วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 46 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
กล่องธรรม เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
การทำสมาธิ (ถ้าไม่มีปัญญาประกอบ) เป็นเพียงการระงับทุกข์ชั่วคราวเท่านั้น หรือหนีทุกข์ หรือฝึกจิตไม่ให้ฟุ้งซ่านเท่านั้น
ไม่สามารถเกิดปัญญาเอามาใช้ดับทุกข์ได้


การฝึกสมาธิ ไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ผู้ฝึกหลุดพ้นหรือนิพพาน อีกทั้งบรรลุอรหัต์ก็หาไม่
หากมีผู้คิดเช่นนั้น แสดงว่าเข้าใจผิดๆกันมานานแล้ว

จุดประสงค์ของการฝึกสมาธิ ก็เพื่อฝึกใจให้มีสมาธิ เมื่อมีสมาธิก็จะทำอะไรอย่างรอบคอบ
มีสติอยู่ตอลดเวลา คิดพิจารณาก่อนทำเสมอ รู้จักมองและวิเคราะห์อะไรได้อย่างชัดเจน
และถูกต้อง ฯลฯ อันจะส่งผลให้ความผิดพลาดน้อยลง หรือหมดไป นี่เรียกว่า

"เมื่อมีสมาธิ สติก็ตามมา ปัญญาจึงเกิด"


ความหมายของ "ปัญญา" ของท่านคือ ปัญญาในการแก้ปัญหาทางโลกใช่หรือไม่แต่ปัญญาทางธรรม คือปัญญาที่ใช้ดับทุกข์ได้
ใช่แล้วการฝึกสมาธิ คือไม่ให้จิตเราฟุ้งซ่าน ทำให้อะไรอย่างรอบคอบละเอียด
ส่วนสติมีอยู่ในตัวเราทุกคนอยู่แล้วเราใช้มันตลอดเวลาสติทำหน้าที่ดึงสัญญาที่เราสะสมไว้ หากเรามีข้อมูลสร้างทุกข์อยู่ในใจ (อวิชชา) เราสติก็ดึงข้อมูลสร้างทุกข์เราก็จะคิด ทำ แต่อกุศล
แต่ถ้าเรามีข้อมูลสร้างสุข (ปัญญาในการดับทุกข์) สติก็ดึงข้อมูลนี้ออกมาดับสิ่งที่มากระทบเราทางอินทรีย์ 6 ได้ เหมือนเราอ่านตัวหนังสือภาษาจีนหากเราไม่เคยเรียนภาษาจีนเลย สติก็ไม่สามารถดึงเอาสัญญาที่เป็นตัวอักษรจีนมารับสัมผัสทางตาได้เราก็จะไม่รู้ เพราะเราไม่มีสัญญาภาษาจีน


ถามผมว่า ใช่หรือไม่ คำตอบคือทั้ง ใช่ และ ไม่ใช่

คำว่า "ปัญญา" ของผม หมายถึง ปัญญาในทุกๆลมหายใจเข้าออก ในขณะที่มีชีวิต ทุกๆวินาที
คือปัญญา ใช้ชีวิตด้วยปัญญา พึ่งพาปัญญา ในการแก้ปัญหาทุกชนิดให้กับทุกคำถามของชีวิต

อ่านหนังสือไม่ออก เราถาม ครู (ปัญญาทางโลก รู้จักถาม)
ไม่เข้าใจ ว่าทำไมชีวิตถึงต้องมีเวียนว่ายตายเกิด ก็พิจารณาศึกษาให้รู้แจ้ง(ปัญญาทางธรรม)
ไม่เข้าใจวิธีทำงาน ก็รู้จักสังเกต แอบบถามเพือนร่วมงาน หัวหน้างาน นิดหน่อย (ปัญญาทางโลก)
ไม่มีช้อน เลยกินข้าวไม่เป็น ทำไงดี (ปัญญาทางโลก)
เมื่อเขาไม่ชอบหน้าเรา ควรทำไงดี (ทั้งทางโลกและทางธรรม)
เราจะหาความสงบในจิตใจได้อย่างไร(ปัญญาทางธรรม)
ตายแล้วไปไหน(ปัญญาทางธรรม)
มีทุกข์จะออกจากทุกข์ได้อย่างไร(ปัญญาทางธรรม)
ความสุขจะอยู่กับเรานานแค่ไหน(ปัญญาทางธรรม)

เราไม่เพียงใช้ปัญญา แก้ปัญหาทางโลกเพียงอย่างเดียว แต่เราใช้ปัญญาแก้ปัญหาทางธรรมด้วย
สรรพชีวิตคือธรรม เราใช้ปัญญาแก้ปัญหาทั้งทางโลกและทางธรรม
เราใช้ปัญญาแก้ปัญหา ในทุกการหายใจเข้าออก ในทุกๆคำถามของชีวิต

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ถ้าหากสัญญา(ข้อมูล) ของเราถูกสะสมไว้อย่างไรเราก็จะคิด และรู้อย่างนั้นและทำอย่างนั้น


เราสามารถเปลี่ยนแปลง ปรับเปลี่ยน ให้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น ตามสถาณการณ์
โดยอาศัย ปัญญา คือการไม่ยึดมั่น ถือมั่น ในอัตตา ไม่คิดว่าความคิดของตนเอง
นั้นยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น หาใครเทียบและถูกต้องกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่ยึดมั่นว่าความคิด
ของตนเองดีเลิศประเสริฐสุด ถูกต้องแน่นอนที่สุด ในโลกนี้หาคนเทียบได้ยาก


เราต้องรู้จักใช้ปัญญา มองว่า ความรู้ของเราก็คือสิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดมา การส่งต่อ
มายังรุ่นสู่รุ่น แต่วิธีการรับและวิธีการส่งก็ต่างกัน คนอื่นก็เช่นกัน เพราะฉนั้น อย่ายึดมั่น
ถือมั่นว่าตนเองแน่กว่าคนอื่น ถูกกว่าคนอื่น

รู้จักยอมรับผู้อื่น ให้ผู้อื่นมาก่อน เรามาทีหลัง ให้ผู้อื่นเป็นที่ 1 เราเป็นที่สอง

อย่างนี้คือ ปัญญาในการแก้ปัญหา คือปัญญา ในการสร้างมิตร ปัญญาในการสร้าสรร ฯลฯ
ปัญญาในการลดอัตตา ไม่ยึดมั่นถือมั่น คือปัญญาทางธรรม

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 12:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


"เหมือนเราอ่านตัวหนังสือภาษาจีนหากเราไม่เคยเรียนภาษาจีนเลย สติก็ไม่สามารถดึงเอาสัญญาที่เป็นตัวอักษรจีนมารับสัมผัสทางตาได้เราก็จะไม่รู้ เพราะเราไม่มีสัญญาภาษาจีน"

การหายใจ ไม่ได้หมายความว่าเราต้อง รู้จักไปในทุกอณูของอากาศ

แต่การเฝ้าดู และเรียนรู้การหายใจ ก็ทำให้เราได้เข้าไปเรียนรู้ความเป็นไปแห่งอารมณ์
และเรียนรู้ที่จะปรับแต่งได้

:b6:

s006 คิดว่าพระพุทธองค์คงไม่ได้บรรลุธรรมเพราะมัวแต่ตรึกไปกับการที่ว่า
จะต้องรู้ภาษาจีน หรือ ไม่รู้ภาษาจีน หรือ จำต้องจำภาษาจีน หรือ ลืมภาษาจีน
หรือจะยังไง ๆ กับภาษาจีน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 13:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


คิดว่าพระพุทธองค์คงไม่ได้บรรลุธรรมเพราะมัวแต่ตรึกไปกับการที่ว่า
จะต้องรู้ภาษาจีน หรือ ไม่รู้ภาษาจีน หรือ จำต้องจำภาษาจีน หรือ ลืมภาษาจีน
หรือจะยังไง ๆ กับภาษาจีน[/quote]

เราต้องไปเปลี่ยนข้อมูลในสัญญาเราก่อนให้เป็นข้อมูลสร้างสุข (ปัญญาในการดับทุกข์ คือรู้เห็นความจริงของโลกและชีวิตตามกฎไตรลักษณ์)
ที่เราไปเกิดความพอใจ ไม่พอใจก็เพราะข้อมูลในสัญญาเรามีแต่ข้อมูลสร้างทุกข์สะสมตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันเมื่อมีสิ่งมากระทบอาตยนะทั้ง 6 หรืออินทรีย์ 6 เราก็จะคิด ทำ อย่างเนั้น กลายเป็นความเคยชิน
เราไม่สามารถบังคับตัวเราเองได้ ถ้าหากเราบังคับตัวเองได้เราก็สามารถบังคับตัวเองไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บได้ (เหตุตรงผล)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 13:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
อ้างคำพูด:
คิดว่าพระพุทธองค์คงไม่ได้บรรลุธรรมเพราะมัวแต่ตรึกไปกับการที่ว่า
จะต้องรู้ภาษาจีน หรือ ไม่รู้ภาษาจีน หรือ จำต้องจำภาษาจีน หรือ ลืมภาษาจีน
หรือจะยังไง ๆ กับภาษาจีน


เราต้องไปเปลี่ยนข้อมูลในสัญญาเราก่อนให้เป็นข้อมูลสร้างสุข (ปัญญาในการดับทุกข์ คือรู้เห็นความจริงของโลกและชีวิตตามกฎไตรลักษณ์)
ที่เราไปเกิดความพอใจ ไม่พอใจก็เพราะข้อมูลในสัญญาเรามีแต่ข้อมูลสร้างทุกข์สะสมตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันเมื่อมีสิ่งมากระทบอาตยนะทั้ง 6 หรืออินทรีย์ 6 เราก็จะคิด ทำ อย่างเนั้น กลายเป็นความเคยชิน
เราไม่สามารถบังคับตัวเราเองได้ ถ้าหากเราบังคับตัวเองได้เราก็สามารถบังคับตัวเองไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บได้ (เหตุตรงผล)


เราต้องไปเปลี่ยนข้อมูลในสัญญาเราก่อนให้เป็นข้อมูลสร้างสุข

สัญญาน่ะ แค่มองเห็นดอกไม้ และมีคนบอกว่านั่นคือ ดอกทานตะวัน สัญญาก็เปลี่ยนแล้ว

แต่ พฤติกรรม จิต ที่เข้าไปเกาะสัญญาน่ะ มันยังไม่เปลี่ยน

:b6:

ก็เหมือนกับ เห็นกองสวะ ก็หากินอยู่กับ กองสวะ
เมื่อมี กองสวะที่แหร่มกว่า ก็ไปหากินกับ กองสวะที่แหร่มกว่า
เมื่อมี กองอาหารชั้นเลิศ ก็ไปหากินกับ กองอาหารชั้นเลิศ

มันก็คือ การหากินอาหาร ของ จิต

:b6: :b6: :b6:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 03 พ.ย. 2011, 13:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


สนทนามามากพอแล้ว
เพราะเราก็ไม่ชื่นชอบกับการโลดแล่นอยู่เช่นนั้นสักเท่าไรแล้ว

ขอลา

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 13:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


สัญญาน่ะ แค่มองเห็นดอกไม้ และมีคนบอกว่านั่นคือ ดอกทานตะวัน สัญญาก็เปลี่ยนแล้ว

แต่ พฤติกรรม จิต ที่เข้าไปเกาะสัญญาน่ะ มันไม่เปลี่ยน

:b6:[/quote]

สัญญาไม่เที่ยง เกิด ดับ
จิตก็ไม่เที่ยง เกิดดับ
ความคิดของเราก็ไม่เที่ยง เกิดดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 13:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ความหมายของ "ปัญญา" ของท่านคือ ปัญญาในการแก้ปัญหาทางโลกใช่หรือไม่
แต่ปัญญาทางธรรม คือปัญญาที่ใช้ดับทุกข์ได้
ใช่แล้วการฝึกสมาธิ คือไม่ให้จิตเราฟุ้งซ่าน ทำให้อะไรอย่างรอบคอบละเอียด
ส่วนสติมีอยู่ในตัวเราทุกคนอยู่แล้วเราใช้มันตลอดเวลาสติทำหน้าที่ดึงสัญญาที่เราสะสมไว้ หากเรามีข้อมูลสร้างทุกข์อยู่ในใจ (อวิชชา) เราสติก็ดึงข้อมูลสร้างทุกข์เราก็จะคิด ทำ แต่อกุศล
แต่ถ้าเรามีข้อมูลสร้างสุข (ปัญญาในการดับทุกข์) สติก็ดึงข้อมูลนี้ออกมาดับสิ่งที่มากระทบเราทางอินทรีย์ 6 ได้ เหมือนเราอ่านตัวหนังสือภาษาจีนหากเราไม่เคยเรียนภาษาจีนเลย สติก็ไม่สามารถดึงเอาสัญญาที่เป็นตัวอักษรจีนมารับสัมผัสทางตาได้เราก็จะไม่รู้ เพราะเราไม่มีสัญญาภาษาจีน

ตัวของเราประกอบด้วยขันธ์ 5 รูป >เวทนา> สัญญา> สังขาร> วิญญาณ
ถ้าหากสัญญา(ข้อมูล) ของเราถูกสะสมไว้อย่างไรเราก็จะคิด และรู้อย่างนั้นและทำอย่างนั้น

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
เราต้องไปเปลี่ยนข้อมูลในสัญญาเราก่อนให้เป็นข้อมูลสร้างสุข

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
สัญญาไม่เที่ยง เกิด ดับ
จิตก็ไม่เที่ยง เกิดดับ
ความคิดของเราก็ไม่เที่ยง เกิดดับ


สัญญาทุกข์ สัญญาสุข นั่นทิฐิท่านไม่ใช่เหร๋อ

s006 s006 s006


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 03 พ.ย. 2011, 14:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2011, 13:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
อ้างคำพูด:
สัญญาน่ะ แค่มองเห็นดอกไม้ และมีคนบอกว่านั่นคือ ดอกทานตะวัน สัญญาก็เปลี่ยนแล้ว

แต่ พฤติกรรม จิต ที่เข้าไปเกาะสัญญาน่ะ มันไม่เปลี่ยน

:b6:


สัญญาไม่เที่ยง เกิด ดับ
จิตก็ไม่เที่ยง เกิดดับ
ความคิดของเราก็ไม่เที่ยง เกิดดับ


จิตก็ไม่เที่ยง เกิดดับ งั๊นท่านต้องหาคำมาอธิบายสิ่งนี้

เพื่อพิสูจน์ตัวเองแล้วล่ะ ว่าท่านไม่ได้บรรลุธรรมแบบท่องสูตรคูณ

สอง หนึ่ง เป็น สอง
สอง สอง เป็น สอง - เป็น สัญญาทุกข์
ต้องเปลี่ยนเป็น
สอง สอง เป็น สี่ - จึงจะเป็น การสร้างสัญญาใหม่ที่สร้างสุข

แล้วคนที่ท่องไม่ได้เลย เขาจะตกอยู่ในเกณฑ์ ไหนในการจัดหมวดหมู่จำแนกคนตามสัญญากันล่ะ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2011, 00:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
การทำสมาธิ (ถ้าไม่มีปัญญาประกอบ) เป็นเพียงการระงับทุกข์ชั่วคราวเท่านั้น หรือหนีทุกข์ หรือฝึกจิตไม่ให้ฟุ้งซ่านเท่านั้น
ไม่สามารถเกิดปัญญาเอามาใช้ดับทุกข์ได้ ถ้าเรามีปัญญาก็จะสามารถดับทุกข์ในชีวิตเราได้ทั้งหมด
โดยการวิปัสสนา เพื่อให้เห็นความจริงของชีวิตปัญญาก็จะเกิดขึ้นเอง เราก็จะดับทุกข์ที่เกิดกับตัวเราได้เอง
โดยอัตโนมัติ ศีลก็จะเกิดขึ้นเองสิ่งชั่วทั้งหลายเราก็จะละได้เอง เราก็จะมีแต่ให้ มีแต่ทำดี ทำบุญ สมาธิหรือความสุขถาวรก็จะเกิดขึ้น (ปัญญา ศีล สมาธิ) วิปัสสนาทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เกิดปัญญาดับทุกข์ได้
แต่ปัจจุบันนี้มีคนนำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติผิดกัน คือ นำผลที่เกิดจากความโลภ โกรธ หลง ไปปฏิบัติกัน ยกตัวอย่าง ศีลข้อที่ 2 ห้ามลักทรัพย์(ผล) สาเหตุของการลักทรัพย์ คือความโลภ (เหตุ)
ให้เราไปดับที่เหตุของการลักทรัพย์ไม่ใช่ดับที่ผลโดยไปดับที่ความโลภของเราเองโดยการวิัปัสสนาว่าเงิน ทอง ทรัยพ์ ไม่เที่ยง เกิดดับ สุดท้ายก็แตกสลาย หายไป ตายไปก็ไม่ได้เอาไปด้วย
แม้แต่ตัวเราเอง เราก็จะหยุดความโลภของเราได้เราก็จะไม่ลักทรัพย์


สวัสดีครับ "ไม่เที่ยง เกิดดับ"
สมาธิ ความตั้งมั่นแห่งจิต ตามธรรมชาติธรรมดา คือธรรมสมาธิ เช่นการตั้งมั่นจดจ่ออยู่กับกิจที่ทำ งานตรงหน้า หรือวาจาที่กล่าว เป็นสมาธิทั้งนั้น จะระงับทุกข์ชั่วคราว หรือไม่ระงับทุกข์ ต่างก็มีสมาธิเป็นองค์ประกอบ

แต่ถ้าการทำสมาธิ อันหมายถึงจิตตภาวนา ถ้าหากแม้เพียงสามารถระงับคลายทุกข์ได้ชั่วคราว หรือสามารถทำให้จิตไม่ให้ฟุ้งซ่านได้นั้น ก็ประกอบด้วยปัญญาแล้วครับ เพียงแต่ว่า ปัญญาพละนั้นไม่แก่กล้าพอที่จะทำกิจได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดครับ

ดังนั้นการบ่มเพราะสมาธินทรีย์ สมาธิพละ ปัญญิณทรีย์ ปัญญาพละ ต่างก็ทำคู่เคียงกันไปเสมอครับ เพียงแต่ว่าในการปฏิบัตินั้น จิตจับอารมณ์ไหนอันเด่นขึ้นมาก็จับหมายเอาด้วยสติล่ะครับ สตินทรีย์ สติพละ ก็มาสนับสนุนบทบาทของ สมถะบ้าง วิปัสสนาบ้าง

อินทรีย์ และพละต่างๆ นั้นต่างก็ต้องประสานกิจประสานงานกันไป ผู้ที่ปฏิบัติธรรมอบรมจิต จึงต้องอบรมทั้งศีล ทั้งจิตตภาวนา และปัญญาภาวนา ให้เหมาะให้มีขึ้น เจริญขึ้น

หวังว่าความคิดความเห็นที่นำเสนอคงมีประโยชน์ นะครับ

เจริญธรรมยิ่งขึ้นไปครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2011, 08:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


การดับทุกข์ต้องเริ่มจากวิปัสสนา จะนำไปสู่ปัญญาในการดับทุกข์ เมื่อมีปัญญาแล้วศีลก็จะเกิดขึ้น
ใจเราก็มีสมาธิ สมาธินำไปสู่ความสงบเท่านั้น

วิปัสสนา > ปัญญา > ศีล > สมาธิ > ความสงบ
* สมาธิในที่นี่ไม่ใ่ช่การนั่งทำสมาธิ *
สมาธิมีปัญญาประกอบ (ปัญญาในการดับทุกข์) เรียกว่า สัมมาสมาธิ
สมาฺธิไม่มีปัญญาประกอบ เรียกว่า มิจฉาสมาธิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2011, 07:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
สุตตมยปัญญา อบรมสมาธิ จึงกลายเป็น สัมมาสมาธิ แล้วสัมมาสมาธิจึงกลับมาอบรมปัญญาให้เป็น สัมมาปัญญา
สุตตมยปัญญา อบรมศีล จึงกลายเป็นสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ แล้วสัมมาศีล คือศีลมรรคทั้ง 3 ข้อ ก็กลับมาอบรมปัญญาให้เป็นสัมมาปัญญา
สุตตมยปัญญา อบรม จินตมยปัญญา จนเกิดภาวนามยปัญญา แล้วปัญญามรรค ทั้ง 2 จึงกลายเป็นสัมมาปัญญา คือสัมมาทิฐิและสัมมาสังกัปปะ นำพาสู่ ผล และ นิพพาน ดังนี้แล
tongue

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2011, 11:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


วิััปัสสนาเท่านั้นนำไปสู่ปัญญาในการดับทุกข์ทั้งหมดได้ (พิสูจน์ได้ภายใน 7 วัน)

วิัปัสสนาพิจารณาขันธ์ 5 และอินทรีีย์ 6 ให้รู้เห็นความจริงของโลกและชีวิต เข้าใจธรรมชาติ(ธรรมะ)
สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เกิดจากเหตุและปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราว"
วิัปัสสนา นำไปสู่ ปัญญา (ปัญญาที่สามารถดับทุกข์ได้)
ปัญญา นำไปสู่ ศีล (รู้ผิดชอบ ชั่วดี)
ศีล(ทำความดี) นำไปสู่ ความสงบ (นิพพาน)

ไตรสิกขาที่ถูกต้องคือ ปัญญา ศีล สมาธิ (ปัญญา ศีล สมาธิ คือผลของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า) คนไม่รู้ก็เอาไปปฏิบัติ เราต้องหาสาเหตุว่า่ท่านเกิดปัญญาในการดับทุกข์ได้อย่างไร ก็คือวิปัสสนา คือหนทางเดี่ยวเท่่านั้นที่นำไปสู่ปัญญา แล้วศีลก็เกิดขึ้นเราก็จะรู้ชั่ว รู้ดี สมาธิก็เกิดขึ้นตามมา
โอวาทปาฏิโมกข์
1. ละเว้นจากการทำชั่ว (ปัญญา)
2. ทำความดี (ศีล )
3. ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ (สมาธิ)

* ไม่ใช่ไปถือศีลไปงดเว้นจากการทำชั่ว(นั้นคือไปละเว้นเหตุ) ไม่รู้สาเหตุของการทำชั่วสาเหตุของการทำชั่ว คือ ความพอใจ (โลภ) ความไม่พอใจ (โกรธ) รู้ไม่ทันความพอใจ และไม่พอใจ (หลง) สิ่งทั้งหลานคือความเชื่อ หรือ อวิชชา
สิ่งทั้งหลายมีเหตุเกิดขึ้น ผลก็ต้องเกิดขึ้นตามมา ดับเหตุได้ก็ไม่มีผลเกิดขี้น สิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี ตามหลัก "อิทัปปัจจยตา"

หากไปเรียงองค์ธรรมเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา คือการปฏิบัติทางสายพรหมณ์ไม่ใช่พระพุทธศาสนา ไปรักษา๊ศีล ไปถือศีล เมื่อรักษาศีลครบ เช่นศีล 5 ศีล 8 ได้ก็ไปนั่งทำสมาธิ สมาธิไม่มีปัญญาประกอบเรียกว่า "มิจฉาสมาธิ" สมาธินำไปสู่ความสงบเท่านั้น ไปติดตันอยู่ที่สมาธิที่จะนำไปสู่ปัญญาไม่ได้เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2011, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: ลัทธิแปลกๆค้านหลักไตรสิกขา ค้านมรรค8


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2011, 10:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
:b6: ลัทธิแปลกๆค้านหลักไตรสิกขา ค้านมรรค8


ไม่ใช่ลัทธิ แต่เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ 100 % ไม่บิดเบียนแม้แต่น้อย
มรรค 8 ครบถ้วน มรรค 8 คือผลของการตรัสรู้ หรือผลของการปฏิบัติตามคำสอน

1.เห็นชอบ (สัมมาทิฏิฐิ) (ปัญญา)
2.ดำริชอบ (สัมมาสังกัปปะ) (ปัญญา)
3.เจรจาชอบ (สัมมาวาจา) (ศิล)
4.กระทำชอบ (สัมมากัมมันตะ) (ศิล)
5.เลี้ยงชีพชอบ (สัมมาอาชีวะ) (ศิล)
6.พยายามชอบ (สัมมาวายามะ) (สมาธิ)
7.ระลึกชอบ (สัมมาสติ) (สมาธิ)
8.ตั้งจิตมั่นชอบ (สัมมาสมาธิ) (สมาธิ)

เรียงไตรสิกขาเป็น ปัญญา ศีล สมาธิ

* ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด* ไม่เที่ยง เกิดดับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 46 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร