วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 10:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 04:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


แล้วอะไรไปนิพพาน

นิพพาน ไม่มีการมา ไม่มีการไป

น่าจะไม่มีอะไรไปนิพพานนะครับ

ก็แค่ขันธ์5 หมดกิเลส เท่านั้นเอง .................. ก็ถึงนิพพาน ไม่ต้องไป ไม่ต้องมา ถึงเลย

สิ่งที่ประกอบ กับจิต ตลอดเวลา ก็คือ เหล่าเจตสิก ทั้งหลาย

กิเลส ก็เป็นเจตสิก พวกหนึ่ง ในบรรดาเจตสิกทั้งหลาย

ถ้ากิเลสหมดไป เจตสิกที่เหลือ ก็คงอยู่แต่เฉพาะ เจตสิกที่ดีงาม และเจตสิกที่กลางๆ

โลภะ โทสะ โมหะ ...............................จัดเป็นหัวหน้ากิเลส

ถ้าโทสะ ไม่มี ............................ โทมนัสเวทนา ก็เกิดขึ้นไม่ได้.........กลายเป็นคนไม่ทุกข์




ภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้ ๒ ประการเป็นไฉน คือ สอุปาทิเสสนิพพาน
ธาตุ ๑ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำ
กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มี
สังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวย
อารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕
เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่ง
โมหะ
ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของ
ตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ
เวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้แหละของภิกษุนั้น เป็นธรรมชาติอันกิเลสทั้งหลายมี
ตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินมิได้แล้ว จัก (ดับ) เย็น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการ
นี้แล ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... E%BE%D2%B9


อสังขตธาตุ เป็นไฉน
ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อสังขตธาตุ
สภาวธรรมนี้เรียกว่า ธัมมายตนะ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%D2%B5%D8


[๙๐๗] สังขตธรรม เป็นไฉน?
กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า สังขตธรรม.
อสังขตธรรม เป็นไฉน?
นิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า อสังขตธรรม.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%C3%C3%C1

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 07:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
แล้วอะไรไปนิพพาน

นิพพาน ไม่มีการมา ไม่มีการไป

น่าจะไม่มีอะไรไปนิพพานนะครับ

ก็แค่ขันธ์5 หมดกิเลส เท่านั้นเอง .................. ก็ถึงนิพพาน ไม่ต้องไป ไม่ต้องมา ถึงเลย

สิ่งที่ประกอบ กับจิต ตลอดเวลา ก็คือ เหล่าเจตสิก ทั้งหลาย

กิเลส ก็เป็นเจตสิก พวกหนึ่ง ในบรรดาเจตสิกทั้งหลาย

ถ้ากิเลสหมดไป เจตสิกที่เหลือ ก็คงอยู่แต่เฉพาะ เจตสิกที่ดีงาม และเจตสิกที่กลางๆ

โลภะ โทสะ โมหะ ...............................จัดเป็นหัวหน้ากิเลส

ถ้าโทสะ ไม่มี ............................ โทมนัสเวทนา ก็เกิดขึ้นไม่ได้.........กลายเป็นคนไม่ทุกข์

ภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้ ๒ ประการเป็นไฉน คือ สอุปาทิเสสนิพพาน
ธาตุ ๑ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำ
กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มี
สังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวย
อารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕
เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่ง
โมหะ
ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของ
ตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ
เวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้แหละของภิกษุนั้น เป็นธรรมชาติอันกิเลสทั้งหลายมี
ตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินมิได้แล้ว จัก (ดับ) เย็น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการ
นี้แล ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... E%BE%D2%B9


อสังขตธาตุ เป็นไฉน
ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อสังขตธาตุ
สภาวธรรมนี้เรียกว่า ธัมมายตนะ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%D2%B5%D8


[๙๐๗] สังขตธรรม เป็นไฉน?
กุศลในภูมิ ๔ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ กิริยาอัพยากฤตในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า สังขตธรรม.
อสังขตธรรม เป็นไฉน?
นิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า อสังขตธรรม.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%C3%C3%C1



คงต้องเรียนเชิญท่านโกวิท เข้า กระทู้ ธรรม 3 สาย แล้วละครับ มันต่อเนื่อง กับที่ท่านตอบครับ
ขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 11:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ผมเจอคำตอบจนได้ cry จากคำตอบของทุกท่านรวมกันสรุปคือ เราคือ ไอ้ว่าง ( ) นี้เอง ไม่ใช่ไอ้ปลง ไอ้ปืด ที่ไหน แต่เป็นไอ้ว่าง ฮาๆๆๆๆๆๆๆ
ล้อเล่นคลายเครียด นะครับ ทุกท่าน
สวัสดี ราตรีสวัสดิ์


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


มันก้หมกเม้ดปกปิดพระสูตร กันไป เพราะสโลแกนบ่งบอกว่าศรัทธาพระไตรปิฏก แต่พฤติกรรมอนุสัยหาเป้นเช่นนั้นไม่
อสังขตสถานมีอยู่แต่ไม่ลอกมาเพราะไม่เข้ากับคติตน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 14:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยด้วยๆๆ......หาพวกมาหน่อย ข้าไม่เอาตัวตนข้าชอบอนัตตาตกขอบ กิเลสข้ามีมากนักสมาธิจิตไม่รวมตัวแต่ข้า อยากบรรลุ ข้าไม่อยากมีตัวตนอีกแล้ว ข้าสลัดขันธ์ห้าไม่ออก ช่วยด้วยๆๆๆๆๆขอแนวร่วมประโลมโลกให้ข้าไปวันๆ เถิด.....ๆลๆ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 14:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 23:55
โพสต์: 55

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านแนะนำหน่อยครับ
ที่ว่า จิตก็ไม่ใช่เรา คือยังไง งง (จิตก็เป็นอนัตตา พอจะเข้าใจ) แล้วเราเป็นอะไร หรือถ้าใครบอกว่า เราเป็นสภาวธรรม ช่วยอธิบายต่อด้วยนะครับ
และอีก1คำถาม แล้วจิต เกิดจากอะไรครับ หลวงปูดุลย์บอกว่าเกิดจาก รูป และนาม แต่ผมไม่เข้าใจ

ขอบพระคุณครับ


จิต ไม่ใช่ เรา แปลได้ 2 ความหมาย

1. จิต ไม่ใช่ ขันธ์ 5 (ของเรา)

2. จิต ไม่ใช่ จิต (ของเรา)

ถ้ายึดมั่นว่า "จิตไม่ใช่(จิต)เรา" ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปฏิบัติธรรม

ถ้ายึดมั่นใน "จิตไม่ใช่(จิต)เรา" การเจริญสติ ก็ไม่มีความหมายอันใด

จิต ที่เข้าสู่ อนิจลักษณะ ทุกขลักษณะ อนัตตลักษณะ ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีจิต

ถึงจิตเป็นอนัตตา ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีจิต


แก้ไขล่าสุดโดย อรูปะ เมื่อ 01 ก.พ. 2012, 14:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=1&t=40107


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผิดกระทู้อ่ะ :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


แก้ไขล่าสุดโดย วิริยะ เมื่อ 29 ม.ค. 2012, 16:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 15:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ผมเจอคำตอบจนได้ cry จากคำตอบของทุกท่านรวมกันสรุปคือ เราคือ ไอ้ว่าง ( ) นี้เอง ไม่ใช่ไอ้ปลง ไอ้ปืด ที่ไหน แต่เป็นไอ้ว่าง ฮาๆๆๆๆๆๆๆ
ล้อเล่นคลายเครียด นะครับ ทุกท่าน
สวัสดี ราตรีสวัสดิ์


เราคิดตาม.. s004

ว่างมีหลายแบบนา...

ว่างแบบไหนเหรอ..

(เราคิดเองน่ะ)

- ว่างแบบว่า..บังคับ สั่งมัน ให้มันว่าง
- ว่างแบบว่า..มันว่างเองแบบไม่ได้บังคับไม่ได้สั่งให้มันว่าง...แต่มันว่างตามสภาวะของมันเอง
- ว่างแบบว่า..ทนไม่ได้ สั่งให้มันลืม มันเลยว่าง
- ว่างแบบว่า..ลอยเรื่อยเปื่อย..ลอยเท้งเต้งไปเรื่อยๆ มันก็ว่าง เหมือนกัน

s006 s006 ...........เราคิดของเราเรื่อยเปื่อยน่ะ.......โทษที smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 15:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาวโลก เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ผมเจอคำตอบจนได้ cry จากคำตอบของทุกท่านรวมกันสรุปคือ เราคือ ไอ้ว่าง ( ) นี้เอง ไม่ใช่ไอ้ปลง ไอ้ปืด ที่ไหน แต่เป็นไอ้ว่าง ฮาๆๆๆๆๆๆๆ
ล้อเล่นคลายเครียด นะครับ ทุกท่าน
สวัสดี ราตรีสวัสดิ์


เราคิดตาม.. s004

ว่างมีหลายแบบนา...

ว่างแบบไหนเหรอ..

(เราคิดเองน่ะ)

- ว่างแบบว่า..บังคับ สั่งมัน ให้มันว่าง
- ว่างแบบว่า..มันว่างเองแบบไม่ได้บังคับไม่ได้สั่งให้มันว่าง...แต่มันว่างตามสภาวะของมันเอง
- ว่างแบบว่า..ทนไม่ได้ สั่งให้มันลืม มันเลยว่าง
- ว่างแบบว่า..ลอยเรื่อยเปื่อย..ลอยเท้งเต้งไปเรื่อยๆ มันก็ว่าง เหมือนกัน

s006 s006 ...........เราคิดของเราเรื่อยเปื่อยน่ะ.......โทษที smiley smiley


แล้วที่ว่า "มัน" นั้นคืออะไร ถ้ายังมี มัน ก็แสดงว่ายังไม่ว่าง นะซิ ใช่มั้นเนี้ย เอ๋ งง อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว




ไหว้พระ.jpg
ไหว้พระ.jpg [ 2.72 KiB | เปิดดู 3662 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2012, 15:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ชาวโลก เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ผมเจอคำตอบจนได้ cry จากคำตอบของทุกท่านรวมกันสรุปคือ เราคือ ไอ้ว่าง ( ) นี้เอง ไม่ใช่ไอ้ปลง ไอ้ปืด ที่ไหน แต่เป็นไอ้ว่าง ฮาๆๆๆๆๆๆๆ
ล้อเล่นคลายเครียด นะครับ ทุกท่าน
สวัสดี ราตรีสวัสดิ์


เราคิดตาม.. s004

ว่างมีหลายแบบนา...

ว่างแบบไหนเหรอ..

(เราคิดเองน่ะ)

- ว่างแบบว่า..บังคับ สั่งมัน ให้มันว่าง
- ว่างแบบว่า..มันว่างเองแบบไม่ได้บังคับไม่ได้สั่งให้มันว่าง...แต่มันว่างตามสภาวะของมันเอง
- ว่างแบบว่า..ทนไม่ได้ สั่งให้มันลืม มันเลยว่าง
- ว่างแบบว่า..ลอยเรื่อยเปื่อย..ลอยเท้งเต้งไปเรื่อยๆ มันก็ว่าง เหมือนกัน

s006 s006 ...........เราคิดของเราเรื่อยเปื่อยน่ะ.......โทษที smiley smiley


แล้วที่ว่า "มัน" นั้นคืออะไร ถ้ายังมี มัน ก็แสดงว่ายังไม่ว่าง นะซิ ใช่มั้นเนี้ย เอ๋ งง อิอิ



อยู่ๆจะว่างเองได้ยังไง.. s006 s006 ไม่มีอะไรว่างเอง โดยไม่วาง.. s006

คิดเองคนเดียวตามประสาน่ะ

เมื่อมีสิ่งมากระทบ มันก็ต้องรู้สึกใช่ป่าว (เราใช้ศัพท์ธรรมไม่เป็น) รู้สึกและเสพมัน เสพไปเรื่อยๆๆ...แล้วอยู่ๆก็ ว่างได้เหรอ แบบหายกลางอากาศเหรอ เพราะอารมณ์ที่มีสิ่งมากระทบเราเสพมันอยู่..แล้วหายไปกลางอากาศ..เรางงจัง s006

ถ้าเป็นเรา เราทำแบบที่ว่าไม่ได้หรอก

เอาจากเรื่องจิ๊บๆที่เกิดกับเรา ..เมื่อเราโดนกระทบ เราเสพมัน เสพสภาวะอารมณ์ของมัน เสพไปเรื่อยๆ ถ้ามันไม่วางเรื่องที่มากระทบออกจากใจได้..เราจะไม่ว่างในเรื่องที่เราเสพได้เลย..เราเป็นอย่างนี้

สงสัย เราคิดเล็กคิดน้อยไปน่ะ ว่า..ถ้าไม่วาง จะว่างได้ยังไง..และว่าง ว่างอะไร เพราะว่างน่ะีหลายแบบน่ะ s006 s006

เรา งง หนักกว่าเดิม cry cry


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2012, 14:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านแนะนำหน่อยครับ
ที่ว่า จิตก็ไม่ใช่เรา คือยังไง งง (จิตก็เป็นอนัตตา พอจะเข้าใจ) แล้วเราเป็นอะไร หรือถ้าใครบอกว่า เราเป็นสภาวธรรม ช่วยอธิบายต่อด้วยนะครับ
และอีก1คำถาม แล้วจิต เกิดจากอะไรครับ หลวงปูดุลย์บอกว่าเกิดจาก รูป และนาม แต่ผมไม่เข้าใจ

ขอบพระคุณครับ

คำว่า จิต นี้ ครูบาอาจารย์หลายๆท่าน ต่างก็ได้แสดงไว้ตามที่ท่านได้รู้ได้เห็นมาด้วยปริยัติบ้าง ด้วยวิปัสสนาบ้าง แต่โดยทั่วไปความหมายของจิต ก็หมายถึงตัวรู้ เพราะถ้าไม่มีการรู้ก็ไม่ต่างอะไรกับวัตถุทั่วไป จิตนั้นท่านได้แบ่งแยกมีประเภทต่างๆ คือ จิตเดิม จิตรู้ จิตผสม ในบรรดาจิตสามอย่างนี้ จิตเดิม หมายถึง จิตเดิมก่อนเกิดเป็นมนุษย์มีตัวตน ก่อนเกิดโลกจักรวาล คือมีลักษณะเป็นวิญญาณธาตุ มีแสงสว่างในตัว มีอาหารคือปีติธรรม แม้ในภาวะความเป็นมนุษย์ เมื่อเจริญวิปัสสนาตามลำดับด้วยมรรคมีองค์แปดแล้ว พอถึงขั้นฐิติจิต ก็เป็นเช่นเดียวกับจิตเดิม... จิตรู้ หมายถึง จิตที่ประกอบด้วยขันธุ์ห้าเพราะมีอวิชชาเป็นเหตุ แต่จิตลักษณะนี้มีสติปัญญา คือมีความรู้ตื่น รู้ทันกับธรรมารมณ์เช่นนี้...จิตผสม หมายถึง จิตที่ประกอบด้วยขันธุ์ห้าเพราะมีอวิชชาเป็นเหตุ แต่จิตลักษณะนี้ขาดสติปัญญาจึงไม่รู้ถึงความจริงของจิต มีความยึดถือว่า เป็นของเรา รวมความว่า จิตนี้ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เพราะบังคับบัญชาไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2012, 15:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


world2/2554 เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
ขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านแนะนำหน่อยครับ
ที่ว่า จิตก็ไม่ใช่เรา คือยังไง งง (จิตก็เป็นอนัตตา พอจะเข้าใจ) แล้วเราเป็นอะไร หรือถ้าใครบอกว่า เราเป็นสภาวธรรม ช่วยอธิบายต่อด้วยนะครับ
และอีก1คำถาม แล้วจิต เกิดจากอะไรครับ หลวงปูดุลย์บอกว่าเกิดจาก รูป และนาม แต่ผมไม่เข้าใจ

ขอบพระคุณครับ

คำว่า จิต นี้ ครูบาอาจารย์หลายๆท่าน ต่างก็ได้แสดงไว้ตามที่ท่านได้รู้ได้เห็นมาด้วยปริยัติบ้าง ด้วยวิปัสสนาบ้าง แต่โดยทั่วไปความหมายของจิต ก็หมายถึงตัวรู้ เพราะถ้าไม่มีการรู้ก็ไม่ต่างอะไรกับวัตถุทั่วไป จิตนั้นท่านได้แบ่งแยกมีประเภทต่างๆ คือ จิตเดิม จิตรู้ จิตผสม ในบรรดาจิตสามอย่างนี้ จิตเดิม หมายถึง จิตเดิมก่อนเกิดเป็นมนุษย์มีตัวตน ก่อนเกิดโลกจักรวาล คือมีลักษณะเป็นวิญญาณธาตุ มีแสงสว่างในตัว มีอาหารคือปีติธรรม แม้ในภาวะความเป็นมนุษย์ เมื่อเจริญวิปัสสนาตามลำดับด้วยมรรคมีองค์แปดแล้ว พอถึงขั้นฐิติจิต ก็เป็นเช่นเดียวกับจิตเดิม... จิตรู้ หมายถึง จิตที่ประกอบด้วยขันธุ์ห้าเพราะมีอวิชชาเป็นเหตุ แต่จิตลักษณะนี้มีสติปัญญา คือมีความรู้ตื่น รู้ทันกับธรรมารมณ์เช่นนี้...จิตผสม หมายถึง จิตที่ประกอบด้วยขันธุ์ห้าเพราะมีอวิชชาเป็นเหตุ แต่จิตลักษณะนี้ขาดสติปัญญาจึงไม่รู้ถึงความจริงของจิต มีความยึดถือว่า เป็นของเรา รวมความว่า จิตนี้ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เพราะบังคับบัญชาไม่ได้


ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2012, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ขอความกรุณาผู้รู้ทุกท่านแนะนำหน่อยครับ
ที่ว่า จิตก็ไม่ใช่เรา คือยังไง งง (จิตก็เป็นอนัตตา พอจะเข้าใจ) แล้วเราเป็นอะไร หรือถ้าใครบอกว่า เราเป็นสภาวธรรม ช่วยอธิบายต่อด้วยนะครับ
และอีก1คำถาม แล้วจิต เกิดจากอะไรครับ หลวงปูดุลย์บอกว่าเกิดจาก รูป และนาม แต่ผมไม่เข้าใจ
ขอบพระคุณครับ


สวัสดี "ฝีกจิต"

ธาตุ ที่มีอย่างหนึ่ง เป็นธรรมชาติ ที่ รู้ ....มีสมมติบัญญัติเรียกกันว่า มโนวิญญาณธาตุ หรือ สมัยนี้เรียกกันว่า "จิต"

ธรรมชาติที่รู้ นั้นจะปรากฏ เมื่อมีวัตถุ หรือสิ่งที่รู้ ...ก็มีสมมติบัญญัติเรียกว่า อารมณ์

จึงมีการสอนกันให้เข้าใจว่า "จิต เป็นธรรมชาติรู้อารมณ์"

ธรรมชาติ ที่รู้ นี้มีอาการรู้ มากมาย เรียกง่ายๆ เป็น เวทนา สัญญา สังขาร

....."เรา" เกิดขึ้นได้อย่างไร...
เพราะธรรมชาติที่รู้นี้ ไปรู้ปรุง และเกิดความยึดเอา ถือเอาอารมณ์ขึ้นมา ภวะ หรือภพจึงเกิดขึ้นเป็นความมีเรา เป็นเรา และ(อารมณ์)ของเรา ขึ้นมา
ดังนั้น จิต กับ "เรา" จึงไม่เหมือนกัน และเราเรียกอาการของจิตที่รู้ปรุงแบบนี้ว่ามีอวิชชาเป็นปัจจัย

อารมณ์ ของจิต จึงเป็นได้ ทั้งรูป และหรือ ทั้งนาม....

หวังว่าคงเข้าใจ

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 133 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร