วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 14:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2011, 17:33
โพสต์: 85

โฮมเพจ: บล๊อก
แนวปฏิบัติ: กายปสาทรูป และวิสยรูป ๗ คือ สี เสียง กลิ่น รส เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว สังเกตุการเกิดดับที่ละขณะ
งานอดิเรก: ฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะ ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรมัตถธรรม ๔ โดยสังเขป ของ อ.สุจินต์
อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมสวัสดีค่ะ ท่านผู้เจริญในธรรมทุกท่าน

เคยมีคำถามแล้วแต่ไม่มีท่านใดตอบเลยสักท่านหนึ่ง ทั้งที่ต้องการคำชี้แนะจากกัลยาณมิตรทุกท่านนะคะ

นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเอง พยายามปล่อยวางมากที่สุด อดทนมากที่สุด แต่ดูเหมือนว่ามันยิ่งแย่ลงขึ้นทุกวัน พยายามมองหาข้อเสียของตัวเองว่ากระทำผิดตรงไหนหรือเปล่า ถึงได้เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ แต่อย่างหนึ่งที่มั่นใจว่าได้กระทำลงไปนั่นคือกรรมที่เคยสร้างไว้เมื่ออดีตชาติไหนก็ไม่ทราบ และกำลังรับผลของวิบากกรรมนั้นอยู่

แต่ก็ไม่ได้ลดละความพากเพียรศึกษาพระธรรมในช่วงเวลาไม่ถึง ๓ เดือนเอง ได้น้อมนำคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เข้ามาสถิตย์อยู่ที่จิตใจของตัวเอง จนทุกวันนี้ขาดการฟังพระธรรมไม่ได้ ขาดการอ่านหนังสือพระธรรมไม่ได้ ถึงได้นำเอาสิ่งที่ได้ศึกษาอยู่มาลงโพสต์ เผื่อท่านที่ยังอยู่ในชั้นอนุบาลเหมือนกันจะได้ศึกษาไปด้วย

แต่แล้วกลับมีคนที่ศึกษาพระธรรมด้วยกันซึ่งเป็นกลุ่มของเว็บ ๆ หนึ่งที่มีชื่อเสียงพอสมควร ถ้าเอ่ยชื่อทุกท่านก็ต้องทราบ กลับกล่าวหาว่า เอาพระธรรมมาบังหน้า เพื่อมาหาผู้ชาย เพื่อมาทำร้ายอื่น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าห้องสนทนาธรรมนั้นมานานแล้ว ในความคิดของตัวเอง คิดว่าคนที่ศึกษาพระธรรมน่าจะมีจิตใจที่ เมตตา กรุณา ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด แค่การนำคนอื่นไปนินทานี่ก็ถือว่าผิดศีลแล้ว แต่แล้วก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่ศึกษาพระธรรมตามพระพุทธองค์อย่างไร อย่าว่าเพ้อเจ้อนะคะ แต่รู้สึกถึงความที่ไม่ยุติธรรมเลย ไม่มีใครสามารถอ่านคนอืนได้ว่าเป็นเช่นไรหรอกนะคะ มีเพียงพระพุทธองค์พระองค์เดียวที่สามารถอ่านใจคนทั่วไปได้

เปิ้ลยังอยู่ระหว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ยังมีความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ถูกกระทำ จึงทำให้รู้สึกว่า สิ่งที่พากเพียรศึกษาพระธรรมจนเริ่มเข้าใจมากขึ้น รู้สึกเหมือนไม่มีค่าอะไรเลย เหมือนโดนดูถูกเหยียบย่ำมาก ๆ จากพวกที่บอกว่าเป็นคนชั้นสูงของพระธรรมแล้ว แต่สิ่งที่ได้กล่าวหาคนที่ไม่มีทางได้อธิบายเลยทำให้คิดว่า คนที่ศึกษาพระธรรมจริง ๆ เขาจะเป็นเหมือนคำพังเพยที่ว่า "มือถือสาก ปากถือศีล" ฉะนั้นเหรอ (เปิ้ลไม่ได้ว่ากระทบใครนะคะ ขอให้เข้าใจเปิ้ลด้วย)

ตอนนี้พอเจอเรื่องแบบนี้แล้วทำให้ความศรัทธาของตัวเองที่มีต่อผู้บุคคลที่ศึกษาพระธรรมเสื่อมถอยลงไปมาก ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ลง ถ้ามีใครเจอแบบเปิ้ลนี้จะรู้สึกเหมือนเปิ้ลเหรอเปล่าคะ "ออกไปให้พ้นจากกลุ่มคนที่ศึกษาพระธรรม" ทั้ง ๆ ที่ตัวเปิ้ลเองก็ตั้งใจศึกษาพระธรรม ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยเบียดเบียนทำตัวใคร มีแต่ให้อภัยคนอื่นที่ทำร้ายเปิ้ลเสมอ

ทั้ง ๆ ที่ใจเปิ้ลเองรู้ตัวดีว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรมกล่าวว่ายังดีกว่าคนที่ศึกษาพระธรรมแล้วมากล่าวหากันอย่างนี้ กำลังใจหมดไม่มีเหลือเลยค่ะ เปิ้ลจะมองที่ตัวเองเสมอว่าเราผิดตรงไหน จะไม่โทษใคร ทราบถึงสภาพธรรมดีเลยค่ะว่า ไม่เที่ยง บังคับให้ใครคิดอย่างที่เราคิดไม่ได้ แต่ยอมรับว่าตั้งแต่ที่เริ่มศึกษาพระธรรม ทำให้ตัวเองอ่อนแอลงมาก เพราะสมัยก่อนที่ยังไม่ได้ศึกษา ไม่ทราบว่าทุกข์เป็นอย่างไร ทำงานเหนื่อยแสนเหนื่อยก็ยังรู้สึกภูมิใจที่ได้เลี้ยงลูกและแม่ ดีใจ ภูมิใจ ไม่รู้ว่าทุกข์ แต่พอมาศึกษาพระธรรม ได้ทราบถึงว่าความทุกข์คืออะไร บางครั้งรับแรงกระแทกได้ บางครั้งรับแรงกระแทกไม่ได้ทั้งที่เป็นเรื่องเดียวกัน มันก็ยิ่งทำให้สภาพร่างกายของเรายิ่งแย่ลง จากที่ป่วยไม่เท่าไหร่ ก็ป่วยเพิ่มขึ้น

มีท่านใดที่เมตตาพอจะแนะนำหนทาง แนวทาง ให้บ้างเหรอเปล่าคะ ยอมรับอย่างไม่อายเลยนะคะว่า เมื่อได้รับรู้ว่าพวกขาคิดว่าเปิ้ลเป็นอย่างนี้ จะคิดและเครียด ร้องไห้ เปิ้ลมีพระธรรมเป็นเพื่อนของเปิ้ล เวลาฟัง เวลาอ่านแล้วรู้สึกมีความสุข ขาดไม่ได้เลย เช้ามาก็เดินมาเปิดคอมฟังพระธรรมแล้ว แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้มันบั่นทอนจิตใจมากเลยนะคะ เหมือนคนที่จนมุม เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ รอบด้านมันตันไปหมดไม่มีทางออก

ธรรมรักษาทุกท่านค่ะ ขอให้เจริญในธรรม อนุโมทนาค่ะ

.....................................................
กายอ่อนน้อม ใจระลึกถึงพระคุณ
เปิดตาให้รับแสงแห่งพระธรรม เปิดหูให้ได้ยินเสียงสำเนียงธรรม เปิดปากพูดจาสนทนาธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 15:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติธรรมเพื่อให้พ้นทุกข์จริงๆ ต้องสละเป็นสละตายนะ เสียดาย คิดน้อยใจกับเรื่องไม่ใช่สาระก็ไม่พ้นจากทุกข์นี้นะ ควรจะถามตัวเองว่า ปฏิบัติเพื่ออะไร ถ้าคุณระลึกพระคุณรัตนตรัยก็ควรบูชาด้วยการปฏิบัตินั้น สละนอกนี้ทั้งหมด แล้วจะรู้ว่า ปล่อยวางที่แท้เป็นอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 16:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากจะบอกว่า....อย่าไปใส่ใจเลยครับ

การไปคาดหวังสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของเรา....เป็นทุกข์ทั้งหมด

นี้คุณกำลังพบสัจจะธรรมแล้ว...พิจารณาเอา...โยนิโสมนสิการเอาเลยครับ

ดูความทุกข์ของตัวเองนะครับ....ไม่ต้องไปดูผู้อื่น

ทำไมมันทุกข์ได้ยังงัย...คนอื่นทำ...งั้ยเราทุกข์ได้

ให้สังเกตุตัวเอง...หาคำตอบเอง...บอกไปมันแค่จำ...ไม่ซึ้งเท่าคิดได้เอง...

นี้เอาแบบธรรมปฏิบัตินะ

ส่วนถ้าจะปลอบใจแบบโลก ๆ ก็ต้องบอกว่า

คนที่มาศึกษาธรรมะนี้นะ...มันไม่ได้มีความเสมอกันหรอก..

แม้จะมีธรรมะบ้างแล้ว....กิริยาก็ไม่เหมือนกัน

หรือแม้แต่...หมดกิเลสไปแล้ว...การแสดงออกก็ยังต่างกัน

ไม่ได้เรียบแป่...เหมือนผ้าพับใว้หรอกครับ...

ดังนั้นก็ต้องทำใจ...คิดเสียว่า..ใครจะชั่วก็เรื่องของเขา....แค่ความชั่วของตัวเราก็ปวดหัวพออยู่แล้ว

มาจัดการความชั่วในหัวเราดีกว่า....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 16:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


s002 s002 s002
อิอิ แบบว่า ไม่ได้เรียบแป้ หง่ะ

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 16:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


จริง ๆ ตอนแรกที่เคยเข้ามาในวงสนทนาธรรม
เอกอนก็จะวางคำสนทนาเป็นกลาง ๆ ให้ดูเหมือนน่าจะถูกมองเป็นผู้ชายได้มากกว่าเป็นผู้หญิง
เพราะ เอกอนคิดว่า คนที่สนทนาธรรมเขาจะรับหญิงที่มีอุปนิสัยอย่างเอกอนได้ค่อนข้างลำบาก หง่ะ

ประมาณว่า สาวน้อย s005 หน้าหวาน
แต่เธอดันมีขนหน้าแข้ง s004 อะไรประมาณนั้นน่ะ หงิ หงิ :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


โยมพี่เปิ้ล เอาสภาพธรรม ปรมัตถธรรมที่ฟังทุกๆ วันไปรับ
หรือว่าเอาสภาพ[ยึดถือ]ธรรม สมมติธรรมที่ยึดทุำกๆ วันไปรับ
ก็ถ้าเอา สภาพธรรมที่ยึด เอาอัตตาไปรับ จะได้อะไรนอกจาก ดีใจบ้าง
เสียใจบ้าง แล้วจะไปละอภิฌชาและโทมนัสเอาเมื่อไหร่^^

อีกอย่างคนดูหมิ่น อาศัยอะไรถ้าไม่ใช่ใจนั่นมาปรุงแต่ง แล้วก็สะสม
อยู่ในใจบุคคลนั้นๆ จะยึดสภาพธรรมที่พูด ดูหมิ่น พร้อมทั้งสภาพธรรม
ที่รับฟังที่รู้สึกนึกคิดที่ถูกดูหมิ่น เป็นอัตตาเป็นเราเป็นเขาจริงๆ หรือ
เมื่อศึกษาอภิธรรมแล้ว โยนิโสมนสิการหายไปไหน?

สิ่งใดจริงมีประโยชน์ เขากล่าวไปด้วยความจริงถูกต้อง ก็ไม่ดีใจไม่เสียใจ
เพราะเราก็รู้ชัดในสภาพธรรม นามธรรมรูปธรรมว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นอนัตตาไม่ใช่หรือ? แล้วจะดีใจทำไมพอใจทำไม จริงไหม

สิ่งใดไม่จริง ไม่มีประโยชน์ เขากล่าวไปด้วยความไม่จริงไม่ถูกต้อง ก็ไม่ต้อง
โกรธ ไม่ต้องเสียใจ น้อยใจ เพราะเราก็รู้ชัดในสภาพธรรม นามรูปว่าไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาไม่ใช่หรือ? แล้วจะเสียใจน้อยใจ ให้เที่ยง ให้เป็นสุขเถอะ!
ให้เป็น อัตตา! ตัวเราของๆ เราทำไม เพื่ออะไร จริงไหม^^

แสดงว่าปัญญาที่ได้จากการอบรมการฟังทุกวันนั้นยังไม่พอ ยังไม่เป็นภาวนามัย
หรือเป็นบุญเิกิดจากการฟัง การถ่ายทอดสิ่งดีๆ ตลอดจนพิจารณาถึงธรรมนั้นๆ
จนเป็นปัญญาที่รู้ชัดรู้แจ้ง จนเป็นสติที่เท่าทัน ไม่หลงคิดหลงนึก แยกแยะออก
ในอายตนะ ในขันธ์ ในอุปาทานขันธ์ ในปรมัตถ์ธรรม จิต เจตสิก รูป

สติครับ บุคคลสัปปายะ อรรถธรรมที่เป็นสัปปายะ พิจารณาแล้วเลือกเสพ เหมือน
กับข้าวกับปลาของไม่อร่อย ไม่ดีต่อสุขภาพกินไปแล้วทำให้อ้วน มีไขมันส่วนเกิน
จะแตกต่างอะไรกับ อกุศลจิตจากภายนอก และอโยนิโสมนสิการ การไม่พิจารณา
โดยแยบคายในเรา เอาใหม่มีสติ เริ่มต้นใหม่ ก็ถ้าเป็นวิบากอกุศล ที่ทำไว้เยอะ
ก็ยุติธรรมดีแล้วไม่ใช่เหรอ ก็น้อยใจเสียใจให้มันจบๆ ไปถือว่าลงทะเบียนวิชาบังคับ
ไม่ใช่วิชาเลือก! แล้วก็อโหสิกรรมให้เขา ทำใจเราให้ปกติ ขอบคุณที่เขาทำให้เราได้ใช้หนี้
ใช้วิบาก เรื่องปากหนักปากร้ายของเราลงเสียที เคลีย์กันให้จบ ไม่ค้างคา
ดีกว่าซดน้ำกระทะทองแดง ถูกหนามทิ่มแทงตามเนื้อตามตัวสามเวลา เพราะดูหมิ่น
ดูถูก ผู้ประพฤติอบรม มรรค ๘ ด้วยกันในสัปรายภพ แค่นี้ ให้ชิวๆ ขำๆ ไม่ได้เหรอ ^^

ตั้งสติครับ เริ่มใหม่ มีสติเพื่อรู้เห็น หรือจะขาดสติเพื่อไม่รู้เพื่อเป็นก็เลือกเอา
เอาใจช่วย ฟังอย่างเดียวไม่พอ ต้องระึลึกสภาพธรรมได้บ่อยๆ นั่น
แหละถึงเป็น ภาวนมัยหรือภาวนามยปัญญา ไม่งั้นถอนกิเลสไม่ได้ แค่สุตตมย
จินตมยปัญญา จากฟังจากคิดจากจำ ไม่พอ ขอเจริญพร

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2011, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2011, 17:33
โพสต์: 85

โฮมเพจ: บล๊อก
แนวปฏิบัติ: กายปสาทรูป และวิสยรูป ๗ คือ สี เสียง กลิ่น รส เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว สังเกตุการเกิดดับที่ละขณะ
งานอดิเรก: ฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะ ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรมัตถธรรม ๔ โดยสังเขป ของ อ.สุจินต์
อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมสวัสดีค่ะ คุณเอกอน

เอาแค่จิตใจงามก็พอแล้วค่ะ รูปลักษณ์ภายนอกไม่สำคัญหรอกค่ะ


กราบนมัสการค่ะ ท่านพุทธฏีกา

จะเรียกว่ายึดติดหรือไม่ยึดติดก็ได้นะคะท่าน แต่เนื่องจากที่เป็นคนที่อยู่คนเดียวมาตลอด ๒๑ ปี ถามว่าไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกเหรอ มีนะคะ แต่เหมือนไม่มี เพราะชีวิตอยู่กับการทำงานหาเงินเลี้ยงลูกกับแม่มาตลอด ดูภายนอกคนอื่นอาจเห็นว่าเปิ้ลเข้มแข็ง แต่ภายในไม่ใช่อย่างที่เขาคิดกัน เพราะยามที่เราเหนื่อยล้าหรือท้อ เครียด เปิ้ลจะไม่นำออกมาให้คนรอบข้างเห็นเพราะจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นไม่สบายใจไปด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นคนที่เก็บกดพอสมควร นี่คือปัญหาที่ทำให้เปิ้ลรับเรื่องราวที่มากระทบไม่ค่อยได้ มีความห่วงใยคนรอบข้างเสมอ จนเหมือนทำให้พวกเขาเคยชินกับความสบาย แต่พอมาศึกษาพระธรรมเข้า ปกติเปิ้ลเป็นคนที่ไม่อยากได้อยากมี หรือหาสิ่งไหนมาทำให้ตัวเองมีความสุข ความสุขก็คือเห็นคนที่เรารักสบายเท่านั้น แต่ยอมรับว่าเป็นคนที่เพิ่งโผล่พ้นกะลามาได้เพียงแค่ไม่ถึงปี เพราะหลังจากที่เลิกกับพ่อของลูกแล้วตลอด ๒๑ ปี ตัดเพื่อนหมดทุกคน ทำแต่งานอย่างเดียว ไม่กล้าออกมาสู่โลกภายนอก จะไปไหนที่ก็ต้องก้มหน้าก้มตาเดินไปให้ถึงที่หมาย มันเหมือนโลกที่แตกต่างกันมากเลยนะคะท่าน โลกที่อยู่ในบ้านกะลาหลังนั้นรู้สึกปลอดภัย แต่พอออกจากบ้านกะลาเพื่อมาศึกษาพระธรรม เปิ้ลกลับเจอแต่คนที่ใจร้าย ยอมรับว่าเป็นคนอ่อนไหวง่าย ศึกษาพระธรรมแล้วช่วงได้บ้าง ยามที่ร่างกายเราดีพร้อม เปิ้ลก็จะรับแรงกระแทกแรงแค่ไหนก็รับได้นะคะ ไม่กระทบ เหมือนกับลมที่พัดผ่านแค่ผิวกายเราเท่านั้น แต่ยามที่ร่างกายเราไม่พร้อม เราป่วย อาการกำเริบ เมื่อมีแรงมากระทบทั้งที่เป็นเรื่องเดียวกัน เปิ้ลกับรับไม่ได้ เมื่อก่อนห่วงแม่ห่วงลูกมากว่าถ้าเปิ้ลไม่อยู่แล้วเขาจะอยู่อย่างไร แต่ตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้น เพราะพระธรรมสอนให้เปิ้ลคิดมากกว่าเดิมด้วยเหตุและผล เปิ้ลมองทุกอย่างให้เป็นสภาพธรรมจริง ๆ ค่ะ น้อมนำมาปฏิบัติ ไม่ยึดติด ในความคิดของเปิ้ลนะคะ แต่ยังอินทรีย์ไม่แก่กล้าพอที่จะรับเรื่องอะไรบางอย่างไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ก็คิดและบอกกับตัวเองประจำว่า เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น จะไปคิดทำไม เราไปบังคับให้เขาคิดว่าเราเป็นคนดี เป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ แต่ก็อดเสียใจไม่ได้กับสิ่งที่เขามองเราผิดไปจากความเป็นจริงมาก เปิ้ลว่าเปิ้ลเคยเรียนท่านครั้งหนึ่งว่าจุดหมายปลายทางของเปิ้ลคือการบวชชี เปิ้ลถือศีล ๘ รักษาพรหมจรรย์มาปีนี้เป็นปีที่ ๒๒ แล้ว ทำไมถึงมองกันว่าเปิ้ลเข้ามาหาผู้ชาย

ทุกวันนี้พยายามระลึกรู้ดูจิตตัวเองตลอดนะคะท่าน ปฏิบัติโดยการระลึกรู้ทุกอิริยาบถในชีวิตประจำวัน ให้มีสติอยู่ที่ตัวเองมากที่สุด ไม่ส่งจิตออกนอก อย่างที่กล่าวไปว่าประมาณ ๑ - ๒ วัน หรืออาจน้อยกว่านั้น ก็จะดีขึ้น แต่ตัวเปิ้ลเองเป็นประเภทพวกชอบสงสัย สงสัยทำไมจึงเป็นอย่างนั้น พอได้คำตอบ ก็จะสงสัยต่อไปอีกในคำตอบนั้นไม่รู้จบ เหมือนเด็กที่ชอบถามคำถามในคำตอบไปเรื่อย ๆ มันก็คือการฟุ้งซ่านจากการไม่มีสติของเปิ้ลใช่เหรอเปล่าคะท่่าน เปิ้ลแค่อยากได้คำแนะนำ ไม่ว่าจะคำแรงขนาดไหน เปิ้ลก็อยากได้ค่ะ เพราะมันจะเป็นสิ่งที่เตือนสติให้กลับมาสู้ต่อไป ณ ขณะนี้ สิ่งที่คิดคือ เก็บตัว ฟังพระธรรม ปฏิบัติธรรม ไม่เข้าเว็บแล้วค่ะ เมื่ออินทรีย์ของเปิ้ลยังไม่แก่กล้าไม่มีพลังพอที่จะมีอาวุธไว้่สำหรับป้องกันตัวเอง ไม่มีปัญญาพอที่จะรู้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อเจอปัญหา ก็คงต้องเข้าไปศึกษาพระธรรมในบ้านกะลาแล้วค่ะ :b32: ตอนนี้หนังสือที่มีอยู่ ๓๐ กว่าเล่มก็อ่านจะหมดแล้ว ของท่าน อ.สุจินต์ก็ฟังแต่ละเรื่องไม่ทราบว่ากี่สิบรอบแล้ว สักวันหนึ่งเปิ้ลคงออกมาสู่โลกภายนอกได้อย่างไม่กลัวนะคะ แต่ตอนนี้ยอมรับว่ากลัวมากค่ะ กลัวจิตใจของคนนี่แหละ เปิ้ลจะน้อมนำสิ่งที่ท่านพุทธฏีกาสอนไปปฏิบัตินะคะ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือดูจิตของตัวเองนี่แหละค่ะ ถ้าจิตเปิ้ลไม่ไปรับรู้ มันก็ไม่มีเจตสิกเกิดมาปรุงแต่ง มันก็ไม่ทำให้เปิ้ลทุกข์ ที่เปิ้ลทำอยู่คือ ฟังพระธรรม คิดตาม สังเกตความเป็นจริง และแก้การติดสมถะเพื่อให้เป็นวิปัสสนาให้ได้อยู่ค่ะ

เปิ้ลกราบขอบพระคุณท่านพุทธฏีกา และทุกท่านที่ชี้แนะนะคะ หลังจากวันนี้ก็คงไม่ได้เข้ามาแล้วล่ะค่ะ

สาธุค่ะท่านพุทธฏีกา

.....................................................
กายอ่อนน้อม ใจระลึกถึงพระคุณ
เปิดตาให้รับแสงแห่งพระธรรม เปิดหูให้ได้ยินเสียงสำเนียงธรรม เปิดปากพูดจาสนทนาธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 มี.ค. 2009, 16:53
โพสต์: 113

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


โอปณายิโก ไว้ค่ะ เีดี๋ยวดีเอง :b12:

.....................................................
คำของหลวงพ่อชา
“ทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 11:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


การดูหมิ่นคือ ความพอใจ และไม่พอใจ นี่แหละเรากำลังบำเพ็ญเพียรไปสู่นคร และเดรัจฉาน
ผมก็คนหนึ่งที่ดูหมิ่นผู้อื่น ผมก็พยายาทขจัดความดูหมิ่นออกจากตนเองให้หมด จากการศึกษาธรรมให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกวิธี และจะหาวิธีทำให้หลุดจากตรงนี้ และบอกให้ผู้อื่นปฏิบัติได้ onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าพเจ้าขอกล่าวตรงๆเลยนะว่า คุณมีสภาพสภาวะจิตใจที่ไม่ค่อยจะปกติ ฟุ้งซ่าน เห็นกงจักรเป็นดอกบัว อย่าเพิ่งน้อยใจนะขอรับ ข้าพเจ้าไม่ได้ด่าคุณและไม่ได้กล่าวหาคุณนะ แต่ข้าพเจ้าชี้แนะให้เห็นว่าสภาพจิตใจความคิดของคุณเป็นอย่างไร
ที่ว่าจิตใจไม่ค่อยจะปกติ ฟุ้งซ่าน เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ก็เพราะ คุณบอกว่าคุณฟังธรรม อ่านหนังสือธรรมะ แต่คุณไม่ได้ใช้ธรรมที่คุณฟังที่คุณอ่านมาเป็นเครื่องอบรมเครื่องศึกษาพัฒนาตัวของคุณเลยแม้แต่น้อย แทนที่จะฝึกกสิณเพื่อให้เกิดสมาธิ คือการเอาจิตใจเข้าไปผูกอยู่ หรือเอาจิตใจจดจ่อ กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้เกิดสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ คุณกลับเอาจิตใจเข้าไปผูกอยู่ เอาจิตใจเข้าไปจดจ่อกับคำกล่าวหาที่เวบฯนั้น กล่าวหาคุณ ทำให้ฟุ้งซ่าน และอื่นๆ
คุณศึกษาธรรม ก็ต้องเอาธรรมะที่คุณได้อ่านได้ฟัง มาอบรมฝึกฝนจิตใจ ความคิด ของคุณ ไม่ใช่เห็นกงจักรเป็นดอกบังอย่างที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป
หากคุณต้องการคำแนะนำเรื่องธรรมะ ก็ถามมาเป็นข้อๆ อย่าถามยาวขอรับ ตอบยาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


การกระทบอารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
เป็นการรับวิบาก คือรับผลแห่งกรรม

แต่ความทุกข์ นั้นเกิดจากกิเลส

กิเลส เป็นเรื่องที่สั่งสมมา นิสสยปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2011, 17:33
โพสต์: 85

โฮมเพจ: บล๊อก
แนวปฏิบัติ: กายปสาทรูป และวิสยรูป ๗ คือ สี เสียง กลิ่น รส เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว สังเกตุการเกิดดับที่ละขณะ
งานอดิเรก: ฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะ ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรมัตถธรรม ๔ โดยสังเขป ของ อ.สุจินต์
อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมสวัสดีค่ะ คุณ di_dee คุณ ไม่เที่ยง เกิดดับ คุณ sriariya คุณ govit2552

ยอมรับว่าเป็นคนอ่อนไหวง่าย ศึกษาพระธรรมแล้วช่วงได้บ้าง ยามที่ร่างกายเราดีพร้อม เปิ้ลก็จะรับแรงกระแทกแรงแค่ไหนก็รับได้นะคะ ไม่กระทบ เหมือนกับลมที่พัดผ่านแค่ผิวกายเราเท่านั้น แต่ยามที่ร่างกายเราไม่พร้อม เราป่วย อาการกำเริบ เมื่อมีแรงมากระทบทั้งที่เป็นเรื่องเดียวกัน เปิ้ลกับรับไม่ได้

เพิ่งเริ่มศึกษาพระธรรมเต็มที่ไม่ถึง 3 เดือนนะคะ การผ่าน การฟังพระธรรม ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายนะคะ แยกย่อยก็เยอะ ละเอียดอ่อนมาก ฟังแรก ๆ 10 รอบยังไม่เข้าใจดีเลยค่ะ เปิ้ลฟังและอ่านตามและพยายามสังเกต ใช้สติพิจารณาตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ลดความเพียร มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าสภาพร่างกายปกติ เปิ้ลรับได้นะคะแรงกระแทกแบบนี้ แต่เปิ้ลไม่ปกติเหมือนคนอื่น เวลาที่โรคหัวใจมันกำเริบ ร่างกายมันเจ็บปวด แค่นี้ก็ทรมานแล้วค่ะ พอมาเจอเรื่องหนัก ๆ มันก็จะรับไม่ได้ เปิ้ลเรียนให้ทราบได้อย่างนี้นะคะ เพราะเปิ้ลเป็นคนที่ป่วยหลายโรค ทั้งกระดูกสันหลังงอก หัวใจหลายอย่าง แต่เปิ้ลยืนยันได้เลยค่ะว่า ถ้าปัญหามาตอนที่ร่างกายไม่เจ็บป่วยอะไร เปิ้ลรับได้ แต่พอร่างกายมันเจ็บป่วย จิตใจก็ย่อมถดถอยเป็นธรรมดา

แต่สิ่งที่ยืนยันได้อย่างเต็มร้อยคือ เปิ้ลไม่ทิ้งพระธรรมตามคำสั่งสอนที่พระพุทธองค์ทรงมอบให้หรอกค่ะ แต่อยากกลับไปอยู่ในสภาพที่เคยอยู่มา 21 ปีที่ผ่านมา ไม่คบใคร อยู่กับตัวเอง ทำงาน ฟังพระธรรม ปฏิบัติ เพราะเปิ้ลได้อัญเชิญพระพุทธองค์มาสถิตย์อยู่ทีจิตใจเปิ้ลแล้ว นี่คือความสัตย์จริง

ขอบพระคุณสำหรับทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีที่มาเตือนสติและให้กำลังใจกับเปิ้ลนะคะ

ธรรมรักษา ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม บรรลุสิ่งที่มุ่งมั่นในทางพระพุทธศาสนาค่ะ อนุโมทนาค่ะ

.....................................................
กายอ่อนน้อม ใจระลึกถึงพระคุณ
เปิดตาให้รับแสงแห่งพระธรรม เปิดหูให้ได้ยินเสียงสำเนียงธรรม เปิดปากพูดจาสนทนาธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2011, 06:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: รู้ในรู้ ให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ :b8:

ทุกๆสิ่งคือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป มีแล้วหายไป
ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน แต่อย่างใด

สิ่งที่ควรจำ คือคุณงามความดีของบุคคลอื่น
สิ่งที่ไม่สมควรจำ คือความไม่ดีของบุคคลอื่น


ขอให้เจริญเมตตาให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ :b45:

เพราะเขาไม่รู้ เขาจึงเป็นเช่นนั้น
ทุกข์ของเขาเราจะเข้าไปแบกไว้ทำไม

หากเราเข้าไปถือเราจะโง่ยิ่งกว่าเขา
แล้วเราจะเรียกว่าเราเป็นผู้ศึกษาธรรมปฏิบัติธรรมได้เช่นไร

แค่เพียงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของบุคคลอื่น
เรายังมองไม่เห็น เรายังไม่เข้าใจ
การปฏิบัติธรรมที่ผ่านมา ที่กระทำอยู่ น่าที่จะทบทวนใหม่ ครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2011, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2011, 17:33
โพสต์: 85

โฮมเพจ: บล๊อก
แนวปฏิบัติ: กายปสาทรูป และวิสยรูป ๗ คือ สี เสียง กลิ่น รส เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว สังเกตุการเกิดดับที่ละขณะ
งานอดิเรก: ฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะ ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปรมัตถธรรม ๔ โดยสังเขป ของ อ.สุจินต์
อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมสวัสดีค่ะ คุณปล่อยรู้

เปิ้ลทราบและเข้าใจที่คุณปล่อยรู้และกัลยาณมิตรทุกท่านกล่าวแนะนำและเตือนนะคะ แต่บางครั้งก็รับได้บางครั้งก็รับไม่ได้ ถ้าคนที่กล่าวเป็นคนทางโลกที่ยังมีกิเลสหนาที่เหมือนเทปูนซีเมนต์ที่จะขัดเกลากิเลสออกยาก เปิ้ลก็คงไม่มานั่งสงสัยหรือเสียใจหรอกค่ะ แต่คนที่กล่าวกลับเป็นคนที่ศึกษาพระธรรมเหมือนกัน และศึกษามาก่อนเปิ้ล และยังบอกว่าเป็นธรรมขั้นสูงแล้ว กับผิดศีลซะเอง ตีค่าของคนอื่นด้วยความคิดของพวกเขา ที่ไม่ได้เห็น ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เปิ้ลไม่เคยคุยกับพวกเขา เขาไม่เคยเห็นหน้าเปิ้ล ไม่เคยเห็นการกระทำ ถ้าคิดได้เปรียบได้ก็น่าจะเรียกว่าเปิ้ลไม่น่าจะมีตัวตนกับพวกเขาเหล่านั้นเลย ก็รู้สึกเสียใจนะคะว่า พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้เราศึกษาพระธรรมด้วยเหตุและผล แต่การกระทำเหมือนกับเดินสวนทางกับคำสั่งสอนของพระพุทธองค์

นับแต่วันแรกที่ได้ทราบ เสียใจค่ะ แต่ก็คิดด้วยว่า เมื่อเขาพูดจบมันก็คือดับไปแล้ว ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเราที่เอาจิตไปรับมันมาเอง เอามาปรุงแต่ง ก็ทำให้เกิดทุกข์ เปิ้ลก็เป็นแบบนี้ค่ะ พยายามแก้ไขตลอดเวลา มองสภาพชีวิตประจำวันให้เห็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ยอมรับว่าอินทรีย์น้อยมากหรือแทบไม่มีเลย ยิ่งปัญญานี่ไม่มีเลยค่ะในทางธรรม พยายามขัดเกลากิเลสที่มีอยู่ให้เบาบางลง และหมดไปในที่สุดนะคะ แต่เพิ่งเริ่มต้นค่ะ แต่ละไม่ละความเพียรแน่นอน พละ ๕ ที่มีอยู่แค่ ๒ อย่างค่ะที่เต็มเปี่ยม คือความศรัทธาเสื่อมใสในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ และความเพียร ส่วนอีก ๓ อย่างยังขาดอีกเยอะค่ะ ก็คงต้องเพียรต่อไปให้ถึงฝั่งให้ได้ค่ะ

เปิ้ลจะมองความสิ่งไม่ดีของคนอื่นตลอดตั้งแต่เรียนประถมแล้วนะคะ ชอบมองแต่แง่ดี เพราะทำให้เราสบายใจ แต่สิ่งไม่ดีของตัวเองจะปรับปรุงค่ะ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะดีกว่าใคร ถ้าดี ก็คือยังดีไม่พอ ต้องดีให้มากกว่าทุกวัน เพราะความคิดของเปิ้ลคือ ความดีทำได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนควรได้รับโอกาสเมื่อทำสิ่งที่ผิดพลาด ทุกคนมีสิ่งที่ผิดพลาดกันหมด อยู่ที่จะนำสิ่งที่ผิดพลาดมาแก้ไขหรือเปล่าเท่านั้น คำ ๆ หนึ่งที่เปิ้ลมีอยู่ประจำใจคือ การให้อภัยค่ะ ด้วยใจบริสุทธิ์ ถ้าปล่อยคำว่าให้อภัยแล้ว ก็จะไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีก และก็ยังสามารถที่จะรับเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้เสมอ

ทราบดีและยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเปิ้ลเองมันคือกรรมที่เราเคยสร้างเอาไว้ ผลที่ได้รับก็คือการชดใช่้วิบากกรรมนั้น ๆ ไม่ว่าจะมารูปแบบไหนก็เต็มใจรับ เพราะเป็นสิ่งสมควรที่เราควรชดใช้ไป แต่ก็ว่านะคะ โดนซ้ำ ๆ ทั้งที่เป็นเรื่องไร้สาระไม่เป็นความจริง แท้ที่จะชินและปล่อยวางได้ แต่ก็รู้สึกว่า "เมื่อไหร่จะจบสักทีนะ ขอฉันได้ศึกษาพระธรรมอย่างเต็มที่ อย่างที่ไม่มีเรื่องอะไรมากระทบไม่ได้เชียวเหรอ" บ่นกับตัวเองประจำ แต่ก็ทราบว่าหลักใหญ่ที่สุดคือ จิตไปไม่รับรู้ เจตสิกก็ไม่เกิด นั่นแสดงว่าสิ่งที่คุณปล่อยรู้บอกก็ถูกต้องอย่างที่เปิ้ลคิดเสมอค่ะ ว่าต้องทบทวนใหม่ จะมารอหวังให้ประจักษ์แจ้งแล้วถึงทราบไม่ได้ ต้องเริ่มต้นใหม่จริง ๆ กราบของพระคุณคุณปล่อยรู้ และกัลยาณมิตรที่แนะนำและตักเตือนมา น้อมรับด้วยความเต็มใจและจะปฏิบัติตามค่ะ

กล่าวไว้วคราวก่อนว่าจะไม่เข้ามาอีกแล้ว แต่อดไม่ได้ที่จะไม่เข้ามาอ่านบทความต่าง ๆ (ผิดวาจาตัวเองที่กล่าวออกไปจริง)

ธรรมรักษา ขอให้คุณปล่อยรู้และกัลยาณมิตรทุกท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ บรรลุมรรคผลนิพพานนะคะ
อนุโมทนาค่ะ :b8: :b8:

.....................................................
กายอ่อนน้อม ใจระลึกถึงพระคุณ
เปิดตาให้รับแสงแห่งพระธรรม เปิดหูให้ได้ยินเสียงสำเนียงธรรม เปิดปากพูดจาสนทนาธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 09:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




065dsq_resize.jpg
065dsq_resize.jpg [ 25.6 KiB | เปิดดู 6218 ครั้ง ]
:b12: คุณเปิ้ล กำลังถูกทดสอบธรรม ทดสอบจิตใจ ว่าจะเดินไปบนทางเส้นนี้ได้ดีหรือไม่ ด่านแห่งการถูกดูหมิ่นดูแคลน เสียดสี ทิ่มแทง สิ่งขัดเคืองใจทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนเป็นเครื่องฝึกหัดจิตใจที่ดีกว่าเครื่องฝึกอื่นใด นี่เป็นเพียง 1 ใน 18 ด่านมนุษย์ทองคำ ที่คุณเปิ้ลจะต้องผ่านไปให้ได้ จึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในยุทธจักรอันเต็มไปด้วย ความโลภ โกรธ หลง อิจฉา มัจฉริยะ นี้ พยายามมองแต่มุมบวกไว้ หาประโยชน์ให้ได้จากสิ่งที่เป็นลบทั้งหมด อุปสรรค คือบันไดให้ก้าวเหยียบขึ้นไปสู่ความสำเร็จ สิ่งที่ "ขัดใจ" ลองพิจารณาคำว่า "ขัดใจ"ให้ดี คนมองลบ จะเห็นเป็นขัดขวาง แต่คนมองบวก จะเห็นเป็นการทำใจให้ขาว ฝึกมองต่างมุม หรือมองจากหลายๆมุมบ้างนะจ๊ะ แล้วจะเห็นว่าโลกนี้น่าอภิรมย์ ในสายตาชาวธรรม :b12:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร