ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42617
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  bigtoo [ 09 ก.ค. 2012, 10:27 ]
หัวข้อกระทู้:  อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

ในสมัยพุทธการหลายท่านที่เข้าบวชในพุทธศานาก็มีมากมายแต่ละท่านหลายคนก็มีครอบครับมีลูกมีเมีย มีพ่อมีแม่ มีหน้าที่การงานกันมากมาย ทำไม่พระพุทธองค์ทรงไม่ทรงสอนธรรมมะอย่างเดียวเมื่อเข้าใจแล้วบรรลุแล้วก็ให้กลับไปทำงานที่บ้านตามเดิม ไม่ต้องบวชหรอกเป็นฆราวาสก็บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ได้ จริงอยู่การเป็นฆราวาสนั้นย่อมเป็นอรหันต์ได้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะเป็นอรหันต์ได้ ในพุทธกาลมีน้อยมากน้อยมากจริงๆ ส่วนเพศบรรพชิตบรรลุธรรมกันจำนวนมหาศาล พระพุทธองค์ก็ทรงแสดงไว้ว่าเพศฆารวาสนั้นเหมือนเดินอยู่ขอบปากเหว (แต่ละท่านแปลเอานะครับว่าปากเหวมันหมายถึงอะไรจะง่ายแก่การบรรลุธรรมมั้ย) และให้ดูความหมายในปาติโมกข์นะครับ สพฺพปาปสฺส อกรณํกุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํเอตํ พุทฺธานสาสนํฯ สรุปโดยย่อการไม่ทำความชั่วทั้งปวง 1การบำเพ็ญแต่ความดี 1การทำจิตของตนให้ผ่องใส 1นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ว่าเป็นศิลเพื่อขัดเกลากิเลส และละเว้นโดยตรงเพื่ออนุเคราะห์แก่การปฎิบัติธรรมโดยความไม่ประมาท และย่อยเป็นข้อๆ เป็นศิลในปาติโมกข์ แต่เราแต่ละคนอาจจะมีความพร้อมที่แตกต่างกันในการดำเนินชีวิตอันนี้ยอมรับได้ แต่ธรรมมะวินัยพระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นเป็นไปเพื่อการบรรลุธรรมโดยตรง เพราะง่ายแก่การดำรงชีพ ง่ายแก่การอยู่ ฆารวาสก็ควาน้อมนำเข้ามาปฎิบัติให้มาก อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาสที่สามารถทำอะไรๆได้มากกว่าแล้วจะบรรลุธรรมง่ายกว่าเพศบรรพชิต (อย่าลืมคำว่าดินอยู่บนปากเหว นะครับ) ด้วยความปรารถนาดี ศึกษเพื่อให้รู้ รู้ก็เพื่อลดละเลิก ลดละเลิก ก็เพื่อให้ถึงความหลุดพ้น

เจ้าของ:  murano [ 09 ก.ค. 2012, 11:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆารวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชบ

ฆราวาสที่บรรลุธรรม ก็คงจะมี แต่ก็น้อยมาก นั่นก็ถูก... แต่ประเด็นคือ เมื่อเป็นฆราวาส ก็อย่าทำตัวเป็นพระ ถ้าจะทำตัวเป็นพระ ก็ควรจะบวชให้เป็นกิจจะลักษณะไป

เพราะวิถีของพระและฆราวาสนั้นต่างกัน สิ่งที่พระทำได้ ฆราวาสอาจทำไม่ได้... กฎของพระ ย่อมสร้างขึ้นในวิถีของพระ
แล้วก็...ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการบรรลุธรรม โดยมากคนเราต้องการ ธรรม เพียงบางส่วนเท่านั้น คือต้องการสุคติภูมิ ไม่ใช่ต้องการการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร

ตามมาตอบถึงนี่เลยแหล่ะ ฮี่ฮี่ :b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  bigtoo [ 09 ก.ค. 2012, 13:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

โปรดพิจารณา ประโยชน์อยู่ที่การหยิบมาใช้สอย สิทธิยอมเป็นสิทธิแล้วแต่ใครจะเลือกเป็น ถ้าเข้าใจแล้วเลือกเป็นก็เป็นส่วนดี แต่ถ้าไม่เข้าใจและตีความหมายผิดระวังจะเสียเวลาไปชาติๆหนึ่งนะ มันแค่นั้นเองเดี๋ยวจะอยู่บนความประมาทนะจ๊ะ จะบอกให้ :b34: :b34: :b34:

เจ้าของ:  student [ 09 ก.ค. 2012, 14:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

ตามนั้นเลยครับ ภาระเยอะ

เจ้าของ:  ปลงซะ [ 09 ก.ค. 2012, 19:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

bigtoo เขียน:
โปรดพิจารณา ประโยชน์อยู่ที่การหยิบมาใช้สอย สิทธิยอมเป็นสิทธิแล้วแต่ใครจะเลือกเป็น ถ้าเข้าใจแล้วเลือกเป็นก็เป็นส่วนดี แต่ถ้าไม่เข้าใจและตีความหมายผิดระวังจะเสียเวลาไปชาติๆหนึ่งนะ มันแค่นั้นเองเดี๋ยวจะอยู่บนความประมาทนะจ๊ะ จะบอกให้ :b34: :b34: :b34:


รู้สึกว่าพักนี้คนจะอ้างกันจังเลยนะเรื่องสิทธิ สิทธิ สิทธิ อะไรๆก็สิทธิ ไหนลองบอกมาให้ชื่นใจหน่อยซิ จขกท ว่า สิทธิคืออะไร

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 09 ก.ค. 2012, 22:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

bigtoo เขียน:
.....
อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาสที่สามารถทำอะไรๆได้มากกว่าแล้วจะบรรลุธรรมง่ายกว่าเพศบรรพชิต (อย่าลืมคำว่าดินอยู่บนปากเหว นะครับ) ด้วยความปรารถนาดี ศึกษเพื่อให้รู้ รู้ก็เพื่อลดละเลิก ลดละเลิก ก็เพื่อให้ถึงความหลุดพ้น


ขออนุญาติ..งง...กับกระทู้ของท่านหน่อยหนึ่งนะ.. :b32:

อะไร..เหตุการณ์ไหน...ที่ทำให้ท่านคิดอย่างนี้..ละครับ

มีใครไปว่า...เป็นฆราวาสแล้วบรรลุธรรมง่ายกว่านักบวช...หรือครับ?

เจ้าของ:  bigtoo [ 10 ก.ค. 2012, 02:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
.....
อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาสที่สามารถทำอะไรๆได้มากกว่าแล้วจะบรรลุธรรมง่ายกว่าเพศบรรพชิต (อย่าลืมคำว่าดินอยู่บนปากเหว นะครับ) ด้วยความปรารถนาดี ศึกษเพื่อให้รู้ รู้ก็เพื่อลดละเลิก ลดละเลิก ก็เพื่อให้ถึงความหลุดพ้น


ขออนุญาติ..งง...กับกระทู้ของท่านหน่อยหนึ่งนะ.. :b32:

อะไร..เหตุการณ์ไหน...ที่ทำให้ท่านคิดอย่างนี้..ละครับ

มีใครไปว่า...เป็นฆราวาสแล้วบรรลุธรรมง่ายกว่านักบวช...หรือครับ?
เป็นความเก็บกดของผมเอง ผมมักจะใช้สิทธิของผมเองว่าไม่มีศิลคอยบังคับเลยชอบทำตามใจ ไม่ค่อยสังวร จนทำให้กลายเป็นกิเลสขึ้นในกมลสันดานของผม และมักจะคิดว่า ไม่ต้องบวชก็สำเร็จอรหันต์ได้ ก็เลยอยากระบายเผื่อมีใครอยู่ข้างเดียวกับผมบ้างครับอิๆๆ :b4: :b34: :b34: :b34:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 10 ก.ค. 2012, 06:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

ความอหังการ....มันมีกันทุกคน...

มากบ้างน้อยบ้าง....เป็นช่วงเป็นเวลา...

บันไดทุกขั้น...มันมีเพื่อก้าวผ่าน... :b1:

เจ้าของ:  asoka [ 10 ก.ค. 2012, 07:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

:b16:
คุณ bigtoo เป็นห่วงกลัวฆราวาสทั้งหลายจะประมาทธรรม ก็เป็นการดีแล้ว
:b8: :b27:
แต่ได้โปรดอย่าทำของง่ายให้เป็นของยากเลย......ธรรมะนั้น ความจริงเป็นของง่ายกว่าวิชาหรือเรื่องทางโลกอื่นๆตั้งยอะแยะ คุณลองนึกเทียบวิชา พีชคณิต ตรีโกณ กลศาสตร์...ฯลฯ....กับวิชาทำสมาธิ...หรือวิชาทำวิปัสสนาภาวนา ดูซิครับ อะไรยุ่งยากมากกว่ากัน
:b48:
ธรรมะเป็นเรื่องของสิ่งที่อยู่ในตัวในใจของเรานี่เอง ใกล้ที่สุด รู้ได้ง่ายที่สุด ถ้าเข้าใจวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องไปจดจำท่องจำหลักทฤษฎีอะไรให้ยุ่งยาก ถ้าเข้าใจหลักปฏิบัติแล้ว ธรรมชาติในกายในใจเขาสอนเองทำงานให้เองโดยอัตโนมัติ
:b43:
ที่เห็นกันว่ายากทุกวันนี้เพราะคนไม่รู้จริง หนึ่ง กับ คนรู้มาก กลัวคนอื่นจะรู้เท่า หนึ่ง มาทำใหัธรรมะและการปฏิบัติธรรมกลายเป็นของยาก
:b12: :b12: :b12:
ความง่ายของการทำสมาธิคือ....(ตัวอย่าง)..ทั้งวันทั้งคืน นั่ง ยืน นอน หรือเดินบริกรรมแต่คำว่า "พุทโธ"
คำเดียว จนกว่าจิตจะรวมเป็นหนึ่ง

:b39:
ความง่ายของการทำวิปัสสนาภาวนาคือ "นั่งเฉยๆ" อย่างเดียว ถ้านั่งแล้ว ทำให้เฉยได้นานเท่าไหร่ก็ดีเท่านั้น (ในความเป็นจริงไม่มีใครจะเฉยได้ เพราะจะถูก ยินดี กับยินร้าย มาผลักดันให้เกิดปฏิกิริยาและกรรมอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าตั้งใจที่จะเฉยให้ได้จริงๆ ธรรมชาติในกายและจิตเขาจะจัดให้ เขาจะค้นหาวิธี ละความยินดียินร้ายต่อผัสสะทั้งปวงให้ โดยอัตโนมัติ ถ้าไม่เอาบัญญัติวิธีการไปขวางไว้เสียก่อน)
:b27:
เป็นฆราวาส บรรลุธรรมได้ง่ายกว่าพระ....ลองไปอ่านดูในพระสูตรที่บอกถึงจำนวนผู้บรรลุธรรมหลังจากการฟังพระสูตรแต่ละสูตรดูนะครับ.....
:b11:

เจ้าของ:  <ตะวัน> [ 22 ก.ค. 2012, 01:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

แต่ผมว่าเป็นพระบรรลุได้ง่ายกว่าเป็นฆราวาสแน่นอน

เจ้าของ:  bigtoo [ 22 ก.ค. 2012, 09:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

asoka เขียน:
:b16:
คุณ bigtoo เป็นห่วงกลัวฆราวาสทั้งหลายจะประมาทธรรม ก็เป็นการดีแล้ว
:b8: :b27:
แต่ได้โปรดอย่าทำของง่ายให้เป็นของยากเลย......ธรรมะนั้น ความจริงเป็นของง่ายกว่าวิชาหรือเรื่องทางโลกอื่นๆตั้งยอะแยะ คุณลองนึกเทียบวิชา พีชคณิต ตรีโกณ กลศาสตร์...ฯลฯ....กับวิชาทำสมาธิ...หรือวิชาทำวิปัสสนาภาวนา ดูซิครับ อะไรยุ่งยากมากกว่ากัน
:b11:
อันนี้ผมขอค้านนะครับ ท่านอย่าได้กล่าวว่าง่ายเลย พระทรงน้อมนึกว่ามนุษย์ยากที่จะเข้าถึงธรรมได้ หลังจาการตรัสรู้ใหม่จนน้อมที่จะไม่ทรงสั่งสอนสัตว์ ส่วนวิชาอื่นทั้งหมดบนโลกนี้ อาศัยแค่สัญญาก็เข้าถึงได้ ไม่ใช่เรื่องยาก :b48: :b48: :b48:

เจ้าของ:  bigtoo [ 22 ก.ค. 2012, 09:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

asoka เขียน:
:b16:

เป็นฆราวาส บรรลุธรรมได้ง่ายกว่าพระ....ลองไปอ่านดูในพระสูตรที่บอกถึงจำนวนผู้บรรลุธรรมหลังจากการฟังพระสูตรแต่ละสูตรดูนะครับ.....
:b11:
ส่วนตรงนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ ยังไม่อาจเชื่อในตำราได้หมด เพราะตำราเราถูกบิดเบือนมามากขนาดไหน มิอาจหยั่งรู้ได้ มหาลัยนาลันทา ถูกกมุสลิม เข้ามาทำลาย บิดเบือนคำสอน ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ tongue :b3: ส่วนที่ในพระสูตรนั้น คนที่ฟังส่วนใหญ่ที่บรรลุธรรมโดยง่ายนั้นสังเกตุว่า คนกลุ่มเหล่านั้นเป็นกลุ่มที่ศึกษาความเพรียร เพื่อความบรรลุธรรมทั้งนั้น เพียงแต่ยังไม่มีปัญญาตรงเท่านั้น ส่วนความเพียรอื่นๆลองรับไว้เกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิล เรื่องสมาธิ เช่นพวกชฎิล 3พี่น้องเป็นต้น :b43: :b43: :b43:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 22 ก.ค. 2012, 10:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

asoka เขียน:
:b16:
คุณ bigtoo เป็นห่วงกลัวฆราวาสทั้งหลายจะประมาทธรรม ก็เป็นการดีแล้ว
:b8: :b27:
แต่ได้โปรดอย่าทำของง่ายให้เป็นของยากเลย......ธรรมะนั้น ความจริงเป็นของง่ายกว่าวิชาหรือเรื่องทางโลกอื่นๆตั้งยอะแยะ คุณลองนึกเทียบวิชา พีชคณิต ตรีโกณ กลศาสตร์...ฯลฯ....กับวิชาทำสมาธิ...หรือวิชาทำวิปัสสนาภาวนา ดูซิครับ อะไรยุ่งยากมากกว่ากัน
:b48:


หมายถึง

การบรรลุโสดาบัน นั้นง่ายกว่า การแก้โจทย์วิชาพีชคณิต ตรีโกณ ใช่ป่าว ... :b6: :b10:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 22 ก.ค. 2012, 11:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

bigtoo เขียน:
... ส่วนที่ในพระสูตรนั้น คนที่ฟังส่วนใหญ่ที่บรรลุธรรมโดยง่ายนั้นสังเกตุว่า คนกลุ่มเหล่านั้นเป็นกลุ่มที่ศึกษาความเพรียร เพื่อความบรรลุธรรมทั้งนั้น เพียงแต่ยังไม่มีปัญญาตรงเท่านั้น ส่วนความเพียรอื่นๆลองรับไว้เกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิล เรื่องสมาธิ เช่นพวกชฎิล 3พี่น้องเป็นต้น :b43: :b43: :b43:


:b6: ...ใช่ ใช่ ท่านปัญญจวัคคี พระสารีบุตร พระโมคคัลลา ก็บรรลุธรรมได้ไม่ยาก
ทำให้นึกถึงพระสูตรนี้ :b12:

Quote Tipitaka:
ปฏิจจสมุปปบาท


อนึ่ง พญาครุฑใหญ่ประมาณ ๑๕๐ โยชน์ ปีกขวาของพญาครุฑประมาณ ๕๐ โยชน์ ปีกซ้ายก็เหมือนกัน แผ่นหางประมาณ ๖๐ โยชน์ คอประมาณ ๓๐ โยชน์ ปาก ๙ โยชน์ เท้าทั้งสองประมาณ ๑๒ โยชน์ เมื่อพญาครุฑนั้นแสดงลมของพญาครุฑ ที่ ๗-๘ ร้อยโยชน์ไม่เพียงพอ เขาพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เขาทั้งหลายพูดกันว่า อากาศนี้ไม่มีที่สุด อากาศนี้ไม่มีที่สุด แต่ไหนแต่ไรมา พวกเราไม่ได้ แม้โอกาสที่จะกระพือปีก เพราะอากาศนั้นไม่มีที่สุด ในข้อนั้นพึงกล่าวว่า อากาศของพญาครุฑตัวเข้าไปถึงทั้งตัวนิดหน่อย ของนกเล็กๆ เหล่าอื่นไม่นิดหน่อย พึงกล่าวว่า ปฏิจจสมุปบาทของพระเถระผู้เข้าถึงญาณนั่นแลตื้น แม้ของพวกอื่นไม่ตื้นอย่างนั้นเหมือนกัน.


อนึ่ง อสุรินทราหูจากเส้นผมถึงปลายเท้า ๔,๘๐๐ โยชน์ ระหว่างแขนทั้งสองข้างของอสุรินทราหู ๑,๒๐๐ โยชน์ โดยส่วนหนา ๖๐๐ โยชน์ ฝ่ามือฝ่าเท้าโดยส่วนหนา ๒๐๐ โยชน์ จมูก ๓๐๐ โยชน์ ปากก็เหมือนกัน ข้อนิ้วมือข้อหนึ่งๆ ๕๐ โยชน์ ระหว่างคิ้วก็เหมือนกัน หน้าผาก ๓๐๐ โยชน์ ศีรษะ ๙๐๐ โยชน์ เมื่ออสุรินทราหูนั้นหยั่งลงไปสู่มหาสมุทร น้ำลึกประมาณแค่เข่า เขาพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ชนทั้งหลายพากันกล่าวว่า มหาสมุทรนี้ลึก ลึก แต่ไหนแต่ไรมา พวกเราไม่ได้น้ำแม้แค่ปิดเข่า เพราะมหาสมุทรนั้นลึกสำหรับราหูผู้ลงไปทั้งตัว ในมหาสมุทรนั้นตื้น สำหรับคนเหล่าอื่นไม่ตื้น พึงกล่าวว่า ปฏิจจสมุปบาทของพระเถระผู้เข้าถึงญาณเป็นของง่าย แม้ของคนอื่นไม่ง่ายดังนี้


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เธออย่าได้กล่าวนั้น ดูก่อนอานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น ดังนี้ ทรงหมายถึงความนั้น.


จริงอยู่ ปฏิจจสมุปบาท แม้ลึกซึ้งปรากฏว่าเป็นของง่ายแก่พระเถระ ด้วยเหตุ ๔ ประการ

เหตุ ๔ ประการเป็นไฉน

ด้วยการถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยในชาติก่อน
ด้วยการอยู่ในสำนักครู
ด้วยความเป็นพระโสดาบัน
ด้วยความเป็นพหูสูต


http://84000.org/tipitaka/attha/attha.p ... 9%E0%B8%B2


smiley smiley smiley

ซึ่งที่พระองค์กล่าว ...

eragon_joe เขียน:

ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาค ผู้เสด็จ
เข้าที่ลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก
รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต

ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบานแล้วในอาลัย
ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็นธรรมอาศัยกันและกัน
เกิดขึ้น
ก็อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบานแล้วในอาลัย
จะพึงเห็นได้ยาก


ดังนั้น บัญฑิต ในที่นี้ก็คือ ผู้ซึ่ง

ด้วยการถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยในชาติก่อน
ด้วยการอยู่ในสำนักครู
ด้วยความเป็นพระโสดาบัน
ด้วยความเป็นพหูสูต


ส่วน ผู้ที่มองปฏิจจสมุปบาทเป็นของง่ายอีกกรณีหนึ่ง คือ พระอานนท์ซึ่งพระองค์ก็ทรงชี้แจงให้เห็นว่าทำไม พระอานนท์จึงเห็นเป็นของง่าย

Quote Tipitaka:
อปสาทนาวณฺณนา
ในบทที่ท่านกล่าวว่า อปสาเทนฺโต นั้นมีอธิบายว่า ดูก่อนอานนท์ เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ปฏิจจสมุปบาทนี้ย่อมปรากฏแก่เราดุจเป็นของง่ายๆ ก็ผิว่าปฏิจจสมุปบาทนี้ ย่อมปรากฏแก่เธอดุจเป็นของง่ายๆ ไซร้ เพราะเหตุไร เธอจึงมิได้เป็นโสดาบันตามธรรมดาของตน เธอตั้งอยู่ในนัยที่เราให้แล้วจึงบรรลุโสดาปัตติมรรค


พระอานนท์เมื่อฟังปฎิจจสมุปบาท ก็ว่าเป็นของง่าย
แต่ที่เห็นเป็นของง่าย ก็ด้วยว่า เธอตั้งอยู่ในนัยที่เราให้แล้วจึงบรรลุโสดาปัตติมรรค

และท่อนต่อมา พระองค์ก็ยังแสดงธรรมจี้สอนไปที่สภาวะของ พระอานนท์ ในตอนนั้น
แต่ก็เป็นการสอนที่ทำให้เห็นภาพ ลำดับแห่ง อริยมรรค และ อริยผลลำดับต่าง ๆ
การบรรลุธรรม แบบสาวกปารมีญาณ ปัจจเจกโพธิญาณ
และ ปิดท้ายลงด้วย
สาวกเช่นเธอตั้งอยู่ในความรู้พื้นๆ... :b5: :b5: :b5:


Quote Tipitaka:
ดูก่อนอานนท์ นิพพานนี้เท่านั้นเป็นของลึกซึ้ง แต่ปัจจยาการเป็นของง่ายของท่าน เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร เธอถอนกิเลส ๔ เหล่านี้คือ กามราคสังโยชน์ (การผูกจิตด้วยกามราคะ) ปฏิฆสังโยชน์ (การผูกจิตด้วยความแค้น) อย่างหยาบ กามราคานุสัย (กิเลสอันนอนเนื่องอยู่ในสันดานคือกามราคะ) ปฏิฆานุสัยอย่างหยาบ (กิเลสอันนอนเนื่องอยู่ในสันดานคือความแค้น) ได้แล้ว จึงไม่ทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล เธอถอนกิเลส ๔ อันเกี่ยวเนื่องเหตุนั้น ได้แล้ว ไม่ทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล เธอถอนกิเลส ๘ อย่างเหล่านี้คือ สังโยชน์ ๕ มีรูปราคะ (ความกำหนัดในรูป) เป็นต้น ภวราคานุสัย (กิเลสอันนอนเนื่องในสันดานคือความกำหนัดในภพ) มานานุสัย (กิเลสอันนอนเนื่องในสันดานคือมานะ) อวิชชานุสัย (กิเลสอันนอนเนื่องในสันดานคืออวิชชา) ได้แล้ว ไม่ทำให้แจ้งซึ่งพระอรหัต
อนึ่ง เพราะเหตุไร เธอจึงไม่บรรลุสาวกปารมีญาณ ดุจพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะผู้บำเพ็ญบารมีตลอดอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป และเธอไม่บรรลุปัจเจกโพธิญาณดุจพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายผู้บำเพ็ญบารมีตลอด ๒ อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป ก็หรือผิว่าปฏิจจสมุปบาทนั้นปรากฏเป็นของง่าย โดยประการทั้งปวงแก่เธอ เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร เธอจึงไม่ทำให้แจ้งซึ่งพระสัพพัญญุตญาณ ดุจพระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้บำเพ็ญบารมีมาแล้วตลอด ๔ อสงไขย ๘ อสงไขยหรือ ๑๖ อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป เธอเป็นผู้ไม่มีประโยชน์อะไรด้วยการบรรลุคุณวิเศษเหล่านี้ เธอจงมองดูความผิดพลาดของเธอโดยตลอด

สาวกเช่นเธอตั้งอยู่ในความรู้พื้นๆ ย่อมพูดถึงปัจจยาการอันลึกซึ้งยิ่งนักว่าปรากฏเป็นของง่ายแก่เราดังนี้ คำพูดนี้ของเธอนั้นเป็นคำพูดตรงกันข้ามกับพระดำรัสของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ถ้อยคำอันภิกษุเช่นเธอจะพึงกล่าวตรงกันข้ามกับพระดำรัสของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่สมควรดังนี้
ดูก่อนอานนท์ เมื่อเราเพียรเพื่อบรรลุปัจจยาการนี้ล่วงไปถึง ๔ อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป ก็และชื่อว่าทานอันเราไม่ให้แล้วเพื่อบรรลุปัจจยาการไม่มี ชื่อว่าบารมีอันเราไม่บำเพ็ญแล้วไม่มี ก็และเมื่อเรากำจัดมารและเสนามาร ดุจไม่หายใจด้วยคิดว่า วันนี้เราจักบรรลุปัจจยาการ แผ่นดินผืนใหญ่นี้ ไม่หวั่นไหวแม้แค่ ๒ นิ้ว
เมื่อเราบรรลุบุพเพนิวาส (ขันธปัญจกที่อยู่อาศัยในชาติก่อน) ในปฐมยาม บรรลุทิพยจักษุในมัชฌิมยามก็เหมือนกัน แต่ในปัจฉิมยามตอนใกล้รุ่ง พอเราเห็นว่าอวิชชาเป็นปัจจัยของสังขารทั้งหลายโดยอาการ ๙ อย่างดังนี้เท่านั้น หมื่นโลกธาตุเปล่งเสียงร้องก้องกังวานเป็นพันๆ เสียง ดุจกังสดาลถูกเคาะด้วยท่อนเหล็ก หวั่นไหวดุจหยาดน้ำที่ใบบัวเมื่อต้องลมฉะนั้น


ดูก่อนอานนท์ ก็ปฏิจจสมุปบาทนี้ เป็นของลึกซึ้งถึงอย่างนี้และปรากฏว่าเป็นของลึกซึ้ง ดูก่อนอานนท์ การไม่รู้ตาม ไม่บรรลุธรรมนี้ ย่อมไม่ล่วงพ้นสงสารไปได้ดังนี้.


:b8:

พระองค์สอนโดยถือ สัจจะ เป็นหลัก ไม่ได้ไว้หน้าพระอานนท์เลยนะนี่

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 22 ก.ค. 2012, 12:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อย่าใช้สิทธิการเป็นฆราวาส แล้วจะทำอะไรตามใจชอบ

:b10: :b10: :b10:

เอ๋...เหมือนจะ copy คำตอบไปใช้ประโยชน์ได้อีกแล้วแฮะ... :b9: :b9:

อิอิ บังเอิญจริง ๆ ขอบคุณ ท่าน BIGTOO หลาย ๆ เด้อ...

smiley smiley smiley

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/