วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 01:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 13:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านพิจารณาตัวท่านอย่างไร พิจารณาสิ่งรอบตัวท่านอย่างไร ตามหลักธรรมคำสอน onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ท่านพิจารณาตัวท่านอย่างไร พิจารณาสิ่งรอบตัวท่านอย่างไร ตามหลักธรรมคำสอน onion onion onion


แล้วคุณพิจารณาอย่างไรล่ะ แล้วคุณต้องการให้คนอื่นพิจารณาอย่างไรที่ถูกใจคุณล่ะ คุณก็บอกเขาไปเลยดิ่ เดี๋ยวคนอื่นเขาบอกว่าเขาพิจารณาอย่างนั้น อย่างนี้ คุณก็ไปว่าเขาพิจารณาผิดอีก ก็บอกเขาไปเลยละกัน แบร่ๆ

ฮา ฮ๊า ฮา

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 01:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มีสติ กำหนดรู้ด้วยการพิจารณาธาตุรู้ของอายตนะภายในให้เป็นเอก
พิจารณาเหตุเกิดของธาตุรู้คือเกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะของการเสพอายตนะภายนอกให้เป็นรอง
คือเห็นเป็นกรัแสแห่งโลก แล้วเห็นการทำงานของอายตนะภายในตามความเป็นจริงครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 01:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขึ้นอยู่กับว่าเราพิจารณาเข้าหาตัว หรือพิจารณาออกนอกตัว :b39:

ถ้าคิดแบบเข้าหาตัวทำได้ง่ายกว่าและเกิดประโยชน์มาก ตัวอย่างเช่น ศึกษาในสติปัฏฐาน คือตีกรอบรุปกับนามเข้าหาตัวเราเองแล้วเอาสติยัดใส่ซะ เกิดประสิทธิผลทันที

แต่ถ้าพิจารณาออกนอกตัว ก้เหมือนคิดแบบเซน ทุกสิ่งๆทุกอย่างล้วนเปนระบบ เราเปนส่วนหนึ่งธรรมชาติ
มีเรา มีต้นไม้ มีสัตว์ มีหิน ถึงมีธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่อยู่ล้อมรอบตัวเราก้เยอะแยะมากมาย ถึงบอกว่าแบบนี้ศึกษายาก

แต่สุดท้าย คิดไปว่า มีเกิด มีดับ เหมือนชื่อคุน จขกท.นั่นแหละ คิดแบบนี้ พิจารณามันแบบไหนก้ได้หมดก้คือจบเอวังฯ :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 13:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


พิจารณาขันธ์ 5 ไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น สุดท้ายดับไป ไม่มีเรา ไม่มีของเรา (ดับทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย)
พิจารณาสิ่งกระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น สุดท้ายดับไปเป็นธรรมดาของมัน
ไม่หลงกับสิ่งกระทบ สิ่งเหล่านี้ไม่มี ไม่มีตัวตนของสิ่งเหล่านี้ โลภ โกรธ หลง ก็ไม่เกิด ดับทุกข์ทันที
(ดับทุกข์ที่เราสร้างขึ้นมาเอง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 13:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


อินทรีย์5 เขียน:
ขึ้นอยู่กับว่าเราพิจารณาเข้าหาตัว หรือพิจารณาออกนอกตัว :b39:

ถ้าคิดแบบเข้าหาตัวทำได้ง่ายกว่าและเกิดประโยชน์มาก ตัวอย่างเช่น ศึกษาในสติปัฏฐาน คือตีกรอบรุปกับนามเข้าหาตัวเราเองแล้วเอาสติยัดใส่ซะ เกิดประสิทธิผลทันที

แต่ถ้าพิจารณาออกนอกตัว ก้เหมือนคิดแบบเซน ทุกสิ่งๆทุกอย่างล้วนเปนระบบ เราเปนส่วนหนึ่งธรรมชาติ
มีเรา มีต้นไม้ มีสัตว์ มีหิน ถึงมีธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่อยู่ล้อมรอบตัวเราก้เยอะแยะมากมาย ถึงบอกว่าแบบนี้ศึกษายาก

แต่สุดท้าย คิดไปว่า มีเกิด มีดับ เหมือนชื่อคุน จขกท.นั่นแหละ คิดแบบนี้ พิจารณามันแบบไหนก้ได้หมดก้คือจบเอวังฯ :b44:



พิจารณาแบบพุทธตรงข้ามกับแบบเซน คือ พิจารณาว่าสิ่งรอบตัวมีเิกิด มีดับไปเป็นธรรมดา ต้นไม้เกิดจากเมล็ดงอกเพราะเหตุปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย สุดท้ายก็ต้องตายเพราะเหตุปัจจัย สุดท้ายสัตว์ก็ต้องตาย หินก็ต้องผุพัง เราก็ต้องแก่ ตาย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง มีเปลี่ยนแปลง แปรปรวนตลอดเวลาไม่คงที่ ไม่สามารถทนอยู่ในสภาวะนั้นได้ สรรพสิ่งเป็นทุกข์ ไม่มีเรา ไม่มีหิน ไม่มีสัตว์ ไม่มีโลก สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ตั้งอยู่ในกฎนี้ทั้งหมด เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ผมก็ต้องดับ นี้คือ ความจริงของธรรมชาติไม่ต้องพิสูจน์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 16:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
หากคุณไม่คิด คุณก็สงบ แต่ดับเหตุแห่งทุกข์ไม่ได้ (เป็นการข่ม โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว เพราะความโลภ โกรธ หลงมีอยู่เต็มใจของคุณ มันจะออกมาได้ตลอดเวลาเมื่อถูกกระทบทางใดทางหนึ่ง)
หากคุณคิดเมื่อไหร่คุณก็ไม่สงบ เพราะใจถูกกระทบ คิดปรุงแต่ง คิดนั้นคิดนี้ เพราะโลภ โกรธ หลง เกิดได้ทั้ง 6 ทาง 1.ตา 2. หู 3. จมูก 4. ลิ้น 5. กาย 6. ใจ
ต้องวิปัสสนาภาวนาเท่านั้นเอาความจริงตามกฎไตรลักษณ์เข้าไปแทนที่หลังจากผัสสะ หรือ กระทบของอายตนะภายนอก และอายตนะภายใน ความโลภ โกรธ หลง ก็ไม่เกิด ตัณหาไม่เกิด อุปทานไม่เกิด ทุกข์ก็ไม่เกิด

และกระทู้ใหม่ แต่วกอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ก็ยังเกิดซ้ำเกิดซากเช่นกัน
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
พิจารณาแบบพุทธตรงข้ามกับแบบเซน คือ พิจารณาว่าสิ่งรอบตัวมีเิกิด มีดับไปเป็นธรรมดา ต้นไม้เกิดจากเมล็ดงอกเพราะเหตุปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย สุดท้ายก็ต้องตายเพราะเหตุปัจจัย สุดท้ายสัตว์ก็ต้องตาย หินก็ต้องผุพัง เราก็ต้องแก่ ตาย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง มีเปลี่ยนแปลง แปรปรวนตลอดเวลาไม่คงที่ ไม่สามารถทนอยู่ในสภาวะนั้นได้ สรรพสิ่งเป็นทุกข์ ไม่มีเรา ไม่มีหิน ไม่มีสัตว์ ไม่มีโลก สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ตั้งอยู่ในกฎนี้ทั้งหมด เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ผมก็ต้องดับ นี้คือ ความจริงของธรรมชาติไม่ต้องพิสูจน์


เดี๋ยวสักพักพอเห็นว่าไม่อาจจะชักกระทู้เข้าสู่แนวทางตนได้
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม
ก็จะทิ้งกระทู้นี้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่วกวนอยู่กับเนื้อความเดิม ๆ
ซึ่งเป็นอาการที่แสดงความไม่อาจจะสยบสังขารได้

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 25 ก.พ. 2012, 17:30, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 16:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
พิจารณาแบบพุทธตรงข้ามกับแบบเซน คือ พิจารณาว่าสิ่งรอบตัวมีเิกิด มีดับไปเป็นธรรมดา ต้นไม้เกิดจากเมล็ดงอกเพราะเหตุปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย สุดท้ายก็ต้องตายเพราะเหตุปัจจัย สุดท้ายสัตว์ก็ต้องตาย หินก็ต้องผุพัง เราก็ต้องแก่ ตาย เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง มีเปลี่ยนแปลง แปรปรวนตลอดเวลาไม่คงที่ ไม่สามารถทนอยู่ในสภาวะนั้นได้ สรรพสิ่งเป็นทุกข์ ไม่มีเรา ไม่มีหิน ไม่มีสัตว์ ไม่มีโลก สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ตั้งอยู่ในกฎนี้ทั้งหมด เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ผมก็ต้องดับ นี้คือ ความจริงของธรรมชาติไม่ต้องพิสูจน์


ไม่ใช่ "พิจารณาแบบพุทธตรงข้ามกับแบบเซน"
คุณไม่ได้ศึกษามาในแบบเซนคุณจะไปรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรกับทางเดินแบบเซน
และแม้แต่ศึกษาปฏิบัติแบบพุทธคุณก็รับเอามาแต่เพียงบางส่วน รู้จักแต่เพียงบางส่วน
คุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่รู้ลึกซึ้งในแนวทางทั้งสองเลย

คุณไม่ใช่ตัวแทนชาวพุทธที่จะกล่าวประโยคนั้นได้อย่างสมเหตุสมผลหรอก
ความเป็นจริง เป็นไปอย่างมากก็เป็นได้แค่
พิจารณาแบบเซนตรงข้ามกับแบบของคุณ

และจริง ๆ เซนก็พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้ลุ่มลึกกว่าแนวทางของคุณ

เซนไม่ใช้จิตให้ฟุ่่มเฟือยความคิด
เซนก็เป็นทางหนึ่งที่สอนให้ผู้ปฏิบัติเข้าถึงปัญญาจากความว่าง
และการปฏิบัติก็ มุ่งลงที่จิต

:b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 19:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: หลวงตาว่า...เซน...นั้นดอกเตอร์...ไอ้พวกเรามันป. 4 ต้องฝึกต้องฝืน...

ซึ่งกระผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
และกระทู้ใหม่ แต่วกอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ก็ยังเกิดซ้ำเกิดซากเช่นกัน

เดี๋ยวสักพักพอเห็นว่าไม่อาจจะชักกระทู้เข้าสู่แนวทางตนได้
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม
ก็จะทิ้งกระทู้นี้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่วกวนอยู่กับเนื้อความเดิม ๆ
ซึ่งเป็นอาการที่แสดงความไม่อาจจะสยบสังขารได้

:b1:


รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2012, 03:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
พิจารณาขันธ์ 5 ไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น สุดท้ายดับไป ไม่มีเรา ไม่มีของเรา (ดับทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย)
พิจารณาสิ่งกระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น สุดท้ายดับไปเป็นธรรมดาของมัน
ไม่หลงกับสิ่งกระทบ สิ่งเหล่านี้ไม่มี ไม่มีตัวตนของสิ่งเหล่านี้ โลภ โกรธ หลง ก็ไม่เกิด ดับทุกข์ทันที
(ดับทุกข์ที่เราสร้างขึ้นมาเอง)

หลักการพิจารณาขันธ์ห้า ไม่ได้พิจารณาถึงความไม่เที่ยง
ความไม่เที่ยงหรือไตรลักษณ์ เป็นประธานหรือผู้นำในการพิจารณาอยู่แล้ว
ความหมายก็คือเรารู้อยู่ก่อนแล้วว่า ขันธ์ห้ามันไม่เที่ยง คือรู้ก่อนที่จะพิจารณา
การพิจารณาขันธ์ห้า คือการพิจารณาหาเหตุปัจจัยการเกิดดับ อะไรเป็นเหตุแห่ง
การเกิด ตัวอย่างเช่น เกิดกิเลสการปรุงแต่งขึ้น การพิจารณาหาเหตุปัจจัย
ก็คือ อะไรเป็นเหตุให้เกิดโทสะ โลภะและโมหะนั้นก็คือเวทนาและสัญญา
และเมื่อเกิดเวทนา เหตุปัจจัยก็ผัสสะรูปนาม

การพิจารณาขันธ์ห้าใช้ในการดับทุข์ เป็นการหาเหตุในการดับทุกข์
ด้วยวิธีการย้อนหาเหตุปัจจัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2012, 15:49
โพสต์: 20

ชื่อเล่น: ทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูจิตครับ ตามอาณาปาณสติ สงบรำงับก่อน แล้วรู้สึกถึงความรู้สึกของจิต เช่นกลัว หม่นหมอง สุข ทุกข์ เฉยๆ อะไรที่รู้สึกสักพักนึงก็หายไปเอง นิ่ง แล้วก็มักจะลงท้ายที่อิ่มเอมใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2012, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


พิจารณาขันธ์ 5 ไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น สุดท้ายดับไป ไม่มีเรา ไม่มีของเรา (ดับทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย)
พิจารณาสิ่งกระทบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น สุดท้ายดับไปเป็นธรรมดาของมัน
ไม่หลงกับสิ่งกระทบ สิ่งเหล่านี้ไม่มี ไม่มีตัวตนของสิ่งเหล่านี้ โลภ โกรธ หลง ก็ไม่เกิด ดับทุกข์ทันที
(ดับทุกข์ที่เราสร้างขึ้นมาเอง)

เราเห็นด้วยกับคุน ไม่เที่ยง เกิดดับ อ่านแล้วเข้าใจง่ายและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง(แต่เราจะทำได้มั้ยน๊อ) Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2012, 00:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เข้าใจง่ายและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง(แต่เราจะทำได้มั้ยน๊อ)

ต้องทำได้สิ อะไรที่เข้าใจแล้วรู้แล้ว ย่อมที่จะปฏิบัิตได้ง่ายกว่าไม่เข้าใจหรือไม่รู้อะไรเลย
แต่ที่ทำได้ไม่ได้เพราะหลักการแนวคิด(อาศัยปัญญาและความเชื่อเห็นตามในเหตุผล=โยนิโสฯ กับวิธีการปฏิบัติจริง(ได้จาก สติ สมาธิและความเพียรจนมีปัญญาที่เกิดจากภาวนา) การปฏิบัติจึงยากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งหรือสองขั้นเพราะต้องรู้จริงเมื่อเทียบกับหลักแนวคิด :b39: :b39:

ดังคติธรรมที่ว่า :b40:
รู้จริงต้องทำได้
รู้จำต้องท่องได้
รู้แจ้งต้องคิดก่อน
:b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2012, 07:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ท่านพิจารณาตัวท่านอย่างไร พิจารณาสิ่งรอบตัวท่านอย่างไร ตามหลักธรรมคำสอน onion onion onion

:b12: :b12:
พิจารณาธรรมที่ง่ายและไม่ยุ่งยากซับซ้อนด้วยศัพท์แสงและบัญญัติอันมากมายเข้าใจยากน่าเวียนหัวทั้งหลาย
ท่านให้เฝ้ารู้หรือนิ่งรู้นิ่งสังเกตที่......ปัจจุบันอารมณ์.....เพราะปัจจุบันอารมณ์เป็นที่รวมที่เกิดของธรรมในกายและจิตทั้งปวง
ความจริงของชีวิตและสิ่งที่เราคิดจะแก้ไขปรับปรุงพัฒนาทั้งสิ้นล้วนอยู่ที่ปัจุบันและต้องทำที่ปัจจุบันอารมณ์

ความรู้ว่าเป็นสติปัฏฐานทั้งสี่ ธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะ สิบสอง ก็ล้วนมารู้ที่ปัจจุบันอารมณ์ทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงพึงทำความเข้าใจให้ดีและลึกซึ้งในเรื่องปัจจุบันอารมณ์เสคยก่อนแล้วท่านจะได้พบกับวิธีพิจารณาธรรมที่ง่ายทั้งนอกกายในกาย
สาธุ
:b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร