วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 06:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2012, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ลำดับชั้นการบรรลุธรรม
การที่บุคคลจะสำเร็จธรรม หรือ บรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้นโสดาบัน เป็นต้นไป ต้องรู้จักหลักธรรม และหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง
ไม่เกี่ยวกับว่า บุคคลนั้นๆจะอยู่ในเพศ ฆราวาส หรือ เพศ บรรชิต หากบุคคลเหล่านั้น รู้จักหลักธรรม เข้าใจหลักธรรม และปฏิบัติตามหลักวิชชาได้ เขาเหล่านั้น ก็สามารถบรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้น โสดาบันเป็นต้นไปได้
อนึ่ง นิพพาน ไม่ได้หมายถึง ความตายนะขอรับ เพราะฉะนั้น หากบรรลุนิพพาน ก็ไม่ได้หมายความว่าตัองตาย ยกตัวอย่าง อย่าหาว่าข้าพเจ้าโอ้อวดเลยนะ ข้าพเจ้า บรรลุนิพพานมาประมาณ 10 ถึง 12 ปี แล้ว ก็ยังอยู่เป็นปกติดี อย่างนี้เป็นต้นขอรับ (อ่านแล้วกรุณาใช้วิจารณญาณด้วยนะขอรับ)
คำถาม... “นิพพานท่านเป็นอย่างไรช่วยอธิบายเป็นธรรมทานด้วยครับ”
คำตอบ...
ข้าพเจ้าได้รับการฝึกอบรม ขัดเกลา พร่ำสอน โดยบุคคลในทางพุทธศาสนา ถึงแม้ว่า หลักวิชชาการทางศาสนาที่ข้าพเจ้ามีอยู่ จะไม่เหมือนกับที่มีอยู่ในพระไตรปิฏก แต่การฝึกตน การปฏิบัติธรรม ของข้าพเจ้า ก็ได้แนวทางมาจากพุทธศาสนา เพียงแต่ หลักการฝึกตนและปฏฺิบัติตนของข้าพเจ้า ผสมรวมเอาหลักวิชชาการทางศาสนาของทุกศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้น ข้าพเจ้าย่อมต้องศึกษา และวิจัย ในการบรรลุธรรมชั้นต่างๆ อันมีชื่อชั้นทางพุทธศาสนาให้ไว้ เพราะโดยส่วนตัว ก็สนใจใคร่รู้อยู่แล้ว ถ้าจะอธิบายเพียงนิพพานอย่างเดียว ท่านทั้งหลายคงไม่สามารถไปถึงได้(ไม่ได้ดูหมิ่นนะขอรับ)
ข้าพเจ้าจะอธิบาย ตามประสบการณ์ที่ได้ฝึกฝน วิจัย ปฏิบัติ ทดลอง จนได้ผลดีแล้ว ว่า..

๑.ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรม สามารถรู้และเข้าใจว่า อันไหนคือ มรรค (เหตุปัจจัย) อันไหนคือ ผล ที่เกิดจากมรรค(เหตุปัจจัย) จนรู้จริงรู้แจ้ง ตามหลักธรรมนั้นๆแล้ว บุคคลนั้นไซร้ จักเป็น ผู้บรรลุธรรม ชั้น "โสดาบัน" สามารถขจัดอาสวะได้ เป็นบางอย่าง บางชนิด และขณะขจัดอาสวะ ก็จะเปล่งฉัพพรรณรังสีออกมาด้วย

๒. ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจจนเข้าสู่ธรรมชั้น โสดาบันแล้ว หากบุคคลนั้น ขวนขวาย ขยัน หมั่นฝึกฝน จนเกิดความรู้ความเข้าใจ อันกว้างไกลลึกซึ่งกว่าที่เป็นอยู่ สามารถจำแนกได้ว่า สิ่งที่มากระทบทางอายตนะทั้งหลาย เป็นเหตุทำให้เกิดกิเลสใด ก็จักทำให้บุคคล เป็นผู้บรรลุธรรมชั้น "สกทาคามี" สามารถขจัดอาสวะที่มากระทบ อันจักเกิดผลทำให้จิตใจเกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ฯลฯ ได้เป็นบางอย่าง บางชนิด แล ขณะขจัดอาสวะนั้น ก็จะเกิดฉัพพรรณรังสีสามารถมองเห็นได้ด้วยตา

๓. ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจ ในธรรมทั้งหลายอย่างกว้างขวาง ละเอียด ลึกซึ่งมากกว่าเดิม จนธรรมทั้งหลายเหล่าน้้น สามารถทำให้จำแนกแหล่งที่เกิดคลื่นแห่งกิเลส นับตั้งแต่ร่างกายของเราเป็นต้น อีกทั้งสามารถจำแนกแห่งที่เป็นเหตุแห่งกิเลสทั้งปวงที่อยู่ภายนอกร่างกาย สามารถจำแนกคลื่น ความคิด การระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก อันเกิดจากเหตุ อันเป็นผลต่อร่างกาย แลสามารถขจัด คลื่น ความคิด การระลึกนึกถึง อารมณ์ ความรู้สึก ให้ออกจากร่างกายได้ อีกทั้งยังสามารถป้องกันคลื่นเหล่านั้นจากภายนอกได้ บุคคลนั้นได้บรรลุธรรมชั้น "อนาคามี" อันจักคาบเกี่ยวกับขั้น "อรหันต์"

๔.ถ้าบุคคล มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักธรรมที่ละเอียด แตกฉาน ประกอบกันเข้ากับหลักวิชาการด้านต่างๆ สามารถผสมผสานหลักวิชชาการต่างๆ แลรู้จักหลักวิชชาการต่างๆ สามารถวิเคราะห์จนเกิดความรู้ตามหลักธรรม แลรู้จักวิธีการปฏิบัติหรือฝึกตน นับหมายรวมตั้งแต่ชั้น โสดาบัน,สกทาคามี,อนาคามี บุคคลผู้นั้นก็จักบรรลุธรรมสู่ชั้น "อรหันต์" แลจะคาบเกี่ยวไปสุ่ชั้น "นิพพาน" ด้วย กล่าวคือ ในชั้น อรหันต์ นี้ จะสามารถขจัดอาสวะได้มากอย่างขึ้น ละเอียดขึ้น สามารถป้องกันคลื่นแห่งกิเลสได้ บางครั้ง ร่างกายก็จะเป้นคล้ายกระจกเงา บางครั้ง ร่างกายก็จะโปร่งแสง ฯลฯอย่างนี้เป็นต้น

๕. ในชั้น "นิพพาน"นั้น จะควบรวมตั้งแต่ชึ้น โสดาบันจนถึงชั้น อรหันต์ แต่วิธีการฝึกตนหรือการปฏิบัติ จะมีเทคนิคหรือวิธีการที่ละเอียด มากกว่าชั้นอื่นๆ เมื่อสรีระร่างกายโปร่งแสง เป็นอณูอากาศ สภาพสภาวะจิตใจ ถ้าหากจะกล่าวตามหลักพุทธศาสนา ก็จะเป็น อรูปฌาน กล่าวคือ สภาพสภาวะจิตใจนั้น จะว่าจำก็ไม่ใช่ จะว่าไม่จำก็ไม่ใช่ จะว่ามีอารมณ์ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีอารมณ์ก็ไม่ใช่ ทุกส่วนเป็นวิญญาณ เพราะไม่มีส่วนของกายมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย ร่างกายมีแต่ความว่างเปล่า แต่ยังสามารถมองเห็นตัวเองได้ หากร่างกายไม่โปร่งแสง เป็นอณูอากาศ ก็จักสามารถขจัดอาสวะได้ทุกชนิด และรู้จักกำหนดว่าจะให้เกิดหรือให้ดับ(หมายถึง อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด การระลึกนึกถึง) ก็ได้เช่นกัน
ฉัพพรรณรังสีที่เกิดขึ้น อันเกี่ยวเนื่องมาตั้งแต่ชั้นโสดาบัน จะมีแสงสีแตกต่างกันไปในชั้นแรก ต่อเมื่อขจัดอาสวะอยู่เป็นนิจ ฉัพพรรณรังสี ก็จะปรากฏเป็นแสงสีขาวใสบ้าง ขาวขุ่นบ้าง เป็นคล้ายกระจกเงาบ้าง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น
ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปทั้งหมด เป็นการกล่าวถึง ลำดับชั้นในการบรรลุธรรม มิใช่การกล่าวถึงการฝึกตนหรือวิธีการฝึกตน และการบรรลุธรรมที่ได้กล่าวไป ก็เป็นการวิจัย ทดลองปฏิบัติ ตามชื่อชั้นในทางพุทธศาสนา

จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕
(ผู้เขียน)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 193 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร