห็นธรรม ดังนี้.


http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=19&A=9666&Z=9681

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมนั้นไม่จำกัดกาล สมัยไหนก็หวังได้ถ้าเดินทางถูก

หวังอรหันต์ก็ได้ขึ้นอยู่กับเจตนาเท่านั้น บวกกับการศึกษาที่ถูกต้องตามลำดับ 1 2 3 4 มีพื้นฐานที่มั่นคง บางคนก็ไม่ได้อยากเป็นอรหันต์ ก็ล้วนอยู่ที่เจตนาเสียเป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือก็เป็นเหตุและปัจจัยที่เราประกอบขึ้น เพื่อเสริมกับเจตนา

อารมณ์ของพระโสดา ก็มีเขียนอยู่ในพระสูตรข้างต้น ถ้าอยากลิ้มรสก็ลองปฏิบัติตามดู ไม่ต้องสอบถามผู้อื่น ดูกำลังใจตนเองก็สามารถรู้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2011, 17:33
โพสต์: 85

โฮมเพจ: บล๊อก
แนวปฏิบัติ: กายปสาทรูป และวิสยรูป ๗ คือ สี เสียง กลิ่น รส เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว สังเกตุการเกิดดับที่ละขณะ
งานอดิเรก: ฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะ ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรมัตถธรรม ๔ โดยสังเขป ของ อ.สุจินต์
อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมสวัสดีค่ะ ท่านผู้เจริญในธรรม

หลักสำคัญอีกข้อหนึ่งก็มีนะคะ การสะสมมาแต่อดีตชาติค่ะ ทุกท่านที่ได้เข้ามาศึกษาพระธรรม ล้วนแล้วแต่มีการสะสมมาทัังนั้น มากน้อยแตกต่างกันไปค่ะ ถ้าไม่มีการสะสมเกี่ยวกับพระธรรมมาเสียเมื่ออดีตชาติ เขาก็จะไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมค่ะ บางท่านกลับว่าเราบ้าอีกต่างหาก

อนุโมทนาค่ะ

.....................................................
กายอ่อนน้อม ใจระลึกถึงพระคุณ
เปิดตาให้รับแสงแห่งพระธรรม เปิดหูให้ได้ยินเสียงสำเนียงธรรม เปิดปากพูดจาสนทนาธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนากับทุกๆ ความเห็นด้วยนะครับ ^^

อนุโมทนาคุณโยมเช่นนั้นด้วยครับกับสคาถกสูตร พุทธพจน์

อะไรที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจนั่นแหละ แม้อยู่ใกล้ก็กลายเป็นอยู่ไกล
สำหรับเราครับ ใกล้ศีลธรรมไว้ ศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ไกลก็จะใกล้เข้ามา หากไม่มี
การให้ทานรักษาศีล ไม่มีความเคารพเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
อะไรที่อยู่ใกล้ๆ ก็จะค่อยๆ ไกลออกไปครับ ขอเจริญพร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กริษแก้ว เขียน:
ในสมัยปัจจุบันนี้ พระโสดาบันจะไกลเกิน ที่เราจะหวังไหม ครับ s006


ไม่ไกลเกินหวังหรอกครับ พระธรรมเป็น อกาลิโล ปฏิบัติและให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ที่ควรทำต่อไปก็คือ จะปฏิบัติอย่างไร (ซึ่งผู้ทรงภูมิธรรมหลายท่านในบอร์ดนี้คงมีเมตตาที่จะแนะนำหนทาง) และเริ่มลงมือปฏิบัติจริงจังตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ท่านต้องได้ประสบมรรค ผล ตามกำลังสติปัญญาและความเพียรแน่นอน Onion_no

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2011, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กริษแก้ว เขียน:
ในสมัยปัจจุบันนี้ พระโสดาบันจะไกลเกิน ที่เราจะหวังไหม ครับ s006

จะว่าไกลก็ไกล จะว่าใกล้ก็ใกล้ ขึ้นอยู่วาสนาบารมีและแนวทางในการปฏิบัติ ที่บำเพ็ญมาในอดีตชาติ
ซึ่งแนวทางหรือปฏิปทานี้ ท่านแบ่งเป็น

๑. ปฎิบัตยาก - รู้ช้า
๒. ปฏิบัติยาก - รู้เร็ว
๓. ปฏิบัติง่าย - รู้ช้า
๔. ปฏิบัติง่าย - รู้เร็ว

หรือ .. ท่านว่าผู้ที่ปฏิบัติใน สติปัฏฐานสี่ ไม่เกิน ๗ ปี ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยะ แน่นอน

ถ้าเจ้าของกระทู้ เป็นประเภท ปฏิบัติง่ายและรู้เร็ว หรือมุ่งปฏิบัติใน สติปัฏฐานสี่ อย่างสม่ำเสมอ
๗ ปี นี่ไม่นานนะ พระอริยะ ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ..

ไอ้กระผม ..ประเภทข้อ ๑ ยกกำลังสอง..คงอีกหลายอสงขัยกัปป์..แหง๋มๆ :b11: :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2011, 21:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 12:28
โพสต์: 10


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ต้องขอขอบพระคุณท่านๆที่แสดงความคิดเห็นมานะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
กริษแก้ว เขียน:
ในสมัยปัจจุบันนี้ พระโสดาบันจะไกลเกิน ที่เราจะหวังไหม ครับ s006

จะว่าไกลก็ไกล จะว่าใกล้ก็ใกล้ ขึ้นอยู่วาสนาบารมีและแนวทางในการปฏิบัติ ที่บำเพ็ญมาในอดีตชาติ
ซึ่งแนวทางหรือปฏิปทานี้ ท่านแบ่งเป็น

๑. ปฎิบัตยาก - รู้ช้า
๒. ปฏิบัติยาก - รู้เร็ว
๓. ปฏิบัติง่าย - รู้ช้า
๔. ปฏิบัติง่าย - รู้เร็ว

หรือ .. ท่านว่าผู้ที่ปฏิบัติใน สติปัฏฐานสี่ ไม่เกิน ๗ ปี ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยะ แน่นอน

ถ้าเจ้าของกระทู้ เป็นประเภท ปฏิบัติง่ายและรู้เร็ว หรือมุ่งปฏิบัติใน สติปัฏฐานสี่ อย่างสม่ำเสมอ
๗ ปี นี่ไม่นานนะ พระอริยะ ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ..

ไอ้กระผม ..ประเภทข้อ ๑ ยกกำลังสอง..คงอีกหลายอสงขัยกัปป์..แหง๋มๆ :b11: :b13:

ไม่คิดจะรีบกับเขาเลยนะท่าน grin

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีความเชื่อว่า
ตราบใดศรัทธาในการที่จะแสวงหาความหลุดพ้นไปจากกองทุกข์ทั้งหลายยังไม่เหือดแห้งหายไป
และเมื่อใดความรู้เห็นว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุให้เกิดทุกข์
เป็นสิ่งที่เริ่มจะเข้าใจขึ้นมาได้บ้าง
ตราบนั้น การเข้าสู่กระแสแห่งอริยบุคคล ก็ไม่ใช้สิ่งที่อยู่ไกลแต่ประการใด...


ชีวิตประกอบอยู่ด้วยขันธ์ทั้ง๕
ขันธ์ทั้ง๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ความทกุข์เกิดจากความเข้าใจว่าขันธ์ทั้ง๕คือตัวเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา

ความเข้าใจว่าร่างกายและจิตเป็นตัวเรา เป็นตัวเป็นตน
ทั้งเข้าใจว่าภายหลังจากร่างกายนี้ดับสลายหายไปแล้ว จิตที่เป็นอัตตาตัวตนก็จะไปปรากฏยังที่อื่นๆอีก
หรือทั้งเข้าใจว่าหลังจากร่างกายนี้ดับสลายหายไปแล้ว จิตที่เป็นอัตตาตัวตนจะไม่ไปปรากฏยังที่อื่นๆอีก
หรือทั้งเข้าใจว่าหลังจากร่างกายนี้ดับสลายหายไปแล้ว จิตที่เป็นอัตตาตัวตนไปปรากฏยังที่อื่นๆอีกก็มี ไม่ไปปรากฏยังที่อื่นๆอีกก็มี

ความเข้าใจทั้งหลายที่ว่านี้ ก็เป็นเพียงสักแค่ว่าความรู้สึก เป็นเพียงความเห็นความเข้าใจอย่างหนึ่งเช่นนั้นเอง

เมื่อเริ่มดำเนินเข้าสู่เส้นทางอริยมรรคได้แล้ว
จับเส้นทางอริยมรรคที่ถูกต้องได้แล้ว
ความเข้าใจ ความเห็นว่า จิตหรือวิญญาณนี้เป็นอัตตาตัวตน จะไม่ปรากฏเกิดขึ้นอีกต่อไป
ความทุกข์วิตกกังวลในเรื่องของจิตวิญญาณหลังความตายจะไม่มีอีกต่อไป
ความทกุข์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในปัจจุบันนี้เท่านั้น คือความสำคัญที่จะต้องดับให้ได้ ข้ามผ่านไปให้ได้

ร่างกายและจิตใจทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ คือขันธ์ทั้ง๕
ไม่ส่วนอื่นใดที่นอกเหนือไปจากขันธ์ทั้ง๕

ความรู้สึกว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เป็นเพียงสักแต่ว่าความรู้สึก
เกิดขึ้น มีขึ้นได้ เพราะอาศัยเหตุและปัจจัยในการเกิดขึ้นมีขึ้น
ความรู้สึกว่าเป็นเรา ว่าเป็นตัวตนของของเรา มีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
การศึกษาเรียนรู้พุทธศาสนาจะทำให้มองเห็นความเกิดดับของความรู้สึกที่ว่านี้ได้

เมื่อใดที่เห็นความจริงแท้ของความรู้สึกว่าเป็นเราเป็นตัวตนของเรา ได้แล้ว
ความทุกข์อันมีสาเหตุมาจากความรู้สึกที่ว่านี้ ก็จะเริ่มเบาบางลง เจือจางลง
ความกำหนัดยินดีหวงแหนในร่างกายและจิตนี้ ก็จะค่อยๆคลายลงไป
ความไม่พอใจในร่างกายและจิตอื่นๆ ก็จะเริ่มไม่ปรากฏให้เห็นได้โดยง่าย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 23:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 12:28
โพสต์: 10


 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยรู้ เขียน:
ผมมีความเชื่อว่า
ตราบใดศรัทธาในการที่จะแสวงหาความหลุดพ้นไปจากกองทุกข์ทั้งหลายยังไม่เหือดแห้งหายไป
และเมื่อใดความรู้เห็นว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุให้เกิด เป็นสิ่งที่เริ่มจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง
ตราบนั้น การเข้าสู่กระแสแห่งอริยบุคคล ก็ไม่ใช้สิ่งที่อยู่ไกลแต่ประการใด...


ชีวิตประกอบอยู่ด้วยขันธ์ทั้ง๕
ขันธ์ทั้ง๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ความทกุข์เกิดจากความเข้าใจว่าขันธ์ทั้ง๕คือตัวเรา เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา

ความเข้าใจว่าร่างกายและจิตเป็นตัวเรา เป็นตัวเป็นตน
ทั้งเข้าใจว่าภายหลังจากร่างกายนี้ดับสลายหายไปแล้ว ก็จะหรือจิตที่เป็นอัตตาตัวตนไปปรากฏยังที่อื่นๆอีก
หรือทั้งเข้าใจว่าหลังจากร่างกายนี้ดับสลายหายไปแล้ว จิตที่เป็นอัตตาตัวตนจะไม่ไปปรากฏยังที่อื่นๆอีก
หรือทั้งเข้าใจว่าหลังจากร่างกายนี้ดับสลายหายไปแล้ว จิตที่เป็นอัตตาตัวตนไปปรากฏยังที่อื่นๆอีกก็มี ไม่ไปปรากฏยังที่อื่นๆอีกก็มี

ความเข้าใจทั้งหลายที่ว่านี้ ก็เป็นเพียงสักแค่ว่าความรู้สึก เป็นเพียงความเห็นความเข้าใจอย่างหนึ่งเช่นนั้นเอง

เมื่อเริ่มดำเนินเข้าสู่เส้นทางอริยมรรคได้แล้ว
จับเส้นทางอริยมรรคที่ถูกต้องได้แล้ว
ความเข้าใจ ความเห็นว่า จิตหรือวิญญาณนี้เป็นอัตตาตัวตน จะไม่ปรากฏเกิดขึ้นอีกต่อไป
ความทุกข์วิตกกังวลในเรื่องของจิตวิญญาณหลังความตายจะไม่มีอีกต่อไป
ความทกุข์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในปัจจุบันนี้เท่านั้น คือความสำคัญที่จะต้องดับให้ได้ ข้ามผ่านไปให้ได้

ร่างกายและจิตใจทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ คือขันธ์ทั้ง๕
ไม่ส่วนอื่นใดที่นอกเหนือไปจากขันธ์ทั้ง๕

ความรู้สึกว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เป็นเพียงสักแต่ว่าความรู้สึก
เกิดขึ้น มีขึ้นได้ เพราะอาศัยเหตุและปัจจัยในการเกิดขึ้นมีขึ้น
ความรู้สึกว่าเป็นเรา ว่าเป็นตัวตนของของเรา มีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
การศึกษาเรียนรู้พุทธศาสนาจะทำให้มองเห็นความเกิดดับของความรู้สึกที่ว่านี้ได้

เมื่อใดที่เห็นความจริงแท้ของความรู้สึกว่าเป็นเราเป็นตัวตนของเรา ได้แล้ว
ความทุกข์อันมีสาเหตุมาจากความรู้สึกที่ว่านี้ ก็จะเริ่มเบาบางลง เจือจางลง
ความกำหนัดยินดีหวงแหนในร่างกายและจิตนี้ ก็จะค่อยๆคลายลงไป
ความไม่พอใจในร่างกายและจิตอื่นๆ ก็จะเริ่มไม่ปรากฏให้เห็นได้โดยง่าย...

ที่เป็นสีแดง นี้เป็นจากความเข้าใจของท่านเอง หรือ จากตำราครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2011, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อใดที่เห็นความจริงแท้ของความรู้สึกว่าเป็นเราเป็นตัวตนของเรา ได้แล้ว
ความทุกข์อันมีสาเหตุมาจากความรู้สึกที่ว่านี้ ก็จะเริ่มเบาบางลง เจือจางลง
ความกำหนัดยินดีหวงแหนในร่างกายและจิตนี้ ก็จะค่อยๆคลายลงไป
ความไม่พอใจในร่างกายและจิตอื่นๆ ก็จะเริ่มไม่ปรากฏให้เห็นได้โดยง่าย...
ที่เป็นสีแดง นี้เป็นจาก

ความเข้าใจของท่านเอง หรือ จากตำราครับ




เป็นเพียงประสพการณ์ความเห็น ที่เกิดจากการเฝ้าดูธรรมชาติที่เรียกว่า"จิต" ครับ


เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด

เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
เพราะสิ่งนี้ ดับสิ่งนี้จึงดับ

ผู้ศึกษาและปฏิบัติจะรู้เห็นได้ด้วยตนเอง ครับ

เมื่อเห็นว่าจิตหรือวิญญาณนี้มิใช่อัตตาตัวตนได้อย่างไม่มีอะไรสงสัยอีกต่อไป
ตำราหรือคำพูดใดๆ ก็ย่อมไม่มีเหตุผลพอที่จะทำให้เกิดความสะดุ้งหวั่นไหวใดๆได้อีกต่อไป ครับ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2011, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ธ.ค. 2009, 12:51
โพสต์: 13

อายุ: 19

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เป็นเพียงประสพการณ์ความเห็น ที่เกิดจากการเฝ้าดูธรรมชาติที่เรียกว่า"จิต" ครับ


เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด

เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
เพราะสิ่งนี้ ดับสิ่งนี้จึงดับ

ผู้ศึกษาและปฏิบัติจะรู้เห็นได้ด้วยตนเอง ครับ

เมื่อเห็นว่าจิตหรือวิญญาณนี้มิใช่อัตตาตัวตนได้อย่างไม่มีอะไรสงสัยอีกต่อไป
ตำราหรือคำพูดใดๆ ก็ย่อมไม่มีเหตุผลพอที่จะทำให้เกิดความสะดุ้งหวั่นไหวใดๆได้อีกต่อไป ครับ...


อนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2011, 00:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 12:28
โพสต์: 10


 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยรู้....น่าจะจริงนะ คำนี้ มีแต่เบา onion :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2011, 00:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กริษแก้ว เขียน:
ในสมัยปัจจุบันนี้ พระโสดาบันจะไกลเกิน ที่เราจะหวังไหม ครับ s006

ใกล้...มาก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 57 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร