เราต่างมีความเห็นต่างๆ ทั้งวิธี ทั้งภาวะ ทั้งครูอาจารย์ มากมายมหาศาล

เราจะรู้อย่างไร เราจะเลือกอย่างไร ว่านั่นจริง

จริงอย่างไร

ที่เห็นเต็มอยู่สองตา หรือว่าไม่จริง อยู่ตรงใหน ความจริง

พระพุทธองค์ยังทรงตรัสว่า เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน ฯลฯ อย่าไปถือเอา

แล้วเราจะเห็น ได้ยิน ฯลฯ ความจริง ตรงใหน อย่างไรหนอ

ไม่ต้องรู้....ไม่ต้องเลือก...

นึกชอบก็ทำไปเลย...

หากผิด....ความผิดที่เกิดจากเราทำนั้นนะ....จะเป็นตัวบอกเรา...

เมื่อรู้ว่าผิด....มันจะเบนจากแนวนั้นไปเองเป็นธรรมชาติ

ผิด...นี้...ไม่ใช่วิธีการผิด

แต่..ผิดที่เรามันเข้ากันไม่ได้กับวิธีนั้น

ความจริง...อยู่ที่...ไม่ว่าจะหลับตา..หรือ..ลืมตา...มันก็เป็นจริงอย่างนั้น...ไม่เปลี่ยนแปลง

ความจริงย่อมไม่เปลี่ยนแปลง


ที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่จริง

ช่าย....เลย

รู้เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู มันก็หลอก ล้วนของปลอมทั้งสิ้น

อย่างเช่น ท่านเปรียบขันธ์ห้าเหมือนงูพิษ ..

เหมือนเราจับงูพิษใต้น้ำแหละ ยึดไว้ ถือไว้ ไม่ยอมปล่อย
ไม่ยอมละวาง เพราะหลงผิดคิดว่าเป็นปลา ..

ต่อเมื่อยกมือขึ้นเหนือน้ำ จึงรู้จริง เห็นจริงว่า แท้จริงแล้ว
ล้วนมีพิษ ถึงไม่บอกให้ปล่อย มันก็ปล่อย ก็ละวางเอง ..

การรู้เห็นอย่างนี้ เรียกว่า การรู้เห็นด้วย "ปัญญา"
เป็นการรู้เห็นอย่างแท้จริง ไม่มีหลอก ไม่หลงผิด

การรู้เห็นด้วย "ปัญญา" นี่แหละ
คือ เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา ..

ท่านจึงสอนให้ ฝึกสติ ฝึกปัญญา เพื่อการรู้จริงเห็นจริง
อย่างนี้ ..

กระทู้ เหมือน ถามหา มาตรฐาน หรือเอาอะไรมาตัดสินว่า อะไรจริง อะไรเท็จ อะไรที่เราคิดนึกเอาเองว่าจริง ประมาณนี้

ถ้ากระทู้มีลักษณะอย่างที่เข้าใจ ดังนั้น :

ก็คงจะบอกได้ว่า คงต้องเห็นตาม รู้ตาม ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ เป็นบรรทัดฐาน
เลือกปฏิบัติ ตามแนวทางพุทธบัญญัติให้ปฏิบัติ
ก็จะเห็นสภาวะ ตามที่เป็นจริง ดั่งที่พระพุทธองค์วิสัชนาไว้เป็นอเนกประการ

เห็นอย่างที่มันเป็น นั่นน่ะ เห็นจริง

เห็นอย่างที่เราอยากให้เป็น นี่ เห็นไม่จริง

นั่นสิ ความจริงอย่างพระพุทธองค์เป็นเช่นไร อยากทราบสักอย่างสองอย่าง

นั่นอ่ะดิ

ปัญญาย่อมสูงสุด สาธุ

อธิบาย
-เช่น ทางตา ตาเห็นได้แค่ รูป หรือ สี เท่านั้น (นอกนั้นเป็นการเห็นไม่จริง)
เห็นให้ลึกซึ้งกว่านั้น รูป หรือ สี เหล่านั้นประกอบปัจจัย ๔ คือ
กรรม จิต อุตุ อาหาร มาประชุมพร้อมกันเกิดขึ้น
- เห็นไม่จริง เช่นเห็นว่า รูป และ สี เหล่านั้นเราเห็นว่าเป็นคน เป็นสัตว์
เป็นสิ่งของ เป็นรถ เป็นตู้ เตียง เห็นว่าสวย ว่างาม เป็นต้น

- เช่น ทางหู หูกระทบได้แค่ เสียง เท่านั้น
แท้จริงเสียงประกอบไปด้วย ปัจจัย ๒ อย่างคือ จิต กับ อุตุ
- ได้ยินไม่จริง คือ ได้ยินว่าเสียงคนพูด เสียงสัตว์ร้อง เสียงฟ้าร้อง เสียงน้ำตก เป็นต้น

ถ้าจะให้ชัดเจนกว่านี้คงต้องศึกษากันยาว