ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40570 |
หน้า 2 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 26 ธ.ค. 2011, 19:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
คุณกล่องธรรม ดื้อยา รึเปล่า |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 26 ธ.ค. 2011, 20:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
12 ก.พ. 2007 22:48น. เชื้อโรค MRSA ‘แบคทีเรีย’ ดื้อยาก่อฝีหนอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศ.นพ.พิเศษพงศ์ ปัทมะสุคนธ์ กุมารแพทย์สาขาโรคติดเชื้อ จากมหาวิทยาลัยเนวาดา สหรัฐ ได้มาบรรยายในหัวข้อ “เชื้อโรค MRSA ประเด็นร้อนในอเมริกา” ให้นักศึกษาแพทย์ และอาจารย์หลายท่านที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล รับฟัง ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับ ศ.นพ. พิเศษพงศ์ และอาจารย์แพทย์หลายท่าน เห็นว่าข้อมูลน่าสนใจ จึงนำมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้รับทราบ ศ.นพ.พิเศษพงศ์ อธิบายว่า เอ็มอาร์ เอสเอ (Methicilin Resistant Staphylococ-cus Aureus) เป็นเชื้อแบคทีเรียดื้อยาเมทิซิ ลินที่พบมากในโรงพยาบาล เชื้อที่ก่อโรค คือ เชื้อแบคทีเรียสเตปฟิโลคอกคัส แอเรียส ซึ่งทำให้เกิดฝีหนองตามร่างกาย หากเข้าสู่กระแสเลือดไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ก็จะทำให้เกิดฝีหนอง ตามอวัยวะที่เชื้อโรคเข้าไป สหรัฐพบผู้ป่วยจำนวนมาก ล่าสุดเชื้อชนิดใหม่ที่พบ เป็น เชื้อดื้อยาที่มาจากชุมชนที่อาศัยอยู่กันเป็น กลุ่ม เรียกว่า CAMRSA (Community acquired Methicilin Resistant Sta-phylococcus Aureus) มีการสันนิษฐานว่า สาเหตุอาจมาจากการกินยาไม่ครบ หรือการให้ยาพร่ำเพรื่อ แต่ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ชัดเจน เชื้อแบคทีเรียดื้อยาชนิดนี้จะอยู่ที่จมูกและก้น บางคนเชื้อไม่ได้ไปที่ผิวหนัง แต่เข้าไปในกระแสเลือดเลยทำให้วินิจฉัยได้ยาก เพราะคนที่มีเชื้ออาจไม่มีอาการ ร่างกายไม่เป็นอะไร หรือบางคนร่างกายเป็นฝีหนองเป็น ๆ หาย ๆ ก็ไม่สนใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่เชื้อเข้าไปสู่อวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ กล้ามเนื้อ ปอด จะปรากฏอาการ คนไข้ต้องมาโรงพยาบาลแน่ ๆ เพราะทนไม่ไหว โอกาสที่จะพิการ หรือเสียชีวิตก็ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ติดเชื้อ อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีคนที่ติดเชื้อนี้และเสียชีวิต แต่แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ เพราะไม่มีแผลฝีหนองตามผิวหนัง เช่น คนไข้ที่เป็นโรคปอดบวมเสียชีวิต หรือ มีการติดเชื้อในกระแสเลือด ดังนั้นหากไม่มีการตรวจอย่างละเอียดอาจไม่พบเชื้อ ศ.นพ.พิเศษพงศ์ อธิบายว่า กลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อชนิดใหม่จะอาศัยอยู่ในชุมชนเป็นกลุ่ม เช่น นักโทษในคุก นักกีฬา หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อคน เช่น แพทย์ พยาบาลก็ติดได้ ดังนั้นการป้องกันที่ดี แพทย์ พยาบาล ควรใส่ถุงมือ และล้างมือให้สะอาด เวลาสัมผัสกับผู้ป่วยหลาย ๆ คน ส่วนประชาชนทั่วไปควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ถ้าร่างกายมีบาดแผล เป็นฝีหนอง หรือมีการติดเชื้อบริเวณผิวหนังหลายวันไม่หายควรไปพบแพทย์ ด้าน ผศ.นพ.ชาญวิทย์ ตรีพุทธรัตน์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า เอ็มอาร์เอสเอ เป็นเชื้อที่ดื้อต่อยาเมทิซิลิน ยาชนิดนี้ในอดีตใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อที่ผิวหนัง แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว เพราะมีการใช้ยาตัวใหม่แทนซึ่งออกฤทธิ์ดีกว่า แต่พอเจอเชื้อดื้อเกิดขึ้นอีกในปัจจุบันก็ยังใช้ชื่อเอ็มอาร์เอสเออยู่ แม้จะไม่ได้ใช้เมทิซิลินแล้วก็ตาม สำหรับแบคทีเรียสเตปฟิโลคอกคัส แอเรียส ที่เป็นต้นเหตุของฝีหนอง มีอยู่ทั่วไป และมีหลายสายพันธุ์ส่วนใหญ่มักจะไม่ดื้อยา แต่การใช้ยาปฏิชีวนะต้านจุลชีพมาก ๆ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อดื้อยาที่มาจากชุมชน โดยเชื้อโรคจะแบ่งตัวและอยู่บริเวณจมูก และผิวหนัง เมื่อมีบาดแผล เชื้อจะเข้าไป ดังนั้นถ้าคนไข้มีฝีหนองบวมแดงตามผิวหนัง 2-3 วันไม่หาย อาการลุกลามมีฝีใหญ่ขึ้น ควรไปพบแพทย์ ผู้ป่วยรายแรกของประเทศไทยติดเชื้อดื้อยาที่มาจากชุมชน เป็นชายอายุ 33 ปี เป็นฝีหนองบริเวณเท้า เดิมเป็นคนไข้ในโรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง ทางโรงพยาบาลเพาะเชื้อไม่ได้จึงส่งผู้ป่วยมารักษาที่โรงพยาบาลตากสิน เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลตากสินได้เก็บตัวอย่างส่งมาตรวจที่โรงพยาบาลศิริราช พบว่าเป็นสายพันธุ์ดื้อยาที่มาจากชุมชน คล้าย ๆ กับ ยูเอสเอ 300 ของสหรัฐแต่ตรวจสอบลักษณะทางพันธุกรรมแล้วเป็นคนละสายพันธุ์กัน ความรุนแรงในการก่อโรคน้อยกว่า แต่ดื้อยาเหมือนกัน ถือว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ตอนนี้ยังไม่มีการตั้งชื่อ แต่เรียกว่า ซีเอเอ็มอาร์เอสเอ ซึ่งเป็นชื่อลอย ๆ หมายถึงเชื้อดื้อยาที่มาจากชุมชน กลุ่มเสี่ยง คือกลุ่มคนที่อยู่กันเป็นกลุ่ม เช่น นักโทษ สถานเลี้ยงดูเด็ก หรือสถานสงเคราะห์คนชรา ด้าน รศ.นพ.นิรันดร์ วรรณประภา สาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ในอดีตการติดเชื้อดื้อยาพบมากในโรงพยาบาลทั้งนี้เป็นเพราะผู้ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ มานอนโรงพยาบาล บางคนเป็นแผลกดทับ แทงเข็มให้น้ำเกลือ เชื้อโรคก็อาจเข้าไปตามรอยแผล การให้ยาพื้นฐานเชื้อที่ไวต่อยาก็จะตายหมด เชื้อที่ไม่ตายก็ปรับตัวให้มีชีวิตอยู่ ก็กลายเป็นเชื้อดื้อยาและเพิ่มจำนวนก่อโรค ดังนั้นเมื่อพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อดื้อยาก็ต้องเปลี่ยนไปให้ยารักษาชนิดใหม่ที่แรงขึ้น โดยจะต้องเจาะฝีหนองออกก่อน ถ้าเป็นฝีหนองอวัยวะภายในเจาะไม่ได้ ก็ต้องผ่าตัด. http://www.clinicdek.com/index.php?opti ... &Itemid=53 |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 26 ธ.ค. 2011, 20:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
ขอให้อาการฝีของคุณดีขึ้น ๆ นะคะ |
เจ้าของ: | student [ 27 ธ.ค. 2011, 02:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
แฟนผมเป็นพยาบาล ศัลยกรรม บอกว่าปรกติแผลที่เป็นฝีหนองหลังผ่าแล้วทำแผลด้วย การแพค ผ้ากอซ ที่ชุปน้ำยาฆ่าเชื้อ สมัยก่อนล้างด้วย hydrogen peroxxide ไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์ ฟอก แล้วลแพค เบทาดีน แต่ต้องกินยาปฏิชีวนะ แผลควรจะตื้นขึ้นจนเต็มรูแล้วแห้งจนไม่ต้องแพคกอซแต่ถ้าเป็นเรื้อรังแสดงว่ายาที่กินกับยาที่แพคแผลไม่ตอบสนอง ต้องส่ง sample หนองตรวจ หรือ blood culture ส่งให้ห้องแลป หา sensitivity with drug หมายถึงหายาที่สามารถฆ่าเชื้อตัวนี้ได้จริง เพราะยาที่หมอสั่งครั้งแรกจะเป็นยาปฏิชีวนะแบบทั่วไป ไม่เฉพาะเจาะจง broad spectrum ต้องหาให้ได้ว่าเป็นแบคทีเรีย gram positive หรือ gram negative เป็นเชื้ออะไร |
เจ้าของ: | govit2552 [ 27 ธ.ค. 2011, 09:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
ถ้าจำไม่ผิดคือ เหงือกปลาหมอครับ ผมเคยกิน เป็นผลสมุนไพรชนิดหนึ่งครับ ตากแห้งมาเป็นกระด้ง เลยครับ บอกว่า กินแล้วจะไม่เป็นฝีอีกเลย ผมก็กินใหญ่ ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยเป็น จนโตเป็นวัยรุ่น เป็นหนุ่ม หนุ่มใหญ่ จนถึงปัจจุบัน กลางคนเข้าไปแล้ว ลองค้นดูครับ เหงือกปลาหมอ |
เจ้าของ: | กล่องธรรม [ 27 ธ.ค. 2011, 10:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
eragon_joe เขียน: :b8: ขอให้อาการฝีของคุณดีขึ้น ๆ นะคะ ขอบคุณครับคุณ eragon ว่าแต่ไปแอบดูใครมาถึงได้เป็นตากุ้งยิง |
เจ้าของ: | กล่องธรรม [ 27 ธ.ค. 2011, 10:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
govit2552 เขียน: ถ้าจำไม่ผิดคือ เหงือกปลาหมอครับ ตัวนี้ล่ะครับ สุดยอดเลย ผมลองไปค้นๆดู http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_02_7.htm ว่าแต่สมัยนี้จะไปหาจากที่ไหนล่ะครับ |
เจ้าของ: | govit2552 [ 27 ธ.ค. 2011, 20:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
ร้านยาแผนโบราณ น่าจะมีครับ |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 27 ธ.ค. 2011, 23:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
ไม่ทราบว่าคุณกล่องธรรม ได้เช็คเบาหวานบ้างหรือเปล่า? ขอโทษนะค่ะ ไม่ได้มีความรุ้เรื่องเหล่านี้ คิดได้ตามประสาหญิงพื้นบ้าน ขอให้หายไวๆนะค่ะ |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 31 ธ.ค. 2011, 22:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
กล่องธรรม เขียน: eragon_joe เขียน: :b8: ขอให้อาการฝีของคุณดีขึ้น ๆ นะคะ ขอบคุณครับคุณ eragon ว่าแต่ไปแอบดูใครมาถึงได้เป็นตากุ้งยิง โหย เป็นมาราธอนขนาดนั้น ตอนนั้นยังเด็ก ใครว่าไงก็คิด ๆ อยู่นะ สงสัยคนที่เราไปแอบดู ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ เลย ประมาณว่าอาจจะเป็นพระ อะไรทำนองนั้น แต่ก็ไม่เคยนะ |
เจ้าของ: | กล่องธรรม [ 04 ม.ค. 2012, 14:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
eragon_joe เขียน: คุณกล่องธรรม ดื้อยา รึเปล่า ไม่น่าจะนะ |
เจ้าของ: | กล่องธรรม [ 04 ม.ค. 2012, 14:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
ทักทาย เขียน: ไม่ทราบว่าคุณกล่องธรรม ได้เช็คเบาหวานบ้างหรือเปล่า? ขอโทษนะค่ะ ไม่ได้มีความรุ้เรื่องเหล่านี้ คิดได้ตามประสาหญิงพื้นบ้าน ขอให้หายไวๆนะค่ะ ไปเช็คดูแล้วครับ ผมยังไม่มีเบาหวานครับ |
เจ้าของ: | กล่องธรรม [ 04 ม.ค. 2012, 14:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
โฮฮับ เขียน: ปัญหามันอยู่ตรงที่คุณใช้บัตรทอง ทางโรงพยาบาล เขามักจะเลี่ยงไม่ผ่าให้เพราะค่าใช้จ่ายสูง ถ้ายังไงก็ลองปรึกษาหมอดูซิครับ โรคส่วนใหญ่รักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่ติดตรงค่าใช้จ่ายครับ คุณ โฮฮับ ทำให้ผมคิดขึ้นมาบ้างแล้วนะครับ หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากคุณ bbby เลยลองทำตาม ครับ แต่อาการก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือเหมือนแผลจะแห้งแต่มันก็ไม่แห้ง ยังคงมีเลือดมีหนองซึมออก มากระปิดกระปอย เอามือจับกดๆดูเหมือนมันจะมีอะไรนูนๆอยู่ข้างในแผล ผมจึงไปหาหมออีกครั้ง กะ ว่าจะให้หมอผ่าฝีออกให้อีกรอบ แต่พอหมอดูแผลเสร็จ หมอบอกว่าแผลมันยังเล็กอยู่คงผ่าให้ไม่ได้ แล้วหมอก็ให้ยากลับมากินเลยคิดว่าจะลองจ่ายค่าผ่าเอง โทรไปถามมา 2-3 ที่ของเอกชน ค่าใช้จ่าย โดยประมาณ 50,000-60,000 บาท เศร้าเลยครับ ใครจะไปมีจ่ายล่ะ อย่างนี้แหละที่เขาว่า "คนจนห้ามป่วย ห้ามไม่สบาย" |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 04 ม.ค. 2012, 19:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
กล่องธรรม เขียน: โฮฮับ เขียน: ปัญหามันอยู่ตรงที่คุณใช้บัตรทอง ทางโรงพยาบาล เขามักจะเลี่ยงไม่ผ่าให้เพราะค่าใช้จ่ายสูง ถ้ายังไงก็ลองปรึกษาหมอดูซิครับ โรคส่วนใหญ่รักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่ติดตรงค่าใช้จ่ายครับ คุณ โฮฮับ ทำให้ผมคิดขึ้นมาบ้างแล้วนะครับ หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากคุณ bbby เลยลองทำตาม ครับ แต่อาการก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือเหมือนแผลจะแห้งแต่มันก็ไม่แห้ง ยังคงมีเลือดมีหนองซึมออก มากระปิดกระปอย เอามือจับกดๆดูเหมือนมันจะมีอะไรนูนๆอยู่ข้างในแผล ผมจึงไปหาหมออีกครั้ง กะ ว่าจะให้หมอผ่าฝีออกให้อีกรอบ แต่พอหมอดูแผลเสร็จ หมอบอกว่าแผลมันยังเล็กอยู่คงผ่าให้ไม่ได้ แล้วหมอก็ให้ยากลับมากินเลยคิดว่าจะลองจ่ายค่าผ่าเอง โทรไปถามมา 2-3 ที่ของเอกชน ค่าใช้จ่าย โดยประมาณ 50,000-60,000 บาท เศร้าเลยครับ ใครจะไปมีจ่ายล่ะ อย่างนี้แหละที่เขาว่า "คนจนห้ามป่วย ห้ามไม่สบาย" งั๊นคุณอาจจะต้องหาวิธีทำให้แผลมันใหญ่ขึ้นแล้วล่ะ |
เจ้าของ: | bbby [ 04 ม.ค. 2012, 19:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรคฝี รักษายังไงก็ไม่หาย |
คุณกล่องธรรมเขียน อ้างคำพูด: เอามือจับกดๆดูเหมือนมันจะมีอะไรนูนๆอยู่ข้างในแผล ถ้าเป็นอย่างที่คุณเขียนมา แสดงว่าหัวฝียังไม่สุกค่ะ แต่ก็ยังดีที่มีน้ำเหลืองซึมออกมาบ้าง จะได้ไม่ปวดมาก ถ้าคุณว่างคุณก็อบไอน้ำไปเรื่อยๆค่ะ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วท้องผูกหรือปล่าวค่ะ ถ้าท้องผูกฝีจะหายยากค่ะ ขนาดเราว่าหายแล้ว ถ้าท้องผูกหลายๆวันยังมีอาการเลยค่ะ ค่าผ่าตัดแพงเหมือนกันน่ะค่ะ ถ้าว่างก็อบไอน้ำค่ะแผลจะได้ไม่ติดเชื้อ คุณกล่องธรรมเคยเห็นที่เป็นแผ่นที่เค้าใช้ปิดฝีหรือปล่าวค่ะ ที่บนแผ่นจะเป็นตัวยาสีดำ เวลาจะนำมาปิด ต้องเอาไปลนไฟก่อนแล้วก็นำมาปิดที่ฝี แล้วจะมีความรู้สึกเหมือนไปรัดที่หัวฝีน่ะค่ะเพราะตัวยาที่เป็นสีดำจะช่วยดูดน้ำเหลืองด้วยค่ะ หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ปลาสเตอร์ที่เป็นหลอดมาปิดที่ตรงหัวฝีไว้ เพื่อที่แผ่นปลาสเตอร์จะได้ไปรัดหัวฝีไว้ บางครั้งหัวฝีมันจะสามารถยุบไปเองได้ค่ะ แต่คุณต้องนั่งอบไอน้ำด้วยน่ะค่ะ ที่สำคัญคือ ตอนนี้คุณยังปวดอยู่หรือปล่าวค่ะ |
หน้า 2 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |