ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไร
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40762
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ไม่เที่ยง เกิดดับ [ 14 ม.ค. 2012, 12:32 ]
หัวข้อกระทู้:  ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไร

ถ้าเราไม่รู้ว่าไฟเกิดจากอะไร มีเหตุปัจจัยอะไรทำให้มันยังไม่ดับ ที่ดับได้เพราะอะไร เราก็จะไม่รู้วิธีดับไฟให้หมดได้
onion onion

"สิ่งใดมีการเกิดเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมมีความดับเป็นธรรมดา"

เจ้าของ:  eragon_joe [ 14 ม.ค. 2012, 14:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

นี่ตั้งแต่เกิดมา ท่านยังไม่เคยจุดไฟเลย เหร๋อ
ท่านยังไม่เคยเห็นคนจุดไฟเลย เหร๋อ
และตั้งแต่เกิดมาท่านยังไม่เคยเห็นคนดับไฟ เลยเหร๋อ

:b1: :b1: :b1:

ถ้าเป็นเช่นนั้น
ท่านควรจะถามตัวเองว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านมั่วแต่สอดส่องไปในอะไร

:b12: :b16: :b16: :b12:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 14 ม.ค. 2012, 14:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ถ้ายังไม่เคยสอดส่อง
หรือสอดส่องไปผิดที่
ก็ลองไปฟังตอนนี้ดู น๊ะจ๊ะ

http://media.watnapahpong.org/video/7S8G2948R99N/สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์-7-มค-2555

:b16: :b16: :b16:

การนำคำพระพุทธองค์มากล่าว นำคำพระพุทธองค์มาบอกต่อ
ภิกษุที่นำคำสอนพระพุทธองค์มาบอกสอนก็มีทั่วบ้านทั่วเมือง ทั่วโลก น๊ะจ๊ะ
แสดงอย่างเปิดเผย มิได้กระทำการซุกซ่อนปิดบังแต่อย่างใด น๊ะจ๊ะ

:b16: :b16: :b16:

เจ้าของ:  ไม่เที่ยง เกิดดับ [ 14 ม.ค. 2012, 16:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

เกิดจาก "ความไม่เที่ยง" ของความจิต

เจ้าของ:  eragon_joe [ 14 ม.ค. 2012, 17:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ตอนช่วงท้าย ๆ ที่พระอาจารย์กล่าวถึง วิญญาณฐีติ

ประมาณ นาทีที่ 1.35

rolleyes rolleyes rolleyes

เจ้าของ:  eragon_joe [ 14 ม.ค. 2012, 17:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

หยิบพระสูตรที่พระอาจารย์กล่าวถึง มาให้อ่าน

Quote Tipitaka:
(ผู้ปัญญาวิมุตต์ อีกนัยหนึ่ง)

อานนท์! วิญ ญ าณ ฐิติ เจ็ด เหล่านี้ และ อายต น ะสอง มีอยู่.
วิญญาณฐิติเหล่าไหนเล่า ? วิญญาณฐิติเจ็ดคือ :-
๑. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาต่างกัน มีอยู่ ;
ได้แก่มนุษย์ทั้งหลาย, เทวดาบางพวก และวินิบาตบางพวก : นี้คือ วิญญาณ-
ฐิติ ประเภทที่หนึ่ง.
๒. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาอย่างเดียวกัน
มีอยู่; ได้แก่พวกเทพผู้นับเนื่องอยู่ในหมู่พรหมที่บังเกิดโดยปฐมภูมิ และสัตว์
ทั้งหลายในอบายทั้งสี่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สอง.
๓. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาต่างกัน
มีอยู่; ได้แก่พวกเทพอาภัสสระ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สาม.
๔. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย มีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญาอย่าง
เดียวกัน มีอยู่; ได้แก่ พวกเทพสุภกิณหะ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สี่.
๕. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญ ญ า
โดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ใส่ใจนานัตต-
สัญญา จึงเข้าถึง อากาสานัญจายตนะ มีการทำในใจว่า"อากาศไม่มีที่สุด" ดังนี้
มีอยู่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่ห้า.
๖. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญ-
จายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ มีการทำในใจว่า
"วิญญาณไม่มีที่สุด" ดังนี้ มีอยู่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่หก.
๗. อานนท์ ! สัตว์ทั้งหลาย, เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญ-
จายตนะโดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง อากิญจัญญายตนะ มีการทำในใจว่า
"อะไรๆไม่มี" ดังนี้ มีอยู่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่เจ็ด.

ส่วน อายตนะอีกสอง นั้น คือ อสัญญีสัตตายตนะ ที่หนึ่ง เนวสัญญา-
นาสัญญายตนะ ที่สอง.

อานนท์ ! ในบรรดาวิญญาณฐิติเจ็ด และอายตนะสอง (รวมเป็นเก้า)
นั้น : วิญญาณ ฐิติประเภทที่หนึ่ง อันใด มีอยู่, คือ สัตว์ทั้งหลาย มีกาย
ต่างกัน มีสัญญาต่างกัน ได้แก่มนุษย์ทั้งหลาย, เทวดาบางพวก และวินิบาต
บางพวก. อานนท์ ! ผู้ใดรู้ชัดวิญ ญ าณ ฐิติที่หนึ่งนั้น รู้ชัดการเกิด (สมุทัย)
แห่งสิ่งนั้น รู้ชัดความดับ (อัตถังคมะ) แห่งสิ่งนั้น รู้ชัดรสอร่อย (อัสสาทะ) แห่ง
สิ่งนั้น รู้ชัดโทษต่ำ ทราม (อาทีนวะ) แห่งสิ่งนั้น และรู้ชัดอุบายเป็นเครื่องออก
(นิสสรณ ะ) แห่งสิ่งนั้น ดังนี้แล้ว ควรหรือหนอที่ผู้นั้น จะเพลิดเพลินยิ่งซึ่ง
วิญญาณฐิติที่หนึ่ง นั้น? "ข้อนั้น เป็นไปไม่ได้ พระเจ้าข้า !"

(ในกรณีแห่ง วิญญาณฐิติที่สอง วิญญาณฐิติที่สาม วิญญานฐิติที่สี่ วิญญาณฐิติที่ห้า
วิญญาณฐิติที่หก วิญญาณฐิติที่เจ็ด และ อสัญญีสัตตายตนะที่หนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะอย่างดังที่
กล่าวแล้วข้างต้น ก็ได้มีการอธิบาย ตรัสถาม และทูลตอบ โดยข้อความทำนองเดียวกันกับใน
กรณีแห่งวิญญาณฐิติที่หนึ่งนั้น ทุกประการ ต่างกันแต่ชื่อแห่งสภาพธรรมนั้นๆเท่านั้น. ส่วนเนว
สัญญานาสัญญายตนะที่สองนั้น จะได้บรรยายด้วยข้อความเต็มอีกครั้งหนึ่ง ดังต่อไปนี้ :-)

อานนท์ ! ในบรรดาวิญญาณฐิติเจ็ด และอายตนะสอง (รวมเป็นเก้า)
นั้น : เนวสัญญานาสัญญายตนะ อันใด มีอยู่, อานนท์ ! ผู้ใดรู้ชัด
เนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น รู้ชัดการเกิดแห่งสิ่งนั้น รู้ชัดการดับแห่งสิ่งนั้น
รู้ชัดรสอร่อยแห่งสิ่งนั้น รู้ชัดโทษอันต่ำ ทรามแห่งสิ่งนั้น และรู้ชัดอุบายเป็น
เครื่องออกแห่งสิ่งนั้น ดังนี้แล้ว ควรหรือหนอ ที่ผู้นั้นจะเพลิดเพลินยิ่งซึ่ง
เนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ? "ข้อนั้น เป็นไปไม่ได้ พระเจ้าข้า !"

อานนท์ ! เมื่อใดแล ภิกษุรู้แจ้งชัดตามเป็นจริง ซึ่งการเกิด การ
ดับ รสอร่อย โทษอันต่ำทราม และอุบายเป็นเครื่องออก แห่งวิญญาณฐิติเจ็ด
เหล่านี้ และแห่งอายตนะสองเหล่านี้ด้วย แล้วเป็นผู้หลุดพ้นเพราะความไม่ยึดมั่น
;
อานนท์ ! ภิกษุนี้เรากล่าวว่า เป็นปัญญาวิมุตต์.

เจ้าของ:  ให้ทาง [ 14 ม.ค. 2012, 18:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
เกิดจาก "ความไม่เที่ยง" ของความจิต

กระทู้ไหนๆ มีแต่ "ความไม่เที่ยง" เลยยึดเอาความไม่เที่ยงเป็นคำตอบครอบจักรวาล
จึงไม่รู้จัก "ปัญญาและการปล่อยวาง" น่าสงสารคุณไม่เที่ยง :b34:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 15 ม.ค. 2012, 09:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ให้ทาง เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
เกิดจาก "ความไม่เที่ยง" ของความจิต

กระทู้ไหนๆ มีแต่ "ความไม่เที่ยง" เลยยึดเอาความไม่เที่ยงเป็นคำตอบครอบจักรวาล
จึงไม่รู้จัก "ปัญญาและการปล่อยวาง" น่าสงสารคุณไม่เที่ยง :b34:


:b8: ดีแล้วที่คุณไม่เทียงเกิดดับ สนใจในธรรม เป็นทางที่ผมก็คิดว่าถูกแล้ว และหวังว่าคุณ นำ"ความไม่เที่ยง" นี้มาพิจารณา จนอยู่ในจิตและสติดึงมาใช้งานได้ อยู่ตลอดเวลา แม้อยู่ในชีวิตประจำวัน จนนำท่านสู่ความปล่อยวางทางจิต ได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าการปล่อยวางไม่ใช้การนำสังขารอยู่นิ่งเฉยนะครับ

เจ้าของ:  ไม่เที่ยง เกิดดับ [ 15 ม.ค. 2012, 11:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ให้ทาง เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
เกิดจาก "ความไม่เที่ยง" ของความจิต

กระทู้ไหนๆ มีแต่ "ความไม่เที่ยง" เลยยึดเอาความไม่เที่ยงเป็นคำตอบครอบจักรวาล
จึงไม่รู้จัก "ปัญญาและการปล่อยวาง" น่าสงสารคุณไม่เที่ยง :b34:


้"ไม่เที่ยง" มาจาก "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" เป็นกฎไตรลักษณ์เป็นธรรมอันยิ่งใหม่ครอบจักรวาล ครอบธรรมชาติทั้งหมด ในจักรวาลนี้มีอะไรบ้างที่เที่ยง ท่านลองศึกษาธรรมะไปท่านจะรู้ว่าไม่ว่าขันธ์ 5 สิ่งกระทบรอบตัวท่านไม่ว่าทางใด ล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง มีเกิด มีดับ ตามเหตุและปัจจัยทั้งสิ้น
นี่แหละที่เรียกว่ามีดวงตาเห็นธรรม หรือธรรมชาติ แค่คำสั้นๆ ความหมายยิ่งใหญ่ครอบจักรวาล

เจ้าของ:  ไม่เที่ยง เกิดดับ [ 15 ม.ค. 2012, 15:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ฝึกจิต เขียน:
ให้ทาง เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
เกิดจาก "ความไม่เที่ยง" ของความจิต

กระทู้ไหนๆ มีแต่ "ความไม่เที่ยง" เลยยึดเอาความไม่เที่ยงเป็นคำตอบครอบจักรวาล
จึงไม่รู้จัก "ปัญญาและการปล่อยวาง" น่าสงสารคุณไม่เที่ยง :b34:


:b8: ดีแล้วที่คุณไม่เทียงเกิดดับ สนใจในธรรม เป็นทางที่ผมก็คิดว่าถูกแล้ว และหวังว่าคุณ นำ"ความไม่เที่ยง" นี้มาพิจารณา จนอยู่ในจิตและสติดึงมาใช้งานได้ อยู่ตลอดเวลา แม้อยู่ในชีวิตประจำวัน จนนำท่านสู่ความปล่อยวางทางจิต ได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าการปล่อยวางไม่ใช้การนำสังขารอยู่นิ่งเฉยนะครับ


ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาเข้าใจ

การปล่อยวาง , การปลง ,ไม่สนใจ, จิตนิ่งไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ก่อให้เกิดปัญญา นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ครับ

เจ้าของ:  eragon_joe [ 15 ม.ค. 2012, 15:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

:b6: :b6: :b6:

อิอิ

ถ้าเช่นนั้น มันก็เป็นเรื่องของท่านแล้วล่ะนะ


เพราะพระพุทธองค์ไม่ได้มีการกล่าวธรรมในลักษณะเช่นนี้

:b16: :b16: :b16:

:b12: :b12: :b12:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 15 ม.ค. 2012, 16:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:

ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาเข้าใจ

การปล่อยวาง , การปลง ,ไม่สนใจ, จิตนิ่งไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ก่อให้เกิดปัญญา นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ครับ


การปล่อยวาง ได้จากการใช้ปัญญาไตร่ตรองคำสอนของพระพุทธองค์ จนเข้าใจแท้เข้าสู่จิต ส่งให้จิตสามารถนำสติมาไม่ยึดมั่นถือมั่น และปล่อยวาง เหตุแห่งทุกข์ ต่างๆได้ นะครับ
ส่วนที่ว่า ไม่สนใจ และไม่ก่อให้เกิดปัญญา นั้น นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ มันไม่น่าจะใช่นะครับ
สติ สมาธิ ปัญญา ต้องวนรอบใช้งานตลอดเวลา นะครับ
ขอบคุณครับ

เจ้าของ:  ไม่เที่ยง เกิดดับ [ 15 ม.ค. 2012, 16:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ฝึกจิต เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:

ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาเข้าใจ

การปล่อยวาง , การปลง ,ไม่สนใจ, จิตนิ่งไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ก่อให้เกิดปัญญา นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ครับ


การปล่อยวาง ได้จากการใช้ปัญญาไตร่ตรองคำสอนของพระพุทธองค์ จนเข้าใจแท้เข้าสู่จิต ส่งให้จิตสามารถนำสติมาไม่ยึดมั่นถือมั่น และปล่อยวาง เหตุแห่งทุกข์ ต่างๆได้ นะครับ
ส่วนที่ว่า ไม่สนใจ และไม่ก่อให้เกิดปัญญา นั้น นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ มันไม่น่าจะใช่นะครับ
สติ สมาธิ ปัญญา ต้องวนรอบใช้งานตลอดเวลา นะครับ
ขอบคุณครับ


การไม่สนใจ ไม่สามารถดับความพอใจ ไม่พอใจได้ ถ้าใจเรายังคิดลึก

เหมือนมีคนด่าเรา เราไม่สนใจ หากด่ามากๆเข้า จะเป็นการสะสม เราอาจโกรธเขาได้ มันมีขีดจำกัดของมันอยู่นะครับ

เจ้าของ:  นายฏีกาน้อย [ 15 ม.ค. 2012, 17:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าไม่รู้สภาวะการเกิด การดับ จะรู้วิธีดับได้อย่างไ

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ยกตัวอย่าง
เราโดนไล่ออกจากงาน ทำให้เราก็ความทุกข์ เกิดความเครียด
ถ้าเราฝึกวิัปัสสนาภาวนาเห็นสรรพสิ่งไม่เที่ยง เราก็จะไม่ทุกข์เพราะเราเห็นความไม่เที่ยง เกิดดับ
การงานของเรา็ก็ไม่มั่นคง เดี๋ยวดี เดี่ยวไม่ดี เดี๋ยวเงินเดือนขึ้น เดี๋ยวเงินเดือนลด เดี๋ยวบริษัทเจริญ เดี๋ยวตกต่ำ ขาดทุน เดี๋ยวทำอย่างหนึ่ง ไม่ว่ามั่นคงขนาดไหนสุดท้ายต้องเกษียณ พิการทำงานไม่ได้บ้าง
บริษัทปิดกิจการบ้าง ไม่มีสิ่งไหนคงทนถาวร หรือไม่เสื่อม นี่แหละ ความไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น มีดับไป ตามเหตุและปัจจัย ไม่มีสิ่งไหนเกิดขึ้นลอยๆ หรือบังเอิญเกิดขึ้น นี่แหละการดับเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง

อันนี้คือปัญญา คือธรรมอันยิ่งใหญ่ นี่คือการดับทุกข์หรือครับ ???


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ให้ทาง เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
เกิดจาก "ความไม่เที่ยง" ของความจิต

กระทู้ไหนๆ มีแต่ "ความไม่เที่ยง" เลยยึดเอาความไม่เที่ยงเป็นคำตอบครอบจักรวาล
จึงไม่รู้จัก "ปัญญาและการปล่อยวาง" น่าสงสารคุณไม่เที่ยง :b34:


:b8: ดีแล้วที่คุณไม่เทียงเกิดดับ สนใจในธรรม เป็นทางที่ผมก็คิดว่าถูกแล้ว และหวังว่าคุณ นำ"ความไม่เที่ยง" นี้มาพิจารณา จนอยู่ในจิตและสติดึงมาใช้งานได้ อยู่ตลอดเวลา แม้อยู่ในชีวิตประจำวัน จนนำท่านสู่ความปล่อยวางทางจิต ได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าการปล่อยวางไม่ใช้การนำสังขารอยู่นิ่งเฉยนะครับ


ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาเข้าใจ

การปล่อยวาง , การปลง ,ไม่สนใจ, จิตนิ่งไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ก่อให้เกิดปัญญา นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ครับ

การปล่อยวาง , การปลง ,ไม่สนใจ, จิตนิ่งไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ก่อให้เกิดปัญญา นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ครับ???


eragon_joe เขียน:
ถ้าเช่นนั้น มันก็เป็นเรื่องของท่านแล้วล่ะนะ


เพราะพระพุทธองค์ไม่ได้มีการกล่าวธรรมในลักษณะเช่นนี้

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:

ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาเข้าใจ

การปล่อยวาง , การปลง ,ไม่สนใจ, จิตนิ่งไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ก่อให้เกิดปัญญา นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ครับ


การปล่อยวาง ได้จากการใช้ปัญญาไตร่ตรองคำสอนของพระพุทธองค์ จนเข้าใจแท้เข้าสู่จิต ส่งให้จิตสามารถนำสติมาไม่ยึดมั่นถือมั่น และปล่อยวาง เหตุแห่งทุกข์ ต่างๆได้ นะครับ
ส่วนที่ว่า ไม่สนใจ และไม่ก่อให้เกิดปัญญา นั้น นำมาดับเหตุแห่งทุกข์ได้ มันไม่น่าจะใช่นะครับ
สติ สมาธิ ปัญญา ต้องวนรอบใช้งานตลอดเวลา นะครับ
ขอบคุณครับ


การไม่สนใจ ไม่สามารถดับความพอใจ ไม่พอใจได้ ถ้าใจเรายังคิดลึก

เหมือนมีคนด่าเรา เราไม่สนใจ หากด่ามากๆเข้า จะเป็นการสะสม เราอาจโกรธเขาได้ มันมีขีดจำกัดของมันอยู่นะครับ

การไม่สนใจ ไม่สามารถดับความพอใจ ไม่พอใจได้ ถ้าใจเรายังคิดลึก

เหมือนมีคนด่าเรา เราไม่สนใจ หากด่ามากๆเข้า จะเป็นการสะสม เราอาจโกรธเขาได้ มันมีขีดจำกัดของมันอยู่นะครับ



ฟังธรรมหลวงปู่ชาครับ “สูตรของเว่ยหล่าง (หรือฮุยเหนิง)” ของพระสังฆปริณายก (นิกายเซ็น) องค์ที่หก http://mahamakuta.inet.co.th/practice/m ... l#mk722_10

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/