ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
เรื่องราว http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41185 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 18 ก.พ. 2012, 04:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | เรื่องราว |
บางท่านอาจสงสัยว่า ขณะที่จิตอยู่ในสมาธิหลายชั่วโมงใน ท่านั่งอย่างเดียวมิได้มีการเปลี่ยนแปลงเลย เวลาจิตถอนขึ้นมาแล้ว ร่างกายจะไม่เจ็บปวดชอกช้ำไปละหรือ? จึงขอเรียนตามความเป็น ของจิตและขันธ์ว่า เมื่อจิตเข้าพักและสงบตัวอยู่อย่างเต็มภูมิ เช่นนั้น จิตและกายไม่ได้รับความกระเทือนจากสิ่งใดเลย ความสนิทของจิตของธาตุที่เป็นอยู่เวลานั้น เข้าใจว่าละเอียด ยิ่งกว่าขณะคนนอนหลับสนิท ทั้งนี้เพราะบางครั้งขณะหลับไป นาน ๆ ตื่นขึ้นมายังรู้สึกเจ็บปวดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งอยู่บ้าง ที่ถูกนอนทับ แต่ขณะที่จิตถอนขึ้นมาจากสมาธิประเภทนี้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดอวัยวะส่วนใด ๆ เลย ทุกส่วนปกติตามเดิม ฉะนั้นจึงทำให้เชื่อมั่นในท่านที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่หลาย ๆ วัน ว่าเป็นความจริง ทั้งการเข้าอยู่ได้นาน ทั้งสุขภาพทางร่างกาย ว่าเป็นปกติเช่นเดิม ไม่มีอะไรบอบช้ำเพราะสมาธิสมาบัติเป็น เครื่องบั่นทอนหรือทำลายเลย การสนทนาธรรมระหว่างพระธุดงค์ด้วยกัน โดยมากท่าน สนทนาเรื่องผลของการปฏิบัติตามชั้นภูมิที่ตนรู้เห็นมา และสถานที่ บำเพ็ญในที่ต่าง ๆ อันเป็นการถ่ายทอดความรู้ความเห็นทางใจ แก่กันและกันจริง ๆ ซึ่งเป็นเครื่องระลึกไปนาน การสนทนามิได้มี เรื่องโลกสงสาร กิจการบ้านเมือง เรื่องได้เรื่องเสีย เรื่องรักเรื่องชัง เรื่องโกรธเรื่องเกลียด เรื่องอิจฉาบังเบียดเหยียดหยามเข้าแฝงเลย มีแต่เรื่องธรรมปฏิบัติล้วน ๆ เท่านั้น จะสนทนากันเป็นเวลา ช้านานเพียงไรตามความจำเป็น ก็เป็นเครื่องพยุงจิตใจผู้ฟังให้ดื่มด่ำ ซาบซึ้งในธรรมมากเพียงนั้น รู้สึกเป็นอุดมคติซึ่งน่าจะจัดเข้าใน ธรรมบทว่า กาเลน ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ได้เพราะการสนทนาในระหว่างแห่งท่านนักปฏิบัติด้วยกัน ท่านมุ่งต่อความรู้จริงเห็นจริงต่อกันจริง ๆ มิได้มุ่งเพื่ออวดชั้น อวดภูมิ อวดรู้อวดฉลาดแม้น้อยเพียงไรเลย จิตคอยรับความจริง ด้วยความสนใจจากกันอยู่ทุกขณะที่แต่ละฝ่ายระบายออกมา ถ้า ฝ่ายใดยังมีบกพร่องในจุดใด ก็ยอมรับคำชี้แจงจากอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ภูมิธรรมสูงกว่า ด้วยความเคารพเต็มใจจริง ๆ การสนทนาก็คือ การสอบถามความรู้ความเห็นความเป็นไปของจิตที่เกี่ยวกับสมาธิ สมาบัติมรรคผลนิพพานของกันและกันนั่นเอง เมื่อต่างฝ่ายต่าง สนิทเชื่อถือคุณสมบัติปฏิปทาของกันและกันอย่างไม่มีเคลือบแคลง สงสัยแล้ว ย่อมสนทนากันได้ด้วยความสนิทใจและเปิดเผยต่อกัน ในบรรดาธรรมที่มีอยู่ภายใน ไม่มีปิดบังลี้ลับไว้เลย ตอนนี้แลที่นักปฏิบัติมีโอกาสได้รู้ภูมิธรรมของกันและกัน ได้อย่างชัดเจนว่า ท่านผู้นั้นมีภูมิจิตภูมิธรรมอยู่ในขั้นนั้น ท่านผู้นั้น มีจิตละเอียด ท่านผู้นั้นมีปัญญาสูง ท่านผู้นั้นจวนผ่านภพชาติ อยู่แล้ว และท่านผู้นั้นได้ผ่านภพชาติไปแล้วอย่างสบายหายห่วง ส่วนท่านผู้นี้กำลังขี้เกียจอ่อนแอ ภาวนามีแต่สัปหงก นั่งสมาธิมีแต่ หลับใน นั่งอยู่ที่ไหนหลับในที่นั้น ท่านผู้นี้มีเอตทัคคะในทางหลับใน ในวงพระธุดงค์จึงไม่ควรเข้าใจว่าพระธุดงค์จะดีไปเสียทุกองค์ แม้ ผู้เขียนก็ตัวเก่ง เคยหลับในมาแล้วอย่างช่ำชอง แต่ไม่อยากอวดตัว ท่านผู้นี้จิตกำลังเริ่มสงบ ท่านผู้นี้จิตกำลังเริ่มเป็นสมาธิ ท่านผู้นี้ มีความรู้แปลก ๆ เกี่ยวกับสิ่งภายนอก มีเปรตผีเทวดาเป็นต้น ท่านผู้นี้ชอบภาวนาทางนั่ง ท่านผู้นี้ชอบภาวนาทางนอน ท่านผู้นี้ ชอบทรมานทางยืนมากกว่าอิริยาบถอื่น ๆท่านผู้นี้ชอบทรมานตนทางอดนอน ท่านผู้นี้ชอบทรมานตน ทางผ่อนอาหาร ท่านผู้นี้ชอบทรมานตนทางอดอาหาร ท่านผู้นี้ ชอบทรมานตนด้วยการเข้าป่าหาเสือหาหมีเพื่อเป็นอุบายช่วย ความกลัวให้หายด้วยการพิจารณา โดยยึดเอาเสือหมีเป็นเหตุ ท่าน ผู้นี้ชอบทรมานด้วยการเดินเที่ยวหาเสือบนภูเขาในเวลาค่ำคืน ท่าน ผู้นี้ชอบต้อนรับแขกลึกลับคือพวกกายทิพย์ แต่ท่านผู้นี้ชอบกลัว แต่ผีแต่เปรตเหมือนพ่อแม่พาเกิดในบ้านผีบ้านเปรตและเอาซากผี มาหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมาบวชจึงชอบกลัวแต่เปรต ประจำนิสัย ท่านผู้นี้มีนิสัยเชื่อง่าย ใครพูดอะไรเชื่อเอา ๆ ไม่ชอบ ใคร่ครวญก่อนแล้วค่อยเชื่ออย่างมีเหตุผล ท่านผู้นี้มีทิฐิมากไม่ค่อย ลงใครง่าย ๆ ท่านผู้นี้มีนิสัยฉลาดชอบใคร่ครวญไตร่ตรองด้วยดี ก่อนทุกกรณี ไม่เชื่อแบบสุ่มเดา เวลาอาจารย์อบรมสั่งสอนจบลงก็ มักมีข้อข้องใจเรียนถามปัญหาต่าง ๆ และโต้ตอบกันเพื่อเหตุเพื่อผล ทำให้ผู้อื่นได้รับความรู้ความฉลาดเพิ่มเติมหลายแง่หลายทาง และ เป็นอุบายช่วยเสริมสติปัญญาแก่วงปฏิบัติได้ดี เป็นผู้ประดับหมู่คณะ ให้สง่างามในวงปฏิบัติ เป็นที่เบาใจครูอาจารย์ผู้ให้การอบรมสั่งสอน ไปอยู่ที่ใด อยู่กับท่านผู้ใด ก็เป็นที่เบาใจท่านผู้นั้น ไปอยู่โดยลำพัง ก็พยายามรักษาตัวดีด้วยเหตุผลหลักธรรม ไม่นำความเสื่อมเสียมา สู่วงคณะ การติดต่อกับผู้คนญาติโยมก็พอเหมาะพองาม ไม่เลยเถิด เปิดเปิง ซึ่งในวงพระธุดงค์มักมีทำนองนี้แทรกอยู่เสมอ โดยมาก ก็ไม่มีเจตนาให้เป็นอย่างนั้น แต่เพราะความไม่ฉลาดรอบคอบ อย่างเดียว ทำให้เสียความดีงามอย่างอื่นไปด้วยอีกประการหนึ่งที่มักมีเสมอในวงปฏิบัติ คือ เวลาจิตเป็น สมาธิย่อมมีความสงบมั่นคง ไม่วอกแวกคลอนแคลนไปกับโลก ใจมักมีโวหารปฏิภาณเป็นพิเศษ ทำให้ผู้ปฏิบัติลืมตัวได้ง่าย อาจ สำคัญตนว่าเก่งขึ้นได้ทั้งที่ยังไม่เก่ง เป็นเพียงจะเริ่มเก่งถ้าพยายาม ทำความเพียรไม่ลืมตัวเสียก่อน แต่นักปฏิบัติมักลืมตัวตอนนี้ มากกว่าตอนอื่น ๆ เพราะไม่เคยประสบมาในชีวิต และเป็นก้าวแรก แห่งความดี ความสงบสุขทางใจ ความมั่นคงของใจที่ผู้ปฏิบัติเพิ่ง ได้รับ จึงทำให้ตื่นเต้นลืมตนไปได้ ถ้าไม่มีผู้เตือนก็อาจจะทะนงตัว แบบนักธรรมะไปได้ โดยทะนงตัวว่าธรรมะเกิด โวหารแตกฉาน เทศน์ปฏิภาณก็ได้ ต่อไปอาจเข้าใจว่าตัวเทศน์เก่ง ธรรมะก็แตกฉาน ภายในใจ พูดเท่าไรธรรมะยิ่งไหลออกมาเหมือนน้ำเหมือนท่า ไม่อัดไม่อั้น เลยทำให้เพลินพูดไปไม่หยุดหย่อน กว่าจะรู้สึกตัว เวลาก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมงในการพูดหรือเทศน์แต่ละครั้ง การติดต่อกับผู้คนไม่รู้เวล่ำเวลาว่าควรไม่ควร พูดไม่รู้จักจบ เทศน์ไม่มี เอวํ ธรรมะมีเท่าไรขุดค้นออกมาพูดและเทศน์จน หมดเปลือก ใครมาหาโดยไม่ทราบว่าเขามาเพื่ออะไร มีแต่แจกจ่าย ธรรมอย่างไม่อั้น ไม่เสียดาย ไม่ประหยัด ธรรมในใจแม้มีน้อยแต่ก็ ชอบจ่ายให้มากอย่างสมใจ จ่ายไปจ่ายไป โดยไม่มีการบำรุงรักษา ด้วยความเพียรอันเป็นดังทำนบกั้นธรรมภายในใจไม่ให้รั่วไหล แต่ กลับทำลายด้วยความไม่รู้จักประมาณ แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็ยัง ลดตัวลงได้ ใจที่ไม่ได้รับการเหลียวแลทางความเพียรและประหยัด ด้วยเวลา ก็มีทางเสื่อมลงได้เช่นเดียวกัน ฉะนั้นจิตที่จ่ายมากแต่ขาดการบำเพ็ญติดต่อ ก็ย่อมมีความ เสื่อมถอยด้อยลงทุกทีจนไม่มีอะไรเหลืออยู่ภายในเลย สุดท้ายก็เหลือแต่ความฟุ้งซ่านรำคาญเต็มดวงใจเอาไว้ไม่อยู่ นำลงสู่ ความสงบไม่ได้เหมือนที่เคยเป็นมา ใจเปลี่ยนจากความสงบเย็น กลายเป็นใจฟุ้งเฟ้อเห่อคะนองและร้อนรุ่มกลุ้มใจ ยืนเดินนั่งนอน ในท่าใดก็มีแต่ไฟเผาใจหาความสงบเย็นไม่ได้ เมื่อไม่มีทางออกก็ คิดออกทางเปลวไฟ อันเป็นทางซ้ำเติมลงอีกโดยไม่รู้ตัวว่า ก็เมื่อ มีแต่ความร้อนรนกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้แล้ว จะอยู่ ไปทำไมให้หนักศาสนาเล่า สึกเสียดีกว่า อยู่ไปก็ไม่เห็นมีประโยชน์ อะไร เลยต้องสึกเสียเพื่อหายห่วงไปตามอารมณ์ดังนี้ ความคิดที่ไม่เป็นมงคลทั้งขณะที่กำลังเป็นนักบวชอยู่แล้ว แม้สึกออกไปก็ไม่เป็นมงคลด้วยความคิดชนิดนั้น คือ แม้สึกออกไป ก็ไม่ดีอยู่ตามเคย และไม่เป็นประโยชน์อยู่ตามเดิม เวลาสึกออกไป ว่าจะทำให้ศาสนาเบาก็ไม่เบา คงเป็นศาสนาและทรงความจริงอยู่ เท่าเดิม สรุปแล้วผู้ไม่ดีก็คือตัว ไม่เกิดประโยชน์ก็คือตัว ความหนักอก เพราะใจทำพิษก็คือตัว เรื่องนี้พอสอนให้รู้ว่า ไม่ว่าสมบัติใด ๆ ถ้า มีแต่จับจ่ายใช้สอยถ่ายเดียว ไม่มีการเก็บรักษา ก็ย่อมเสื่อมโทรม และฉิบหายไปได้ ทำนองใจที่ปล่อยไปตามยถากรรม ผลก็คือความ เดือดร้อนที่ตัวเองต้องรับในที่ทุกสถานตลอดกาลทุกเมื่อ เพราะ ความผิดถูก ชั่ว-ดี มิใช่ทายาทของผู้ใด แต่เป็นของผู้ทำไว้โดย เฉพาะเท่านั้นจะพึงรับแต่ผู้เดียว ท่านจึงสอนให้ระวังรักษาตัวด้วยดี ไม่ปล่อยปละละเลยไปตามอารมณ์ เวลาผลไม่ดีแสดงตัวแล้วลำบาก มาก เพราะผลนี้หนักกว่าภูเขาตั้งร้อยลูกเป็นไหน ๆ ปราชญ์ท่าน จึงกลัวกันและสั่งสอนให้กลัวความชั่วตลอดมาจนปัจจุบันทุกวันนี้ เนื่องจากท่านทราบชัดในผลกรรมดี-ชั่วว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ที่พระธุดงค์นับแต่ผู้ใหญ่ลงมาถึงผู้น้อย ท่านทราบภูมิจิตของกันและกันได้โดยไม่ต้องมีญาณหยั่งทราบ ทางภายใน เพราะการสนทนาธรรมในวงพระกรรมฐานท่านถือเป็น สำคัญ และเป็นไปอยู่เสมอมิได้ขาด โดยถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยน ความรู้ความคิดเห็นของกันและกัน และเป็นสัมโมทนียกถา เครื่องรื่นเริงในธรรมที่ต่างได้ปฏิบัติและรู้เห็นมา มีโอกาสก็สนทนา กันตามแต่ท่านผู้ใดมีความรู้หยาบละเอียดประการใด เวลาท่าน สนทนากันเราก็มีโอกาสทราบได้ในเวลานั้น ยิ่งเป็นครูอาจารย์ ผู้ใหญ่สนทนากันด้วยแล้วก็ยิ่งน่าฟังมาก ธรรมท่านมีแต่ชั้นสูง ๆ ฟังแล้วอัศจรรย์ อยากเอาหัวมุดดินลงในขณะนั้นด้วยความน้อยเนื้อ ต่ำใจ และละอายในความสามารถวาสนาของตน ที่ต่ำต้อยด้อยสติ ปัญญา ไม่สามารถรู้เห็นได้อย่างท่าน ขณะฟังท่านสนทนากัน ทั้งไพเราะจับใจ ทั้งอัศจรรย์ ทั้ง อยากรู้อยากเห็นอย่างท่านแทบใจจะขาด แต่สติปัญญาที่จะช่วยให้ รู้เห็นอย่างท่านไม่ทราบว่าไปจมอยู่ที่ไหน คิดหาก็ไม่พบ ค้นหาก็ ไม่เจอ มันมืดมิดปิดบังไปเสียหมด ประหนึ่งจะไม่ปรากฏอะไรขึ้นมา ให้ได้ชมพอเป็นขวัญใจบ้าง ตลอดชีวิตลมหายใจคงจะตายกับ ซากแห่งความโง่เขลาไปเปล่า ๆ มองดูหมู่เพื่อนที่นั่งฟังอยู่ด้วยกัน ที่สง่างามไปด้วยความสงบ ราวกับจะเหาะบินสิ้นกิเลสไปเสียหมด ทิ้งเราผู้ไม่เป็นท่าอันหาสติปัญญาเครื่องเปลื้องตนมิได้ ให้ตาย จมอยู่ในวัฏวนเพียงคนเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแคบแน่นหัวอก ใจสะทก สะท้านเหมือนถูกทอดทิ้งอยู่ในป่าเปลี่ยวคนเดียว เวลาเลิกจากธรรมสภาก็แอบไปไต่ถามหมู่เพื่อนว่า ฟัง ธรรมสากัจฉาท่านแล้ว ใจเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับผมเองแทบอกจะแตกตายอยู่ในที่นั้นเสียแล้ว ด้วยความอัศจรรย์ในธรรมที่ท่าน สนทนากัน เวลากลับมามองดูตัวเป็นเหมือนกาตัวจับภูเขาทอง เราดี ๆ นี่เอง คิดแล้วอยากมุดดินให้สิ้นซากไปเสีย คิดว่าคงจะเบา พระศาสนา ไม่หนักอึ้งไปด้วยคนอาภัพอับวาสนาที่ทำการกดถ่วง อยู่ตลอดมาดังที่เป็นอยู่เวลานี้ ส่วนท่านและหมู่คณะที่ได้ยินได้ฟัง ด้วยกันมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง กรุณาเล่าให้ผมฟังตามความจริง เผื่อเป็นธรรมคติพอมีลมหายใจสืบต่อไป ไม่อัดอั้นตันอุราเหมือน ใจจะขาดอยู่เวลานี้บ้าง ท่านองค์ใดพูดขึ้นส่วนมากมักมีลักษณะเดียวกัน เพราะ ต่างองค์มีความกระหยิ่มในธรรมท่านมาก แล้วหวนมามองดูตัว ที่อยากเป็นดังท่าน แต่เมื่อเหตุปัจจัยยังไม่สามารถเป็นไปได้ ก็ เกิดความเสียใจขึ้นมา ผลจึงแสดงความทุกข์ในลักษณะต่าง ๆ ให้ ปรากฏ พอได้ทราบจากหมู่คณะที่กำลังรับการอบรมศึกษาเล่าให้ฟัง จึงพอมีลมหายใจคืนมาบ้างและตั้งหน้าปฏิบัติตนต่อไป ไม่เกิด ความเดือดร้อนกลัวจะไม่ได้ไม่ถึงต่าง ๆ อันเป็นการเบียดเบียนตน โดยใช่เหตุ ที่พูดผ่านมาว่า พระธุดงค์บางท่านกล้าสละชีวิตไปนั่งอยู่ที่ ทำเลเสือเที่ยวไปมาหากินในเวลาค่ำคืนบ้าง บางท่านกล้าเที่ยวเดิน หาเสือบนเขาในเวลาค่ำคืนบ้างเป็นต้นนั้น อาจทำให้เกิดความสงสัย หรือไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะเป็นสิ่งที่น่าคิดว่าท่านจะนั่งและ เดินหาเสือเพื่อประโยชน์อะไรกัน เพียงนั่งอยู่กับบริเวณที่พักถ้าเป็น นิสัยคนขี้กลัวอยู่แล้ว ก็พอจะเกิดความกลัวได้จนแทบไม่มีลมหายใจ ก็ได้ แต่ทำไมจึงต้องใช้วิธีโลดโผนเลยสามัญธรรมดาไปถึงขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่พระที่อาจจะขาดสติอยู่บ้างคงไม่ทำกันดังนี้ความจริงก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่เรื่องของบางท่านที่เคย ดำเนินมากลับเป็นอย่างนี้ คือความกลัวที่เกิดอยู่ในบริเวณ ท่านก็ ใช้อุบายแก้ไขเช่นเดียวกับที่ไปนั่งและเดินเที่ยวหาเสือบนหลังเขา แต่ความกลัวที่เกิดตามลำพังดังที่เกิดขึ้นขณะพักอยู่บริเวณของตน เป็นอย่างหนึ่ง ท่านก็ใช้อุบายแก้ไขจนความกลัวนั้นหายไปได้ แต่ ความกลัวที่ท่านกำลังแสวงหาด้วยวิธีต่าง ๆ มีหาด้วยการไปนั่ง ภาวนาอยู่บนหินดานหลังเขาบ้าง หาด้วยการเดินหาเสือบนหลังเขา บ้างนั้น เป็นความกลัวที่โลดโผนรุนแรงยิ่งกว่าความกลัวที่เกิดอยู่ โดยลำพังมาก ถ้าไม่ใช้อุบายให้ทันกัน ก็น่ากลัวเป็นบ้าไปได้ ขณะ พบกับเสือเข้าจริง ๆ ฉะนั้นวิธีระงับจึงต้องใช้อุบายต่างกันมากจน ความกลัวนั้นหายไปได้ ด้วยกุศโลบายของแต่ละท่านที่จะหาอุบาย วิธีฝึกทรมานตนเป็นราย ๆ ไป แต่การฝึกจิตดวงกำลังกลัวถึงขนาดให้หายพยศลงได้ ด้วย อุบายที่ทันสมัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก แม้ผลที่ปรากฏขึ้นในขณะจิต ยอมจำนนต่อสติปัญญาก็เป็นความอัศจรรย์เกินคาด คือ ใจกลับ เกิดความกล้าหาญขึ้นมา ขณะที่ความกลัวดับลงไปด้วยอุบายที่ ทันกัน หลังจากนั้น จิตสงบเต็มที่ปราศจากความหวาดกลัว ใด ๆ หนึ่ง เวลาจิตถอนขึ้นมาก็ทรงความกล้าหาญไว้ได้ไม่กลับ กลัว หนึ่ง เป็นพยานหลักฐานในใจได้อย่างมั่นคงว่า จิตเป็นสิ่งที่ ทรมานให้หายพยศได้อย่างเห็นประจักษ์ ด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นเครื่องสนับสนุน มีความกลัวเป็นต้น หนึ่ง มีความพอใจที่ จะทรมานตนด้วยวิธีนั้นหรือวิธีอื่นด้วยความถนัดใจ ไม่พรั่นพรึง ต่อความตาย หนึ่ง แม้การทรมานตนด้วยวิธีอื่น ๆ ก็โปรดทราบว่า ท่านทำด้วยความมั่นใจที่เคยได้รับผลมาแล้ว มีแต่จะเร่งความเพียร เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและอนุโมทนากับเพื่อนคนหนึ่งผู้อื่นที่เคยทำความสะอาดบริเวณลานพระพุทธรูปและจัดสถานที่ต่างๆและได้ทำอาหารเลี้ยงผู้คนจำนวนหลายคนและมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คอยช่วยเหลือผู้อื่นและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ ร่วมสร้างพระผงองค์ละ 1 บาท(ได้บุญ 5 กัป) บรรจุในองค์หลวงปู่ทวดชนะมารทันใจ หน้าตัก 4 ศอก .มือถือ 081-875-4903 ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างเขื่อนกั้นน้ำ อาศรมสุขาวดี จ.กำแพงเพชร ร่วมทำบุญสร้างเขื่อนนี้ได้โดยการโอนเงินเข้าบัญชี พระเป็งโชย ฐิตปัญโญ ธนาคารกสิกรไทย สาขาแฉล้มนิมิตร ประดู่ 1 เลขที่บัญชี 729-2-41504-9 ออมทรัพย์ ในวันที่3-4 มีนาคมนี้ แต่ยังขาดคู่พระอัครสาวกทั้งสอง (พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ) ด้วยเหตุนี้ทางวัดจึงขอเปิดจองเป็นเจ้าภาพถวายคู่พระอัครสาวกทั้งสอง สามารถสอบถามเมเติมที่ สุปัญโญภิกขุ 0854921577 (รับเป็นองค์พระ)และสามรถร่วมบุญตามกำลังศรัทธา ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิพระสงฆ์ ณ ที่พักสงฆ์ หนองสะโน ติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 080741705 เชิญร่วมสร้างพระอุโบสถวัดห้วยเจริญสุข(หลวงปู่ปรง)ให้แล้วเสร็จ ติดต่อสอบถาม พระราชัน เทวธมฺโม 081-794-6884 ขอเชิญเป็นเจ้าภาพสร้างองค์พระประธานถวายวัดและสำนักสงฆ์ที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดาร เนื่องด้วยพระอาจารย์มหาอาวรณ์ ภูริปัญโญ เจ้าอาวาส วัดปันเสา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งท่านเป็นพระที่มีความเมตตาอย่างสูงมาก ได้มีดำริให้จัดสร้างองค์พระประธานทองเหลืองหน้าตัก 39 นิ้ว เพื่อถวายแก่วัดในถิ่นทุรกันดารที่ยังขาดแคลน ท่านที่ต้องการร่วมบุญสามารถ โอนปัจจัยมาได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขา ท่าแพ เลขที่ 251-477777-6 ชื่อบัญชี สิริกมล ชัยดารา ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระ บวชตลอดชีวิต ซึ่งจัดพิธีบวชอย่างเรียบง่าย ติดต่อสอบถามได้ที่ phabunchar@hotmail.com โทร 087-4547377 ขอเชิญบวชชีพราหมณ์และร่วมเททองหล่อพระหฤทัยจำลอง ติดต่อสอบถาม พระอาจารย์ไนยวิศ ญาณพโล เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิตย์ โทร. 087-989-1599 ร่วมบุญซื้อเครื่องกรองน้ำ 1 ตัวใช้ในศูนย์ปฏิบัติธรรม ติดต่อสอบถาม โทร .089-899-4099 ร่วมช่วยเหลือ เด็กชายป่วยเป็น โรคไทโร (หัวบาด) 085-51699813 โครงการสร้างหนังสือพระไตรปิฎกพร้อมตู้ ครั้งที่ 2 ถวาย วัดบ้านเยี่ยม จ.อุบลฯ e-mail: sancity45@gmail.com เชิญร่วมพิธีเททอง หล่อพระประธาน... 9องค์ 9วัด 9จังหวัด ในวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 ณ วัดรวกสุทธาราม ซ.จรัญฯ33 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เวลา 16.39 น. พิธีเททองหล่อพระประธาน 9 องค์ สอบถามเพิ่มเติมที่ โทร.02-412-8169,02-866-6320,02-411-3407 กำหนดการสอนมโนมยิทธิเต็มกำลัง วัดสามพราน และ บ้านมณีรินทร์ กพ. - เมย. 2555 082-450-2988 มาบอกบุญให้หลวงพี่ครับ ขอเชิญทำบุญร่วมสร้างโปรแกรมใช้งานเรื่องอักขระยันต์ขอม ร่วมกันครับ งบประมาณในการจัดทำ ทั้งหมด 7450 บาทครับ ใครสนใจร่วมบุญ ติดต่อที่หลวงพี่พัชรพล ได้โดยตรงเลยนะครับ 0833147905 ครับ ขอเชิญร่วมบริจาคทรัพย์ เพื่อเป็นเจ้าภาพบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ 7 ประจำปี พ.ศ.2555 ตั้งแต่วันที่ 2 - 24 เมษายน 2555 เื่พื่อถวายเป็นพระราชกุศลได้ ท่านละ 300 บาท ต่อ 1 รูป หรือจะบริจาคร่วมสมทบทุนเข้าโครงการตามแต่กำลังศรัทธาสนใจ ติดต่อสอบถามได้ที่ พระพัชรพล โชติปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดอนคลัง 0833147905 ร่วมสร้างโบส์ถ ที่วัดถ้ำโถ จ.เพชร์บูรณ์ สอบถามข้อมูลโทรได้ที่ พระอาจารย์กิ่ง 084-107-1307 ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัธา ร่วมสร้าง สถานที่ปฏิบัติธรรม สวนไผ่ กับสำนัก หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร โทร 085-8397856 ทำบุญตักบาตรและฟังธรรมพระกัมมัฎฐาน ประจำปี 2555 วัดพุทธบูชาทุกเสาร์แรกของเดือน กำหนดการทำบุญตักบาตรและฟังธรรมพระกัมมัฎฐาน(สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ) ประจำปี พ.ศ.2555 ณ ศาลาการเปรียญวัดพุทธบูชา เวลา 06.30-10.30 น. ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนหล่อพระประธานอุโบสถ ณ วัดทุ่งสวน หมู่ที่ 7 ตำบลนครชุม อ.เมือง จังหวัดกำแพงเพชร วันที่ 3 มีนาคม 2555 โทร 081-037-2088 ด่วน ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกองบุญจัดสร้างผอบทองคำและสมเด็จองค์ปฐมทันใจ โทร 0821179975 ขอเชิญร่วมโครงการพัฒนาจิตเยาวชนแบบบูรณาการ โดย ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ http://www.ybat.org/v4/samanen.asp ขอเชิญร่วมบริจาคเงินกับยุวพุทธิกสมาคม และเชิญร่วมปฏิบัติธรรมที่ http://www.ybat.org/v4/download.asp#a2 ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมกับวัดยานนาวาดูที่ http://bhavanatoday.org/public/Practice ... aList.aspx ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมกับวัดมเหยงคณ์ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.mahaeyong.org/Site/Welcome.html |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |