วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 23:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 17:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ผมสงสัย โลกุตรธรรม 9 ครับ
ที่มี9ข้อนี่ แบ่งเป็น มรรค4
ผล 4
นิพพาน 1

ผมไม่เข้าใจที่ว่า เหตุใด? ถึงแยก เป็นโสดาปัตติมรรค-ผล
สกทาคามิมรรค-ผล
อนาคามิมรรค-ผล
อรหันตมรรค-ผล
1.ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง มรรค กับ ผล?
2.คือว่า แต่ละขั้น วัดกันที่การตัดสังโยชน์ได้มากน้อยข้อใช่ไหมครับ แล้วอย่าง โสดาบัน ตัดสังโยชน์ได้3ข้อ อันนี้เป็นมรรค หรือ เป็น ผล ครับ
3.แล้วพระอรหันต์ กับ นิพพาน ต่างกันหรือครับ?


วิสัชนาให้แจ้งด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 18:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโทษด้วยครับ

ไม่แน่ใจว่าถามคำถามซ้ำหรือเปล่าครับ?? พอดีเพิ่งไปอ่านเจอ ในกระทู้
" พระโสดาบัน บนสวรรค์ มีอายุเท่าไหร่ครับ ?"

ผมอยากได้คำตอบที่ชัดกว่า ที่เทียบเป็นวุฒิการศึกษาอ่ะครับ ช่วยอธิบายการเข้าถึงหรือองค์ธรรมอะไรทำนองนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัตติปิตา เขียน:
วันนี้ผมสงสัย โลกุตรธรรม 9 ครับ
ที่มี9ข้อนี่ แบ่งเป็น มรรค4
ผล 4
นิพพาน 1

ผมไม่เข้าใจที่ว่า เหตุใด? ถึงแยก เป็นโสดาปัตติมรรค-ผล
สกทาคามิมรรค-ผล
อนาคามิมรรค-ผล
อรหันตมรรค-ผล
1.ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง มรรค กับ ผล?
2.คือว่า แต่ละขั้น วัดกันที่การตัดสังโยชน์ได้มากน้อยข้อใช่ไหมครับ แล้วอย่าง โสดาบัน ตัดสังโยชน์ได้3ข้อ อันนี้เป็นมรรค หรือ เป็น ผล ครับ
3.แล้วพระอรหันต์ กับ นิพพาน ต่างกันหรือครับ?


วิสัชนาให้แจ้งด้วยครับ


๑. ถ้าไม่มี"มรรค" ก็ไม่มี "ผล"ขอรับ เช่น ความคิด เป็น "มรรค" เมื่อคิดแล้วเกิดความรู้ เกิดความเข้าใจแล้วนั่นคือ"ผล"
หรือ รูป เป็น "มรรค" รูปทำให้เกิดความคิด ,ความคิดเป็น "ผล"จากรูป ดังนี้เป็นต้น คุณอ่านแล้วอาจจะไม่เข้่าใจ เนื่องจาก สรรพสิ่ง ล้วนเป็น วัฎจักร คือ หมุนเวียนกันไป "สิ่งหนึ่งเกิด สิ่งหนึ่งย่อมดับ ,สิ่งหนึ่งดับไป อีกสิ่งหนึ่งก็ย่อมเกิด"
๒.ไม่ใช่ขอรับ แต่ละชั้นจะคาบเกี่ยวสัมพันธ์กัน วัดกันที่การขจัดอาสวะภายในร่างกายของตน สังโยชน์เป็นเพียงความคิด หรืออารมณ์ ที่แสดงให้รู้ว่า มีความชอบอะไร มีความคิดอย่างไร มีความหลงสิ่งใด หมายความว่า "สังโยชน์ เป็นข้อความอธิบายถึงสภาพจิตใจด้านต่างๆ ถ้ากล่าวตามหลักพระไตรปิฎก ต้องขจัดสังโยชน์ หรือละสังโยชน์ แต่ในทางที่เป็นจริงต้องขจัดออกขอรับ เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ จะละสังโยชน์ได้ ก็ต้องปลีกวิเวก คือไม่อยู่คนเดียว ถ้าเวลาใดที่คุณหรือใครก็ตาม ออกมาปฏิสัมพันธ์สังคมกับมนุษย์เช่น บิณฑบาตร ได้มอง ได้เห็น ได้ยิน สังโยชน์ก็จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยที่เจ้าตัวไม่มีทางรู้ว่าสังโยชน์เกิดขึ้นในตัวเองแล้ว ต้องขจัดอาสวะเพียงสถานเดียวขอรับ
๓. อรหันต์ กับนิพพาน จะคาบเกี่ยวกัน คือ เกี่ยวข้องกัน ถ้าไม่ถึง "อรห้นต์" ก็ไม่ถึง "นิพพาน" ถ้าจะถึง "นิพพาน" ก็ต้องสำเร็จอรห้นต์ อรห้นต์ กับ นิพาน ต่างกันที่ปรากฎการณ์ทางสรีระร่างกาย ถ้าถึง"อรหันต์" ก็จะสามารถขจัดอาสวะทุกชนิด ทั้งหยาบ ทั้งละเอียดโดยอัตโนมัติ คือเป็นไปโดยอัตโนมัติ และขณะขจัดอาสวะ ก็จะปรากฎ ฉัพพรรณรังสี ออกมาเป็นแสงสีต่างๆตามสภาพอารมณ์หรือสภาพอาสวะนั้นๆ เช่น ถ้าเป็นความหลงความโกรธอย่างละเอียด ก็จะเป็นแสงสีส้ม ถ้าเป็นความหลง ความโกรธ อย่างหยาบก็จะฉัพพรรณรังสีแสงสีดำ ถ้าเป็นการป้องกันคลื่นกามรมณ์ก็จะเป็นแสงสีขาวสดใสออกแสดๆ ถ้าบรรลุ นิพพาน หรือ ถึง นิพพาน ร่างกายจะโปร่งแสง บ้างก็เป็นคล้ายกระจกเงา บ้าง ก็มีฉัพพรรณรังสี ล้อมรอบร่างกาย หรือห่อหุ้มร่างกาย และอื่นๆอีกมากมายหลายอย่างขอรับ
อนึ่ง ที่กล่าวไปทั้งหมด ไม่ใช่นั่งเทียนหรือยกเมฆมาเขียนอธิบายนะขอรับ ของจริงขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ปัตติปิตา เขียน:
วันนี้ผมสงสัย โลกุตรธรรม 9 ครับ
ที่มี9ข้อนี่ แบ่งเป็น มรรค4
ผล 4
นิพพาน 1

ผมไม่เข้าใจที่ว่า เหตุใด? ถึงแยก เป็นโสดาปัตติมรรค-ผล
สกทาคามิมรรค-ผล
อนาคามิมรรค-ผล
อรหันตมรรค-ผล
1.ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง มรรค กับ ผล?
2.คือว่า แต่ละขั้น วัดกันที่การตัดสังโยชน์ได้มากน้อยข้อใช่ไหมครับ แล้วอย่าง โสดาบัน ตัดสังโยชน์ได้3ข้อ อันนี้เป็นมรรค หรือ เป็น ผล ครับ
3.แล้วพระอรหันต์ กับ นิพพาน ต่างกันหรือครับ?


วิสัชนาให้แจ้งด้วยครับ

๑) ความแตกต่างระหว่าง มรรค กับ ผล?

มรรคคือ ปฏิปทาที่ผู้ที่เริ่มอบรม มรรค ๘ ศีล
(สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ)
สมาธิ (สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)
ปัญญา (สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ)

โดยมีสัมมาทิฏฐิเป็นหัวหน้าเป็นประธาน ในการอบรมสติระวัง ชั่วไม่ทำ
ดีให้สร้าง พิจารณานามรูป พิจารณากำหนดรู้ทุกข์ ว่าขันธ์ อุปาทานขันธ์
เ็ป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขาทุกข์ ละเหตุแห่งทุกข์ ความต้องการ
ความอยากได้อยากมีอยากเป็น ความไม่อยากได้ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ฯลฯ
รู้แจ้งความดับทุกข์นั้นๆ รู้หรือเข้าถึงวิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์


การดำเนินมรรคปฏิปทาเหล่านี้ เรียกว่ากิจในการอนุโลมอริยสัจ ขณะที่
รู้แจ้งปล่อยวางสังขารทั้งหลายตามความเป็นจริง ปล่อยวางตัณหาอุปาทาน
ความยึดมั่นถือมั่น ไม่ก่อภพก่อชาติสืบต่อไป จากอนุโลมญาณก็จะเิกิด
โคตรภูญาณ เรียกว่า เห็นนิพพานเป็นอารมณ์ เมื่อปล่อยวางสังขารทั้ง
หลายตามความเป็นจริง กิจต่อไปของจิตก็จะเกิดโลกุตตระมรรค หรือมรรคญาณ
ปัญญาในการรู้วิธีในการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ และที่ทำมาทั้งหมดตั้งแต่รักษาศีล
ทำทาน อบรมภาวนาก็เพื่อให้เข้าถึง โลกุตตระมรรคหลังจากนั้นก็จะเกิด
ผลญาณ เกิดขึ้นทันทีต่อจาก มรรคญาณ

มรรค = คือวิธีการปฏิบัติ ปฏิปทาเครื่องดำเนินไปสู่ มรรคญาณ และผลญาณ
ผล = การประหานกิเลศ ทำลายตัณหาอุปาทาน ตลอดจนสังโยชน์ ๓ เบื้องต้น
ได้เด็ดขาด จึงเรียกว่า สำเร็จเป็นอริยบุคคลตั้งแต่ชั้นพระโสดาบันฯลฯ


๒) ตัดสังโยชน์เป็นมรรค หรือเป็นผล ?
ตอบแล้วเป็น ผล หรือผลญาณ
มรรคของ ปุถุชนเราๆ ท่านๆ ก็คือมรรค ๘ สติปัฏฐาน ฯลฯ
พออบรมไปจนอินทรีย์แก่กล้า เป็นพละโดยสมบูรณ์พร้อมแล้ว
เกิดอนุโลมญาณ จนถึงโคตรภูญาณ (ปัญญาในการโอนโคตรปุถุชน
สู่ความเป็นอริยบุคคลชั้นต้น) มรรคและผลก็เกิด เกิด(เข้าใจใน)มรรคและ
(รู้ใน)ผล เห็นแจ้งพระนิพพานก็บรรลุสำเร็จความเป็นพระโสดาบัน

ปุถุชน ----> โสดาปัตติมรรค =====>โสดาปัตติผล (โสดาบัน)
ละสักกายทิฏฐิ ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ วิจิกิจฉา ๑ เหลือกามราคะ ๑
ปฏิฆะ ๑ รูปราคะ ๑ อรูปราคะ ๑ มานะ ๑ อุทธัจจะ ๑ อวิชชา ๑
ยังตายเกิดอีก ๗ ชาติ และยังอยากมีอยากเป็นแต่ไม่นำไปสู่อบาย
ยังรักสุขเกลียดทุกข์ แ่ต่มีศรัทธาในพระรัตนตรัยไม่หวั่นไหว มีศีล
๕ เป็นปกติ ยังละกามราคะปฏิฆะขัดเคืองใจไม่ได้ยังโกรธเป็นฯลฯ

มรรคของ พระโสดาบัน ก็ไล่ใหม่เริ่มใหม่ เกิดมรรคผลขึ้นสูงต่อไปใหม่
เป็นกิจปหานกิเลสอย่างหยาบ ละสังโยชน์ให้เบาบางลง
ของพระสกทาคามีหรือสกิทาคามีนั่นเอง

@@@@@


โสดาบันบุคคล -----> สกิทาคามีมรรค =====> สกิทาคามีผล (สกิทาคามี)
ละสักกายทิฏฐิ ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ วิจิกิจฉา ๑ ทำกามราคะ ๑
ทำปฏิฆะ ๑
ให้เบาบาง ยังเหลือรูปราคะ ๑ อรูปราคะ ๑ มานะ ๑ อุทธัจจะ ๑ อวิชชา ๑


มรรคของ พระสกิทาคามี ก็ไล่เรียงไป เกิดมรรคเกิดผลเข้าถึงอนาคามี
บุคคลเช่นเดียวกับที่อธิบายมาข้างต้น

@@@@@


สกิทาคามีบุคคล-----> อนาคามีมรรค ======> อนาคามีผล (อนาคามี)
ละสักกายทิฏฐิ ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ วิจิกิจฉา ๑ กามราคะ ๑
ปฏิฆะ ๑
ดับปฏิฆะกามราคะสนิท เหลือแต่รูปราคะ ๑ อรูปราคะ ๑
มานะ ๑ อุทธัจจะ ๑ อวิชชา ๑
นี้จึงเป็นภูมิของพระอริยบุคคลชั้นอนาคามี ไม่กลับมาโลก(กามาวจรภูมิอีก)
เพราะดับกามและปฏิฆะเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ภูมิของ รูปและอรูป ^^
รวมทั้งยังมีมานะ มีความฟุ้งซ่าน และความไม่รู้ยังมีอยู่

มรรคของ อนาคามีก็เหมือนและมีนัยยะเช่นเดียวกับของโสดาบันบุคคล
แต่มีการละปหานกิเลส หรือสังโยชน์ เบื้องสูงอีก ๕ สังโยชน์เท่านั้น
ก็จะสำเร็จความเป็น พระอรหันต์

@@@@@


อนาคามีบุคคล ------> อรหัตมรรค =======> อรหัตผล (อรหันต์)
ละสักกายทิฏฐิ ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ วิจิกิจฉา ๑ กามราคะ ๑
ปฏิฆะ ๑ รูปราคะ ๑ อรูปราคะ ๑ มานะ ๑ อุทธัจจะ ๑ อวิชชา ๑

ดับสังโยชน์ ทั้ง ๑๐ หมดสิ้นไม่มีเหลือ

ข้างต้นทั้งหมดนี้เป็นลักษณะของ ผู้มีศรัทธาจริตเรียกว่า สัทธานุสารีคือเป็นไป
แบบไล่เรียงไปตามลำดับจนบรรลุพระอรหันต์ เรียกว่าเป็นพระโสดาบันหรือ
พระอรหันต์แบบ สัทธาวิมุต

และจำพวกที่ มีปัญญาจริต ปัญญินทรีย์แก่กล้า เรียกว่า ธัมมานุสารี เมื่อบรรลุ
ธรรมแล้วเรียกว่า พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ี่เป็นแบบ ทิฏฐิปปัตตะ เช่นที่
ฟังธรรมพิจารณาธรรม แล้วก็สำเร็จเป็นโสดาบันบ้าง เป็นสกิทาคามีบ้าง
เป็นอนาคามีบ้าง เป็นอรหันต์บ้างไม่แน่นอน ตามแต่จริต หรืออินทรีย์และ
พละของแต่ละบุคคล ฯลฯ

@@@@@


๓)แล้วพระอรหันต์กับ นิพพาน?
พระอรหันต์ เป็นบัญญัติเป็นชื่อของ บุคคลที่อบรมอริยมรรคมีองค์ ๘
อบรมสติปัฏฐาน โพชฌงค์ ๗ จนละสังโยชน์ได้ทั้งหมด

นิพพาน = เป็นสภาวะเป็นนามธรรม(อสังขตะ ไม่ปรุงแต่ง) เป็นอารมณ์
ที่ละเอียดประณีตอย่างหนึ่งที่ผู้เจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้นจะพบ
หรือที่เคยได้ยินได้ฟังกัน ถ้ายังมีผู้อบรมอริยมรรคมีองค์ ๘ เหล่านี้อยู่
พระองค์ตรัสว่า โลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ อันนี้คือตรัสรวบ
ยอดตั้งแต่พระโสดาบัน ไล่ไปจนถึงพระอรหันต์ จะมีก็แต่ในพุทธศาสนา
นี้เท่านั้น ศาสนาอื่นลัทธิอื่นๆ ไม่มีครับ ขอเจริญพร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: ท่านพุธฏีกา

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ราดน้ำดับกองไฟ ไฟดับยังมีควัน
ราดซ้ำอีกที แม้ควันก็ไม่มี

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2011, 22:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha_resize.jpg
buddha_resize.jpg [ 46.31 KiB | เปิดดู 5556 ครั้ง ]
:b20: โลกุตรธรม ๙ = ความพ้นโลก ๙ อย่าง โสดาปัตติมรรค สกิทาคามีมรรค อนาคามีมรรค และอรหัตมรรค เป็นญาณหรือปัญญาที่ไปตัดทำลายหรือขุดถอนกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปเป็นลำดับๆ จะกิดขึ้นครั้งเดียว ชั่วพริบตาเดียวแล้วจบลงทันทีไม่มีกลับมาเกิดอีก ความได้ถึงมรรคแต่ละมรรคจึงสั้นมาก คือชั่วพริบตาเดียว โสดาปัตติผล สกิทาคามีผล อนาคามีผล อรหัตผล เป็นผลจากมรรคแต่ละมรรค จะเกิดขึ้นต่อจากมรรคนั้นๆทันที สำหรับ ๓ มรรคแรกจะทรงผลอยู่ได้นาน จะนานมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับว่าพระอริยเจ้าในระดับนั้นๆท่านจะทรงอยู่จนกว่าจะบรรลุมรรคที่สูงชั้นขึ้นไป เมื่อถึงอรหัตผลก็จะถึงความเสวยผลโดยสมบูรณ์ หมดกิจ เสร็จงาน ส่วนนิพพานนั้นเป็นผลสูงสุดหรือสิ่งที่พระอริยเจ้าแต่ละชั้นมีสิทธิจะเข้าไปเสวยได้ แต่จะได้นานไม่นานถาวรหรือไม่ถาวรนััน ก็จะมากน้อยต่างกันไปตามลำดับชั้นแห่งผลทั้ง ๔ ชั้น พระอรหันต์เป็นชั้นที่เสวยพระนิพพานได้เสมอเป็นปกติวิสัย :b55:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2011, 22:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ ท่านพุทธฏีกา

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2011, 23:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัตติปิตา เขียน:

1.ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง มรรค กับ ผล?


ขอสรุปอุปมาว่า มรรค เปรียบดั่งผู้ศึกษาในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ จนแตกฉานรู้แจ้งใน
ทุกรายระเอียดของสาขาวิชาคณิตศาสตร์จนหมดสิ้นแล้ว ก็จะเกิดเป็น ผล คือ ความชำนาญ
เชี่ยวชาญ ในสาขาวิชาคณิตศาสตร์

ปัตติปิตา เขียน:

2. โสดาบัน ตัดสังโยชน์ได้3ข้อ อันนี้เป็นมรรค หรือ เป็น ผล ครับ


ตัดสังโยชน์ได้ 3 ข้อ คือ มรรค
สำเร็จเป็นโสดาบัน คือ ผล

ปัตติปิตา เขียน:

3.แล้วพระอรหันต์ กับ นิพพาน ต่างกันหรือครับ?


อันนี้ไม่รู้ครับ ตามท่านพุทธฏีกาเลยครับ

ที่จริงท่านพุทธฏีกาตอบไว้ดีแล้วครับ แต่ผมใช้ภาษาง่ายๆมาสรุปเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกนิด

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2011, 16:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 20:58
โพสต์: 36

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: เด่น
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพาน ผมขอแปลง่ายๆว่า การออกจากเครื่องร้อยรัด(สังโยชน์) ที่ถามว่านิพพานกับพระอรหันต์ต่างกันมั๊ย จะว่าต่างก็ต่างตรงที่การละสังโยชน์ของพระอริยะบุคคลในแต่ละชั้นมากกว่า เช่นพระโสดาบัน ละสังโยชนืได้๓ ส่วนพระอรหันต์นั้นละสังโยชน์ได้ทั้งหมด แต่ที่เหมือนกัน คือดับกิเลสได้โดยเด็จขาด หรือออกจากเครื่องร้อยรัดได้นั่นเองครับ
ปล. แต่ไม่รู้จะถูกหรือเปล่าควรนำไปพิจารณากันอีกทีนะครับ onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2011, 08:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัตติปิตา เขียน:

3.แล้วพระอรหันต์ กับ นิพพาน ต่างกันหรือครับ?


พระอรหันต์ คือ ผู้ตัด โลภ โกรธ หลง ได้อย่างสิ้นเชิง
นิพพาน คือ สถาพที่ดับทุกข์ ดับกิเลสได้

พระอรหันต์ ก็คือผู้ที่อยู่ในสภาพนิพพาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 62 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร