วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 23:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 07:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


อสังขตธาตุ อสังขตธรรม อสังขตสถาน ยังมี คำว่าวิสังขาร ที่พระองค์ตรัส ไว้แล้ว
ดัน ไม่ใส่ใจไว้ให้ดี
แกล้งๆทำเป็นศรัทธาก็งี้แหล่ะ ทิฐิดับจิตมันทำให้ ไม่ใส่ใจ ไม่ตระหนัก พระสูตรใดๆ ไม่ถูกจริต ข้าไม่เอา ข้าไม่สน ข้าจะเอาแต่นิกายดับจิตของข้า ข้าจะเอาแต่ความไม่มีตัวตน ปัจจัยปรุงแต่งใดๆที่อยู่สังขตธาตุสังขตธรรม ๆลๆ นี่กิเลสมันยังงี้ มันไม่ยอมรับ มันสงบไม่เป็น เหมือนอะไรลวกเข้าที่ใจ ไม่มีความละเอียดในการอ่าน แยกแยะ ไม่ออก :b7:

พระพุทธเจ้าไม่มีจิตใช่ไหมflame


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 10:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า พระจักษุ ความว่า พระผู้มีพระภาคมีพระจักษุด้วยจักษุ ๕ ประการ คือ ด้วย
มังสจักษุ ทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ พุทธจักษุ สมันตจักษุ.



Quote Tipitaka:
พระผู้มีพระภาคมีพระจักษุแม้ด้วยพุทธจักษุอย่างไร? พระผู้มีพระภาคเมื่อทรงตรวจดูโลก
ด้วยพุทธจักษุ ได้ทรงเห็นหมู่สัตว์ผู้มีกิเลสเพียงดังธุลีในนัยน์ตาคือปัญญาน้อย ผู้มีกิเลสเพียง
ดังธุลีในนัยน์ตาคือปัญญามาก
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๐ บรรทัดที่ ๔๕๔๘ - ๔๖๖๑. หน้าที่ ๑๘๕ - ๑๘๙.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... agebreak=0


(อ่านต่อเอาเองได้ตามลิงค์)

แล้วอย่ามาบอกว่าพระองค์ไม่มีจักษุนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กลับไปดูใหม่ ดูเลยว่าที่ยกมานั้นมีความเห็นผมมั้ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


๘. (๔) อนึ่ง ในฐานะที่ ๔ สมณพราหมณ์ผู้เจริญ อาศัยอะไร ปรารภอะไร
จึงมีทิฏฐิว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่าง
ไม่เที่ยง? ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ เป็นนักตรึก เป็นนักค้นคิด
กล่าวแสดงปฏิภาณของตนตามที่ตรึกได้ ตามที่ค้นคิดได้ อย่างนี้ว่า สิ่งที่เรียกว่าจักษุก็ดี โสตะก็ดี
ฆานะก็ดี ชิวหาก็ดี กายก็ดี นี้ได้ชื่อว่าอัตตา เป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน มีอัน
แปรผันเป็นธรรมดา ส่วนสิ่งที่เรียกว่าจิตหรือใจหรือวิญญาณ นี้ชื่อว่าอัตตา เป็นของเที่ยง
ยั่งยืน คงทน มีอันไม่แปรผันเป็นธรรมดา จักตั้งอยู่เที่ยงเสมอไปเช่นนั้นทีเดียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้เป็นฐานะที่ ๔ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง อาศัยแล้ว ปรารภแล้ว จึงมีทิฏฐิว่า บางอย่างเที่ยง
บางอย่างไม่เที่ยง ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่านั้น มีทิฏฐิว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง
ย่อมบัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยเหตุ ๔ ประการนี้แล.
(ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค )

สิ่งใดมีเกืดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา

ถ้าจิตเกิดขึ้นแล้ว ต้องดับไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


flame เอ๋ย :b1:
ระดับพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ นี้ต้อง อสังขตธาตุ อสังขตธรรม วิสังขาร เข้าใจเปล่า?
จิตหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ อวิชชา จะไปเรียก วิญญงวิญาณ แบบที่บุคคลบัญญัติสัตว์ นามรูปๆลๆ ไม่ได้ !!

เข้าใจเปล่า? :b32: ที่สุดก้ออกมาแล้วว่าเป็นพวก เกลียดอัตตา :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


วอร์มอัพ rolleyes


ลองดูส่วนอรรถกถาที่โดนพวกมิจฉาทิฐิปกปิดมานาน


Quote Tipitaka:
บทว่า ชญฺญา นิพฺพานมตฺตโน ความว่า พระนิพพานอันเป็นอสังขตธาตุ นำมาซึ่งความสุขอย่างแท้จริง โดยเป็นอารมณ์อันดีเยี่ยมแก่มรรคญาณและผลญาณ ซึ่งได้บัญญัติว่า อัตตา เพราะไม่เป็นอารมณ์ของปุถุชนอื่น แม้โดยที่สุดความฝัน แต่เพราะเป็นแผนกหนึ่งแห่งมรรคญาณและผลญาณนั้นๆ ของพระอริยเจ้าทั้งหลาย และเพราะเป็นเช่นกับอัตตา จึงเรียกว่า อตฺตโน ของตน
พึงรู้ คือพึงทราบพระนิพพานนั้น อธิบายว่า พึงรู้แจ้ง คือพึงทำให้แจ้งด้วยมรรคญาณและผลญาณทั้งหลาย. ด้วยคำนั้น ทรงแสดงถึงความที่พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตน้อมไปในพระนิพพาน.
จริงอยู่ พระอริยะเจ้าทั้งหลายย่อมอยู่ แม้ในเวลาที่อธิจิตเป็นไป ก็อยู่โดยภาวะที่น้อมโน้มโอนไปในพระนิพพานโดยส่วนเดียวเท่านั้น. ก็ในที่นี้ สติเป็นไปในกายปรากฏแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นสำรวมแล้วในผัสสายตนะ ๖ ต่อแต่นั้น ก็มีจิตตั้งมั่นเนืองๆ พึงรู้พระนิพพานของตน ด้วยการกระทำให้ประจักษ์แก่ตน พึงทราบการเชื่อมบทแห่งคาถาอย่างนี้ด้วยประการฉะนี้.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๒๒๓๔ - ๒๓๒๗. หน้าที่ ๙๑ - ๙๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... b=31&i=202
อรรถกถา ขุททกนิกาย อุทาน นันทวรรคที่ ๓ โกลิตสูตร

อรรถกถาโกลิตสูตร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
กลับไปดูใหม่ ดูเลยว่าที่ยกมานั้นมีความเห็นผมมั้ย

มีเต็มไปหมดด้วย ถือการไม่มีตัวตน หลงไปว่าและพระอหันต์ไม่มีจิตๆลๆ เฟรมก็เอามาสภาพต่างๆมาปน แยกไม่ออกระหว่างสภาพสัตว์ต่างๆในภพ3 กับ ความวิสุทธิทั้งหมดของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์

และเฟรมก็เข้าใจเอาเองว่าเมื่ออวิชชาดับ แม้แต่จิตก้ไม่มีเหลือ

เฟรมลอกพระไตรปิฏกเฟรมเองก้ไม่เข้าใจ s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ถกเถียงกันมาเนิ่นนาน นิพพานอัตตา อนัตตา

ในอดีตก็ถกเถียงกัน
ในปัจจุบันก็ยังคงถกเถียงกัน
ต่างฝ่ายต่างมีหลักฐานมาสนับสนุนฝ่ายตน

แม้แต่เรื่องจิตอมตวาทก็มีปรากฎเป็นนิกายหนึ่งเลยทีเดียว ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน

จขทกก็ถามว่าจิตเกิดได้อย่างไร
ก็ตอบว่าเพราะมีเหตุปัจจัย

กระทู้นี้ผมเข้ามาตอบคำถามคุณคนธรรมดา
ถามว่าจิตกับวิญญาณในขันธ์ห้าเป็นอย่างเดียวกันรึเปล่า
ตอบไปแล้วโดยยกหลักฐานในพระไตรปิฎก ไม่ได้คิดเอาเองเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 21:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นความกลัวอย่างหนึ่ง....

กลัวว่าจะไปนิพพานไม่ได้..เพราะคำว่า..มี

หรือไม่ก็...กลัวมันจะง่ายเกินไป..นิพพานมันต้องยาก ๆ ..ให้อยู่เกินจิตนาการเข้าใว้

ก็น่าเห็นใจ...

ที่ไม่ให้มีนั้น..คือไม่ให้มีอุปาทานในขันธ์

แต่ผู้ไม่มีอุปาทานในขันธ์นั้น..มีอยู่


เพียงแต่...ไม่อาจบอกออกมาให้ผู้ที่ยังมีอุปาทานในขันธ์เข้าใจได้...เพราะมันไม่เคยเห็น...

หากใครเคยไปคุยกับมนุษย์ดาวอังคารมา...ผมก็จะถามคนที่เขาเคยว่า...มนุษย์ดาวอังคารมีมือมั้ย..มีตามั้ย...ก็มันคุ้นแค่นี้...จะให้ถามอันที่ตัวไม่รู้ไม่เห็นได้ยังงัย

พระพุทธองค์จึงสอนแค่ให้ละอัตตา...ละแล้วก็จะรู้อันที่ไม่เคยเห็นเอง

แต่ไม่เคยสอนพระอรหันต์ให้ละอัตตา

หน้าที่ของเราคือ..ละอุปาทานทั้งหมดที่มีอยู่..เท่านั้น

ผู้ไม่มีอุปาทานในขันธ์นั้น...มีอยู่

อะไรเป็นผู้..มี..หรือไม่มีอุปาทาน...

รูปหรือเป็นผู้มีหรือไม่มีอุปาทาน...เวทนาหรือ...สัญญาหรือ...สังขารหรือ...วิญญาณหรือเป็นผู้มีหรือไม่มีอุปาทาน??

ก็มันคุ้นแค่นี้....จะให้ถามอันที่ตัวไม่รู้ไม่เห็นได้ยังงัย
:b4: :b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 16 พ.ย. 2011, 21:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


จะเอาวิสังขารไปปนกันกับสังขารไม่ได้ โดยธรรมชาติผิดกันแล้ว สังขารสำหรับสัตว์ในภพสาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมถามต่อ (เดี๋ยวน้ำเลิกท่วมที่ทำงาน จะไม่ค่อยได้มา)

ที่พระแม่น้า ประชาบดีโคตรมีพระอรหันต์มหาเถรีเจ้าท่านทูลลาพระองค์ไปหน่ะ
เหมือนกันไหม ออกจากภพนี้สู่บุรีคือนิพพานอันอุดม

นักปราชญ์กล่าวว่าเป็นอสังขตสถาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 21:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็อยู่แต่กับสังขาร...เขาก็ว่าสังขารกับวิสังขารไม่ได้เอามาปนกันสักหน่อย...ก็วิสังขารมันว่างไปแล้ว

พอจะบอกว่าวิสังขาร...มี...

เขาก็ว่า..บ้าไปแล้ว..มีแล้วจะว่างได้งัย

เขาว่าเราบ้า.. :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 22:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


มีจิตหลุดพ้น

อย่าเอาจิตที่ดับไปกับอวิชชาตามปฏิจสมุปบาทมาปน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก็อยู่แต่กับสังขาร...เขาก็ว่าสังขารกับวิสังขารไม่ได้เอามาปนกันสักหน่อย...ก็วิสังขารมันว่างไปแล้ว

พอจะบอกว่าวิสังขาร...มี...

เขาก็ว่า..บ้าไปแล้ว..มีแล้วจะว่างได้งัย

เขาว่าเราบ้า.. :b13: :b13:

นัตถิ กับสูญญ, เหมือนกันปล่าวอ่ะ?
:b4:

ไม่ใช่อ่านอะไรๆเข้า เห้นพระองค์ปฏิเสธๆๆๆ แล้วก็มาสรุปกันว่าไม่มีๆๆๆๆๆๆ อะไรเลย :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
วิภังคปกรณ์



๖. ปัจจยาการวิภังค์
สุตตันตภาชนีย์


[๒๗๓] คำว่า ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
อย่างนี้นั้น ได้แก่ความไปร่วม ความมาร่วม ความประชุม ความปรากฏ
แห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๓๗๓๒ - ๓๘๔๕. หน้าที่ ๑๖๑ - ๑๖๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 193 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร