วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2011, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากสอบถามจากผู้ที่เคยเป็นฝี ว่ามีวิธีการรักษายังไงกันบ้าง

ผมเป็นฝี ที่ก้น มานาน 2 ปีแล้ว แต่รักษายังไงก็ไม่หาย จำได้ว่าเคยนั่งทับเศษขวดเบียร์ตอนไปนั่ง

รอเพื่อนที่หน้ามหาวิทยาลัยเมื่อปี 2552 แต่เอายาทาแผลก็หายไปแล้ว คิดว่าคงไม่มีอะไร พอมา

ต้นปี 5 มกราคม 2553 ฝีมันเริ่มแสดงอาการ ตอนแรกนึกว่าไม่มีอะไร ก็เลยเอายาเบตาดีนมาทา

คิดว่าเดี๋ยวก็หาย ก็เลยปล่อยไว้หลายเดือนและทายาอยู่อย่างนั้นมาเรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ยอมหาย จึง

ไปหาหมอที่คลินิก หมอฉีดยาและให้ยามาทาน แต่ก็ไม่หาย ด้วยความเครียดที่แผลไม่ยอมหาย

ผมจึงตัดสินใจไปให้หมอที่โรงพยาบาลผ่าตัดออกโดยใช้สิทธ์บัตรทอง(บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า)

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานอนโรงพยาบาลหลายวัน พอกลับมาห้องพักก็ต้องไปทำแผลที่คลินิก

ทุกวัน แผลทำท่าจะแห้งแต่ก็ไม่ยอมแห้งซะที ยังมีน้ำเหลืองซึมออกมากระปิดกระปอยเป็นพักๆ คือ

ทำท่าเหมือนจะหายแต่ก็ไม่ยอมหายซะที ตอนนี้แผลมีอาการระคายเคืองและก็คันเป็นพักๆ สามวัน

ก่อนไปหาหมอที่คลินิกมา กะว่าจะให้หมอผ่าหัวฝีให้อีกรอบ แต่หมอบอกว่า หัวฝีมันยังเล็กอยู่ยังไม่

จำเป็นต้องผ่า ทุกวันนี้แทบจะกินยาแทนข้าวแล้วครับ รำคาญที่ฝีไม่ยอมหาย และก็เครียดมาก ใคร

ไม่เคยเป็นคงไม่เข้าใจว่าโรคฝีนี่มันน่ารำคาญขนาดไหน ตอนนี้ใส่ผ้าอนามัยที่ผู้หญิงเขาใช้กันน่ะครับ

กันน้ำเหลืองซึมออกมานอกกางเกง ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งค่ายา ค่าผ้าทำแผล ทั้งผ้าอนามัย ทั้งค่ารถ

ค่าเรือ ไม่รู้จะรักษายังไงแล้วครับ ทั้งกินยา ทั้งทายา ทั้งแช่ก้น ทั้งฉีดยา สารพัดก็แล้วแต่ก็ไม่ยอม

หายซะที ใครที่เคยเป็นและมีวิธีอะไรดีๆช่วยกรุณาแนะนำด้วยนะครับ ตอนนี้อยากหายใจจขาดรอมร่อ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2011, 22:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดว่าเป็นแผลติดเชื้อครับ เล็กน้อยแค่ไหน ถ้าติดเชื้อก็เรื่องใหญ่
ครับ ที่พูดไม่ใช่ผมเป็นหมอ แต่แฟนผมทำอาชีพพยาบาล
เขาจะบอกเสมอว่า หากสงสัยในอาการ ควรอธิบายอาการให้ละเอียด
เช่นภาพถ่ายของแผล และต้องลองไปตรวจดูแผลอีกครั้งว่า
ติดเชื้อหรือปล่าว การกินยาต้องระวังให้มาก อย่าพึ่งด่วนกินยาปฎิชีวนะ
เพราะว่าเป็นยาควบคุมเชื้อ เพราะถ้าไม่หายจะต้องพึ่งยาที่แรง
ขึ้น เป็นปัญหาใหญ่ แต่ถ้ากินยาไปแล้ว ต้องกินให้ครบตามเวลา
ขาดไม่ได้แม้แต่งวดเดียว และต้องกินติดต่อกัน๓วันขึ้นไปไม่น้อยกว่านี้ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 03:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


แผนโบราณ ก็เอาอยู่ แล้วกระมัง

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 08:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 23:55
โพสต์: 55

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองไปหาหมอเฉพาะทางศัลยกรรมดูก่อนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


อรูปะ เขียน:
ลองไปหาหมอเฉพาะทางศัลยกรรมดูก่อนครับ


อธิบายไว้ในบทความแรกแล้วครับ ว่าไปมาหมดแล้ว ทั้งหาหมอ ทั้งฉีดยา ทั้งทานยา ทั้งทายา
แต่ก็ไม่หาย เป็นมา 2 ปีแล้วล่ะครับ

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
คิดว่าเป็นแผลติดเชื้อครับ เล็กน้อยแค่ไหน ถ้าติดเชื้อก็เรื่องใหญ่
ครับ ที่พูดไม่ใช่ผมเป็นหมอ แต่แฟนผมทำอาชีพพยาบาล
เขาจะบอกเสมอว่า หากสงสัยในอาการ ควรอธิบายอาการให้ละเอียด
เช่นภาพถ่ายของแผล และต้องลองไปตรวจดูแผลอีกครั้งว่า
ติดเชื้อหรือปล่าว การกินยาต้องระวังให้มาก อย่าพึ่งด่วนกินยาปฎิชีวนะ
เพราะว่าเป็นยาควบคุมเชื้อ เพราะถ้าไม่หายจะต้องพึ่งยาที่แรง
ขึ้น เป็นปัญหาใหญ่ แต่ถ้ากินยาไปแล้ว ต้องกินให้ครบตามเวลา
ขาดไม่ได้แม้แต่งวดเดียว และต้องกินติดต่อกัน๓วันขึ้นไปไม่น้อยกว่านี้ครับ


กินมาเกือบ 2 ปีแล้วครับ กินทุกวัน ทุกวันนี้แทบจะกินยาแทนข้าวแล้วครับ แต่มันไม่ยอมหายซะที

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อยากสอบถามจากผู้ที่เคยเป็นฝี ว่ามีวิธีการรักษายังไงกันบ้าง



ไม่ต้องตกใจหรือกลัวมากค่ะ ไปผ่าตัดแล้วก็ไม่มีทางหายค่ะ ยาไม่ต้องกินค่ะ

วิธีรักษาค่ะ

อย่าให้ท้องผูกค่ะ ตอนเช้าระบบขับถ่ายต้องดี ถ้าท้องผูกฝีที่อยู่ข้างในจะอักเสบ
หรือถ้ามีอาการอักเสบ จะมีอาการคัน

คุณใช้วิธีนี้ค่ะ คุณต้มน้ำให้เดือด แล้วนำไปใ่ส่ถังพลาสติกที่คุณคิดว่ารับความร้อนได้
แล้วตัวคุณก็นั่งอยู่ที่บนถังนั้น

ถ้าน้ำร้อนมาก คุณเติมน้ำเย็นลงไปก็ได้ค่ะ คือให้มีไอน้ำร้อนๆน่ะค่ะ
เค้าเรียกว่าอบไอน้ำฆ่าเชื้อ แล้วหัวฝีที่ยังเล็กอยู่จะแตกออกมาเองค่ะ
จะมีปนเลือดปนน้ำเหลือง คุณก็ใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดที่แผล
เราจำวิธีนี้มาจากร.พมิชชั่นค่ะ ได้ผลค่ะ

ตอนที่เราเป็นตอนนั้นยังไม่แต่งงาน อายหมออายพยาบาลจนไม่รู้จะทำยังไงดี
ให้หมอผ่าตัดเอาหัวฝีออก แต่ไม่หายขาดค่ะ พอเป็นครั้งที่2ก็เลยจำวิธีของเค้ามาทำเอง ใช้ได้ค่ะการอบไอน้ำ จะทำให้หัวฝีสุกแล้วก็แตกออกมา
บางครั้งหัวฝีอาจจะแตกตอนอบครั้งที่2

ตอนที่เราไปนอนร.พ เราต้องอบไอน้ำตั้ง3วัน ถ้าคุณว่างคุณก็นั่งนานๆก็ได้ค่ะ
แล้วจะหายไปเองค่ะ ไม่ต้องกลัวหรือตกใจค่ะ เป็นวิธีที่ไม่ต้องเสียเงินอะไรเลยค่ะ
(ตอนคุณนั่งอบไม่ต้องใส่กางเกงน่ะค่ะ) :b12:
เอ๊ะ!แล้วตอนที่คุณไปผ่าตัด ทางร.พไม่ได้ให้คุณนั่งอบไอน้ำร้อนเหรอค่ะ :b1:
ปัจจุบันเราไม่เป็นเลยค่ะ


อ้อ!ถังที่ใส่น้ำร้อน ปากถังอย่ากว้างเกินไปน่ะค่ะ
ไม่งั้นแล้วไอน้ำจะระเหยออกไป ทำให้การอบไอน้ำไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ

ขอให้หายจากโรคฝีนี้เร็วๆน่ะค่ะ
:b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กล่องธรรม เขียน:
อยากสอบถามจากผู้ที่เคยเป็นฝี ว่ามีวิธีการรักษายังไงกันบ้าง

คุณกล่องธรรมครับ ฝีที่ก้นถ้าจะให้หายขาด มันต้องใช้วิธีผ่าตัดใหญ่ครับ
หมอเขาจะบล็อกหลังให้ครับ หมดความรู้สึกครึ่งท่อน แล้วจะเริ่มผ่าตัดด้วยการ
ขุดรากถอนโคนฝีครับ อย่านึกว่าหัวฝีหัวเล็กๆ เนื้อที่ข้างในฝีมันจะเล็กนะครับ
มันกินลึกมาก ขนาดใช้ผ้ากล็อตเป็นเมตรอุดแผลผ่าตัดเลยครับ
ไอ้วิธีการผ่าหัวฝีธรรมดามันแค่บรรเทาอาการอักเสบครับ
แค่เอานำหนองออก ไม่นานมันก็ขึ้นมาใหม่ครับ

มันต้องวิธีนี้แหล่ะครับ ปัญหามันอยู่ตรงที่คุณใช้บัตรทอง ทางโรงพยาบาล
เขามักจะเลี่ยงไม่ผ่าให้เพราะค่าใช้จ่ายสูง ถ้ายังไงก็ลองปรึกษาหมอดูซิครับ
โรคส่วนใหญ่รักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่ติดตรงค่าใช้จ่ายครับ :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กล่องธรรม เขียน:
อยากสอบถามจากผู้ที่เคยเป็นฝี ว่ามีวิธีการรักษายังไงกันบ้าง

คุณกล่องธรรมครับ ฝีที่ก้นถ้าจะให้หายขาด มันต้องใช้วิธีผ่าตัดใหญ่ครับ
หมอเขาจะบล็อกหลังให้ครับ หมดความรู้สึกครึ่งท่อน แล้วจะเริ่มผ่าตัดด้วยการ
ขุดรากถอนโคนฝีครับ


นั่นแหละครับคุณโฮฮับที่ผมไปทำมาแล้ว แต่มันก็ไม่ยอมหายซะที ผมจึงได้แต่มานั่งเซ็งกับมันนี่แหละ
เป็นที่ไหนไม่เป็น ดันมาเป็นตรงที่เรามองไม่เห็นก็เลยยิ่งดูแลยากเข้าไปอีก ไม่มีวิธีอื่นบ้างเหรอครับ
รำคาญก็รำคาญ เครียดก็เครียด เพราะกลัวว่ามันจะไม่ยอมหายซะที มันนานเกินไปแล้วครับ

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะ คุณกล่องธรรม

เราเคยเป็นโรคฝีเหมือนคุณนี่แหละ ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ค่ะ หายขาดเลย..
หลังผ่าตัดนอนพักฟื้น 1 คืน ก็กลับบ้านได้ประมาณอาทิตย์แผลก็หายค่ะ...
คุณหมอที่นี่เก่งค่ะ ใจดีด้วยแต่อาจจะต้องตกเป็นกรณีศึกษาสำหรับนักศึกษาแพทย์นะคะ...
แนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯค่ะ...ลองไปดูนะคะ :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณต้มน้ำให้เดือด แล้วนำไปใ่ส่ถังพลาสติกที่คุณคิดว่ารับความร้อนได้
แล้วตัวคุณก็นั่งอยู่ที่บนถังนั้น

ถ้าน้ำร้อนมาก คุณเติมน้ำเย็นลงไปก็ได้ค่ะ คือให้มีไอน้ำร้อนๆน่ะค่ะ
เค้าเรียกว่าอบไอน้ำฆ่าเชื้อ แล้วหัวฝีที่ยังเล็กอยู่จะแตกออกมาเองค่ะ
จะมีปนเลือดปนน้ำเหลือง


แม่เจ้า วันนี้โชคดีจังเลยครับที่ได้มาเจอคุณ bbby ที่เคยมีประสพการณ์ในเรื่องนี้ ทำให้ผมพอจะมีหวัง
ขึ้นมาบ้าง

ตอนนี้ผมต้มน้าร้อนผสมน้ำธรรมดา อุณหภมิก็เกือบร้อนน่ะครับ ผสมกับด่างทับทิมตามที่หมอแนะนำ
แต่ผมใช้ก้นจุ่มลงไปในน้ำเลย อันนี้พอได้หรือเปล่าครับ


bbby เขียน:
คุณก็ใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดที่แผล
เราจำวิธีนี้มาจากร.พมิชชั่นค่ะ ได้ผลค่ะ


แนำนำได้มั้ยครับว่าคุณใช้น้ำยาฆ่าเชื้อตัวไหน(หากจำได้) ตอนนี้ผมใช้ของเบตาดีนอยู่ แช่ก้นเสร็จ
แล้วก็ทาเช้าเย็นทุกวันเลยครับ ไม่รู้ใช้ถูกอันหรือเปล่า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้อันไหนน่ะครับ

bbby เขียน:
ขอให้หายจากโรคฝีนี้เร็วๆน่ะค่ะ
:b41: :b55: :b49:


สาธุ.....ขอให้เป็นอย่างนั้น อยากหายเร็วๆใจจะขาดแล้วครับ ตอนนี้ใครบอกวิธีอะไรมาผมก็คว้าไว้ก่อนล่ะครับ เพราะผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว จะลองนำวิธีของคุณ bbby ไปใช้ดูนะครับ
ขอบคุณมากครับคุณ bbby

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


แก้ไขล่าสุดโดย กล่องธรรม เมื่อ 26 ธ.ค. 2011, 13:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2011, 19:55
โพสต์: 146


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
tongue สวัสดีค่ะ คุณกล่องธรรม

เราเคยเป็นโรคฝีเหมือนคุณนี่แหละ ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ค่ะ หายขาดเลย..
หลังผ่าตัดนอนพักฟื้น 1 คืน ก็กลับบ้านได้ประมาณอาทิตย์แผลก็หายค่ะ...
คุณหมอที่นี่เก่งค่ะ ใจดีด้วยแต่อาจจะต้องตกเป็นกรณีศึกษาสำหรับนักศึกษาแพทย์นะคะ...
แนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯค่ะ...ลองไปดูนะคะ :b41:


กลัวเสียค่าใช้จ่ายแพงน่ะครับ เพราะผมใช้สิทธิ์บัตรทองที่นั่นไม่ได้น่ะครับ นอกจากหมอจะส่งตัวไปอีกทีนึง
ทำไงได้ ก็เรามันไม่ค่อยจะมีเงินมีทอง แต่ก็ขอบคุณมากครับ

.....................................................
เก็บธรรมใส่กล่อง.....เรียนรู้จากบัณฑิต.....คบหากัลยาณมิตร.....จิตอ่อนน้อมในพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ตอนนี้ผมต้มน้ำร้อนผสมน้ำธรรมดา อุณหภมิก็เกือบร้อนน่ะครับ ผสมกับด่างทับทิมตามที่หมอแนะนำ
แต่ผมใช้ก้นจุ่มลงไปในน้ำเลย อันนี้พอได้หรือเปล่าครับ



เอาก้นจุ่มลงไปไม่รู้จะได้หรือปล่าวน่ะ :b6:
แต่คิดว่าคงไม่ได้ค่ะ ที่เราเคยคุยกับพี่พยาบาล เอาน้ำมาให้เราอบน่ะค่ะ
เราถามว่าทำไมจะต้องอบไอน้ำ แล้วถ้านั่งไปในน้ำร้อนไม่ได้เหรอ
เค้าบอกว่าไอน้ำร้อนจะช่วยให้น้ำเหลืองที่อยู่บริเวณฝีกระจาย แล้วก็ฆ่าเชื้อด้วย
แล้วทำให้ตัวเราไม่รู้สึกปวด

เพราะเวลาปวดนี่ ปวดจริงๆค่ะแต่พอคุณไปอบไอน้ำแล้ว ความปวดจะหายค่ะ
แล้วฝีจะสุกเร็ว แต่รู้สึกว่าเค้าให้เราอบ20นาทีน่ะ

แต่พอตอนหลังที่เราเป็น เราอบนานค่ะแล้วน้ำก็ร้อนกว่าของเค้า(คือร้อนพอที่เราจะทนได้ค่ะ)
ถ้าคุณเอาก้นไปแช่ น้ำคงจะแค่อุ่นๆน่ะ ถ้าปวดมากๆอบนานๆสิค่ะ (ถ้าว่าง)

ถ้าหากยังไม่แตก เอาสำลีเยอะๆค่ะไปแปะไว้ แล้วใช้ผ้าพันแผลโป๊ะแล้วเอาพลาสเตอร์ปิดเอาไว้เวลานั่งจะได้ไม่เจ็บ เราเคยอบช่วงก่อนที่เราจะนอน พอเรานอนไปได้ซักพักฝีก็แตกแล้วค่ะ
น้ำเหลืองเยอะมากๆเลยค่ะ

คือมันเหมือนไอร้อนไปขับน้ำเหลืองออกมาจนหมดน่ะ อบดีกว่าค่ะไหนๆแล้วตอนนี้คุณปวดมากหรือปล่าวค่ะ ถ้าคุณอบแล้วความปวดจะเริ่มๆคลายค่ะ :b1: :b41: :b55: :b48:


อ้างคำพูด:
แนะนำได้มั้ยครับว่าคุณใช้น้ำยาฆ่าเชื้อตัวไหน(หากจำได้)


Dettol ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 19:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เคยเป็น ฝีที่ตา อิอิ กุ้งยิง :b9:
แบบว่า มันอักเสบนิด ๆ อยู่ข้างใน แต่เป็นตุ่มนูนออกมาชัดเจน
เจ็บพอประมาณ ระคายเคืองเล็กน้อยอยู่ตลอด และระคายเคืองมากเป็นพัก ๆ
ก็ไปหาหมอ หมอบอกว่ามันฝังอยู่ใต้เปลือกตาด้านในเข้าไปลึก
และมันก็ไม่สุกพอที่จำเป็นจะต้องผ่า
ซึ่งมันอาจจะยุบไปเอง

ปรากฏว่า มันก็เป็นอย่างนั้นอยู่เป็นปี ๆ
เจ็บตากุ้งยิงอยู่เป็นปี ๆ
มันก็เป็นจนเราลืม
ตามีตุ่มปูนออกมา ถ่ายรูปก็เห็นตุ่มปูนออกมาตรงเปลือกตาชัดเจน
มันเป็นมาราธอน จนเราคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของใบหน้าเราไปแล้ว
คิดว่า เราจะต้องเป็นตากุ้งยิงไปตลอดชีวิต :b9: :b9:

จนเพื่อน ๆ เขาเห็นเราเขาไม่ได้คิดว่าเราเป็นกุ้งยิงนะ
เขาคิดว่า เรามีใฝตรงเปลือกตา :b32:

แต่แล้ว อยู่ ๆ มันก็หายเจ็บ และไตที่เคยปูดมานาน
ก็เกาะกันเป็นไตแข็งในข้างใน และก็ค่อย ๆ ยุบ
ซึ่งก็ใช้เวลาอยู่หลายปี

:b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2011, 19:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝี (อังกฤษ: abscess) เป็นกลุ่มของหนองซึ่งเป็นซากเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิล (neutrophil) ที่ตายแล้วสะสมอยู่ภายในโพรงของเนื้อเยื่อซึ่งเป็นกระบวนการของการติดเชื้อ มักมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิต หรือเกิดจากสิ่งแปลกปลอมภายนอกอื่นๆ เช่น เศษวัสดุ กระสุน หรือเข็มทิ่ม ฝีเป็นกระบวนการตอบสนองของเนื้อเยื่อในร่างกายต่อเชื้อโรคเพื่อจำกัดการแพร่กระจายไม่ให้ไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

จุลชีพก่อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายจะมีการทำลายเซลล์ที่ตำแหน่งนั้น ทำให้เกิดการหลั่งสารพิษ สารพิษจะกระตุ้นกระบวนการอักเสบ ซึ่งทำให้มีเม็ดเลือดขาวจำนวนมากเข้ามาในบริเวณที่เชื้อโรคบุกรุกและเกิดการไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้นมากขึ้น

โครงสร้างของฝีภายนอกจะประกอบด้วยผนังหรือแคปซูลล้อมรอบ ซึ่งเกิดจากเซลล์ปกติข้างเคียงมาล้อมเพื่อจำกัดไม่ให้หนองไปติดต่อยังส่วนอื่นๆ อย่างไรก็ตามแคปซูลที่ล้อมรอบโพรงหนองนั้นอาจทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถเข้ามากำจัดเชื้อแบคทีเรียหรือจุลชีพก่อโรคในหนองนั้นได้

ฝีมีความแตกต่างจากหนองขัง (empyema) ในแง่ที่ว่าหนองขังเป็นกลุ่มของหนองในโพรงที่มีมาก่อนอยู่แล้ว แต่ฝีเป็นโพรงหนองที่สร้างขึ้นมาภายหลังการติดเชื้อ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร