ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
คุณของการขอโทษและการให้อภัย http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41982 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | จัทร์เพ็ญ [ 05 พ.ค. 2012, 07:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
ท่านเคยขอโทษหรือให้อภัยใครมาบ้างและได้อะไรจากการขอโทษและการให้อภัยนั้นคะ |
เจ้าของ: | tonnk [ 05 พ.ค. 2012, 11:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
ในทานบารมีนั้นมีทาน ๓ อย่าง โดยเป็นวัตถุที่ควรให้ คือ อามิสทาน ๑ อภัยทาน ๑ ธรรมทาน ๑. ให้อภัยก็เป็นทานอย่างหนึ่งนะ. |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 05 พ.ค. 2012, 12:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
จัทร์เพ็ญ เขียน: ท่านเคยขอโทษหรือให้อภัยใครมาบ้างและได้อะไรจากการขอโทษและการให้อภัยนั้นคะ สวัสดีครับพี่จันทร์เพ็ญ ทำอยู่เสมอทำจนเป็นปกติ สิ่งที่ได้ก็ไม่มีอะไรมากแค่การไม่ผูกเวรของตนต่อผู้อื่นเท่านั้นเองครับ ของคุณครับ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 05 พ.ค. 2012, 21:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
จัทร์เพ็ญ เขียน: ท่านเคยขอโทษหรือให้อภัยใครมาบ้างและได้อะไรจากการขอโทษและการให้อภัยนั้นคะ การจะได้อะไรจากการขอโทษ..หรือ..การให้อภัยนั้น...ก็ขึ้นอยู่กับว่า...ที่ทำไปนั้นมีอะไรเป็นฐานของการกระทำ..(การขอโทษ...การให้อภัย ) หากทำไปเพราะ...คิดว่าทำแล้วดี...ให้สังคมยอมรับเรา...มองเราดีขึ้น...แม้ตัวเองผิดหรือไม่ผิดก็ตาม...แต่ก็ขอโทษไปอย่างนั้นแหละ...ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็อาจจะดีขึ้น...เรียกว่า..ข่มการกระทำด้วยเหตุผลทางความดี...แต่ใจลึก ๆ มันว่าตัวเองถูกอยู่ หากทำไปเพราะ...เห็นความผิดตน..เห็นตนหลงโกรธ...เห็นตนไหลไปตามกิเลสตัณหาอวิชชา...หลงกระทำเพียงเพื่อปกป้อง...ตัวที่เข้าใจผิดว่าเรา..ของที่เข้าใจผิดว่าของของเรา...เห็นความผิดตนแล้วนึกสงสารตนยิ่งนัก....สงสารคนที่มารองรับอารมณ์ของตนยิ่งนัก....อยากจะขอโทษเขา...ให้เขารู้ว่าเขาไม่ผิด..เป็นเราผิดเอง...เขาจะให้อภัยเราหรือไม่...ก็เรื่องของเขา...แม้เขาจะมีความผิดอยู่บ้างก็ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ ขอโทษนะเพื่อน...ขอโทษนะพี่...ผมผิดเอง เรียกว่าทำเพราะ...การเห็นความจริง...ผลนะหรือ....ใจเรากลับไปสู่ความเป็นปกติ..เสมือนกับว่า...การกระทำผิดนั้นไม่เคยเกิดขึ้น...พบหน้าเพื่อนหน้าพี่อีกครั้ง...อารมณ์ตะขิดตะข่วงใจไม่มี..ใจโปร่งโล่งสบาย ไม่รู้ว่า...จะเรียกว่า การเกิดจากอารมณ์นั้น..ดับ ภพจากอารมณ์นั้น...ไม่มีอีก ได้มั้ย? การให้อภัยก็เช่นเดียวกัน....เห็นเขาหลง...ไหลไปตามกิเลสตัณหาอวิชชา...เพียงเพื่อสิ่งที่ไม่เป็นสาระหลงว่าเป็นสาระ...กำลังทุกข์อยู่ก็ไม่รู้ว่าทุกข์...เขาทำไปเพราะความไม่รู้แท้ ๆ ...สงสารเขานะ...ถ้ารู้ก็คงไม่ทำ... ถ้าให้อภัยด้วยความเห็นจริงแล้ว...ใจจะโปร่งโล่งสบาย... |
เจ้าของ: | ธรรมโฆษ [ 06 พ.ค. 2012, 14:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
จัทร์เพ็ญ เขียน: ท่านเคยขอโทษหรือให้อภัยใครมาบ้างและได้อะไรจากการขอโทษและการให้อภัยนั้นคะ ขอโทษ เมื่อเห็นตนเองผิด เป็นการลดอัตตาลง ป้องกันผูกโกรธได้ด้วย คงสภาพความมิตรระหว่างกันได้ด้วย คนที่ขอโทษคนอื่นได้เพราะเห็นแก่มิตรภาพมากกว่ามานะ ความแข็งกระด้างของตน ส่วนผู้ให้อภัย เป็นการแสดงออกของกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ บางคนก็เห็นแก่มิตรภาพ บางคนก็เห็นแก่ประโยชน์ในภายภาคหน้า ฯลฯ |
เจ้าของ: | จางบาง [ 06 พ.ค. 2012, 22:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
ผมสงสัยว่าการให้อภัย คือการให้ทานได้ยังไง เพราะ ไม่ได้ให้อะไรใครเขาสักอย่าง นอกจากการทำใจตนเองที่จะไม่ถือสา แล้วการทำในใจที่จะไม่ถือสาใครต่อใคร จะคือการให้ทานได้ยังไง ขอท่านผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยครับ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 06 พ.ค. 2012, 22:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
ทาน...คือการสละออก วัตถุทาน...เอาอารมณ์ความโลภออก อภัยทาน....เอาอารมณ์ความโกรธความขุ่นเคืองออก |
เจ้าของ: | จางบาง [ 06 พ.ค. 2012, 22:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
เอาความโกรธออก กับการให้ทานนี้ มันอันเดียวกันเหรอครับคุณกบ การละความโกรธ ความรัก ความหลง ผมไม่เห็นรู้สึกว่าต้องไปให้ทานกับใครที่ไหนเลย |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 06 พ.ค. 2012, 23:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
ยังเคืองเขาอยู่....แม้ปากว่าให้อภัย...มันก็อภัยแค่ปาก...ใจไม่ได้ให้จริง แบบนี้...ไม่ถือว่าเป็นการให้อภัย..นะ จะให้อภัยใครได้...ต้องเอาอารมณ์โกรธเคืองออกก่อน แถมการจะให้อภัยใคร....นอกจากจะต้องหายโกรธแล้ว...เมตตาก็เพิ่มมาด้วย เมตตาสะสมมาก ๆ เข้า...ความโกรธก็ยิ่งน้อยลง |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 07 พ.ค. 2012, 20:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
จางบาง เขียน: เอาความโกรธออก กับการให้ทานนี้ มันอันเดียวกันเหรอครับคุณกบ ได้ผลชะงังหนักแล...ลองดูซิ เวลาโกรธที่ใครทำผิด....ก็ยกความผิดนั้นเป็นทานให้กับคนที่ทำซะ...ผิดแล้วก็แล้วไป...เริ่มใหม่ อ้างคำพูด: การละความโกรธ ความรัก ความหลง ผมไม่เห็นรู้สึกว่าต้องไปให้ทานกับใครที่ไหนเลย ลองดู.....ลองทานให้หมดอย่างที่ว่ามาซิ....ลองดู ไม่มีใครรับ...ทานก็สำเร็จได้ |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 08 พ.ค. 2012, 05:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
กบนอกกะลา เขียน: :b32: ยังเคืองเขาอยู่....แม้ปากว่าให้อภัย...มันก็อภัยแค่ปาก...ใจไม่ได้ให้จริง แบบนี้...ไม่ถือว่าเป็นการให้อภัย..นะ จะให้อภัยใครได้...ต้องเอาอารมณ์โกรธเคืองออกก่อน แถมการจะให้อภัยใคร....นอกจากจะต้องหายโกรธแล้ว...เมตตาก็เพิ่มมาด้วย เมตตาสะสมมาก ๆ เข้า...ความโกรธก็ยิ่งน้อยลง กะลาธรรมนี้ความเห็นนี้แต่งเองหรือเปล่า ฟังแล้วมันแหม่งๆยังไงไม่รู้ กะลารู้จักคำว่า "ยกโทษให้" "ไม่แก้แค้น" มั้ย ที่ว่ามามันเป็นกายสังขาร ไม่ใช่จิตสังขารอย่างที่กะลาบอกนะจ๊ะ |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 08 พ.ค. 2012, 07:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
กบนอกกะลา เขียน: จางบาง เขียน: เอาความโกรธออก กับการให้ทานนี้ มันอันเดียวกันเหรอครับคุณกบ ได้ผลชะงังหนักแล...ลองดูซิ เวลาโกรธที่ใครทำผิด....ก็ยกความผิดนั้นเป็นทานให้กับคนที่ทำซะ...ผิดแล้วก็แล้วไป...เริ่มใหม่ อ้างคำพูด: การละความโกรธ ความรัก ความหลง ผมไม่เห็นรู้สึกว่าต้องไปให้ทานกับใครที่ไหนเลย ลองดู.....ลองทานให้หมดอย่างที่ว่ามาซิ....ลองดู ไม่มีใครรับ...ทานก็สำเร็จได้ เช่นนั้นแล นิพพาน ก็ให้ทานให้สิ้น จนไม่เหลือ จริง สูญตาทาน |
เจ้าของ: | จัทร์เพ็ญ [ 09 พ.ค. 2012, 06:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
ขอบคุณทุกท่านคะ |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 09 พ.ค. 2012, 18:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
จางบาง เขียน: ผมสงสัยว่าการให้อภัย คือการให้ทานได้ยังไง เพราะ ไม่ได้ให้อะไรใครเขาสักอย่าง นอกจากการทำใจตนเองที่จะไม่ถือสา แล้วการทำในใจที่จะไม่ถือสาใครต่อใคร จะคือการให้ทานได้ยังไง ขอท่านผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยครับ อภัยทาน หมายถึง ให้ความไม่มีภัย ให้ความปลอดภัย ตัวอย่าง ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ใน ปุญญาภิสันทสูตร ดังนี้ว่า [๑๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๘ ประการนี้ นำความสุข มาให้ ให้อารมณ์เลิศ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ เป็นไปเพื่อสิ่งที่น่า ปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ห้วงบุญ ห้วงกุศล ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ถึง พระพุทธเจ้าเป็นสรณะ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๑ นำความสุขมาให้ ให้ อารมณ์เลิศ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ เป็นไปเพื่อสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ฯ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ถึงพระธรรมเป็นสรณะ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๒ ฯลฯ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ นี้ เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๓ ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๕ ประการนี้ เป็นมหาทาน อันบัณฑิตพึงรู้ว่า เป็นเลิศ มีมานาน เป็นเชื้อสายแห่งพระอริยะ เป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย ไม่เคยกระจัดกระจาย อันบัณฑิตไม่รังเกียจอยู่ จักไม่รังเกียจ อันสมณพราหมณ์ ผู้เป็นวิญญูไม่เกลียด ทาน ๕ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกใน ธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้งดเว้นจากปาณาติบาต ชื่อว่าให้ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่ เบียดเบียน แก่สัตว์หาประมาณมิได้ ครั้นให้ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความ ไม่เบียดเบียนแก่สัตว์หาประมาณมิได้แล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียน หาประมาณมิได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็น ทานประการที่ ๑ ที่เป็นมหาทาน บัณฑิตพึงรู้ว่าเป็นเลิศ มีมานาน เป็นเชื้อสาย แห่งพระอริยะ เป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย ไม่เคยกระจัดกระจาย อันบัณฑิต ไม่รังเกียจ อันสมณพราหมณ์ผู้เป็นวิญญูไม่เกลียด ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นห้วง บุญห้วงกุศลประการที่ ๔ ฯลฯ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกละอทินนาทาน งดเว้นจากอทินนาทาน ฯลฯ นี้เป็นทานประการที่ ๒ ฯลฯ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๕ ฯลฯ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกละกาเมสุมิจฉาจาร งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร ฯลฯ นี้เป็นทานประการที่ ๓ ฯลฯ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๖ ฯลฯ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกละมุสาวาท งดเว้นจากมุสาวาท ฯลฯ นี้ เป็นทานประการที่ ๔ ฯลฯ นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๗ ฯลฯ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกละการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็น ที่ตั้งแห่งความประมาท งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้ง แห่งความประมาท ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทแล้ว ชื่อว่าให้ความไม่มีภัย ความ ไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียนแก่สัตว์หาประมาณมิได้ ครั้นให้ความไม่มีภัย ความ ไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียนแก่สัตว์หาประมาณมิได้แล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่ง ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียนหาประมาณมิได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นทานประการที่ ๕ ที่เป็นมหาทาน บัณฑิตพึงรู้ว่าเป็นเลิศ มีมานาน เป็น เชื้อสายแห่งพระอริยะ เป็นของเก่า ไม่กระจัดกระจาย ไม่เคยกระจัดกระจาย อันบัณฑิตไม่รังเกียจ จักไม่รังเกียจ อันสมณพราหมณ์ผู้เป็นวิญญูไม่เกลียด ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๘ นำสุขมาให้ ให้อารมณ์ อันเลิศ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๘ ประการนี้แล นำสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อ ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ฯ จบสูตรที่ ๙ |
เจ้าของ: | nongkong [ 09 พ.ค. 2012, 21:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คุณของการขอโทษและการให้อภัย |
ทำไมดิฉันรุ้สึกว่า อารมณืโกรธมันเป็นแค่เวทนาตัวหนึ่ง ที่เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป เกิดๆ ดับๆ เพราะเราชอบส่งจิตออกนอก ไม่เห็นต้องไปให้อภัยทานใคร ในเมื่อจิตเราไม่ได้ไปยึดติด ไปอาฆาต เคียดแค้น พยาบาทจองเวร การอภัยทาน คือ การเอาออกให้ได้ซึ่งความเคียดแค้นพยาบาทผู้อื่นหรอก คือการอโหสิกรรม ไม่จองเวรกัน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |