วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 08:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 07:21
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบคุณกบนอกกะลา
ทุกข์เกิด ดับ เสมอๆ
เราไม่สามารถ ทำให้ทุกข์เกิด หรือทำให้ทุกข์ไม่เกิด
แต่อยู่ที่ ทำอย่างไร จะไม่ยึดติดในทุกข์นั้น

เวลาเกิดทุกข์ คนส่วนมากมักจะยึดติดในทุกข์ และหลงไปกับทุกข์
คนส่วนใหญ่ลืมว่า ทุกข์ก็อยู่ส่วนทุกข์ ทุกข์จะเกิด จะดับก็เรื่องของเขา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ชิดชัย เขียน:
ทำไมแก้ทุกข์จึงยาก ทั้งๆ ที่เห็นทุกข์กันอยู่เป็นประจำ ทุกท่านคิดว่า เพราะเหตุใดครับ :b8:

เพราะทุกข์นั้นมีทั้งความอยาบและละเอียดแตกต่างกันออกไป ทุกข์อย่างอยาบก็อาจแก้ได้ด้วยการถือศีล กินอาหารเพื่อคลายหิว งดเหล้า เว้นการฆ่าสัตว์ เหล่านี้ก็แก้ทุกข์ได้

ทุกข์อย่างละเอียดต้องใช้ปัญญาแก้ ต้องอาศัยการเข้าถึงธรรมครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 14:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


ชิดชัย เขียน:
ทำไมแก้ทุกข์จึงยาก ทั้งๆ ที่เห็นทุกข์กันอยู่เป็นประจำ ทุกท่านคิดว่า เพราะเหตุใดครับ :b8:

ก็คนเรานี้ชอบสิ่งที่มันเกิด สิ่งที่มันดับไม่ค่อยชอบ อะไรเกิดขึ้นก็ไปจับ ไปยึดเอา คือเอามาเป็นตัวเป็นตน สำคัญเอา ทีนี้มีความเห็นอย่างนี้ เป็นนิสัยคอยนอนตามอย่างนี้ มันก็เป็นกิเลส เป็นความอยากต้องการปราถนาเอา แต่ความดับ ความไม่มีนั้น ไม่ใคร่จะชอบ ไม่ใคร่จะเห็นจะรู้ หรือหากรู้หากเห็นบ้างเป็นบางโอกาส ก็ไม่ใคร่ใส่ใจพิจารณาด้วยปัญญาที่รู้เท่าทัน ....ความทุกข์ทั้งมวล หากมาพิจารณาบ้าง มันเป็นสิ่งที่เกิดมีทั้งนั้น ก็เพราะว่า ทุกข์นี้มาจากกายใจของคนเรานี้นั้น ทุกข์ไม่ใช่เกิดขึ้นที่ภายนอก ภุเขา ต้นไม้ ต่างๆ แต่สิ่งเหล่านั้นต่างก็ดำรงอยู่เป็นธรรมดาของสิ่งเหล่านั้น อะไรก็ตามที่มีลักษณะเกิดมีขึ้น จะเป็นความบังเทิง รื่นรมย์ สะดวก สนุกสนาน อำนาจ ยศฐาบรรดาศักดิ์ อันเป็นสิ่งที่คนเรานี้นั้นสมมติบัญญัติขึ้น ก็เป็นของไม่ยั่งยืน สุดท้ายก็ดับสลายไปตามเหตุตามกาลเวลา ความถือเอาหมกมุ่นอยู่กับโลกธรรมทั้งหลายจึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์แก่ผู้ยึดเอา เมื่อโลกธรรมทั้งหลายดับหายไป ไม่เป็นดังปราถนา
ฉะนั้น ทุกข์ที่ว่าแก้ยาก ก็เพราะไปหลงติดอยู่กับโลกธรรมทั้งหลาย ผู้ปราถนาพ้นทุกข์ไม่ควรยึดถือเอาด้วยความหมกมุ่นปราศจากปัญญาเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์ ปรากฏในหมวดธรรมสำคัญ 3 หมวด คือ

ในเวทนา (เวทนา 3 คือ ทุกข์ สุข อทุกขมสุข เวทนา 5 คือ ทุกข์ สุข โทมนัส โสมนัส และอุเบกขา) เรียกเต็มว่า ทุกขเวทนา


ในไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกข์ อนัตตา) เรียกเต็มว่า ทุกขลักษณะ และ

ในอริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)


ทุกข์ในหมวดธรรมทั้ง 3 นั้นมีความหมายเกี่ยวโยงเนื่องอยู่ด้วยกัน แต่มีขอบเขตกว้างแคบกว่ากัน เป็นบางแง่บางส่วน หรือเป็นผลสืบต่อจากกัน


ชิดชัย เขียน:
ทำไมแก้ทุกข์จึงยาก ทั้งๆ ที่เห็นทุกข์กันอยู่เป็นประจำ ทุกท่านคิดว่า เพราะเหตุใดครับ



ทุกข์ที่เห็นกันเป็นประจำนั่น ใช่ทุกข์ในหมวดธรรมเหล่านั้นมั้ย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดลึกลงไปอีกให้ตรงความจริงโดยสมบูรณ์ว่า ที่ว่าเป็นสุขหรือรู้สึกสุข (สุขเวทนา) นั้น ตามที่แท้จริงก็ไม่ใช่ปลอดพ้นหรือหายทุกข์หรอก แต่เป็นเพียงระดับหนึ่งหรือขีดขั้นหนึ่งของทุกข์เท่านั้น

กล่าวคือ ความบีบคั้นกดดันขัดแย้งที่ผ่อนหรือเพิ่มถึงระดับหนึ่งหรือในอัตราหนึ่ง เราเรียกว่าเป็นสุข เพราะทำให้เกิดความรู้สึกสุข แต่ถ้าเกินกว่านั้นไป ก็กลายเป็นต้องทนหรือเหลือทน เรียกว่า เป็นทุกข์ คือ รู้สึกทุกข์ (ทุกขเวทนา) ว่าที่จริงก็มีแต่ทุกข์ คือแรงบีบคั้นกดดันขัดแย้งเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง

เหมือนกับเรื่องความร้อนและความเย็น ว่าที่จริงความเย็นไม่มี มีแต่ความรู้สึกเย็น สภาวะที่เป็นพื้นก็คือ ความร้อนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง จนถึงไม่มีความร้อน
ที่คนเราพูดว่าเย็นสบายนั้น ก็เป็นเพียงความรู้สึก ซึ่งที่แท้แล้วเป็นความร้อนในระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าร้อนน้อยหรือมากเกินกว่าระดับนั้นแล้ว ก็หารู้สึกสบายไม่

โดยนัยนี้ ความสุข หรือพูดให้เต็มว่า ความรู้สึกสุขคือสุขเวทนาก็เป็นทุกข์ ทั้งในความหมายว่าเป็นทุกข์ระดับหนึ่ง มีสภาวะเพียงความรู้สึก และในความหมายว่าเป็นสิ่งที่ขึ้นต่อความบีบคั้นกดดัน ขัดแย้ง จะต้องสลาย จะต้องผันแปร จะต้องหมดไป เหมือนกับว่าทุกข์ที่เป็นตัวสภาวะนั้น ไม่ยอมให้สุขยืนยงคงอยู่ได้ยั่งยืนตลอดไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 22:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พบบุญ เขียน:
ตอบคุณกบนอกกะลา
ทุกข์เกิด ดับ เสมอๆ
เราไม่สามารถ ทำให้ทุกข์เกิด หรือทำให้ทุกข์ไม่เกิด
แต่อยู่ที่ ทำอย่างไร จะไม่ยึดติดในทุกข์นั้น

เวลาเกิดทุกข์ คนส่วนมากมักจะยึดติดในทุกข์ และหลงไปกับทุกข์
คนส่วนใหญ่ลืมว่า ทุกข์ก็อยู่ส่วนทุกข์ ทุกข์จะเกิด จะดับก็เรื่องของเขา


อ่อ....ทุกขเวทนา...นี้เอง

แล้วทุกขเวทนาเป็นทุกข์ในอริยะสัจ...หรือ?

นิโรธ...ความดับทุกข์นี้....เป็นความดับของทุกขเวทนาหรือ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


tonnk เขียน:
ชิดชัย เขียน:
ทำไมแก้ทุกข์จึงยาก ทั้งๆ ที่เห็นทุกข์กันอยู่เป็นประจำ ทุกท่านคิดว่า เพราะเหตุใดครับ

เพราะพลังไม่พอ ต้องมีศีลเป็นพื้นฐาน มีสุตะที่ดี เอาเบื้องต้นให้แน่น ต้องศึกษาให้ถูกต้องอย่าลัดขั้นตอน ถ้าลัดขั้นตอนแล้วมันก็จะงงๆ เง็งๆ ลุ่มๆ ดอนๆ เพราะเราปฏิบัติแบบลุ่มๆดอนๆ ถ้าไม่ลัดขั้นตอนธรรมจักรจะหมุนไปได้อย่างถูกต้องอย่างมีพลังโดยไม่ต้องไปปรึกษาหารือใคร สมมุติอย่างบางคนว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ตนเองเองยังกระดกเหล้าอยู่ ยังโกหกอยู่ ยังละเมิดศีลอยู่เบื้องต้นยังไม่ได้ บุคคลผู้นั้นถ้าไตร่ตรองพิจาณาธรรมย่อมถึงความฟุ้งซ่าน วิปลาส ลองตรวจสอบตามที่ผมกล่าวดูเถิด.

จริง onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 23:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
พบบุญ เขียน:
ตอบคุณกบนอกกะลา
ทุกข์เกิด ดับ เสมอๆ
เราไม่สามารถ ทำให้ทุกข์เกิด หรือทำให้ทุกข์ไม่เกิด
แต่อยู่ที่ ทำอย่างไร จะไม่ยึดติดในทุกข์นั้น

เวลาเกิดทุกข์ คนส่วนมากมักจะยึดติดในทุกข์ และหลงไปกับทุกข์
คนส่วนใหญ่ลืมว่า ทุกข์ก็อยู่ส่วนทุกข์ ทุกข์จะเกิด จะดับก็เรื่องของเขา


อ่อ....ทุกขเวทนา...นี้เอง

แล้วทุกขเวทนาเป็นทุกข์ในอริยะสัจ...หรือ?

นิโรธ...ความดับทุกข์นี้....เป็นความดับของทุกขเวทนาหรือ?

จะตอบว่า..ใช่..โดยปริยายได้รึเปล่าครับพี่กบนอกกะลา :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2012, 00:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ่อ....ทุกขเวทนา...นี้เอง

แล้วทุกขเวทนาเป็นทุกข์ในอริยะสัจ...หรือ?

นิโรธ...ความดับทุกข์นี้....เป็นความดับของทุกขเวทนาหรือ?


จะตอบว่า..ใช่..โดยปริยายได้รึเปล่าครับพี่กบนอกกะลา :b8:


แล้ว..ใช่...ที่ตอบมานี้...รวมกับคำถามที่ว่า....ทุกขเวทนาเป็นทุกข์ในอริยะสัจ...ด้วยใช่มั้ย? :b12:

ถ้า..ใช่....ก็จะถามต่อ :b9:

ฌาณ 4 สมาบัติ 8 พรหม 16 ชั้น ไม่มีทุกข์เวทนา...แล้วจะเรียกว่านิโรธได้หรือยัง?

ยังงัย ๆ ก็ต้องตอบว่า...."ยังไม่เรียก"....อยู่แล้ว..(ขี้เกียจรอ) :b9: :b9: :b12:

ก็ในเมื่อ..ยังไม่เรียก...ควรแล้วหรือที่จะกล่าวว่า...ทุกขเวทนาเป็นทุกข์ในอริยะสัจ? :b16: :b16:

ถามวนไปวนมากวนบาทาไปงัยแหละ :b32: ....

ส่วนภาพที่เห็นจะเป็นยังงัย...ก็แล้วแต่จิตนาการ

ภาพของใครก็ของมัน...เน๊าะ :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2012, 00:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


พิจารณาขันธ์5 ให้เห็นตามความเป็นจริง เกิด แก่ เจ็บ ตาย สิ่งเหล่านี้ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
หรือ ประสบเหตุการสูญเสีย คนที่ตนรัก พลัดพรากจากกัน พิจารณา ให้เข้าใจเห็นตามความเป็นจริงแล้วปล่อยวาง ทุกข์ ในอริยสัจ 4 คือ ความจริงที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้นยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ มันก็จะหายทุกข์เองแหละ เชื่อม่ะ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2012, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์ กว่าจะเข้าใจ ทุกข์ ในอริยะสัจ 4 ก็ตอน 40-50ตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวก็มัวหลงระเริงสุขในกามราคะ จิตคงได้เวียนว่ายตายเกิดอีกนาน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2012, 00:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ่อ....ทุกขเวทนา...นี้เอง

แล้วทุกขเวทนาเป็นทุกข์ในอริยะสัจ...หรือ?

นิโรธ...ความดับทุกข์นี้....เป็นความดับของทุกขเวทนาหรือ?


จะตอบว่า..ใช่..โดยปริยายได้รึเปล่าครับพี่กบนอกกะลา :b8:


แล้ว..ใช่...ที่ตอบมานี้...รวมกับคำถามที่ว่า....ทุกขเวทนาเป็นทุกข์ในอริยะสัจ...ด้วยใช่มั้ย? :b12:

ถ้า..ใช่....ก็จะถามต่อ :b9:

ฌาณ 4 สมาบัติ 8 พรหม 16 ชั้น ไม่มีทุกข์เวทนา...แล้วจะเรียกว่านิโรธได้หรือยัง?

ยังงัย ๆ ก็ต้องตอบว่า...."ยังไม่เรียก"....อยู่แล้ว..(ขี้เกียจรอ) :b9: :b9: :b12:

ก็ในเมื่อ..ยังไม่เรียก...ควรแล้วหรือที่จะกล่าวว่า...ทุกขเวทนาเป็นทุกข์ในอริยะสัจ? :b16: :b16:

ถามวนไปวนมากวนบาทาไปงัยแหละ :b32: ....

ส่วนภาพที่เห็นจะเป็นยังงัย...ก็แล้วแต่จิตนาการ

ภาพของใครก็ของมัน...เน๊าะ :b12: :b12:

สวัสดีครับพี่กบนอกกะลา :b8:
ผมรวมเอาไว้ด้วยครับ เพราะเมื่อไม่มีภพก็ไม่มีชาติ ก็ไม่มีรูปนาม ไม่มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ไม่มีทุกขเวทนาทั้งหลายไปโดยปริยาย เพราะเวทนาทั้งหลายต้องอาศัยรูปนามเกิดขึ้นใช่มั้ยครับ เพราะรูปนามเป็นทุกขสัจ เวทนาทั้งหลายจึงเป็นทุกขสัจโดยปริยาย และเพราะความดับสนิทแห่งรูปนาม เวทนาทั้งหลายจึงดับสนิทไปโดยปริยายเช่นกันใช่มั้ยครับ...ดังนั้นจึงว่า ใช่ โดยปริยายครับ
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2012, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


[๘๙] คำว่า นามรูปนั้นดับ ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ ความว่า ธรรม
เหล่าใด คือ นามและรูป พึงเกิดขึ้นในสงสารมีส่วนเบื้องต้น และที่สุดอันรู้ไม่ได้ เว้นภพ ๗
ธรรมเหล่านั้นย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ระงับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับ
แห่งวิญญาณอันสัมปยุตด้วยอภิสังขารธรรม ด้วยโสดาปัตติมรรคญาณ. ธรรมเหล่าใด คือ นาม
และรูป พึงเกิดขึ้นในภพ ๕ เว้นภพ ๒ ธรรมเหล่านั้น ย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ถึงความตั้งอยู่
ไม่ได้ ระงับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณอันสัมปยุตด้วยอภิสังขารธรรม ด้วย
สกทาคามิมรรคญาณ. ธรรมเหล่าใด คือ นามและรูป พึงเกิดขึ้นในกามธาตุ รูปธาตุ หรืออรูปธาตุ
เว้นภพ ธรรมเหล่านั้นย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ระงับไป ณ ที่นั้น เพราะ
ความดับแห่งวิญญาณอันสัมปยุตด้วยอภิสังขารธรรม ด้วยอนาคามิมรรคญาณ. ธรรมเหล่าใด คือ
นามและรูป พึงเกิดขึ้น ธรรมเหล่านั้นย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ระงับไป ณ
ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณอันสัมปยุตด้วยอภิสังขารธรรม ด้วยอรหัตมรรคญาณ. เมื่อ
พระอรหันต์ปรินิพพานด้วยปรินิพพานธาตุอันเป็นอนุปาทิเสส ธรรมเหล่านี้ คือ ปัญญา สติ และ
นามรูป ย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ย่อมระงับไป ณ ที่นั้น เพราะความ
ดับแห่งวิญญาณดวงก่อน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นามรูปนั้นย่อมดับ ณ ที่นั้น เพราะความดับ
แห่งวิญญาณ.
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
ดูกรอชิตะ ท่านได้ถามปัญหาข้อใดแล้ว เราจะแก้ปัญหา
ข้อนั้นแก่ท่าน นามและรูปดับไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด
นามรูปนั้นก็ดับ ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... =170&Z=643

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2012, 13:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชิดชัย เขียน:
ทำไมแก้ทุกข์จึงยาก ทั้งๆ ที่เห็นทุกข์กันอยู่เป็นประจำ ทุกท่านคิดว่า เพราะเหตุใดครับ :b8:


ที่แก้ยากเพราะแก้ไม่เป็น หรือที่เห็นแต่เห็นไม่หมด จึงแก้ไม่ทัน ถ้าเห็นจริง เห็นตลอดนั้นย่อมแก้ทัน หรือกันไว้ได้เลยไม่ต้องแก้ เลยสบาย :b12:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2012, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
[๘๙] คำว่า นามรูปนั้นดับ ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ ความว่า ธรรม
เหล่าใด คือ นามและรูป พึงเกิดขึ้นในสงสารมีส่วนเบื้องต้น และที่สุดอันรู้ไม่ได้ เว้นภพ ๗
ธรรมเหล่านั้นย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ระงับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับ
แห่งวิญญาณอันสัมปยุตด้วยอภิสังขารธรรม ด้วยโสดาปัตติมรรคญาณ. ธรรมเหล่าใด คือ นาม
และรูป พึงเกิดขึ้นในภพ ๕ เว้นภพ ๒ ธรรมเหล่านั้น ย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ถึงความตั้งอยู่
ไม่ได้ ระงับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณอันสัมปยุตด้วยอภิสังขารธรรม ด้วย
สกทาคามิมรรคญาณ. ธรรมเหล่าใด คือ นามและรูป พึงเกิดขึ้นในกามธาตุ รูปธาตุ หรืออรูปธาตุ
เว้นภพ ธรรมเหล่านั้นย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ระงับไป ณ ที่นั้น เพราะ
ความดับแห่งวิญญาณอันสัมปยุตด้วยอภิสังขารธรรม ด้วยอนาคามิมรรคญาณ. ธรรมเหล่าใด คือ
นามและรูป พึงเกิดขึ้น ธรรมเหล่านั้นย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ระงับไป ณ
ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณอันสัมปยุตด้วยอภิสังขารธรรม ด้วยอรหัตมรรคญาณ. เมื่อ
พระอรหันต์ปรินิพพานด้วยปรินิพพานธาตุอันเป็นอนุปาทิเสส ธรรมเหล่านี้ คือ ปัญญา สติ และ
นามรูป ย่อมดับ คือ ย่อมสงบ ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ย่อมระงับไป ณ ที่นั้น เพราะความ
ดับแห่งวิญญาณดวงก่อน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นามรูปนั้นย่อมดับ ณ ที่นั้น เพราะความดับ
แห่งวิญญาณ.
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
ดูกรอชิตะ ท่านได้ถามปัญหาข้อใดแล้ว เราจะแก้ปัญหา
ข้อนั้นแก่ท่าน นามและรูปดับไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด
นามรูปนั้นก็ดับ ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... =170&Z=643


อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 124 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร