ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41999
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 07 พ.ค. 2012, 20:47 ]
หัวข้อกระทู้:  ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

มีใคร ถือศิล 8 บ้าง แล้ว เป็นไงบ้าง ครับ

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 08 พ.ค. 2012, 07:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

แสดงว่า ไม่มีใคร มีศิล ทั้ง 3 ข้อนี้กระมัง เอ๋!!! เดิน มรรค กัน แต่จิตและกาย ไม่วิ่งไปที่ศิล กันบ้างหรือครับ แค่วิ่งไปใกล้้ๆไม่ต้อง บริบูรณ์ก็ได้ ออๆๆๆ ก็มันเป็นเช่นนั้นเอง
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  student [ 08 พ.ค. 2012, 07:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

พยายามรักษาครับ ไม่รู้ได้กี่ข้อ อาจจะขาดบ้างก็คงเป็นเรื่องของ วาจา และจิต ที่ไหลตามอารมณ์เป็นบางครั้ง แต่งดของมึนเมาได้เด็ดขาดครับ และการฆ่าสัตว์

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 08 พ.ค. 2012, 07:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

student เขียน:
พยายามรักษาครับ ไม่รู้ได้กี่ข้อ อาจจะขาดบ้างก็คงเป็นเรื่องของ วาจา และจิต ที่ไหลตามอารมณ์เป็นบางครั้ง แต่งดของมึนเมาได้เด็ดขาดครับ และการฆ่าสัตว์



พยายาม=เพียร
ขาดบ้าง ไหลบ้าง = รู้ (จากคิดย้อนไป หรือ ปัจจุบันขณะ)
ที่เหลือ ก็ วิปัสสนา
ใช่หรือป่าวหวา
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 พ.ค. 2012, 08:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

ฝึกจิต เขียน:
แสดงว่า ไม่มีใคร มีศิล ทั้ง 3 ข้อนี้กระมัง เอ๋!!! เดิน มรรค กัน แต่จิตและกาย ไม่วิ่งไปที่ศิล กันบ้างหรือครับ แค่วิ่งไปใกล้้ๆไม่ต้อง บริบูรณ์ก็ได้ ออๆๆๆ ก็มันเป็นเช่นนั้นเอง


วิ่งยังไงถึงจะไม่เหนื่อยครับ :b25:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 พ.ค. 2012, 08:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

อ้างคำพูด:
"ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ"


ขยายความหน่อยครับ ไม่ค่อยเข้าใจ ศีล 6-8 ทำให้ทิ้งกายได้ยังไงครับ :b10:

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 08 พ.ค. 2012, 13:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

ศีล 8 มีอะไรบ้างครับ

เจ้าของ:  nongkong [ 08 พ.ค. 2012, 13:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

ฝึกจิต เขียน:
แสดงว่า ไม่มีใคร มีศิล ทั้ง 3 ข้อนี้กระมัง เอ๋!!! เดิน มรรค กัน แต่จิตและกาย ไม่วิ่งไปที่ศิล กันบ้างหรือครับ แค่วิ่งไปใกล้้ๆไม่ต้อง บริบูรณ์ก็ได้ ออๆๆๆ ก็มันเป็นเช่นนั้นเอง
:b8: :b8: :b8:

อะไรศีล 6-7-8 รู้จักแต่ศีล5 อ่อ ถ้าถือศีล 8 ที่ว่ากินข้าวมื้อเดียว ไม่ประทินผิวด้วยเครื่องหอม ไม่ติดสุขนอนพื้นแข็งๆ ใช่หรือป่าวอ่ะ s006 ไม่เห็นต้องถือศีล8ให่ยุ่งยาก แค่ละสังขารตัวเดียวมันก็จัดอยู่ในศีล8แล้ว มะรู้อะไรซะเลยอย่าลืมสิ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ไม่เห็นต้องไปยึดศีล8ให้ปวดหัว พระพุทธเจ้าบอกธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเด้อเจ้าค่ะ

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 08 พ.ค. 2012, 14:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
แสดงว่า ไม่มีใคร มีศิล ทั้ง 3 ข้อนี้กระมัง เอ๋!!! เดิน มรรค กัน แต่จิตและกาย ไม่วิ่งไปที่ศิล กันบ้างหรือครับ แค่วิ่งไปใกล้้ๆไม่ต้อง บริบูรณ์ก็ได้ ออๆๆๆ ก็มันเป็นเช่นนั้นเอง
:b8: :b8: :b8:

อะไรศีล 6-7-8 รู้จักแต่ศีล5 อ่อ ถ้าถือศีล 8 ที่ว่ากินข้าวมื้อเดียว ไม่ประทินผิวด้วยเครื่องหอม ไม่ติดสุขนอนพื้นแข็งๆ ใช่หรือป่าวอ่ะ s006 ไม่เห็นต้องถือศีล8ให่ยุ่งยาก แค่ละสังขารตัวเดียวมันก็จัดอยู่ในศีล8แล้ว มะรู้อะไรซะเลยอย่าลืมสิ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ไม่เห็นต้องไปยึดศีล8ให้ปวดหัว พระพุทธเจ้าบอกธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเด้อเจ้าค่ะ


ละสังขารได้ มันคงไม่แค่ศิล 8 หรอกครับ ได้ยัน ศิล หมื่น ศิล แสน กระมัง
ผมว่า ศิลไม่ต้องถือ หรอกครับมันหนักเหมือนกันนะ ปฏิบัติไป เพียรไป เดี่ยวมันมาเอง แบบสบายมากก็กิเลส ไม่สบายเลยก็กิเลส เอาแบบกลางๆ ค่อยเป็นค่อยไป แบบไม่ยึดมั่นถือมั่น ในความไม่ยึดมั่นถือมั่น ด้วยนะครับ :b16: :b16: :b12:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 08 พ.ค. 2012, 14:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

กรัชกาย เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
แสดงว่า ไม่มีใคร มีศิล ทั้ง 3 ข้อนี้กระมัง เอ๋!!! เดิน มรรค กัน แต่จิตและกาย ไม่วิ่งไปที่ศิล กันบ้างหรือครับ แค่วิ่งไปใกล้้ๆไม่ต้อง บริบูรณ์ก็ได้ ออๆๆๆ ก็มันเป็นเช่นนั้นเอง


วิ่งยังไงถึงจะไม่เหนื่อยครับ :b25:


นอน นั่ง ยืน เดิน วิ่ง มันเหนื่อยทั้งนั้นแหละถ้ามันเกินพอดี

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 08 พ.ค. 2012, 14:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
"ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ"


ขยายความหน่อยครับ ไม่ค่อยเข้าใจ ศีล 6-8 ทำให้ทิ้งกายได้ยังไงครับ :b10:



อย่าเลย ท่าน ผมอาจลูบหัวช้างอยู่ก็ได้ ยังไม่เห็นช้างทั้งตัว ไม่อยากโชว์โง่ :b12: :b12:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 08 พ.ค. 2012, 14:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

เช่นนั้น เขียน:
ศีล 8 มีอะไรบ้างครับ


ท่านผู้รู้ เล่นถามคนตาบอดอยากกระผม แล้วผมจะตอบอย่างไร

เจ้าของ:  nongkong [ 08 พ.ค. 2012, 14:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

ฝึกจิต เขียน:
nongkong เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
แสดงว่า ไม่มีใคร มีศิล ทั้ง 3 ข้อนี้กระมัง เอ๋!!! เดิน มรรค กัน แต่จิตและกาย ไม่วิ่งไปที่ศิล กันบ้างหรือครับ แค่วิ่งไปใกล้้ๆไม่ต้อง บริบูรณ์ก็ได้ ออๆๆๆ ก็มันเป็นเช่นนั้นเอง
:b8: :b8: :b8:

อะไรศีล 6-7-8 รู้จักแต่ศีล5 อ่อ ถ้าถือศีล 8 ที่ว่ากินข้าวมื้อเดียว ไม่ประทินผิวด้วยเครื่องหอม ไม่ติดสุขนอนพื้นแข็งๆ ใช่หรือป่าวอ่ะ s006 ไม่เห็นต้องถือศีล8ให่ยุ่งยาก แค่ละสังขารตัวเดียวมันก็จัดอยู่ในศีล8แล้ว มะรู้อะไรซะเลยอย่าลืมสิ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ไม่เห็นต้องไปยึดศีล8ให้ปวดหัว พระพุทธเจ้าบอกธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเด้อเจ้าค่ะ


ละสังขารได้ มันคงไม่แค่ศิล 8 หรอกครับ ได้ยัน ศิล หมื่น ศิล แสน กระมัง
ผมว่า ศิลไม่ต้องถือ หรอกครับมันหนักเหมือนกันนะ ปฏิบัติไป เพียรไป เดี่ยวมันมาเอง แบบสบายมากก็กิเลส ไม่สบายเลยก็กิเลส เอาแบบกลางๆ ค่อยเป็นค่อยไป แบบไม่ยึดมั่นถือมั่น ในความไม่ยึดมั่นถือมั่น ด้วยนะครับ :b16: :b16: :b12:

ถึงบอกไงว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน :b12:

เจ้าของ:  ขนมจีบซาลาเปา [ 08 พ.ค. 2012, 15:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

ฝึกจิต เขียน:
มีใคร ถือศิล 8 บ้าง แล้ว เป็นไงบ้าง ครับ


ดิฉันเคยถือศีลแปดอยู่2-3 ปีค่ะ เหตุที่หยุดเพราะร่างกายไม่อำนวย ร่างกายขาดสารอาหารทำให้ป่วยบ่อย

ส่วนเหตุที่ถือศีล8 ตอนนั้น ดิฉันเห็นความสำคัญว่า ศีล8 จะช่วยให้ดิฉันฝึกในการลดละเลิก ได้ในหลายๆด้าน ในความเป็นผู้หญิง ก็ชอบแต่งตัวเป็นปกติ แต่ดิฉันต้องสมบูรณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อมาปฎิบัติธรรมเห็นว่าที่เป็นอยู่มันเยอะเกินไป แต่มันเป็นนิสัยไปแล้ว ที่ต้องสมบูรณ์ ดูเนี้ยบไปซะทุกสิ่ง..เลยเอาอุบายของศีลมากำกับตัวเอง..ผลที่ได้คือ..เดี๋ยวนี้ลดลงได้มาก เห็นเสื้อผ้าสวย ก็สวยดี แต่เฉยๆ ถ้าอยากจะซื้อ ก็ซื้อ แต่ไม่ซื้อก็ได้ การแต่งตัวก็แต่งตามกาลเทศะ จากเนี้ยบสุด ลดลงมาเป็นธรรมดา เพราะแต่งสวยแค่ไหนก็ตายเหมือนกัน แต่งดีแค่ไหนก็แ่ก่ได้เหมือนกัน แต่งงามแค่ไหนก็ป่วยได้เป็นปกติเหมือนกัน..เลยเฉยๆงั้นๆ..คือ แต่งตัวพอให้อยู่ในสังคมได้ เพื่อให้เราไม่เป็นตัวประหลาดในสังคม..แค่กลมกลืนไปกับสังคมได้...ศีลแปดถึอว่ามีคุณมาก สำหรับตัวเอง ทำให้ ลดละเลิกในเรื่องนี้ได้ ลดการยึดถือยึดมั่นในการแต่งตัวลงได้

เรื่องนอนก็เหมือนกัน แต่ก่อนนั้น ถ้าไม่นอนที่บ้านตัวเอง หรือไม่ได้นอนหมอนที่นิ่มพอ เตียงไม่นุ่มก็ จะนอนไม่หลับ ติดที่..พอมาถือศีล8 ทำให้กลายเป็นคนนอนง่าย นอนที่ไหนก็ได้ แต่ก่อน เหมือนคนเจ้ายศเจ้าอย่าง อันนี้ก็ไม่ได้ดูไม่สะอาด อันนี้ไม่กล้านอน อันนี้กลัวนอนแล้วมันจะสกปรก..เมื่อถือศีล 8 แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น อยู่ง่ายขึ้น กินง่ายอยู่ง่าย นอนไหนก็ได้ที่เค้าจัดให้ มันดูเปื้อนหน่อยก็ไม่เป็นไร เราถือว่า กายสกปรก เสื้อผ้าสกปรก ก็ทำความสะอาดได้ แต่ถ้าใจเราสกปรกแล้วทำความสะอาดได้ยาก..นี่คือผลดีทำให้ ลด ละ วาง ได้มากขึ้น

เรื่องกินก็เหมือนกัน ต้องกินแบบนั้นถึงจะกินได้ ต้องกินแบบนี้ถึงจะกินได้ พอถือศีล8 ใจเราห่วงศีลมากกว่าอย่างอื่น ทำให้เรื่องกินกลายเป็นเรื่องเล็กลงไป ทำให้เห็นปฎิกิริยาของกายในการทำงาน เห็นว่า เมื่อเราเกิดอาการอยากขึ้นมานั้น มันแค่เป็นอาการของน้ำลายมาออที่ปากเราเท่านั้น มันไม่ได้มีอาการอยากขึ้นมาเลย เป็นแค่ปฎิกิริยาทางกายที่แสดงออกมาและสัญญาที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เราคิดว่าอาการที่น้ำลายมาออที่ปากนั้นนั่นคือความอยาก และเห็นว่า อาการที่แสดงออกมาว่ามีน้ำลายมาออที่ปากนั้นไม่ได้สัมพันธ์กับความหิวของร่างกายเลย..ทำให้เรากินเพื่ออยู่ได้ ไมไ่ด้อยู่เพื่อกิน..นี่แค่พูดธรรมดาในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัว ไม่ได้พูดเรื่องธรรมที่ได้กับการถือศีล 8 เลย..

มาเล่าให้ฟังเพื่อให้รู้ว่าศีล8 ก็มีคุณ ศีลทุกศีลมีคุณทั้งนั้น อยู่ที่มุมมองของคนว่าจะถือศีลไปเพื่ออะไร ส่วนตัวดิฉันถือศีล8 เพื่อเป็นอุบายในการลดความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องต่างๆ และก็ได้ผล และศีล8 มีคุณกับตัวเองเกี่ยวกับทางด้านธรรมนานับประการ..แต่แค่เขียนนิดหน่อยก็ยาวไปมากแล้ว..พอแค่นี้ดีกว่านะค่ะ :b8:

เจ้าของ:  nongkong [ 08 พ.ค. 2012, 15:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ฝึกทิ้ง กาย ด้วย ศิลที่ 6-7-8 กันเถอะครับ

ตั้งแต่ดิฉัน ปฏิบัติธรรม เด่วนี้ร่างกายผอมเอาๆ เพราะ อารมณ์มีแต่ความไม่อยาก เพราะตั้งแต่วิปัสนาจนเห็นทุกข์ใน อริยะสัจสี่ ทำให้ ลดความอยากลง มองเห็นสังขารเป็นของไม่เที่ยง ดิฉันกินข้าวไม่เป็นเวลา จะกินก็ต่อเมื่อหิว ถ้าไม่หิวก็ไม่กิน กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว ของสวยๆงามๆที่เคยชอบกลับมองเห็นเป็นของนอกกาย แต่งไปเพื่ออะไร แต่งเพื่อใคร เพราะถึงตอนสุดท้ายเราก็เอาของพวกนั้นติดตัวไปด้วยไม่ได้ สุดท้ายเรามาแค่ตัวเปล่าเราก็ไปแค่ตัวเปล่าเหมือนตอนที่เราเกิดมา ดิฉันมองเห็นสัจธรรมความจริง จึงไม่เกิดความอยากรึโหยหาสิ่งใด ความสุขสร้างได้ด้วยใจ ดิฉันพอใจแค่นี้อยู่เพียงแค่นี้ แต่สิ่งที่ดิฉันขวนขวายคือ อริยทรัพย์ให้บุตรชายของตน เพื่อต่อไปภายภาคหน้า เค้าจะได้พึ่งตัวเองได้ มีสติปัญญาอยู่กับตัวแล้วเค้าก็จะเอาตัวรอดได้ โดยที่ดิฉันไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง เพราะความตายจะมาเยือนเราตอนไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดิฉันคิดถึงความตายวันละ 1-2ครั้ง ดิฉันมีสติเลยตั้งตนไม่อยู่ในความประมาท ถ้าเราจะตายจริงๆเราต้องวางใจได้ก่อนว่าเราไปอย่างไม่มีภาระอะไรที่ต้องห่วงแล้ว ชีวิตมนุษย์มีแค่นี้จริงๆ

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/