วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 08:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2012, 09:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 18:29
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


รัก 8 มิติ ในวันวาเลนไทน์
มิติที่ ๑ ความรักของสัตว์นรก - เป็นความรักในระดับที่ต่ำที่สุด ลักษณะของสัตว์นรกคือความโกรธและความพยาบาทครับ ความรักแบบนี้จึงเป็นความรักที่รุนแรง (เปรียบดังสภาพของนรกภูมิ) เช่น ถ้าฉันไม่ได้เธอ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เธอเช่นกัน การข่มขืนแล้วฆ่า การกระทำชำเรา ใช้ความรุนแรง เต็มไปด้วยความคิดอาฆาตพยาบาทและการทำลาย การมีความรักแบบนี้ก็เป็นการบอกภูมิของตัวเองเช่นกันครับ ว่าเมื่อก่อนเราเคยเป็นอะไรมา.................................

มิติที่ ๒ ความรักของเปรต - ลักษณะของเปรตคือความโลภครับ โลภจนเกินขอบเขต โลภจนเกินพอดี ความรักแบบนี้มีแต่อยากจะได้ อยากจะครอบครอง แม้ไม่ได้ก็ต้องหาวิธีเอาให้ได้ ถือประโยชน์ในความโลภเป็นใหญ่ เช่น หากเราแต่งงานกัน ทรัพย์สินของเขาต้องมาเป็นของเราส่วนหนึ่ง หรือเราจะได้มีผลประโยชน์ในธุรกิจของเขา เมื่อไหร่ที่ขัดแย้งผลประโยชน์กันก็พร้อมที่จะทำผิดเอารัดเอาเปรียบหรือทำลายกัน เอาเป็นว่าลักษณะเด่นที่แผดเผาอยู่ในใจคือความโลภนั่นเอง.........................................................

มิติที่ ๓ ความรักของอสุรกาย - ลักษณะของอสูรคือความต้องการอำนาจครับ หลงอยู่ในเรื่องของอำนาจ ถ้าไม่มีอำนาจซะเองก็อยากอยู่ในอำนาจปกครองที่ทำให้ตัวเองเป็นใหญ่ได้หรืออุ่นใจได้ เช่น ต้องการคนที่มีอำนาจมากกว่าตนมาดูแลปกครองตน หรือหากได้รักกัน เราจะกลายเป็นผู้มีอำนาจปกครองทันที เป็นความรักที่ต้องการอำนาจอิทธิพลครับ สามมิติที่ผ่านมานี้เป็นรากเหง้าของกิเลสคือโลภโกรธหลงทั้งสิ้นครับ

มิติที่ ๔ ความรักของเดรัจฉาน - ลักษณะนั้นสังเกตได้จากสัตว์ต่างๆที่อยู่รอบตัวเราได้เลยครับ สัตว์ทั้งหลายทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นธรรมดา สมสู่กันอย่างไม่เลือกอาวุโสและสายอุทร พร้อมที่จะชักจูงกันไปในทางที่ไม่ดีเช่นการเล่นการพนัน การกินเหล้าเมายา การเสพยาเสพติด ซึ่งสิ่งทั้งหลายทั้งปวงจะชักนำไปสู่ความไม่เจริญทั้งหลายต่อไป....................................................

มิตืที่ ๕ ความรักของมนุษย์ - ลักษณะของมนุษย์คือ ใจสูงครับ เคยอธิบายไว้แล้วว่า ใจสูงในที่นี้หมายถึงเคารพสิทธิของผู้อื่น ความรักในการเคารพสิทธิของผู้อื่นนั้นอย่างหยาบๆคือจะไม่ทำร้ายกันถึงชีวิต จะไม่โลภลักทรัพย์ใครมา จะไม่ข่มเหงน้ำใจแย่งชิงคนรักของผู้อื่น จะไม่โกหกกันเพราะสิทธิของผู้อื่นในการได้รับรู้ความจริง และจะไม่ทำตัวเองให้หลงสติด้วยการดื่มสุราหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นอกจากนั้น ความรักของมนุษย์นั้นให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีคู่เพียงคนเดียวและชักนำกันไปสู่ความเจริญต่อไปครับ ดังนั้นคนที่มีความรักในมิติที่ ๕ จะไม่ใช้ความรุนแรง หรือรังสีแห่งการทำลายล้างและอานุภาพจะเจือจางกว่ามิติที่ ๑ มาก แม้จะผิดหวังแค่ไหนก็ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน..............................................................

มิติที่ ๖ ความรักของเทพ - เทพมีคุณธรรมเหมือนมนุษย์ เพียงแต่เพิ่มคุณธรรมเพิ่มอีกสองข้อคือความละอายต่อบาปที่ทำลงไปแล้ว กับละอายต่อบาปที่กำลังจะทำ คุณธรรมสองข้อนี้สะท้อนความรักของเทพคือไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนและมีความปรองดองในหมู่คณะ ฉะนั้นความรักแบบนี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมเพรียงกันและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นความรักที่สวยงามยิ่งขึ้น

มิติที่ ๗ ความรักของพรหม - ลักษณะของพรหมที่ชัดเจนคือพรหมวิหารธรรมมีสี่อย่างคือเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ครับ ดังนั้นเมื่อกลับไปดูระดับของความรักข้างบน เราจะทราบได้ว่าความรักระดับนี้ทั้งสูงส่งและสวยงามเพราะบริสุทธิ์ด้วยปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ความรักแบบนี้ใช่ว่าจะหายากซะทีเดียวนะครับ ตัวอย่างที่เห็นง่ายๆก็เช่น พ่อแม่รักลูก ครูบาอาจารย์รักศิษย์ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินรักพสกนิกร พสกนิกรรักแผ่นดินที่อาศัยรักประเทศชาติ หรือการรักป่าเขารักธรรมชาติต้องการฟื้นฟูรักษา หรือนักการเมืองรักประชาชน แม้แต่เราเองกระทำความตั้งใจไว้ให้ดี แล้วทำทานกับขอทานก็ยังเข้าข่ายข้อนี้ได้ครับ.................................

มิติที่ ๘ ความรักของพระอริยเจ้า - พระอริยเจ้าไถ่ถอนตนเองจากกิเลสแล้ว เมื่อกิจที่ต้องทำของตนเองหมดแล้ว ความเป็นอยู่ต่อจากนั้นไปก็จะเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนเดียวครับ เพราะไม่ว่าจะพัฒนาตนเองอย่างไรมันก็ล้นออกมาเสียแล้วเพรามันเต็มแล้ว ดังนั้นส่วนที่ล้นออกมานั้นสามารถนำไปให้ประโยชน์กับผู้อื่นได้ครับ ความรักของพระอริยเจ้าสูงสุดเพราะบริสุทธิ์โดยไม่มีกิเลสเกาะ ต่างกับมิติที่ ๗ เพราะมิติที่ ๗ ยังมีกิเลสอยู่ และกิเลสเหล่านั้นอาจรบกวนความเพียรของผู้มีความรักในมิติที่ ๗ ให้เศร้าหมองได้ นี่เป็นความรักในมิติที่ ๘ ครับ
“เราอยู่ใน มิติไหน?”

ที่ีมาhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=karz&month=09-2007&date=21&group=4&gblog=1


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2012, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ความรักนั้นก็คือความรักครับ เป็นเจตสิก นอกเหนือจากความรักคืออารมณ์อื่นๆครับ

ความรักนั้นมีความเสมอเหมือนครับ ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ มนุษย์ เทวดา อสูรกาย เป็นอนัตตาครับ คือความเสมอเหมือนของธรรม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2012, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


อีกความเห็นหนึ่ง ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะความรัก

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส

[๖๖๘] ความรักทั้งหลายย่อมมีแก่บุคคลผู้มีความเกี่ยวข้อง. ทุกข์นี้
เป็นไปตามความรัก ย่อมปรากฏ. บุคคลเมื่อเห็นโทษอันเกิด
แต่ความรัก พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
http://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=30&A=6281&Z=6413

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๘. วิสาขาสูตร

ดูกรนางวิสาขา ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐๐ ผู้ใดมีสิ่ง
ที่รัก ๙๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๙๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๘๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๘๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๗๐
ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๗๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๖๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๖๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๕๐
ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๕๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๔๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๔๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๓๐
ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๓๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๒๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๒๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐
ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๙ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๙ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๘
ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๘ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๗ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๗ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๖ ผู้นั้นก็มี
ทุกข์ ๖ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๕ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๕ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๔ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๔
ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๓ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๓ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๒ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๒ ผู้ใดมีสิ่ง
ที่รัก ๑ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑ ผู้ใดไม่มีสิ่งที่รัก ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้น
ไม่มีความโศก ปราศจากกิเลสดุจธุลี ไม่มีอุปายาส ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 307&Z=4352


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร