ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
พระธรรมคำสอน http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42899 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 8 |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 08 ส.ค. 2012, 20:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระธรรมคำสอน |
“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่านมีอยู่ ๕ ประการ คือ กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑ กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง ๑ กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือคำหยาบคาย ๑ มีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สามควรก็ตาม จะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม จะกล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือคำหยาบคายก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะภายในกล่าวก็ตาม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งอันเป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตา ไม่มีโทสะในภายในเราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และจักแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่งหาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาทไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทางซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้นดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายถึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แลฯ ” ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 08 ส.ค. 2012, 22:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
น่าใช้น้อมนำศึกษา เวลาอ่านและตอบกระทู้ ![]() |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 08 ส.ค. 2012, 23:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ต้องเห็นจิต ไม่ใช่เรา แล้วจะไม่ยึดมั่นในความคิด คิดว่านะ ![]() |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 09 ส.ค. 2012, 00:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ครับจิตไม่ใช่ตน จิตเป็นจิต ความคิดเป็นความคิด ![]() |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 09 ส.ค. 2012, 00:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ขณะจิต เขียน: ครับจิตไม่ใช่ตน จิตเป็นจิต ความคิดเป็นความคิด ![]() แล้วท่านเห็นจิต อย่างไรครับ |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 09 ส.ค. 2012, 00:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
เห็นจิตทรงอยู่ รู้อยู่ ตั้งมั่นอยู่ จิตสว่างก็รู้ เศร้าหมองก็รู้ เฉยๆก็รู้ ![]() |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 09 ส.ค. 2012, 00:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ขณะจิต เขียน: เห็นจิตทรงอยู่ รู้อยู่ ตั้งมั่นอยู่ จิตสว่างก็รู้ เศร้าหมองก็รู้ เฉยๆก็รู้ ![]() รู้อย่างไร ดูอย่างไรครับ |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 09 ส.ค. 2012, 00:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ใช้สติดู จริงแล้วจิตทรงอยู่เฉยๆ แต่ที่เศร้าหมอง ปรุงแต่ง เคลื่อนไหวนั้นเป็นเพราะความคิด ความคิดทำให้เกิดอารมณ์กลุ้มรุมจิต กำหนดสติรู้ อย่าเข้าไปเป็นไปจมอารมณ์ ดูความคิด มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้สึกต้วตอนไหนดูตอนนั้น อาศัยสติปัฏฐานช่วย |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 09 ส.ค. 2012, 01:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ขณะจิต เขียน: ใช้สติดู จริงแล้วจิตทรงอยู่เฉยๆ แต่ที่เศร้าหมอง ปรุงแต่ง เคลื่อนไหวนั้นเป็นเพราะความคิด ความคิดทำให้เกิดอารมณ์กลุ้มรุมจิต กำหนดสติรู้ อย่าเข้าไปเป็นไปจมอารมณ์ ดูความคิด มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้สึกต้วตอนไหนดูตอนนั้น อาศัยสติปัฏฐานช่วย ที่ผมถามนั้น เพราะตัวเองไม่เคยเห็นจิต ตรงๆเลย เห็นแต่อาการจิต หรือ จิต+เจตสิก แล้ว ดูที่ รับรู้ นึกคิด รู้สึก เท่านั้น จึงไม่เข้าใจ ครับ ท่านคงปฏิบัติไปได้ไกลกว่าผมแล้ว จึงเห็นจิต ทรงอยู่ ที่ใครๆเห็นเป็นดวงหรือป่าวหนอ ครับ ![]() |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 09 ส.ค. 2012, 01:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ตอนที่เห็นจิตทรงอยู่นั้นคือตอนที่จิตวางเฉยอยู่นิ่งว่าง อยู่ แต่ตอนมีที่ความคิดกลุ้มรุมจิตนั้น ก็เห็นจิตถูกความคิดกลุ้มรุมอยู่ เสมือนห่อห้อมหุ้มแต่จิตกับความคิดแยกกันอยู่ เหมือนไข่ขาวกับไข่แดงเนื่องกันอยู่แต่เป็นคนละส่วนกัน ส่วนที่เห็นจิตผมไม่ได้เห็นเป็นดวงๆหรอกครับ แต่เห็นด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างละเอียดกว่าธรรมดา เหมือนหลับตาคลำลูกบอล คือไม่ได้เห็นด้วยตาแต่รู้ได้ว่ามีอยู่ จับต้องได้อยู่ อย่างนี้ ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 09 ส.ค. 2012, 16:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ฝึกจิต เขียน: ขณะจิต เขียน: ใช้สติดู จริงแล้วจิตทรงอยู่เฉยๆ แต่ที่เศร้าหมอง ปรุงแต่ง เคลื่อนไหวนั้นเป็นเพราะความคิด ความคิดทำให้เกิดอารมณ์กลุ้มรุมจิต กำหนดสติรู้ อย่าเข้าไปเป็นไปจมอารมณ์ ดูความคิด มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้สึกต้วตอนไหนดูตอนนั้น อาศัยสติปัฏฐานช่วย ที่ผมถามนั้น เพราะตัวเองไม่เคยเห็นจิต ตรงๆเลย เห็นแต่อาการจิต หรือ จิต+เจตสิก แล้ว ดูที่ รับรู้ นึกคิด รู้สึก เท่านั้น จึงไม่เข้าใจ ครับ ท่านคงปฏิบัติไปได้ไกลกว่าผมแล้ว จึงเห็นจิต ทรงอยู่ ที่ใครๆเห็นเป็นดวงหรือป่าวหนอ ครับ ![]() ที่เป็นดวงๆนั้นไม่ใช่จิต เพราะเป็นการสมมติขึ้นมาเพื่อการศึกษาเท่านั้น จิต ไม่มี รูปร่าง สัณฐาน แต่อย่างใด แต่มีที่อาศัยคือในร่างกายทั่วไป และมีช่องทางรับรู้สิ่งภายนอกได้ ๖ ทาง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตมิได้ทรงอยู่อย่างที่เข้าใจ เพราะมีการเกิดดับตลอดเวลา ท่านจะเห็นจิตได้ก็ต่อเมื่อท่านเห็นความเกิดดับด้วยตาปัญญาได้ ในญาณที่ ๓ คือ สัมมสนญาณ ญาณที่ ๑ ญาณที่ ๒ รู้โดยการศึกษา |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 09 ส.ค. 2012, 18:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ลุงหมาน เขียน: ฝึกจิต เขียน: ขณะจิต เขียน: ใช้สติดู จริงแล้วจิตทรงอยู่เฉยๆ แต่ที่เศร้าหมอง ปรุงแต่ง เคลื่อนไหวนั้นเป็นเพราะความคิด ความคิดทำให้เกิดอารมณ์กลุ้มรุมจิต กำหนดสติรู้ อย่าเข้าไปเป็นไปจมอารมณ์ ดูความคิด มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้สึกต้วตอนไหนดูตอนนั้น อาศัยสติปัฏฐานช่วย ที่ผมถามนั้น เพราะตัวเองไม่เคยเห็นจิต ตรงๆเลย เห็นแต่อาการจิต หรือ จิต+เจตสิก แล้ว ดูที่ รับรู้ นึกคิด รู้สึก เท่านั้น จึงไม่เข้าใจ ครับ ท่านคงปฏิบัติไปได้ไกลกว่าผมแล้ว จึงเห็นจิต ทรงอยู่ ที่ใครๆเห็นเป็นดวงหรือป่าวหนอ ครับ ![]() ที่เป็นดวงๆนั้นไม่ใช่จิต เพราะเป็นการสมมติขึ้นมาเพื่อการศึกษาเท่านั้น จิต ไม่มี รูปร่าง สัณฐาน แต่อย่างใด แต่มีที่อาศัยคือในร่างกายทั่วไป และมีช่องทางรับรู้สิ่งภายนอกได้ ๖ ทาง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตมิได้ทรงอยู่อย่างที่เข้าใจ เพราะมีการเกิดดับตลอดเวลา ท่านจะเห็นจิตได้ก็ต่อเมื่อท่านเห็นความเกิดดับด้วยตาปัญญาได้ ในญาณที่ ๓ คือ สัมมสนญาณ ญาณที่ ๑ ญาณที่ ๒ รู้โดยการศึกษา เอาไงดีละเนีย ลุงหมาน บอก จิตไม่ทรงอยู่ เกิดดับตลอดเวลา ส่วน ท่าน ขณะจิต บอก จิต ทรงอยู่เฉยๆ ใครจะรู้ว่า ใครถูกละเนียยยยย ใครของจริง กันเอ่ย หนุกๆนะครับ ขอวาจาสุจริต คอยฟังความเห็นต่อ อะคราบ |
เจ้าของ: | nongkong [ 09 ส.ค. 2012, 19:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ขอตอบจากภาคปฏิบัตินะเจ้าค่ะผิดถูกก็โปรดช่วยพิจารณา ![]() ก่อนอื่นเราต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการขันธ์5 ที่บอกว่าสภาวะจิตทรงตัวอยู่นั้นหมายถึง กรณีที่จิตเป็นสมาธิ นิ่งรู้ไม่วิ่งไปจับกระแสภายนอก หรือธัมมารมณ์ภายนอกมาปรุงแต่ง ทาง หู ตา ลิ้น จมูก กาย ใจ เราก็จะเกิดสภาวะที่เรียกว่า จิตทรงอยู่เฉยๆคือจิตเป็นสมาธิ ส่วนสภาวะที่จิตไม่ทรงตัวอยู่เกิด ดับ ตลอดเวลานั้น หมายถึง จิตที่เห็นกระแสปกิจสมุปบาท จิตเห็นการเกิดดับของสภาวะตน เห็น อารมณ์มันแปรปรวนเมื่อผัสสะมากระทบ หู ตา ลิ้น จมูก กาย ใจ จิตประเภทนี้จะรู้สึกเหมือนเห็นหนังที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบื่อแล้วขี้เกียจ แล้วก็อาจจะเบื่อไม่อยากดูเลย พอเบื่อไม่อยากดูจิตก็จะไม่ส่งออกไปฟุ้งซ่านภายนอก แต่จิตก็นิ่งรู้อยู่เพราะจิตเป็นสมาธิ ถ้าคนธรรมดาจะไม่รู้สภวะของการเกิดดับของจิต แต่จะรู้เพียงว่ามีจิตเป็นสมาธินิ่งรู้ลงปัจจุบัณขณะ หรือมีสติตั้งมั่นนั่นเอง ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 09 ส.ค. 2012, 22:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
ฝึกจิต เขียน: เอาไงดีละเนีย ลุงหมาน บอก จิตไม่ทรงอยู่ เกิดดับตลอดเวลา ส่วน ท่าน ขณะจิต บอก จิต ทรงอยู่เฉยๆ ใครจะรู้ว่า ใครถูกละเนียยยยย ใครของจริง กันเอ่ย หนุกๆนะครับ ขอวาจาสุจริต คอยฟังความเห็นต่อ อะคราบ ผมไม่ค่อยได้ศึกษาภาษาบาลีและบทธรรมต่างๆมากนัก ที่รู้ก็พื้นๆจากภาษาที่ท่านพุทธทาสใช้ และชอบอ่านบทแปลพระสูตรเท่านั้นเอง ยิ่งอภิธรรมนี่ไม่กระดิกเลยครับ เคยฟังตามงานศพเท่านั้นเอง ถ้าให้อ้างบาลีนี่อ้างไม่ถูกจริงๆครับยอมรับจริงๆ แต่ที่พูดนั้นพูดจากความรู้สึก ที่รู้สึกจริงๆ ว่ารู้สึกตัวอยู่ถึงอาการรู้ที่เรียกว่าจิต อันเป็นต้นกำเนิดของความคิดความปรุงแต่งว่าเป็นก้อนความรู้สึกอยู่ ยิ่งถ้าจิตมีสมาธิความรู้สึกนี้ยิ่งนิ่งละเอียดทรงอยู่ อย่างคุณน้องkongว่า แต่ก็รู้สึกได้ว่าตัวรู้นี้มีความสั่นไหวตลอดเวลา เหมือนไม่นิ่งสนิท แต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะกำหนดรู้ลึกเข้าไปละเอียดมากนัก เพียงแต่รู้อยู่ถึงสภาพตามธรรมดา ตามธรรมชาติของมัน แค่คอยดูเวลามีความคิด มีผัสสะมีธรรมมารมณ์เกิด แล้วไม่หลงปรุงจนจมในความคิด ดูมันเกิด ตั้งอยู่ จางคลาย ดับไป ความทุกข์ไม่เกิดเป็นพอ ผมคอยดู รุ้อยู่อย่างนี้ครับ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 09 ส.ค. 2012, 22:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมคำสอน |
![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 8 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |