ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ปัญญาสาม กับ มรรคแปด
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40706
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  วิริยะ [ 09 ม.ค. 2012, 14:53 ]
หัวข้อกระทู้:  ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

๑. สัมมาทิฏฐิ ความรู้ ความเห็นชอบ... สุตมยปัญญา
๒. สัมมาสังกัปโป ดำริชอบ ... จินตามยปัญญา
...
...
๘. สัมมาสมาธิ ... ภาวนามยปัญญาหรือวิปัสสนาปัญญาจะเกิดในขั้นนี้ เพราะต้องอาศัยสมาธิเป็นฐาน
เป็นปัญญาสูงสุด ทำให้ปุถุชนคนธรรมดากลายเป็นพระอริยะบุคคล

สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา เป็นโลกียปัญญา
ภาวนามยปัญญาหรือวิปัสสนาปัญญา เป็นโลกุตรปัญญา

:b12:

เจ้าของ:  thanan [ 09 ม.ค. 2012, 15:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

ขอบคุณครับ

เจ้าของ:  ลูกพระป่า [ 09 ม.ค. 2012, 16:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

วิริยะ เขียน:
๑. สัมมาทิฏฐิ ความรู้ ความเห็นชอบ... สุตมยปัญญา
๒. สัมมาสังกัปโป ดำริชอบ ... จินตามยปัญญา
...
...
๘. สัมมาสมาธิ ... ภาวนามยปัญญาหรือวิปัสสนาปัญญาจะเกิดในขั้นนี้ เพราะต้องอาศัยสมาธิเป็นฐาน
เป็นปัญญาสูงสุด ทำให้ปุถุชนคนธรรมดากลายเป็นพระอริยะบุคคล

สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา เป็นโลกียปัญญา
ภาวนามยปัญญาหรือวิปัสสนาปัญญา เป็นโลกุตรปัญญา

:b12:

สวัสดีครับพี่วิริยะ :b8:
ผมพิจารณาตามแล้วรู้สึกมันติดๆในใจ เรียกว่าใช่ก็ไม่เต็มปากจะว่าไม่ใช่ก็ไม่เต็มปาก รู้สึกมันขาดไม่ครบถ้วน ผมขอพูดแค่นี้แหละครับ ต้องขอโทษในความเขลาของผมด้วยที่ไม่เข้าใจว่ามันไม่สมบูรณ์ที่ตรงไหน
ขอบคุณครับ :b8:

เจ้าของ:  วิริยะ [ 09 ม.ค. 2012, 18:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

สวัสดีครับ ..พิจารณาก่อนถูกแล้วครับ อย่าเพิ่งเชื่อ ให้เทียบเคียงกับความเห็นของท่านอื่นด้วย
ติดขัด ตั้งกระทู้ถามได้ มีหลายท่านสามารถให้คำแนะนำและตอบคำถามของคุณได้

:b12:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 09 ม.ค. 2012, 22:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

:b32: :b32: :b32:
ถูกของคุณวิริยะ...และมันก็จริงอย่างคุณลูกพระป่า...

สัมมาทิฏฐิ...สัมมาสังกัปปะ..

ตอนแรกมันก็ต้อง...สุตตะกันมาทั้งนั้นแหละ

แล้วก็...จินตะ...ตาม...

นั่งนึกไปเล่น ๆ ...นี้มันยังไม่พ้นอำนาจสังขารปรุงแต่ง

ผลที่ได้จากการปรุ่งแต่ง...ก็เลยขึ้นอยู่กับ...ประสบการณ์

หากให้บังเอิญ...นึกเพลิน...จนไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่น...รู้แต่ว่าตัวเองนึกอะไรอยู่

เรื่องที่นึกเป็น...วิตก
รู้ว่านึกอะไรเป็น...วิจารณ์

มีปิติ...สุข...เอกัตคตา

มันจะ..เอ๊าะ...แล้วจะลงใจสนิทกับเรื่องที่นึกขึ้นมาเองได้

ว่ามันจริงเพราะอย่างนี้นี่เอง

ทุกข์..ก็ทุกข์จริง...เพราะมีเหตุ...ไม่มีเหตุก็ไม่ทุกข์...เป็นอย่างนี้จริง ๆ

สัมมาทิฏฐิ...เกิดสมบูรณ์ตรงนี้...ตรงที่เห็นจริงด้วยตัวเอง

มรรค 8 ก็เริ่มเดินเครื่องจริงจากตรงนี้คือมีสัมมาทิฏฐิเป็นหางเสือ

ก่อนหน้านี้ก็จริงอยู่...จริงระดับความรู้สึกนึกคิด

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 09 ม.ค. 2012, 22:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

ปัญญาไม่เกิด...กับผู้ไม่มีฌาณ...ก็เพราะอย่างนี้

เพราะปัญญาตัวนี้..เป็นปัญญาจริง...ไม่ใช่จินตนาการ

แต่พอบอกว่าฌาณ....ก็พาลไปนึกถึงฤาษีกันซะนี่

กิเลสมันพาหลบ..นะ..รู้ตัวรึเปล่า... :b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 09 ม.ค. 2012, 22:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

ทีนี้....ความลุ้มลึกในสัมมาทิฏฐิ...ก็แตกต่างกันไปตามความละเอียดของใจ...ของผู้นั้น

สัมมาทิฏฐิของปุถุชน...ละเอียดอย่างหนึ่ง...ของโสดา...สกิทาคา...ก็ละเอียดขึ้นไปอย่างหนึ่ง

อันนี้...นึก ๆ เอานะ :b12:

เจ้าของ:  asoka [ 09 ม.ค. 2012, 23:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

:b12:
"ปัญญาไม่เกิดขึ้นกับผู้ไม่มีฌาณ
ฌาน ก็ไม่เกิดเขึ้นกับผู้ไม่มีปัญญาด้วย" ต้องเอามาอ้างให้ครบครับ


เรารู้จัก อริยสัจ 4 และมรรคทั้ง 8 โดยสุตตมยปัญญา คิดพิจารณาตามแล้วเห็นจริง จึงเกิดจินตมยปัญญา จึงเกิดสัมมาทิฐิโดยภาคทฤษฎีขึ้นมาก่อน

หลังจากที่ได้ลงมือปฏิบัติภาวนาจริงๆทั้ง สมถะและวิปัสสนา จึงเกิดภาวนามยปัญญา ถ้าทำลายสักกายทิฐิได้ ใจสัมผัสอนัตตาเต็มร้อยแล้ว สัมมาทิฐิโดยภาคฏิบัติก็ถึงความสมบูรณ์

สัมมาสติและสัมมาสมาธินั้นเป็นเพียงกองหนุนของปัญญา หาใช่ตัวทำให้เกิดวิปัสสนาภาวนาไม่


ปัญญาสัมมาสังกัปปะต่างหากที่ทำให้เกิดวิปัสสนาภาวนา เพราะปัญญาสัมมาสังกัปปะในปฏิบัติการ คือตาปัญญาที่ไปทำหน้าที่ สังเกต (ไม่ใช้ความคิด ไม่ใช้บัญญัติ) พิจารณา (ใช้ความคิด ใช้บัญญัติ)
:b16:
เมื่อรู้จักคุณค่าและอานุภาพของความสังเกตแล้ว วิปัสสนาภาวนาหรือการปฏิบัติธรรมก็จะกลายเป็นของง่ายไปทันที

"ไม่มีความสังเกต วิปัสสนาปัญญาจักไม่เกิด
มีความสังเกตเกิดขึ้นที่ใด วิปัสสนาเริ่มต้นขึ้นที่นั่นทันที
ความสังเกตนี้ คือปัญญาสัมมาสังกัปปะในมรรค 8 นั้นเลยทีเดียว"

"ความสังเกต จะทำให้สติรู้ทันปัจจุบันอารมณ์ และความสังเกตจะทำให้ปัญญาสัมมาทิฐิ คือรู้ธรรมตามความเป็นจริงเกิดขึ้น"

สาธุอนุโมทนาเป็นที่สุดกับท่านเจ้าของกระทู้ครับ

:b34:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 09 ม.ค. 2012, 23:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

:b32: :b32: :b32:
มาเร็วกว่าที่คิด....
:b12:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 09 ม.ค. 2012, 23:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

อ้างคำพูด:
"ปัญญาไม่เกิดขึ้นกับผู้ไม่มีฌาณ
ฌาน ก็ไม่เกิดเขึ้นกับผู้ไม่มีปัญญาด้วย
" ต้องเอามาอ้างให้ครบครับ


ไม่ได้เจตนา... :b8:

ทำไม่เป็น...ไม่เคยทำมา...ก็ทำฌาณไม่ได้

ทำเป็น...เคยทำมา..จึงว่าเป็นปัญญา

คนละตัวกับปัญญาความรู้ความจำ...นะ :b16: :b16:

เจ้าของ:  วิริยะ [ 10 ม.ค. 2012, 08:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

asoka เขียน:
ปัญญาสัมมาสังกัปปะต่างหากที่ทำให้เกิดวิปัสสนาภาวนา

ปัญญาสังกัปปหรือจินตามยปัญญา เป็นปัญญาสามัญทั่วไป ใช้ประกอบในชีวิตประจำวัน เช่น ค้าขายอย่างไรจึงจะดีมีกำไร ปัญญาเพื่อวางแนวทาง จะรักษาศีลแบบไหนจึงจะถูกต้องบริสุทธิ์ จะทำสมาธิแนวทางใดจึงจะเหมาะกับจริตตน เป็นต้น ฯลฯ

ถามว่า ปัญญาขั้นนี้มีสติสมาธิหนุนหรือไม่ มี แต่เป็นสติสมาธิที่อ่อน เพราะ "ถูกนิวรณ์ครอบงำอยู่" ปัญญาที่เกิด จึงไม่ใช่ ปัญญาความรู้แจ้งเห็นจริง ไม่สามารถปล่อยละวางอะไรได้ เหมือนการมองวัตถุผ่านเมฆหมอก ได้แต่คาดเดา ทึกทักเอา หรือ "คิดเอาเอง" เท่านั้น
asoka เขียน:
สัมมาสติและสัมมาสมาธินั้นเป็นเพียงกองหนุนของปัญญา หาใช่ตัวทำให้เกิดวิปัสสนาภาวนาไม่

ถูกต้องครับ ผมจะใช้คำว่า สมาธิเป็นฐานของปัญญา :b4:

วิปัสสนาปัญญาหรือภาวนามัยปัญญา ต้องอาศัยสัมมาสติและสัมมสมาธิเป็นกองหนุน อย่างที่คุณว่า เพราะสัมมาสติสัมมาสมาธินั้น "ไม่ถูกนิวรณ์ครอบงำ" ปัญญาที่เกิดจึงเป็นปัญญารู้แจ้ง เห็นจริง ตามความเป็นจริงของสรรพสิ่งเป็นปัญญาที่ปล่อย ละ วาง อุปทานความยึดมั่นถือมั่นและกิเลสตัณหาทั้งปวง เหมือนการมองวัตถุที่ไม่มีเมฆหมอกปิดบัง ฉันนั้น ...

asoka เขียน:
เพราะปัญญาสัมมาสังกัปปะในปฏิบัติการ คือตาปัญญาที่ไปทำหน้าที่ สังเกต (ไม่ใช้ความคิด ไม่ใช้บัญญัติ) พิจารณา (ใช้ความคิด ใช้บัญญัติ)

คำว่า สังเกตุ นั้นคือ สติ ไม่ใช่ตาปัญญา
คำว่า พิจารณา คือ การคิด การใช้ปัญญา

:b12:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 10 ม.ค. 2012, 09:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

ฌาณ หรือ ญาณ จริง ๆ เราแยกคำสองคำนี้ไม่ออกด้วยบัญญัติ
ให้อ่านตำรากี่หนต่อกี่หน ก็จำไม่เคยได้ แยกไม่เคยออกจั๊กที

แต่ในการทำสมาธิ เราจะสังเกตเห็นลักษณะอย่างหนึ่งของ การเคลื่อน/โคจร/กริยา/วิถี ของจิต

ที่แสดงลักษณะเหมือน การเล่นว่าว

ตั้งแต่ช่วงที่ วิ่งเพื่อให้ว่าวเล่นลม ช่วงบังคับว่าวเพื่อให้ว่าวไต่เพดานลม
ช่วงประคองว่าว เมื่อว่าวติดลมบน ทรงตัว/บังคับทิศทาง ช่วงเอาว่าวไต่เพดานลมลงมา
ช่วงประคองตอนว่าวตกหลุมอากาศ
และ ช่วงที่ สายว่าวขาด ลอยไปตามธรรมชาติแห่งว่าวและลม จนตกลง
ซึ่ง เราเดินตามว่าวที่ลอยไปและเก็บมันขึ้นมา

:b1:

ว่าว ในแต่ละลักษณะ มีกิจที่เหมาะสมตาม ลักษณะของเขา

:b1:

สมาธิ หรือ ญาณ หรือไม่ เราไม่รู้
เรารู้แต่ว่า มันมีอยู่ สภาวะที่ ธรรมร่วมทำกิจเดียวให้เป็นไป

:b1:

เจ้าของ:  วิริยะ [ 10 ม.ค. 2012, 10:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

ข้าน้อย .. มึนตึ๊บ รอท่านอื่นมาขยายความนะ ตะเอง อิอิ.. :b28: :b13:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 10 ม.ค. 2012, 12:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

วิริยะ เขียน:
ข้าน้อย .. มึนตึ๊บ รอท่านอื่นมาขยายความนะ ตะเอง อิอิ.. :b28: :b13:


cry cry cry

ง๊าาาาาาาา

ขอโทษจ๊ะเธอออออ
ฉันไม่เก่ง ฉันแค่มั่ววววว หน้ามึน

cry cry cry

:b12:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 10 ม.ค. 2012, 12:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาสาม กับ มรรคแปด

asoka เขียน:
:b12:
ปัญญาสัมมาสังกัปปะต่างหากที่ทำให้เกิดวิปัสสนาภาวนา เพราะปัญญาสัมมาสังกัปปะในปฏิบัติการ คือตาปัญญาที่ไปทำหน้าที่ สังเกต (ไม่ใช้ความคิด ไม่ใช้บัญญัติ) พิจารณา (ใช้ความคิด ใช้บัญญัติ)
:b16:

วิปัสสนาภาวนาต่างหากที่ทำให้เกิด ปัญญาสัมมาสังกัปปะ
กระบวนการก็คือ ใช้สัมมาทิฐิเป็นตัวนำ และใช้องค์ประกอบอื่นเช่น
สัมมัปปทาน, อิทธิบาท ,วิปัสสนา,อินทรีย์,พละและโพชฌงค์
ทำทุกอย่างให้พร้อมเพียงกัน ก็จะเกิด สัมมาสังกัปปะ

สัมมาที่เหลือก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อทำให้เกิดองค์มรรคทั้งแปดแล้ว
ก็จะเกิดสัมมาญาณะและสัมมาวิมุติตามมา

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/