วันเวลาปัจจุบัน 26 ก.ค. 2025, 08:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2012, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtooนั่งสมาธิเจ็บมากแต่ได้เรียนมาว่าทุกอย่างมันไม่เทียงมีการเปลี่ยนแปลงก็เข้าใจว่าเจ็บได้มันต้องหายได้ในที่สุดอยู่มาวันหนึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ได้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงเพราะเป็นลักษณะความรู้สึกทางกายจริงๆไม่ได้คิดเอา ที่นี้ทุกขังละเป็นอย่างไร ที่เขาว่าสภาพถูกบีบคั้นไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ ที่นี่นั้งสมาธิอีก เจ็บมาก ทนแล้วก็หายเจ็บ ที่นี้เจ็บแล้วมันไม่หายก็เลยอยากรู้ว่าที่สุดแล้วมันจะเป็นอย่างไร ก็เลยนึกถึงท่านพุทธาสที่บอกว่านั่งไปเลยครั้งเดียวก็รู้อย่าไปนั่งหลายครั้ง และก็หลวงพ่อจรัญบอกว่านิพพานอยู่หลังความตาย ทีนี้ก็นั่งต่อไม่ยอมถอย ถ้าตายได้คงตายจริงๆนั้นแหละ ในที่สุดผมก็มาเจอสภาวะหนึ่งคือร่างกายเรามาแยกจากกันเป็นลักษณะรูปภาพผลุดขึ้นในเองมโนทวาร และหลังจากนั้นก็เกิดเป็นความว่างไม่มีตัวตนผลุดขึ้นมาต่อในมโนทวาร ทำให้ผมเข้าใจไตรลักษณะแบบสภาวะที่เกิดขึ้นไม่ได้คิดเอา และหลังจากนั้นประมาณ4-5ชั่วโมงก็ปรากฎแสงสว่างก็เกิดขึ้นเองในมโนทวารประมาณ1นาที เป็นลักษณะเป็นกลุ่มพลังงานสว่างมาก มากกว่างเรามองพระอาทิตย์อีก และก็มีสภาวะเหมือนมีพลังสั่นสะเทือนแรงมากชนิดหนึ่ง ปรากฎขึ้นในร่างกาย หลังจากนั้นก็เจอสิ่งแปลกๆที่ไม่เคยเห็นมากมายแต่ไม่ค่อยได้สนใจมาก เพราะยังคิดเสมอว่ามันไม่เทียง :b9: :b9:
:b16:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2012, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะนั้นอายุ 33ปีการใช้ชีวิตก็แปลกขึ้นทุกที ทุกครั้งที่มีกิจเรื่องอย่างว่าก็จะตำหนิตัวเองทุกทีว่าทำอะไรวะ ไม่เข้าท่าไม่เข้าที แต่ก็อดใจไม่ได้ ทุกครั้งที่ทำกิจก็จะมีแสงสว่างวิ่งเข้ามาในมโนทวารทุกที เป็นอย่างนี้อยู่10ปี จนนั้งสมาธิเจ็บลองทนให้ได้เหมือนครั้งก่อน คราวนี้ทำให้รูปนามแยกจากกันมีแต่จิตใสสว่างนานพอสมควร ต่อมาก็มีแสงสว่างท่วมทั้งตัวอยู่นานประจักษ์ขึ้นในมโนทวาร ก้าวสู่สกิทาคามี การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปความกำหนัดจากหายไปกว่า70% กิขข้าวอยู่ดีๆก็บอกตัวเองขึ้นมาเฉยๆว่ากินทำมัยวะตั้งหลายมื้อน่าเบื่อขึ้นมาดื้อๆ 6เดือนน้ำความเป็นชายยังไม่เคยเคลื่อน ตอนนี้ประกาศรักษาศิลพรหมจรรย์ลองรับอนาคามี แต่ไม่รู้อีกกี่ปี ไม่ได้หวังในผลเดินหน้าสร้างเหตุอย่างเดียว ตอนนี้เห็นที่สุดทางเป็นเรื่องง่าย แต่เห็นการกลับไปใช้ชีวิตอย่างเก่าเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว กลับไม่ถูก กลับไม่ถูกจริงไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 12 ก.ค. 2012, 14:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2012, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: น่าสนใจครับ ปัจจัตตังเฉพาะตน ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ยินดีสำหรับผลการปฏิบัติขอให้สำเร็จผลถึงความสิ้นทุกข์ในชาตินี้ครับ :b42:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2012, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ก็หมั่นตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันครับ เวลานั่งสมาธิ หลับตาอยู่ ตัวตนนั้นไม่มี มีแต่ขันธ์5 ถ้าเห็นตัวตนนั่งอยู่คือจิตปรุงแต่ง ที่นั่งอยู่คือรูป ถ้าจิตปรุงแต่งคือคิดเอาว่ารูปเป็นทั้งก้อนตั้งแต่หัวจดเท้า ถ้ากำหนดรู้จะเห็นได้ว่ารูปนั้นวิญญาณสนใจจุดไหนรูปก็มีเท่านั้น เช่นกำหนดรู้ที่ลมหายใจเข้าออก วิญญาณกำหนดรู้ที่ผัสสะที่เกิดจากกาย เกิดเวทนาคือ อาการที่อากาศผ่านเข้ามีการเกิดดับของสภาวะธรรมคือหายใจเข้าออก ถ้าเห็นทั้งตัวตนนั่งหายใจเข้าออกคือจิตปรุงแต่ง วิญญาณสนใจที่เวทนา ขันธ์5ก็แสดงเวทนาชัดกว่ารูป ถ้ากำหนดรู้สังขาร ขันธ์5ก็แสดงสังขารชัดกว่า ก็ขึ้นอยู่กับปัญญาของเราว่าจะพิจารณาให้เห็นถึง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ของขันธ์5ตามความเป็นจริงได้มากแค่ไหน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2012, 20:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ขณะนั้นอายุ 33ปีการใช้ชีวิตก็แปลกขึ้นทุกที ทุกครั้งที่มีกิจเรื่องอย่างว่าก็จะตำหนิตัวเองทุกทีว่าทำอะไรวะ ไม่เข้าท่าไม่เข้าที แต่ก็อดใจไม่ได้ ทุกครั้งที่ทำกิจก็จะมีแสงสว่างวิ่งเข้ามาในมโนทวารทุกที เป็นอย่างนี้อยู่10ปี จนนั้งสมาธิเจ็บลองทนให้ได้เหมือนครั้งก่อน คราวนี้ทำให้รูปนามแยกจากกันมีแต่จิตใสสว่างนานพอสมควร ต่อมาก็มีแสงสว่างท่วมทั้งตัวอยู่นานประจักษ์ขึ้นในมโนทวาร ก้าวสู่สกิทาคามี การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปความกำหนัดจากหายไปกว่า70% กิขข้าวอยู่ดีๆก็บอกตัวเองขึ้นมาเฉยๆว่ากินทำมัยวะตั้งหลายมื้อน่าเบื่อขึ้นมาดื้อๆ 6เดือนน้ำความเป็นชายยังไม่เคยเคลื่อน ตอนนี้ประกาศรักษาศิลพรหมจรรย์ลองรับอนาคามี แต่ไม่รู้อีกกี่ปี ไม่ได้หวังในผลเดินหน้าสร้างเหตุอย่างเดียว ตอนนี้เห็นที่สุดทางเป็นเรื่องง่าย แต่เห็นการกลับไปใช้ชีวิตอย่างเก่าเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว กลับไม่ถูก กลับไม่ถูกจริงไม่รู้จะเริ่มอย่างไร



:b8: :b8: :b8: มีอริยะเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว หรือนี้ ขอให้บรรลุธรรม เร็วๆนะครับ

แต่ก็ระวังนะครับ ท่านจะเอาอะไรไปเป็น ไอ้ระดับชั้นต่างๆพวกนั้น กันครับ คิดดูดีๆครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2012, 19:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
bigtooนั่งสมาธิเจ็บมากแต่ได้เรียนมาว่าทุกอย่างมันไม่เทียงมีการเปลี่ยนแปลงก็เข้าใจว่าเจ็บได้มันต้องหายได้ในที่สุดอยู่มาวันหนึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ได้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงเพราะเป็นลักษณะความรู้สึกทางกายจริงๆไม่ได้คิดเอา ที่นี้ทุกขังละเป็นอย่างไร ที่เขาว่าสภาพถูกบีบคั้นไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ ที่นี่นั้งสมาธิอีก เจ็บมาก ทนแล้วก็หายเจ็บ ที่นี้เจ็บแล้วมันไม่หายก็เลยอยากรู้ว่าที่สุดแล้วมันจะเป็นอย่างไร ก็เลยนึกถึงท่านพุทธาสที่บอกว่านั่งไปเลยครั้งเดียวก็รู้อย่าไปนั่งหลายครั้ง และก็หลวงพ่อจรัญบอกว่านิพพานอยู่หลังความตาย ทีนี้ก็นั่งต่อไม่ยอมถอย ถ้าตายได้คงตายจริงๆนั้นแหละ ในที่สุดผมก็มาเจอสภาวะหนึ่งคือร่างกายเรามาแยกจากกันเป็นลักษณะรูปภาพผลุดขึ้นในเองมโนทวาร และหลังจากนั้นก็เกิดเป็นความว่างไม่มีตัวตนผลุดขึ้นมาต่อในมโนทวาร ทำให้ผมเข้าใจไตรลักษณะแบบสภาวะที่เกิดขึ้นไม่ได้คิดเอา และหลังจากนั้นประมาณ4-5ชั่วโมงก็ปรากฎแสงสว่างก็เกิดขึ้นเองในมโนทวารประมาณ1นาที เป็นลักษณะเป็นกลุ่มพลังงานสว่างมาก มากกว่างเรามองพระอาทิตย์อีก และก็มีสภาวะเหมือนมีพลังสั่นสะเทือนแรงมากชนิดหนึ่ง ปรากฎขึ้นในร่างกาย หลังจากนั้นก็เจอสิ่งแปลกๆที่ไม่เคยเห็นมากมายแต่ไม่ค่อยได้สนใจมาก เพราะยังคิดเสมอว่ามันไม่เทียง :b9: :b9:
:b16:

cool
สภาวะที่กล่าวมาและที่เขียนบรรยายไว้ในหลายที่ ดูแล้วคล้ายของจริง แต่อย่าเพิ่งด่วนเชื่อและตัดสิน ครูบาอาจารย์ท่านเคยแนะนำว่า "ต้องพิสูจน์ธรรม ถ้าของจริง ต้องไม่เปลี่ยนแปลงและเข้าถึงได้เสมอยามต้องการ"
:b42:
สิ่งที่ช่วยพิสูจน์ว่าธรรมนั้นเกิดขึ้นจริง สักกายทิฏฐิ ตายขาดจริง นอกจากเรื่องสังโยชน์ 3 ตามตำราแล้ว
ตามภาคปฏิบัติที่รู้ได้ไวที่สุด คือการเข้าไปถึงสภาวะไร้ความปรุงแต่งนึกคิด (สังขารุเปกขาญาณ) คนถึงจริงจะไปถึงตรงนี้ได้ง่ายรวดเร็วเสมอ....หากมามั่วอยู่กับกิจทางโลกย์มากและนาน บางท่านก็อาจต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ก็ยังเข้าถึงได้...นั่นแหละจึงจะจริง...จริงที่สุดคือต่อจากจุดนั้นไป ต้องเข้าไปเสวยผล คือสภาวะนิพพานได้จริงๆ จะนานไม่นาน มากหรือน้อยนั่นแล้วแต่กำลังบารมีของคนผู้นั้น

:b27:
เคยทดสอบดูหรือยังครับ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2012, 22:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์....ก็ทุกข์ใครทุกข์มัน

หมดทุกข์...ก็หมดใครหมดมัน...

ของฉันยังเต็มกระบุงอยู่เลย.....เฮ่อ.... s002

แล้วมันควรจะไปหมั่นใส้ใครได้อีก?


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร