ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ใครรู้ช่วยตอบที http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41347 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | nongkong [ 01 มี.ค. 2012, 02:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | ใครรู้ช่วยตอบที |
เราสับสนระหว่างนิกายเถรวาท ยึดตัวบท เป็นใหญ่ เพื่อป้องกันการคลาดเคลื่อนในอนาคต ส่วนนิกายมหายาน ถือการตีความคำสอนของพระพุทธเจ้าตามครูบาอาจารย์ตนเป็นใหญ่ เป็นคำสอนที่พญามารหลอกลวงเราโดยผ่านสมมุติสงฆ์ ผู้เข้าไม่ถึงธรรม ให้ไปบอกต่อให้ประชาชนต่อไป ความรู้ของพระพุทธเจ้าทั้งหมดอยู่ที่ "ตัวรู้" ตัวหนังสือ ความจำ และสมอง เป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะเรียนรู้ สิ่งที่จะเข้าใจหลักธรรมคือจิต คือตัวรู้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ได้โดยการ รู้แจ้ง เห็นจริงแสดงว่า รู้แจ้งเห็นจริงด้วยสติปัญญาใช่หรือไม่ค่ะ ทำไมเรามีความคิดเอนเอียงไปในทางนี้ ซึ่งจากเนื้อหานี้เราคัดลอกมากจากชายผู้หนึ่งแต่คนอื่นกลับมองเค้าว่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เขาอ้างอิงมาบิดเบือนด้วย สับสนโปรดชี้แนะด้วย |
เจ้าของ: | คนธรรมดาๆ [ 01 มี.ค. 2012, 03:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
คุณเจ้าของกระทู้ลองพิจารณาพระสูตรเรื่อง "กลองอานกะ" ดูครับ คำสอนถ้าดีแล้ว จะเป็นของใครก็ดีทั้งนั้น ประเด็นคือเราจะรู้ได้ยังไงว่าคำสอนอันไหนดีไม่ดี ถ้ายังไม่รู้ ยังดูไม่ออกว่าของใครดีของใครไม่ดี ก็เอาศรัทธานำไปเอาเวอร์ชั่นต้นตำรับของพระพุทธองค์เถอะครับ ท่านมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฏกหมดแล้ว ลองศึกษาเวบ 84000.org ครับ ของต้นตำรับมีไม่ใช้ น่าเสียดายว่าไหมครับ |
เจ้าของ: | โกเมศวร์ [ 01 มี.ค. 2012, 05:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
ทุกท่านมีมันอยู่แล้ว |
เจ้าของ: | nongkong [ 01 มี.ค. 2012, 09:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ |
เจ้าของ: | world2/2554 [ 01 มี.ค. 2012, 12:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
เรื่องของจิต เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพระธรรมจำแนกแจกแจงไว้อย่างละเอียดเหมือนกัน คำสอนของพระองค์จึงมีมากมายหลากหลายทั้งที่ทรงแสดงไว้แก่บุคคลบ้าง เทวดาบ้าง พรหมบ้าง สถานที่หลายๆแห่งบ้าง พระองค์มิได้ทรงแสดงทีเดียวหมดทุกธรรมทุกข้อเลย แต่พระองค์ทรงแสดงตามแต่ละบุคคลควรจะได้รับ และพระธรรมที่ทรงแสดงทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายที่สุดคือ ทำให้ผู้ฟัง ผู้ปฏิบัติตาม หลุดพ้นจากทุกข์ ตามลำดับ |
เจ้าของ: | สุรวุฒิ [ 09 มี.ค. 2012, 14:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
การรู้แจ้งเห็นจริงคงไม่ใช่ด้วยการคิดด้วยสมองเฉยๆ ไม่งั้นทางตะวันตกคงมีอรหันต์แยะเชียว เพราะการคิดด้วยตรรกะเป็นเรื่องเอกของเขาเชียวหละ ทางพุทธใช้การฝึกจิต (สติปัฏฐาน 4)และปฏิบัติตามมรรค 8 จนทำให้จิตหลุดพ้น นั่นแหละครับจึงถึงคำว่า รู้แจ้ง แต่คงไม่ใช่ว่าเราไม่คิดนะครับ เวลาพิจารณาธรรมก็คิดนั่นแหละครับ แต่เราคิดแล้ว เราได้เห็นของจริงไปด้วย ในการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ตรรกะเฉยๆ ส่วนจะเถรวาท หรือมหายาน ช่างเถอะครับ ในสมัยของพระพุทธเจ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็น เช่นเดียวกับพิธีกรรม และพระเครื่องรางของขลัง ไม่น่าจะช่วยให้จิตเราเป็นประภัสสรหรอกครับ ฝึกจิตและปฏิบัติตามมรรค 8 ดูจะเป็นทางตรงสุด |
เจ้าของ: | din [ 09 มี.ค. 2012, 17:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
แล้วแต่ศรัทธานะท่าน สมัยก่อนทำไมบรรลุธรรมง่ายกันจัง แม้พระพุทธเจ้าไม่ได้โปรดสอนด้วยพระองค์เอง หนังสือก็ไม่ใช่ว่ามีให้เรียนกันเป็นล่ำเป็นสันเหมือนสมัยนี้ พระอรหันต์บางองค์ก็ดับกิเลสด้วยอิริยาบทที่ต่างกันไป เช่น พระอานนท์ระหว่างกำลังจะพักนอน พระจูฬปันถกก็ขณะทำความสะอาด พระสีวลีระหว่างที่ปลงเกสา บางท่านก็ขณะฟังธรรม ท่านตรัสรู้ด้วยมรรคมีองค์แปด |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 09 มี.ค. 2012, 22:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
nongkong เขียน: เราสับสนระหว่างนิกายเถรวาท ยึดตัวบท เป็นใหญ่ เพื่อป้องกันการคลาดเคลื่อนในอนาคต ส่วนนิกายมหายาน ถือการตีความคำสอนของพระพุทธเจ้าตามครูบาอาจารย์ตนเป็นใหญ่ เป็นคำสอนที่พญามารหลอกลวงเราโดยผ่านสมมุติสงฆ์ ผู้เข้าไม่ถึงธรรม ให้ไปบอกต่อให้ประชาชนต่อไป ความรู้ของพระพุทธเจ้าทั้งหมดอยู่ที่ "ตัวรู้" ตัวหนังสือ ความจำ และสมอง เป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะเรียนรู้ สิ่งที่จะเข้าใจหลักธรรมคือจิต คือตัวรู้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ได้โดยการ รู้แจ้ง เห็นจริงแสดงว่า รู้แจ้งเห็นจริงด้วยสติปัญญาใช่หรือไม่ค่ะ ทำไมเรามีความคิดเอนเอียงไปในทางนี้ ซึ่งจากเนื้อหานี้เราคัดลอกมากจากชายผู้หนึ่งแต่คนอื่นกลับมองเค้าว่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เขาอ้างอิงมาบิดเบือนด้วย สับสนโปรดชี้แนะด้วย เถรวาทหรือมหายาน ก็เป็นเพียงแค่ชื่อ อย่าติดแค่ชื่อที่เป็นดังเปลือก จงศึกษาลึกเข้าไปถึงเนื้อแท้ จะพบว่ามีเพียงพุทธะเท่านั้น เราเกิดในเมืองแห่งเถรวาทย่อมเข้าใจเรื่องเถรวาทดี ก็จงเริ่มศึกษาบนพื้นฐานแห่งเถรวาท เมื่อมองดูดีๆจะเห็นว่ามีเถรวาทที่ผิดเพี้ยนมากมาย บางคราวออกแนวไสยศาสตร์ก็มี บางทีบวชมานมนานก็ยังเต็มไปด้วยโลภ โกรธ หลง สารพัด มหายานก็เช่นกันย่อมมีทั้งแท้และเทียม จงมองเลยเข้าไปที่ธรรมแท้ดีกว่าธรรมแท้เมื่อทำถูกย่อมดับทุกข์ได้จริง พระพุทธเจ้าสอนธรรมเพื่อการนี้ ชาติ ภาษา ผิวพรรณ เป็นแค่เปลือกของคน จิตที่สุขทุกข์ได้นั่นแล คือเนื้อแท้ที่ต้องมีธรรม |
เจ้าของ: | student [ 10 มี.ค. 2012, 05:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
ขณะจิต เขียน: nongkong เขียน: เราสับสนระหว่างนิกายเถรวาท ยึดตัวบท เป็นใหญ่ เพื่อป้องกันการคลาดเคลื่อนในอนาคต ส่วนนิกายมหายาน ถือการตีความคำสอนของพระพุทธเจ้าตามครูบาอาจารย์ตนเป็นใหญ่ เป็นคำสอนที่พญามารหลอกลวงเราโดยผ่านสมมุติสงฆ์ ผู้เข้าไม่ถึงธรรม ให้ไปบอกต่อให้ประชาชนต่อไป ความรู้ของพระพุทธเจ้าทั้งหมดอยู่ที่ "ตัวรู้" ตัวหนังสือ ความจำ และสมอง เป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะเรียนรู้ สิ่งที่จะเข้าใจหลักธรรมคือจิต คือตัวรู้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ได้โดยการ รู้แจ้ง เห็นจริงแสดงว่า รู้แจ้งเห็นจริงด้วยสติปัญญาใช่หรือไม่ค่ะ ทำไมเรามีความคิดเอนเอียงไปในทางนี้ ซึ่งจากเนื้อหานี้เราคัดลอกมากจากชายผู้หนึ่งแต่คนอื่นกลับมองเค้าว่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เขาอ้างอิงมาบิดเบือนด้วย สับสนโปรดชี้แนะด้วย เถรวาทหรือมหายาน ก็เป็นเพียงแค่ชื่อ อย่าติดแค่ชื่อที่เป็นดังเปลือก จงศึกษาลึกเข้าไปถึงเนื้อแท้ จะพบว่ามีเพียงพุทธะเท่านั้น เราเกิดในเมืองแห่งเถรวาทย่อมเข้าใจเรื่องเถรวาทดี ก็จงเริ่มศึกษาบนพื้นฐานแห่งเถรวาท เมื่อมองดูดีๆจะเห็นว่ามีเถรวาทที่ผิดเพี้ยนมากมาย บางคราวออกแนวไสยศาสตร์ก็มี บางทีบวชมานมนานก็ยังเต็มไปด้วยโลภ โกรธ หลง สารพัด มหายานก็เช่นกันย่อมมีทั้งแท้และเทียม จงมองเลยเข้าไปที่ธรรมแท้ดีกว่าธรรมแท้เมื่อทำถูกย่อมดับทุกข์ได้จริง พระพุทธเจ้าสอนธรรมเพื่อการนี้ ชาติ ภาษา ผิวพรรณ เป็นแค่เปลือกของคน จิตที่สุขทุกข์ได้นั่นแล คือเนื้อแท้ที่ต้องมีธรรม ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | คนธรรมดาๆ [ 16 มี.ค. 2012, 01:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
ไม่ได้สนทนากันนานนะครับคุณ Nongkong ช่วงนี้ใจคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ ผมอยากจะขอใช้โอกาสนี้ ขอให้คุณลองถามตัวเองว่าที่คุณเข้ามาที่นี่คุณเข้ามาหาสิ่งใด คุณศึกษาพระธรรมเพื่อสิ่งใด และขอให้คุณใช้โอกาสนี้พิจารณาดูว่าคุณเผลอลืมจุดหมายเดิมไปบ้างหรือเปล่า กระแสการสนทนาธรรม ก็คือกระแสความคิด ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคน เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือที่เราจะเจอบุคคลที่มีแนวคิดต่างไป แต่จำเป็นหรือที่เราจะต้องโต้เถียงเอาชนะ หรือพยายามแสดงให้เห็นว่าเราเป็นฝ่ายถูกทุกครั้ง หรือต้องตอบโต้ เวลามีคนด่าว่าเราเสียๆหายๆ หากเราตอบโต้กลับ เราก็กำลังทำสิ่งนั้นที่เราไม่ชอบใส่คนอื่นใช่หรือเปล่า แบบนั้นแล้วเราภูมิใจในตัวเองได้หรือ ไม่ใช่ทุกคนจะยอมรับได้ เวลามีคนบอกว่าตัวเองมีจุดอ่อน ไม่ใช่ทุกคนที่จะเปิดกว้างพร้อมรับความคิดเห็นที่ต่างไป พระพุทธเจ้ายังช่วยคนไม่ได้ทุกคนเลย แล้วเราละเป็นใคร จุดอ่อนของใคร คนนั้นก็ต้องแก้เอง ที่สำคัญคุณเข้ามาที่นี่ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาตัวเองไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดจึงปล่อยใจตัวเองให้ถูกความอยากเอาชนะและความสะใจครอบงำเล่า โต้เถียงกันด้วยคำเผ็ดร้อน ใจคุณสงบดีหรือ คุณมีความสุขดีหรือ คุ้มกันหรือหากคุณชนะ คุณสะใจ คุณมีคนเห็นด้วย แต่ใจคุณเองเศร้าหมองลงทุกๆวัน อย่าเสียเวลามองออกไปข้างนอกอยู่เลย อย่าเสียเวลาพยายามปรับแก้ผู้อื่นเลย ใครอยากจะทะเลาะกับโลก โลกก็จะทะเลาะตอบเขา เอาเวลามองเข้ามาในตัวเองจะดีกว่าไหม เพื่อที่เราจะได้ปรับความคิดของตัวเองให้ตรง ให้เป็นผู้ที่มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป หากเป็นที่รำคาญใจต้องขออภัย ผิดถูกอย่างไรโปรดพิจารณา |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 16 มี.ค. 2012, 02:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
ทุกคน..มีช่วงเวลาของตน ข้าว....มันก็มีช่วงหว่านกล้า....ช่วงกล้าอ่อน....ปักดำ...ตั้งตัว....ตั้งท้อง...ออกรวงอ่อน...รวงแก่ ในแต่ละช่วงเวลา....ก็ต้องการน้ำที่แตกต่างกัน จะไปบังคับให้มันกระโด่ดข้ามขั้นตอน..ก็ไม่ได้ คน...ที่สนใจศึกษาพระธรรม..ก็เช่นกัน มี อนุบาล.... มี ป.1...มี ม. 3 ม. 6..มี ป.ตรี ในแต่ละช่วงชั้น....ก็มีความตื้นลึกหนาบางในธรรมะที่ต่างกัน ข้าว...มันขยับสับเปลี่ยนฐานะไปได้เองตามพันธุกรรม แต่..คน...จะเปลี่ยนแปลงสถานะได้ก็ด้วยความไม่พอใจในที่..ที่ตนเป็นอยู่ ในทางธรรม..คือ...คนต้องเห็นทุกข์ในขั้นภูมิของตนที่เป็นอยู่ หากไม่เห็นว่ามันทุกข์....กลับเห็นว่ามันสุขอยู่....แล้วอะไรจะไปเปลี่ยนแปลงได้ หากปุถุชน...ไม่ทุกข์....ก็คงไม่คิดจะเป็นโสดา หากโสดา..ไม่ทุกข์..ก็คงไม่คิดจะเป็นอนาคา หากอนาคา..ไม่ทุกข์...ก็คงไม่คิดจะเป็นอรหันต์ แม้ทุกข์...เป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก....แต่การเห็นทุกข์มีคุณอนันต์ กัลยาณมิตร...ช่วยชี้ว่า...นี้คือทุกข์...นั้นคือทุกข์...เป็นทานเป็นกุศล แต่..ผู้ที่ต้องเห็นทุกข์...ก็ยังต้องเป็นผู้นั้นเห็นเอง...จึงจะเป็นมหากุศล |
เจ้าของ: | nongkong [ 16 มี.ค. 2012, 02:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
ขอ อนุโมทนา สาธุนะเจ้าค่ะ ที่ช่วยเตือนสติ ดิฉันคิดแต่เพียงว่ามีมารแล้วมารนี่แหละทำให้เกิดกิเลิศและอยากจะเอาชนะพวกมารให้ได้แต่หารู้ไม่ว่า อันที่จริงแล้วมารก็คือจิตของดิฉันเองที่ยังควบคุมไม่ได้ดิฉันยังไม่สามารถเอาชนะมารในใจของดิฉันไปได้เจ้าค่ะ ดิฉันกำลังศึกษาและทำความเข้าใจกับ สัมมาสติอยู่เจ้าค่ะ ตอนนี้จิตดิฉันยัง ถูกตรึงอยู่กับความยินดีและยินร้ายอยู่เจ้าค่ะ จิตดิฉันไปจับเอาความยินร้ายมาทำให้เกิดกิเลสเจ้าค่ะ ซึ่งดิฉันรู้ตัวนะเจ้าค่ะว่าทำอะไรลงไป เพราะดิฉันไตร่ตรองและพิจราณาก่อนทุกครั้งไม่ได้ละเลงโทสะลงไปนะเจ้าค่ะ มีอะไรพอจะช่วยชี้แนะดิฉันก็อย่าได้เกรงใจนะเจ้าค่ะ เพราะถ้าดิฉันรู้ผิดก็อาจจะเดินในทางธรรมที่ผิด ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 16 มี.ค. 2012, 02:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 16 มี.ค. 2012, 05:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
คนธรรมดาๆ เขียน: ผมอยากจะขอใช้โอกาสนี้ ขอให้คุณลองถามตัวเองว่าที่คุณเข้ามาที่นี่คุณเข้ามาหาสิ่งใด คุณศึกษาพระธรรมเพื่อสิ่งใด และขอให้คุณใช้โอกาสนี้พิจารณาดูว่าคุณเผลอลืมจุดหมายเดิมไปบ้างหรือเปล่า กระแสการสนทนาธรรม ก็คือกระแสความคิด ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคน เป็นธรรมดาไม่ใช่หรือที่เราจะเจอบุคคลที่มีแนวคิดต่างไป ต้องขอโทษคุณเจ้าของความเห็นนี้ก่อนครับ ก่อนที่ผมจะวิจารณ์ความเห็น ผมชอบประโยคที่ว่า.... "ขอให้คุณลองถามตัวเองว่าที่คุณเข้ามาที่นี่คุณเข้ามาหาสิ่งใด คุณศึกษาพระธรรมเพื่อสิ่งใด" ถ้ามองแบบผิวเผิน คำบอกกล่าวที่คุณบอกคุณคิงคองแก ดูดีมีประโยชน์ครับ แต่ถ้ามองให้ลึกซึ่งแล้ว มันเป็นคำพูดที่ซุกซ่อนกิเลสไว้ครับ การมองกิเลสของคู่สนทนาต้องให้บุคลที่สามเป็นผู้มองจึงจะมองออก เฉกเช่นการมองการสนทนาของกลุ่มคนสามคน ก็ต้องให้บุคคลที่สี่เป็นผู้มองครับ คุณคนธรรมดาครับ ผมอยากเอาประโยคที่คุณบอกคุณคิงคอง ย้อนถามไปว่า "คุณเข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใด คุณศึกษาพระธรรมเพื่อสิ่งใดครับ" เมื่อคุณเห็นคำพูดของผมแล้ว คุณลองมองดูจิตที่ใจตัวเองซิว่า ก่อนที่คุณจะเอ่ยปากสอนคุณคิงคองนั้นน่ะ ในใจมันมีอะไรเป็นตัวนำ ทำให้คุณแสดงอาการคำพูดแบบนี้กับคุณคิงคอง ผมว่าคุณดูไม่ออกหรอกครับ นั้นเป็นเพราะคุณกำลังหลงครับ มันมีกิเลสตัวใหญ่ครอบง้ำคุณอยู่ จิตของคุณมันมีความอยากครับ มันปรุงแต่งเสียจนคุณคิดว่า ไอ้ความเป็นอกุศลที่คุณกำลังแสดงมันเป็นกุศล แท้จริงแล้ว มันเกิดการปรุงแต่งตัณหา ด้วยความคิดที่เป็นตัวหนังสือ ไอ้สภาวะแบบนี่แหล่ะครับเข้าเรียก การปรุงแต่งของกิเลส คุณคนธรรมดา ก็บอกเองว่ากระแสความคิดมันเป็นเฉพาะตัวบุคคล แล้วทำไมไม่เอาคำของตัวมาพิจารณาก่อนที่จะแสดงความเห็นตัวเองออกไป หรือกล่าวอีกนัย ทำไมไม่สอนใจตัวเองก่อน ที่จะสอนคนอื่น คุณคิงคองเข้าโต้เถียงกับคนอื่น ก็ด้วยความคิดของตนเอง แล้วมันผิดตรงไหน แต่ดูคุณซิครับ เข้ามาเจ้กี้เจ้าการความคิดคนอื่น แล้วยังมีหน้า มาบอกว่าความคิดเป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละคน เป็นธรรมดา บางครั้งบุคคลมักจะเข้าใจผิด นึกไปเองว่าการกระทำของตัวเองเป็นกุศล แท้จริงแล้ว มันเป็นอกุศล มันเป็นกิเลสที่ครอบด้วยโมหะจนหลงเข้าใจผิดไป ว่าคำพูดที่ถูกปรุงแต่งออกมานั้นมันเป็นกุศล |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 16 มี.ค. 2012, 09:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ใครรู้ช่วยตอบที |
กบนอกกะลา เขียน: ทุกคน..มีช่วงเวลาของตน ....... ข้าว...มันขยับสับเปลี่ยนฐานะไปได้เองตามพันธุกรรม แต่..คน...จะเปลี่ยนแปลงสถานะได้ก็ด้วยความไม่พอใจในที่..ที่ตนเป็นอยู่ ในทางธรรม..คือ...คนต้องเห็นทุกข์ในขั้นภูมิของตนที่เป็นอยู่ เขียนเอง...แต่ไม่ใช่ของตัวเอง.. ก็แปลกดี... ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |