ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

.ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42602
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 06 ก.ค. 2012, 22:42 ]
หัวข้อกระทู้:  .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ
คือ ผมเห็น อัตตา ไม่ใช่ธรรมที่ตรงข้ามกับ อนัตตา แต่ อัตตา อยู่ภายในอนัตตา และ ในความเป็น อนัตตา อัตตา กลับ ไม่ส่งผล ให้เกิด กิเลส หรือ อัตตา แยกจากอนัตตา แต่อยู่ภายใน อนัตตา ประมาณนี้ อะครับ
งง เหมือนกัน นะเนี่ย :b10:
เลยอยากหาพุทธพจน์ มาศึกษา ดูหน่อยครับ

ขอบคุณครับ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 ก.ค. 2012, 00:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

:b8:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 07 ก.ค. 2012, 00:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

กบนอกกะลา เขียน:
:b8:



อ่าว!!!ท่านกบ ผมขอ พุทธวจน ครับท่าน ไม่ใช่ :b8: นี้ ท่านมีบ้างมั้ย ผมหาทาง ท่านกูเกิ้ลไม่เจอ ครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ผมขอบคุณไปแล้ว ท่านอย่าลืม หามาให้ด้วยนะครับ :b8:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 ก.ค. 2012, 00:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

:b8: :b8:
นี้งัย...อัตตา..ใน..อนัตตา

ความชุ่มเย็น...ใน..ความไม่อาจตั้งมั่น...

มี...ใน...ความไม่มี

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 07 ก.ค. 2012, 00:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

กบนอกกะลา เขียน:
:b8: :b8:
นี้งัย...อัตตา..ใน..อนัตตา

ความชุ่มเย็น...ใน..ความไม่อาจตั้งมั่น...

มี...ใน...ความไม่มี


งง พระญะคะ :b10: :b10: :b10: 3งง เลย แปลด้วย
อย่าลืม พุทธวจนะ นะครับ :b12:

เจ้าของ:  govit2552 [ 07 ก.ค. 2012, 04:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

Quote Tipitaka:
[๖๑] ดูกรอานนท์ บุคคลเมื่อจะบัญญัติอัตตา ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ
ประมาณเท่าไร ก็เมื่อบุคคลจะบัญญัติอัตตา มีรูปเป็นกามาวจร ย่อมบัญญัติว่า
อัตตาของเรามีรูปเป็นกามาวจร เมื่อบัญญัติอัตตามีรูปหาที่สุดมิได้ ย่อมบัญญัติว่า
อัตตาของเรามีรูปหาที่สุดมิได้ เมื่อบัญญัติอัตตาไม่มีรูปเป็นกามาวจร ย่อมบัญญัติว่า
อัตตาของเราไม่มีรูปเป็นกามาวจร เมื่อบัญญัติอัตตาไม่มีรูปหาที่สุดมิได้ ย่อม
บัญญัติว่า อัตตาของเราไม่มีรูปหาที่สุดมิได้ ฯ
ดูกรอานนท์ บรรดาความเห็น ๔ อย่างนั้น ผู้ที่บัญญัติอัตตามีรูปเป็น
กามาวจรนั้น ย่อมบัญญัติในกาลบัดนี้ หรือบัญญัติซึ่งสภาพที่เป็นอย่างนั้น หรือ
มีความเห็นว่า เราจักยังสภาพอันไม่เที่ยงแท้ที่มีอยู่ให้สำเร็จ เพื่อเป็นสภาพที่
เที่ยงแท้ อานนท์ การลงความเห็นว่าอัตตาเป็นกามาวจร ย่อมติดสันดานผู้มีรูปที่
เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงควรกล่าวไว้ด้วย ฯ
ดูกรอานนท์ บรรดาความเห็น ๔ อย่างนั้น ผู้มีบัญญัติอัตตามีรูปหาที่สุด
มิได้นั้น ย่อมบัญญัติในกาลบัดนี้ หรือบัญญัติซึ่งสภาพที่เป็นอย่างนั้น หรือมี
ความเห็นว่า เราจักยังสภาพที่ไม่เที่ยงแท้อันมีอยู่ให้สำเร็จ เพื่อเป็นสภาพที่เที่ยงแท้
อานนท์ การลงความเห็นว่า อัตตาหาที่สุดมิได้ ย่อมติดสันดานผู้มีรูปที่เป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้น จึงควรกล่าวไว้ด้วย ฯ
ดูกรอานนท์ บรรดาความเห็น ๔ อย่างนั้น ผู้ที่บัญญัติอัตตาไม่มีรูปเป็น
กามาวจรนั้น ย่อมบัญญัติในกาลบัดนี้ หรือบัญญัติซึ่งสภาพที่เป็นอย่างนั้น หรือ
มีความเห็นว่า เราจักยังสภาพอันไม่เที่ยงแท้ที่มีอยู่ให้สำเร็จ เพื่อเป็นสภาพที่
เที่ยงแท้ อานนท์ การลงความเห็นว่าอัตตาเป็นกามาวจร ย่อมติดสันดานผู้มีอรูป
ที่เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงควรกล่าวไว้ด้วย ฯ
ดูกรอานนท์ บรรดาความเห็น ๔ อย่างนั้น ส่วนผู้ที่บัญญัติอัตตาไม่มีรูป
ทั้งหาที่สุดมิได้นั้น ย่อมบัญญัติในกาลบัดนี้ หรือบัญญัติซึ่งสภาพที่เป็นอย่างนั้น
หรือมีความเห็นว่า เราจักยังสภาพที่ไม่เที่ยงแท้อันมีอยู่ให้สำเร็จ เพื่อเป็นสภาพ
ที่เที่ยงแท้ อานนท์ การลงความเห็นว่า อัตตาหาที่สุดมิได้ ย่อมติดสันดาน
ผู้มีอรูป เพราะฉะนั้น จึงควรกล่าวไว้ด้วย ฯ
ดูกรอานนท์ บุคคลเมื่อจะบัญญัติอัตตาย่อมบัญญัติด้วยเหตุมีประมาณเท่า
นี้แล ฯ

เจ้าของ:  govit2552 [ 07 ก.ค. 2012, 04:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

Quote Tipitaka:
[๖๒] ดูกรอานนท์ บุคคลเมื่อไม่บัญญัติอัตตา ย่อมไม่บัญญัติด้วยเหตุ
มีประมาณเท่าไร อานนท์ ก็เมื่อบุคคลไม่บัญญัติอัตตามีรูปเป็นกามาวจร ย่อมไม่
บัญญัติว่า อัตตาของเรามีรูปเป็นกามาวจร เมื่อไม่บัญญัติอัตตามีรูปอันหาที่สุดมิได้
ย่อมไม่บัญญัติว่า อัตตาของเรามีรูปหาที่สุดมิได้ หรือเมื่อไม่บัญญัติอัตตาไม่มี
รูปเป็นกามาวจร ย่อมไม่บัญญัติว่า อัตตาของเราไม่มีรูปเป็นกามาจร เมื่อไม่
บัญญัติอัตตาไม่มีรูปหาที่สุดมิได้ ย่อมไม่บัญญัติว่า อัตตาของเราไม่มีรูปหาที่สุดมิได้
อานนท์ บรรดาความเห็น ๔ อย่างนั้น ผู้ที่ไม่บัญญัติอัตตามีรูปเป็นกามาวจรนั้น
ย่อมไม่บัญญัติในกาลบัดนี้ หรือไม่บัญญัติซึ่งสภาพที่เป็นอย่างนั้น หรือไม่มีความ
เห็นว่า เราจักยังสภาพอันไม่เที่ยงแท้ที่มีอยู่ให้สำเร็จ เพื่อเป็นสภาพที่เที่ยงแท้
อานนท์ การลงความเห็นว่า อัตตาเป็นกามาวจร ย่อมไม่ติดสันดานผู้มีรูปที่เป็น
อย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงควรกล่าวไว้ด้วย
ผู้ที่ไม่บัญญัติอัตตามีรูปหาที่สุดมิได้นั้น ย่อมไม่บัญญัติในกาลบัดนี้ หรือ
ไม่บัญญัติซึ่งสภาพที่เป็นอย่างนั้น หรือไม่มีความเห็นว่า เราจักยังสภาพอัน
ไม่เที่ยงแท้ที่มีอยู่ให้สำเร็จ เพื่อเป็นสภาพที่เที่ยงแท้ อานนท์ การลงความเห็นว่า
อัตตาหาที่สุดมิได้ ย่อมไม่ติดสันดานผู้มีรูปที่เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงควร
กล่าวไว้ด้วย
ส่วนผู้ที่ไม่บัญญัติอัตตาไม่มีรูปเป็นกามาวจรนั้น ย่อมไม่บัญญัติในกาล
บัดนี้ หรือไม่บัญญัติซึ่งสภาพที่เป็นอย่างนั้น หรือไม่มีความเห็นว่า เราจักยังสภาพ
อันไม่เที่ยงแท้ที่มีอยู่ให้สำเร็จ เพื่อเป็นสภาพที่เที่ยงแท้ อานนท์ การลงความเห็นว่า
อัตตาเป็นกามาวจร ย่อมไม่ติดสันดานผู้มีอรูปที่เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงควร
กล่าวไว้ด้วย
ผู้ที่ไม่บัญญัติอัตตาไม่มีรูปหาที่สุดมิได้นั้น ย่อมไม่บัญญัติในกาลบัดนี้
หรือไม่บัญญัติซึ่งสภาพที่เป็นอย่างนั้น หรือไม่มีความเห็นว่า เราจักยังสภาพอัน
ไม่เที่ยงแท้ที่มีอยู่ให้สำเร็จ เพื่อเป็นสภาพที่เที่ยงแท้ อานนท์ การลงความเห็นว่า
อัตตาหาที่สุดมิได้ ย่อมไม่ติดสันดานผู้มีอรูปที่เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงควร
กล่าวไว้ด้วย ฯ
ดูกรอานนท์ บุคคลเมื่อไม่บัญญัติอัตตา ย่อมไม่บัญญัติด้วยเหตุมีประมาณ
เท่านี้แล ฯ

เจ้าของ:  govit2552 [ 07 ก.ค. 2012, 05:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

Quote Tipitaka:
[๖๓] ดูกรอานนท์ บุคคลเมื่อเล็งเห็นอัตตา ย่อมเล็งเห็นด้วยเหตุมี
ประมาณเท่าไร ก็บุคคลเมื่อเล็งเห็นเวทนาเป็นอัตตา ย่อมเล็งเห็นว่า เวทนาเป็น
อัตตาของเรา ถ้าเวทนาไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว อัตตาของเราก็ไม่ต้องเสวยเวทนา
อานนท์ หรือเล็งเห็นอัตตา ดังนี้ว่า เวทนาไม่เป็นอัตตาของเราเลย จะว่าอัตตา
ของเราไม่ต้องเสวยเวทนาก็ไม่ใช่ อัตตาของเรายังต้องเสวยเวทนาอยู่ เพราะฉะนั้น
อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา อานนท์ บรรดาความเห็น ๓ อย่างนั้น ผู้ที่กล่าว
อย่างนี้ว่า เวทนาเป็นอัตตาของเรา เขาจะพึงถูกซักถามอย่างนี้ว่า อาวุโส เวทนา
มี ๓ อย่างนี้ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา บรรดาเวทนา
๓ ประการนี้ ท่านเล็งเห็นอันไหนโดยความเป็นอัตตา อานนท์ ในสมัยใด อัตตา
เสวยสุขเวทนา ในสมัยนั้น ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา
คงเสวยแต่สุขเวทนาอย่างเดียวเท่านั้น ในสมัยใดอัตตาเสวยทุกขเวทนาไม่ได้
เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา คงเสวยแต่ทุกขเวทนาอย่างเดียว
เท่านั้น ในสมัยใด อัตตาเสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา
ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา คงเสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาอย่างเดียวเท่านั้น
ดูกรอานนท์ เวทนาแม้ที่เป็นสุขก็ดี แม้ที่เป็นทุกข์ก็ดี แม้ที่เป็นอทุกขม-
*สุขก็ดี ล้วนไม่เที่ยง เป็นเพียงปัจจัยปรุงแต่งขึ้น มีความสิ้นความเสื่อม ความ-
*คลาย และความดับไปเป็นธรรมดา เมื่อเขาเสวยสุขเวทนา ย่อมมีความเห็นว่า
นี้เป็นอัตตาของเรา ต่อสุขเวทนาอันนั้นดับไป จึงมีความเห็นว่า อัตตาของเรา
ดับไปแล้ว เมื่อเสวยทุกขเวทนา ย่อมมีความเห็นว่า นี้เป็นอัตตาของเรา ต่อ
ทุกขเวทนาอันนั้นแลดับไป จึงมีความเห็นว่า อัตตาของเราดับไปแล้ว เมื่อเสวย
อทุกขมสุขเวทนา ย่อมมีความเห็นว่า นี้เป็นอัตตาของเรา ต่ออทุกขมสุขเวทนา
อันนั้นแลดับไป จึงมีความเห็นว่า อัตตาของเราดับไปแล้ว ผู้ที่กล่าวอย่างนี้ว่า
เวทนาเป็นอัตตาของเรานั้น เมื่อเล็งเห็นอัตตา ย่อมเล็งเห็นเวทนาอันไม่เที่ยง
เกลื่อนกล่นไปด้วยสุขและทุกข์ มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา เป็น
อัตตาในปัจจุบันเท่านั้น เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ ข้อนี้จึงยังไม่ควรที่จะ
เล็งเห็นว่า เวทนาเป็นอัตตาของเรา แม้ด้วยคำดังกล่าวแล้วนี้ ผู้ที่กล่าวอย่างนี้ว่า
ถ้าเวทนาไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว อัตตาของเราก็ไม่ต้องเสวยเวทนา เขาจะพึง
ถูกซักอย่างนี้ว่า ในรูปขันธ์ล้วนๆ ก็ยังมิได้มีความเสวยอารมณ์อยู่ทั้งหมด ใน
รูปขันธ์นั้น ยังจะเกิดอหังการว่าเป็นเราได้หรือ ฯ
ไม่ได้ พระเจ้าข้า ฯ
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ ข้อนี้จึงยังไม่ควรที่จะเล็งเห็นว่า ถ้าเวทนา
ไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว อัตตาของเราก็ไม่ต้องเสวยเวทนา แม้ด้วยคำดังกล่าว
แล้วนี้ ส่วนผู้ที่กล่าวอย่างนี้ว่า เวทนาไม่เป็นอัตตาของเราเลย อัตตาของเราไม่
ต้องเสวยเวทนาก็ไม่ใช่ อัตตาของเรายังต้องเสวยเวทนาอยู่ เพราะว่า อัตตาของ
เรามีเวทนาเป็นธรรมดา เขาจะพึงถูกซักอย่างนี้ว่า อาวุโส ก็เพราะเวทนาจะต้อง
ดับไปทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่เหลือเศษ เมื่อเวทนาไม่มีโดยประการทั้งปวง เพราะ
เวทนาดับไป ยังจะเกิดอหังการว่า เป็นเราได้หรือ ในเมื่อขันธ์นั้นๆ ดับ
ไปแล้ว ฯ
ไม่ได้ พระเจ้าข้า ฯ
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ ข้อนี้จึงยังไม่ควรที่จะเล็งเห็นว่า เวทนา
ไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว อัตตาของเราไม่ต้องเสวยเวทนาเลยก็ไม่ใช่ อัตตาของ
เรายังต้องเสวยเวทนาอยู่ เพราะว่า อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา แม้ด้วยคำ
ดังกล่าวแล้วนี้ ฯ
[๖๔] ดูกรอานนท์ คราวใดเล่า ภิกษุไม่เล็งเห็นเวทนาเป็นอัตตา ไม่
เล็งเห็นอัตตาว่าไม่ต้องเสวยเวทนาก็ไม่ใช่ ไม่เล็งเห็นว่าอัตตายังต้องเสวยเวทนา
อยู่ เพราะว่า อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา ภิกษุนั้น เมื่อเล็งเห็นอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่ยึดมั่นอะไรๆ ในโลก และเมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะทกสะท้าน เมื่อไม่
สะทกสะท้านย่อมปรินิพพานได้เฉพาะตน ทั้งรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์
อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี อานนท์
ผู้ใดกล่าวอย่างนี้ว่า ทิฐิว่าเบื้องหน้าแต่ตาย สัตว์ยังมีอยู่ ว่าเบื้องหน้าแต่ตาย
สัตว์ไม่มีอยู่ ว่าเบื้องหน้าแต่ตาย สัตว์มีอยู่ด้วย ไม่มีอยู่ด้วย ว่าเบื้องหน้าแต่ตาย
สัตว์มีอยู่ก็หามิได้ ไม่มีอยู่ก็หามิได้ ดังนี้ กะภิกษุผู้หลุดพ้นแล้วอย่างนี้ การ
กล่าวของบุคคลนั้นไม่สมควร ฯ
ข้อนั้น เพราะเหตุไร
ดูกรอานนท์ ชื่อ ทางแห่งชื่อ ทางแห่งนิรุติ บัญญัติ ทางแห่งบัญญัติ
การแต่งตั้ง ทางที่กำหนดรู้ด้วยปัญญา วัฏฏะยังเป็นไปอยู่ตราบใด วัฏฏสงสาร
ยังคงหมุนเวียนอยู่ตราบนั้น เพราะรู้ยิ่ง วัฏฏสงสารนั้น ภิกษุจึงหลุดพ้น ข้อที่มี
ทิฐิว่า ใครๆ ย่อมไม่รู้ ย่อมไม่เห็นภิกษุผู้หลุดพ้น เพราะรู้ยิ่งวัฏฏสงสารนั้น
นั้นไม่สมควร ฯ

เจ้าของ:  asoka [ 07 ก.ค. 2012, 06:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

ฝึกจิต เขียน:
ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ
คือ ผมเห็น อัตตา ไม่ใช่ธรรมที่ตรงข้ามกับ อนัตตา แต่ อัตตา อยู่ภายในอนัตตา และ ในความเป็น อนัตตา อัตตา กลับ ไม่ส่งผล ให้เกิด กิเลส หรือ อัตตา แยกจากอนัตตา แต่อยู่ภายใน อนัตตา ประมาณนี้ อะครับ
งง เหมือนกัน นะเนี่ย :b10:
เลยอยากหาพุทธพจน์ มาศึกษา ดูหน่อยครับ

ขอบคุณครับ

onion
"อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ".....ตนแหละเป็นที่พึ่งของตน.......ไงล่ะ คุณฝึกจิต นี่เป็นพุทธพจน์เชียวนะ
:b10:
แต่มีอนัตตาซ่อนอยู่ในนั้น......ลองพิจารณาดูให้ดีๆนะครับ
:b12: :b12:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 07 ก.ค. 2012, 06:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

ขอบคุณท่าน govit2552 เป็นอย่างสูงงงงงงง จริงนะครับ พุทธพจน์นี้ ทำให้ผมมั่นใจ ในการก้าวต่อไป เยอะเลยครับ

ธรรม อนัตตา นี้แหละ มันสุดยอด ยากที่จะอธิบายจริงๆ



ท่านทั้งหลายจะบัญญัติ อัตตา แบบบุคคล หรือ ภิกษุ ก็ พิจารณาเอานะครับ

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 ก.ค. 2012, 07:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

:b12: :b12:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 ก.ค. 2012, 07:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

เมื่อรู้พุทธพจน์แล้ว....ทีนี้...ท่านก็ได้หมายและไม่หมายความเป็นอัตตา..อนัตตา...ในใจท่านเพิ่มแล้ว...

เป็นธรรมชาติของจิต....มีธรรมชาติแห่งการปรุง...ย่อมมีแต่เอาของที่มีอยู่..เคยมีอยู่..มาก่อน..มาปรุง...ของไม่เคยมีก็เอามาปรุงไม่ได้

มันเป็นอย่างนี้เอง....แล้วของที่ปรุงได้จะวิเศษปานใดก็ไม่พ้นของที่เคยมีอยู่....

มันต่างจาก...การไปรู้ไปเจอด้วยตัวเอง...มากนะ...ฝึกจิต

เรา ..เรา...ต่างก็ปรารถณา...และ...จะพบ...ในท้ายที่สุดอยู่แล้วด้วยกันทุกคน..

เพียง...เข้าไปถึง...แล้วความเข้าใจนี้จะเป็นผลพลอยได้...

เข้าถึง....จึงเข้าใจ

มิใช่..เข้าใจ...เพื่อเข้าถึง...อันเป็นการศึกษาที่โลกเราใช้กันเป็นปกติ..

มองเข้าไปในใจเราก็พอ....แล้วก็แก้ไขมันตามอาการ
:b8:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 07 ก.ค. 2012, 07:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

กบนอกกะลา เขียน:
เมื่อรู้พุทธพจน์แล้ว....ทีนี้...ท่านก็ได้หมายและไม่หมายความเป็นอัตตา..อนัตตา...ในใจท่านเพิ่มแล้ว...

เป็นธรรมชาติของจิต....มีธรรมชาติแห่งการปรุง...ย่อมมีแต่เอาของที่มีอยู่..เคยมีอยู่..มาก่อน..มาปรุง...ของไม่เคยมีก็เอามาปรุงไม่ได้

มันเป็นอย่างนี้เอง....แล้วของที่ปรุงได้จะวิเศษปานใดก็ไม่พ้นของที่เคยมีอยู่....

มันต่างจาก...การไปรู้ไปเจอด้วยตัวเอง...มากนะ...ฝึกจิต

เรา ..เรา...ต่างก็ปรารถณา...และ...จะพบ...ในท้ายที่สุดอยู่แล้วด้วยกันทุกคน..

เพียง...เข้าไปถึง...แล้วความเข้าใจนี้จะเป็นผลพลอยได้...

เข้าถึง....จึงเข้าใจ

มิใช่..เข้าใจ...เพื่อเข้าถึง...อันเป็นการศึกษาที่โลกเราใช้กันเป็นปกติ..

มองเข้าไปในใจเราก็พอ....แล้วก็แก้ไขมันตามอาการ
:b8:


ก็นี้แหละครับท่าน เข้าถึง แต่ไม่มีอะไรรองรับ ก็เกิดอวิชชา ขึ้นมาได้ เพราะเราเองมันไม่สว่าง จะเชื่อจิต ที่มี อวิชชาผสมอยู่ ด้วย ยังไม่ได้ จึงต้องหาพุทธพจน์ มารองรับผล นั้นๆครับ

ส่วนที่ท่าน แนะนำ ผมขอบคุณมากครับ

:b8:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 07 ก.ค. 2012, 07:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

เคยมีใคร เคยกล่าวหรือเห็นแบบผม มั้ยครับ คือ อยากสนทนาด้วยหน่อยครับ
ส่วนใหญ่ที่อ่านมา แยก อัตตา กับอนัตตา เสียคนละฝั่ง เลย :b2:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 ก.ค. 2012, 07:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: .ขอ พุทธพจน์ เกี่ยวกับ อัตตา หน่อยครับ

หากยังต้องมีอะไรมารับรองอยู่.....ก็พึงระลึกใว้เสียว่า....ยังไม่ใช่ของจริง

ท่านอาจจะค้านว่า...อ้าว..ถ้าคนหลงไปจะไม่หลงกันไปใหญ่หรือ?

หลงยังงัยก็หลงไปไม่นาน....มันจะกลับมาถามตัวเองว่า...เอ๋....จริงมั้ยหนอ?

เพียงแต่ตอนที่..มัน..กลับมาถามว่า..เอ๋..จริงมั้ยหนอ?....นี้นะ..มีสติระลึกรู้หรือเปล่า

หากมีสติ...ก็จะระลึกถึงสัญญาที่เราทำใว้อยู่ในใจว่า....ยังไม่ใช่ของจริง...ปรากฏ

หากไม่มีสติ...ก็หลงต่อ....หลงแล้วมันก็จะกลับมาถามอีก...ถามอีกก็ให้มีสติอีก

ซ้ำ ๆ อย่างนี้...ซึ่งจะจบต่อเมื่อมีสติ...

ก็อย่าไปกลัวหลง...เพราะเลยจากหลงไปมันจะเป็นรู้

:b8: ขอโมทนากับความคิด..ดี..ดี..นะครับ

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/