ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ทุกข์ของสังขาร http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42542 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | nongkong [ 01 ก.ค. 2012, 14:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทุกข์ของสังขาร |
มีใครเคย วิปัสนากรรมฐานเกี่ยวกับ มรณานุสติ บ้างไหมเจ้าค่ะ ![]() กำหนดจิตเอา อารมณ์เวลาเราใกล้ตายมาพิจารณา คุนน้องลองปฏิบัติดูเลยรู้ว่า คนที่เป็นอริยะขึ้นไปนั้นไม่มีใครกลัวความตาย..แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือ..ทุกข์ของสังขาร..ทุกของความเสื่อมสภาพ คงทนสภาพเดิมไม่ได้ ความกลัวที่สุดของเราคือ ความเจ็บป่วย.. ความเจ็บปวด.. ความเจ็บทรมารของสังขาร คุนน้องยังเอาความกลัว ที่จะต้องเป็นทุกข์จากความเจ็บปวดของสังขารไม่ได้ ตราบใดที่เรายังมีธาตุขันธ์เราก็จะต้องเห็นทุกข์ ที่เกิดขึ้น แล้วก็ได้แต่มองดูทุกข์นั้นเกิด..ไปตลอด..จนกว่าธาตุขันธ์จะดับ..แล้วเราจะติดอยู่ในทุกข์หรือเปล่า.. ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | student [ 01 ก.ค. 2012, 14:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
พิจารณาเป็นบางครั้ง ใช้มโนเข้าไปเห็นเป็นตัวเราไม่หายใจแล้ว แล้วปกติก็จะนั่งสมาธิพิจารณากระดูกทุกวัน ใช้สัญญาพิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วจิตใจจะอยู่กับเรื่องขันธ์5ดี ไม่ต้องเอาเรื่องอื่นเข้ามาคิด ประโยชน์ก็ทำให้เราเกิดสมาธิกำหนดรู้รูปนามได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปกติชีวิตประจำวันสังขารที่เกิดขึ้นคือการคิดถนอมรูป คิดหาทางถนอมรูปไม่อยากให้เป็นทุกข์จากความเจ็บป่วย แม้ขณะทำงาน ยกของออกแรงมากกว่าคนอื่นสังขารก็จะคิดแล้วว่าเราเหนื่อยกว่าคนอื่น อันนี้คือจิตปรุงแต่ง แต่บางครั้งมันก็เป็นจริงๆ กินอาหารก็ต้องให้หลากหลายและดีทัดเทียมคนอื่น เพราะสังขารมันปรุงแต่งออกมาว่า ต้องสนองต่อรูปในรูปแบบนี้จึงจะถือได้ว่าดีและคุ้ม นอกจากรูปจะทุกข์แล้วสังขารก็พลอยทุกข์ไปด้วยเพราะมีแต่คิดว่าจะบำรุงรูปให้ดีที่สุด พอมันไม่ดีเหมือนที่คิดก็เกิดความทุกข์ พอพูดเรื่องตายแม้แต่เราก็ไม่อยากคิด พอไม่นั่งสมาธิก็เอาละ เข้าสู่อีหรอบเดิมคือบำรุงรูปด้วยวิธีการต่างๆ เพราะเราเติมเชื้อให้ตัวเราเองนั่นเอง |
เจ้าของ: | nongkong [ 01 ก.ค. 2012, 16:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
คุนน้องว่าก็ดีนะเจ้าค่ะ มันทำให้เรามีสติ แล้วเกิดปัญญาตามมาว่า เราจะใช้สังขารของเราให้คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์ได้แค่ไหน ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 01 ก.ค. 2012, 17:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
![]() |
เจ้าของ: | bigtoo [ 01 ก.ค. 2012, 17:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
nongkong เขียน: คุนน้องว่าก็ดีนะเจ้าค่ะ มันทำให้เรามีสติ แล้วเกิดปัญญาตามมาว่า เราจะใช้สังขารของเราให้คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์ได้แค่ไหน พระพุทธองค์ทรงเจริญมรณานุสติทุกขณะจิตเช่นกัน เจริญให้มากก็บรรลุธรรมได้เหมือนกัน
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 01 ก.ค. 2012, 18:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
nongkong เขียน: คุนน้องว่าก็ดีนะเจ้าค่ะ มันทำให้เรามีสติ แล้วเกิดปัญญาตามมาว่า เราจะใช้สังขารของเราให้คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์ได้แค่ไหน ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | bbby [ 01 ก.ค. 2012, 21:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
การฝึก มรณานุสติกับการนอนทำสมาธิแตกต่างกันหรือปล่าวค่ะ คือเราไม่รู้ตรงนี้จริงๆน่ะ(อย่าขำน่ะ) ขอความรู้ด้วยค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 02 ก.ค. 2012, 01:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
สวัสดีครับคุณ nongkong ![]() การเจริญมรณะสตินี้ ถ้าทำไปจนสุดแล้ว เมื่อถึงจุดนั้นความรู้อันหนึ่งจะปรากฏขึ้นมาในใจ เมื่อความรู้อันนี้ปรากฏขึ้นความกลัวต่อความตายความพลัดพรากจะตกไป จิตจะกล้าหาญขึ้นจนไม่สะดุ้งไม่หวั่นไหวต่อความเป็นความตาย...ที่สำคัญพึงเจริญมรณะสติอยู๋เนืองๆเสมอ ถึงแม้จะได้ความรู้อันนั้นมาแล้ว...ขอให้พบกับความสงบจากการเจริญมรณะสติยิ่งขึ้นๆนะครับ ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 02 ก.ค. 2012, 02:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
bbby เขียน: การฝึก มรณานุสติกับการนอนทำสมาธิแตกต่างกันหรือปล่าวค่ะ คือเราไม่รู้ตรงนี้จริงๆน่ะ(อย่าขำน่ะ) ขอความรู้ด้วยค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() สวัสดครับพี่bbby ![]() ขึ้นอยู่กับตอนที่นอนทำสมาธิพี่กำหนดพิจารณาอะไร...ถ้ากำหนดพิจารณาอยู่ที่ความตายเป็นธรรมดา นั่นก็คือการเจริญมรณะสติครับ ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | bbby [ 02 ก.ค. 2012, 12:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
คุุณลูกพระป่าเขียน อ้างคำพูด: สวัสดครับพี่bbby ![]() ขึ้นอยู่กับตอนที่นอนทำสมาธิพี่กำหนดพิจารณาอะไร...ถ้ากำหนดพิจารณาอยู่ที่ความตายเป็นธรรมดา นั่นก็คือการเจริญมรณะสติครับ ขอบคุณครับ ![]() ขอบคุณค่ะ ![]() ![]() ใช่ค่ะก่อนที่จะทำสมาธิ พี่กำหนดเรื่องความตายก็คล้ายๆการฝึกมรณานุสตินั่นละค่ะ คือกลัวหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมา ก็กำหนดจิตว่าถ้าเราตายในขณะที่หลับนี้ ก็ขอได้ไปเกิดภพภูมิที่ไหนๆอย่างนั้นหล่ะค่ะ ![]() แต่ทีนี้...เราเคยเจอคนที่เค้าฝึกมรณานุสติมาตลอด แต่พอถึงตอนเสียชีวิตกลับไม่ได้ใช้เลย ตรงนี้ใช่เรียกว่าเจ้ากรรมนายเวรของเค้าแรงหรือปล่าวน่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 02 ก.ค. 2012, 14:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
bbby เขียน: คุุณลูกพระป่าเขียน อ้างคำพูด: สวัสดครับพี่bbby ![]() ขึ้นอยู่กับตอนที่นอนทำสมาธิพี่กำหนดพิจารณาอะไร...ถ้ากำหนดพิจารณาอยู่ที่ความตายเป็นธรรมดา นั่นก็คือการเจริญมรณะสติครับ ขอบคุณครับ ![]() ขอบคุณค่ะ ![]() ![]() ใช่ค่ะก่อนที่จะทำสมาธิ พี่กำหนดเรื่องความตายก็คล้ายๆการฝึกมรณานุสตินั่นละค่ะ คือกลัวหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมา ก็กำหนดจิตว่าถ้าเราตายในขณะที่หลับนี้ ก็ขอได้ไปเกิดภพภูมิที่ไหนๆอย่างนั้นหล่ะค่ะ ![]() แต่ทีนี้...เราเคยเจอคนที่เค้าฝึกมรณานุสติมาตลอด แต่พอถึงตอนเสียชีวิตกลับไม่ได้ใช้เลยตรงนี้ใช่เรียกว่าเจ้ากรรมนายเวรของเค้าแรงหรือปล่าวน่ะ ![]() ![]() ![]() พี่เต้รู้ได้ยังงัยว่าคนที่เค้าใกล้ตาย กลับไม่ได้ใช้..ในสิ่งที่เค้าฝึกมา ![]() |
เจ้าของ: | bbby [ 02 ก.ค. 2012, 22:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
คุณน้องคองเขียน อ้างคำพูด: พี่เต้รู้ได้ยังงัยว่าคนที่เค้าใกล้ตาย กลับไม่ได้ใช้..ในสิ่งที่เค้าฝึกมา ![]() ก่อนอื่นขออนุโมทนา ![]() เพราะคนเรา คุยเรื่องความตายไว้ก่อนก็ดีเหมือนกันค่ะ ![]() คือมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งค่ะ เค้าชอบฟัง CD ธรรมะ ทีนี้เค้าก็ฟังเรื่องการกำหนดจิตมรณานุสตินี่แหละค่ะ ทีนี้ที่บ้านเค้าจะเปิดบทสวดมนต์ (ออ-มิ-โธ-โพ ตลอด) เวลาที่เค้าคุยกับเรา เค้าจะชอบคุยรื่องนี้ค่ะ เค้าสนใจเรื่องนี้มาก แต่ทีนี้มีวันหนึ่งตอนเช้าเค้าตื่นขึ้นมา รู้สึกปวดหัว แขน-ขาก็ไม่มีแรง แฟนเค้าพาไปหาหมอ หมอบอกเค้าเป็นมะเร็งที่สมอง สมองก็เหมือนชาไปคือขับ-ถ่ายไม่รู้ทั้งนั้นเลย พอกลับมาบ้านก็เจ็บปวดมาก จนต้องกินยา ( ญาติเค้าบอกว่าผงขาวน่ะ เพื่อที่จะไม่ต้องปวดมาก) แต่ตอนหลังผงขาวนี้ก็ไม่สามารถทำให้หายเจ็บได้ พยาบาลที่มาดูแลเค้าที่บ้าน ก็ให้เค้าทานยานอนหลับ ทีนี้ยานอนหลับสำหรับคนที่เป็นโรคมะเร็งเนี่ย ยาจะแรงมาก เค้าจะหลับครั้งหนึ่ง10กว่าชั่วโมง พอตื่นขึ้นมาก็ต้องยาต่ออีก เพราะเค้าจะปวด จนกระทั่งหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย สิ่งที่เค้าคิดว่าเค้าฝึกไว้เพื่อเตรียมตัวก่อนตาย ไม่ได้ใช้เลย แล้วจิตของเค้าตอนก่อนที่ยังไม่ได้กินยานอนหลับ จิตของเค้าชอบไปนึกถึงแต่สิ่งที่เค้าทำอะไรๆไว้ ตรงนี้หล่ะค่ะที่เราคิดว่า คนบางคนไม่ว่าจะฝึกมาแบบไหน แต่พอถึงจุดสุดท้าย ต้องมาแพ้กรรม ทีนี้เราก็คิดว่า ถ้าคนเราจะหนีกรรมตอนช่วงสุดท้ายของชีวิตได้ เราคิดว่ามีทางเดียวน่ะ คือการทำจิตของคนเราให้เป็นสมาธิ เพื่อที่จิตของคนเรามีพลัง เราก็ไม่รู้ว่าเราคิดแบบนี้ถูกปล่าวน่ะค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() ะ |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 03 ก.ค. 2012, 03:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
bbby เขียน: คุุณลูกพระป่าเขียน อ้างคำพูด: สวัสดครับพี่bbby ![]() ขึ้นอยู่กับตอนที่นอนทำสมาธิพี่กำหนดพิจารณาอะไร...ถ้ากำหนดพิจารณาอยู่ที่ความตายเป็นธรรมดา นั่นก็คือการเจริญมรณะสติครับ ขอบคุณครับ ![]() ขอบคุณค่ะ ![]() ![]() ใช่ค่ะก่อนที่จะทำสมาธิ พี่กำหนดเรื่องความตายก็คล้ายๆการฝึกมรณานุสตินั่นละค่ะ คือกลัวหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมา ก็กำหนดจิตว่าถ้าเราตายในขณะที่หลับนี้ ก็ขอได้ไปเกิดภพภูมิที่ไหนๆอย่างนั้นหล่ะค่ะ ![]() แต่ทีนี้...เราเคยเจอคนที่เค้าฝึกมรณานุสติมาตลอด แต่พอถึงตอนเสียชีวิตกลับไม่ได้ใช้เลย ตรงนี้ใช่เรียกว่าเจ้ากรรมนายเวรของเค้าแรงหรือปล่าวน่ะ ![]() ![]() ![]() อนุสติมีสิบอย่าง ดังนั้นการจะใช้สติตัวไหนมาดับทุกข์ เราจึงต้องพิจารณาไปตามกาล เช่นใจคิดจะทำชั่ว ก็ให้นึกถึง ศีลหรือสีลานุสติ จิตคิดริษยาผู้อื่นให้นึกถึง จาคานุสติ และที่กำลังเข้าใจผิดกันก็เรื่อง การใช้มรณานุสติ มรณานุสติเป็นสติ ที่ใช้ดับ ความโลภ โกรธและหลง เช่นกำลังเสียดายของรักหรือทรัพย์สมบัติ ไม่ใช่มาใช้ดับความกลัวตาย ส่วนที่บอกว่า ...... "กำหนดจิตว่าถ้าเราตายในขณะที่หลับนี้ ก็ขอได้ไปเกิดภพภูมิที่ไหนๆอย่างนั้นหล่ะ" การกำหนดแบบของคุณ เขาเรียกว่า อุปสมานุสติ นั้นคือการกำหนดจิตไปสู้ความสงบ ภพภูมิที่ดีครับ เคยได้ยินมั้ยเขาจะให้คนใกล้ตายท่องสัมมาอรหัง ไอ้เรื่องเจ้ากรรมนายเวรมันไม่มีหรอกครับ เพ้อเจ้อ ตัวเราจิตเราเองนั้นแหล่ะ เป็นเจ้ากรรมนายเวรของตน ที่บอกว่าฝีกอะไรมาแล้วไม่ได้ใช้ เป็นเพราะ สิ่งที่ฝึกมามันไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาใช้กับเราในขณะนั้น พูดง่ายๆก็คือเราเข้าใจผิดตั้งแต่ต้นครับ อย่างนี้ครับ ถ้าเราเกิดการเจ็บปวดอย่างรุนแรงเพราะโรคภัย นั้นเป็นเพราะเกิดผัสสะมากระทบกายอย่างแรง จนทำให้จิตเป็นทุกข์ เพราะจิตไปสนใจกับผัสสะตัวนั้น สิ่งสามารถมาช่วยอาการทุกข์จากความเจ็บปวด นั้นก็คือใช้ อานาปานนุสติ ทำให้จิตสงบ อย่าให้จิตไปยึดผัสสะที่แรงๆนั้น |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 03 ก.ค. 2012, 04:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
ลูกพระป่า เขียน: สวัสดีครับคุณ nongkong ![]() การเจริญมรณะสตินี้ ถ้าทำไปจนสุดแล้ว เมื่อถึงจุดนั้นความรู้อันหนึ่งจะปรากฏขึ้นมาในใจ เมื่อความรู้อันนี้ปรากฏขึ้นความกลัวต่อความตายความพลัดพรากจะตกไป จิตจะกล้าหาญขึ้นจนไม่สะดุ้งไม่หวั่นไหวต่อความเป็นความตาย...ที่สำคัญพึงเจริญมรณะสติอยู๋เนืองๆเสมอ ถึงแม้จะได้ความรู้อันนั้นมาแล้ว...ขอให้พบกับความสงบจากการเจริญมรณะสติยิ่งขึ้นๆนะครับ ขอบคุณครับ ![]() ที่คุณพระป่าพูดว่า "พึงเจริญมรณะสติอยู่เนื่องเสมอ" ผมว่ามันไม่ถูกต้องนัก มันต้องใช้"ตามกาล"ถึงจะถูก และที่บอกว่า จิตจะกล้าหาญไม่สะดุ้งหวั่นไหวต่อความเป็นความตาย สมมุติว่า มีคนมารังแกผม จนเกิดความแค้นขึ้น แต่ผมยังไม่กล้าไปทำอะไรเขา เพราะคิดว่ากำลังเรายังสู้เขาไม่ได้ อีกสิบปีก็ยังไม่สาย ถ้าคุณพระป่ามาให้ผมเจริญมรณานุสติเนื่องๆ มันไม่เป็นการสนับสนุน ให้ผมรีบลงมือล้างแค้นคนที่มารังแกผมหรือครับ ![]() |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 03 ก.ค. 2012, 07:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์ของสังขาร |
ลูกพระป่า เขียน: สวัสดีครับคุณ nongkong ![]() การเจริญมรณะสตินี้ ถ้าทำไปจนสุดแล้ว เมื่อถึงจุดนั้นความรู้อันหนึ่งจะปรากฏขึ้นมาในใจ เมื่อความรู้อันนี้ปรากฏขึ้นความกลัวต่อความตายความพลัดพรากจะตกไป จิตจะกล้าหาญขึ้นจนไม่สะดุ้งไม่หวั่นไหวต่อความเป็นความตาย...ที่สำคัญพึงเจริญมรณะสติอยู๋เนืองๆเสมอ ถึงแม้จะได้ความรู้อันนั้นมาแล้ว...ขอให้พบกับความสงบจากการเจริญมรณะสติยิ่งขึ้นๆนะครับ ขอบคุณครับ ![]() ลอกเขามา อีกที พระพุทธเจ้าตรัสถึงขั้นว่า การเจริญมรณสติเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกลมหายใจเข้าออก มีคราวหนึ่งพระองค์ตรัสถามพระสาวกว่าเจริญมรณสติกันอย่างไร รูปแรกตอบว่า ตนระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงหนึ่งวันและหนึ่งคืนเท่านั้นก็จะตาย รูปที่สองและรูปที่สามตอบว่า ระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่หนึ่งวันหรือครึ่งวันก็จะตาย รูปที่สี่และรูปที่ห้าตอบว่า ระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่แค่ฉันอาหารมื้อหนึ่งหรือครึ่งมื้อก็จะตาย รูปที่หกตอบว่า ระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่แค่เคี้ยวอาหารได้สี่ห้าคำก็จะตาย รูปที่เจ็ดตอบว่า ระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่แค่ เคี้ยวข้าวได้หนึ่งคำก็จะตาย รูปสุดท้ายตอบว่า ระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีชีวิตอยู่เพียงชั่วขณะหายใจเข้าและหายใจออกก็จะตาย พระพุทธเจ้าตรัสว่าหกรูปแรกยังถือว่าประมาทอยู่ คนที่ไม่ประมาทคือ ๒ รูปสุดท้ายที่พิจารณาว่า อาจมีชีวิตเพียงแค่ฉันอาหารได้แค่คำเดียว หรือแค่หายใจเข้าและออกเท่านั้นก็จะตาย เพราะฉะนั้นมรณสติจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำตลอดเวลา |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |