ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อย่านำธรรมไปทำการค้า http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40818 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | tonnk [ 19 ม.ค. 2012, 14:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | อย่านำธรรมไปทำการค้า |
บทว่า ธมฺเมน น วณีจเร ความว่า ไม่พึงกล่าวธรรมเพื่อต้องการทรัพย์. เพราะผู้แสดงแก่ชนเหล่าอื่นด้วยเหตุแห่งทรัพย์เป็นต้น ย่อมชื่อว่านำธรรมไปทำการค้า. อย่าเที่ยวเอาธรรมไปทำการค้าอย่างนั้น. http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=132 สมมุติว่าผมแต่งหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า ละทุกข์ก็สุขได้ วางขายตามร้านหนังสือต่างๆ เมื่อขายได้เงินมาแล้ว จึงนำไปเป็นของตนส่วนหนึ่ง บริจาคให้มูลนิธิส่วนหนึ่ง อย่างนี้ก็ถือว่านำธรรมมาค้าขายเพื่อแลกรูปิยะ เหมือนกับมหาสุบินของพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ฝันว่า หม่อมฉันได้เห็นคนทั้งหลายเอาแก่นจันทน์มีราคาตั้งแสนกษาปณ์ ขายแลกกับเปรียงเน่า ฉะนั้น แต่วิธีทำให้ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องสื่อธรรมะต่างๆก็มีอยู่ คือ ต้องทำแล้วแจกจ่ายออกไปโดยไม่คิดเงิน ตั้งแต่วรรคที่สองนี้ผมเป็นคนยกตัวอย่างตีความเอง ท่านใดต้องการวิจารณ์ก็ย่อมได้ ตามความเห็นของตน |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 19 ม.ค. 2012, 15:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อย่านำธรรมไปทำการค้า |
สวัสดีครับพี่ tonnk ![]() **ขอชมว่าพี่ตั้งคำถามได้น่าสนใจมากครับ ผมเองก็โดนคนรู้จักถามคำถามนี้บ่อยๆ และสิ่งทีผมตอบเค้าไปก็คือ มันขึ้นอยู่กับใจของผู้ทำกับเจตนาของผู้ทำ ถ้าใจบริสุทธิ์เจตนาบริสุทธิ์มันก็เป็นกุศลเต็มที่ มากน้อยมันก็ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของใจในขณะนั้น **แล้วคนรู้จักผมก็ถามต่อว่าแล้วมันผิดรึปล่าว ทำไมถ้าอยากได้บุญได้กุศลแล้วทำไมเอามาขายทำการค้า...ผมก็ตอบกลับไปว่า ก็คนที่ไปซื้ออยากโง่เองนี่...เพราะโง่ในธรรมไม่ฉลาดในธรรมแต่เมื่ออยากฉลาดขึ้นมามากกว่าเดิมก็ต้องลงทุนเอา ซื้อวิชาความรู้ทางธรรมจากผู้ที่เค้าฉลาดกว่ามีปัญญามากกว่าเรา แต่ถ้าอยากฉลาดขึ้นโดยไม่อยากเสียเงินเราก็ต้องขวนขวายหาเอาเอง ลำบากกว่าเพราะลงแต่แรงแต่ไม่ต้องเสียเงิน แลกเอา เพราะคนที่เค้าเขียนเค้าก็ศึกษาตะเกียกตะกายหาความรู้หาอาจารย์ อย่างยากลำบากมาก่อน บางคนเค้าไม่ลำบากเค้าก็แจกฟรี บางคนเค้าต้องเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวเค้าก็คิดค่าความรู้บ้าง..ถ้าจะถามคนผิดก็คนที่ซื้อนั่นแหละผิดเพราะไปซื้อเอง เค้าไม่ได้เอามายัดเยียดใส่มือแล้วเอาเงินเราที่ไหน... **จำได้ว่าเรื่องนี้คุยกับยาว 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว อันนี้เอาแบบย่อๆมาบอกกล่าวกันเฉยๆ ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 19 ม.ค. 2012, 22:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อย่านำธรรมไปทำการค้า |
tonnk เขียน: สมมุติว่าผมแต่งหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า ละทุกข์ก็สุขได้ วางขายตามร้านหนังสือต่างๆ เมื่อขายได้เงินมาแล้ว จึงนำไปเป็นของตนส่วนหนึ่ง บริจาคให้มูลนิธิส่วนหนึ่ง อย่างนี้ก็ถือว่านำธรรมมาค้าขายเพื่อแลกรูปิยะ เหมือนกับมหาสุบินของพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ฝันว่า หม่อมฉันได้เห็นคนทั้งหลายเอาแก่นจันทน์มีราคาตั้งแสนกษาปณ์ ขายแลกกับเปรียงเน่า ฉะนั้น เรื่องเอาแก่นจันไปแลกเปรียงเน่า..นี้...น่าจะเป็นการเอาธรรมะที่จำมา..มาเล่า/เทศน/พิมพ์..ให้คนอื่นฟังเจตนาให้ได้เงินทองมาเลี้ยงตน...แต่ไม่ได้คิดจะทำตามธรรมะของพระพุทธองค์ แต่ในกรณีนี้...นำเข้าตนส่วนหนึ่ง...บริจาคส่วนหนึ่ง...ยังมีความต่างกันกับแลกเปรียงเน่าอยู่ ส่วนหนึ่งนำเข้าตน....ก็ต้องถามว่า...ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่าย...ถ้าผมมีเงินเก็บ...แสนหนึ่ง...แต่อยากบอกธรรมะที่ดี ๆ ....แต่ไม่ได้คิดอยากบริจาคเงินเก็บของตน...เอาเงินเก็บไปทำหนังสือ...แล้วก็ให้คนที่ต้องการอ่านธรรมะเป็นผู้จ่ายเงินค่าทำหนังสือคืน...อย่างนี้...ก็ไม่น่าจะเข้าข่ายนะ.... บริจาคส่วนหนึ่ง........อันนี้ก็ถือว่าดีอยู่ อ้างคำพูด: วิธีทำให้ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องสื่อธรรมะต่างๆก็มีอยู่ คือ ต้องทำแล้วแจกจ่ายออกไปโดยไม่คิดเงิน ขอเสริมนิดหนึ่งว่า...กรณีอยากให้แต่ธรรมะเป็นทาน..แต่ไม่ได้คิดว่าจะบริจาคเงินทองของตน...น่าจะมีวิธีให้ผู้สนใจบริจาคค่าหนังสือตามกำลัง...พอใจจ่าย 20 ก็จ่าย 20...บางคนอาจพอใจจ่าย 100...บางท่านอาจจะอยากช่วยทำบุญด้วยบริจาคสัก 10,000...เป็นต้น...วัดดวงไปเลยว่าจะขาดทุน...หรือเท่าทุน...หากกำไร..ก็เอาไปทำบุญเพิ่มซะเลย อธิฐานให้พระช่วยก่อนทำ...คิดว่าไม่ขาดทุน...แน่ ![]() แต่ด้วยวิธีการอาจจะยุ่งยาก...เลยกำหนดราคาหนังสือเท่าทุน...อันนี้ก็แล้วแต่เจตนา ดังนั้น...หากหนังสือมีราคา...ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นการค้าทุกกรณีไป |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 20 ม.ค. 2012, 01:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อย่านำธรรมไปทำการค้า |
เป็นสัมมาอาชีโวหรือเปล่าหนอ? ![]() จัดอยู่ในประเภทเดียวกับอาชีพขายสังฆภัณฑ์ได้ไหมหนอ? ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 21 ม.ค. 2012, 23:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อย่านำธรรมไปทำการค้า |
คิดว่า...การขายธรรมะหาเลี้ยงชีพ...น่าจะ เป็นสัมมาอาชีพ...ที่มีเงื่อนไข เงื่อนไขคือ...ต้องจ่ายคืนเจ้าของ... เหมือนพระบิณฑบาต...เลี้ยงชีพ ต้องจ่ายคืนด้วยการ...เข้าให้ถึงธรรม...หากเข้ายังไม่ถึงธรรม...ขึ้นชื่อว่าบริโภคด้วยความเป็นหนี้ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 22 ม.ค. 2012, 03:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อย่านำธรรมไปทำการค้า |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 22 ม.ค. 2012, 04:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อย่านำธรรมไปทำการค้า |
tonnk เขียน: แต่วิธีทำให้ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องสื่อธรรมะต่างๆก็มีอยู่ คือ ต้องทำแล้วแจกจ่ายออกไปโดยไม่คิดเงิน ตั้งแต่วรรคที่สองนี้ผมเป็นคนยกตัวอย่างตีความเอง ท่านใดต้องการวิจารณ์ก็ย่อมได้ ตามความเห็นของตน ถ้าเราจะตีความเรี่อง เอาธรรมไปทำการค้า มันต้องดูที่สถานะตัวบุคคล และที่สำคัญต้องอยู่ในหลักของ สัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ พวกเรายังมีความเข้าใจผิดอยู่มากในเรื่องของ สัมมาอาชีวะ เราหลงเข้าใจไปว่า สัมมาอาชีวะคือการประกอบอาชีพ แท้จริงแล้วการประกอบอาชีพ มันเป็นเรื่องของสัมมากัมมันตะ การประกอบอาชีพที่สุจริต เขาเรียกว่า มีความประพฤติดี ถ้าเป็นแง่ของสัมมาอาชีวะ ก็ต้องเป็นเรื่องของรายได้รายจ่าย หาเงินมาแบบพอประมาณ ใช้จ่ายโดยคำนึงถึงรายรับ กินอยู่อย่างสมถะ เข้าประเด็น เอาเฉพาะฆราวาสนะครับ ถ้าฆราวาสมีอาชีพแต่งหนังสือธรรมขาย ถ้าดูในแง่ของสัมมากัมมันตะ บุคคลนั้นย่อมไม่ผิด เพราะเขาแต่งหนังสือธรรมะ ไม่ใช่หนังสือต้องห้ามผิดกฎหมาย ถ้าเป็นเรื่องของสัมมาอาชีวะ มันก็ต้องไปดูที่ราคาของหนังสือว่า พอเหมาะแก่การดำรงชีวิตของผู้ที่แต่งหนังสือหรือไม่ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ธรรมสองอย่างนี้มันเกี่ยวข้องกันอยู่ ต้องทำให้ถูกทั้งสองอย่าง ถ้าอย่างหนึ่งผิด อีกอย่างก็ผิดตามไปด้วย ส่วนพระสงฆ์ ทำได้อย่างเดียวก็คือให้ธรรมะเป็นทาน ถ้าไปเทศน์ที่ไหนแล้วรับปัจจัยมันก็ผิด ถึงแม้จะอ้างว่าเอาเงินไปบำรุงวัดก็ตาม เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ เรื่องการบำรุงวัด การปฏิสังขรณ์เป็นหน้าที่ของฆราวาส อุบาสก อุบาสิกกา โดยมีมรรคทายกเป็นผู้จัดการใหญ่ ถ้าพระสงฆ์ลงไปยุ่งมันผิดทั้งทางโลกและทางธรรม ทางธรรมคือผิดพระวินัย ทางโลกก็คือ โลกวัชชะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |