ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=43181 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 5 |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 05 ก.ย. 2012, 05:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
ยอมรับกันหรือเปล่าครับว่า หลายๆท่านในนี้คิดว่าการไม่เสพเมถุนกับคู่ครองตัวเองได้ แสดงว่าตัวเอง เป็นผู้มีศีลที่สุดยอดอภิมหาอมตะแห่งศีล และยังคิดว่านี้และหนทาง แห่งการบรรลุธรรม ![]() เรื่องแบบนี้มันมีสาเหตุมาจากได้รับการถ่ายทอด หรือได้รับการสอนมา แต่ทั้งผู้สอนและผู้ถูกสอนต่างไม่เข้าใจในสถานะของกันและกัน มันก็เหมือนกับเอาครูบาสเก็ตบอลมาสอนนักฟุตบอล นักบาสการจะทำประตูหรือ ทำคะแนนได้ย่อมต้องอาศัยมือเป็นสำคัญ แต่นักฟุตบอลต้องใช้เท้า เมื่อมาสอนใช้วิธีการทำคะแนนผิดไปจากสถานะของแต่ละชนิด ย่อมก็ย่อมต้องฟาวล์ ตั้งแต่เริ่มแรก ยกตัวอย่างให้ดูแล้ว ที่นี้มาเข้าเรื่อง ลองดูตัวเองซิว่า ครูผู้สอนกับผู้ถูกสอนเป็นใคร ดูซิว่าอยู่ในสถานะเดียวกันหรือแตกต่างกัน ครูที่สอนเป็นพระหรือฆราวาส แล้วผู้ถูกสอนล่ะเป็นพระหรือฆราวาส ตัวการสำคัญมันอยู่ที่ตัวผู้สอน ครูผู้สอนจะต้องรู้และคำนึงถึงสถานะของตนและ ลูกศิษย์ สิ่งที่เอามาสอนต้องเอาสถานะของลูกศิษย์เป็นหลัก ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นหลัก เช่นมีสถานะเป็นพระภิกษุ แต่ลูกศิษย์เป็นฆราวาส แทนที่จะเอาธรรมของฆราวาส มาสอนลูกศิษย์ แต่เพราะขาดความเข้าใจกลับไปเอาธรรมของตัวเองซึ่งเป็นการปฏิบัติ ของพระภิกษุมาสอนลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาส แบบนี้ลูกศิษย์ก็สับสนเกิดหลงในหลักการปฏิบัติ แล้วที่ว่าสับสนมันเป็นอย่างไร เช่นเป็นพระสอนเรื่องศีลแต่ดันเอา ศีลที่ตัวเองปฏิบัติมาสอน ลูกศิย์ที่เป็นฆราวาส อีกครับอย่างเรื่อง เรื่องการห้ามเสพเมถุน เอาเรื่องห้ามเสพเมถุนมาสอนฆราวาส แล้วบอกว่า..เป็นศีลพรรมจรรย์ ใช่ครับเป็นศีลพรหมจรรย์ แต่มันเป็นศีลของพระ ภิกษุต้องถือเพศพรหมจรรย์ครับ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ก.ย. 2012, 07:39 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง | ||
ว่าแต่คนอื่น โฮฮับจังเองก็ถูกสอนมั่วๆผิดๆหรือฟังไม่ได้สับจับเอาไปกระเดียดมาก่อนเหมือนกัลล์ จึงเป็นอย่างนี้ไงล่ะ ![]() นี่แหละปรโตโฆสะที่ไม่ดี แล้วยังแถมคิดไม่เป็น (อโยนิโสมนสิการ) อีก เลยสองแรงบวก ![]() นี่แหละอิทธิพลสภาพแวดล้อมซึ่งมนุษย์รับเข้ามาทางตาทางหูเป็นต้น ดังนั้น จะต้องรู้จักเสพอารมณ์ ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | bigtoo [ 05 ก.ย. 2012, 09:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
โฮฮับ เขียน: ยอมรับกันหรือเปล่าครับว่า หลายๆท่านในนี้คิดว่าการไม่เสพเมถุนกับคู่ครองตัวเองได้ ตับล้วนๆไม่มีกี๋นเลยอิๆๆ ขอกึ๋นหน่อย เขาไปถึงไหนแล้ว บอกแล้วใครจะทำอย่างไรก็ทำไปๆๆๆ ธรรมะชั้นสูงๆนะเขาไม่วนอยู่กับของเก่าแล้ว นั้นมันสมัยโน้นมั้งที่ผมเป็นเหมือนคุณ ฝึกไปนะค่อยๆฝึกไป แสดงว่าตัวเอง เป็นผู้มีศีลที่สุดยอดอภิมหาอมตะแห่งศีล และยังคิดว่านี้และหนทาง แห่งการบรรลุธรรม ![]() เรื่องแบบนี้มันมีสาเหตุมาจากได้รับการถ่ายทอด หรือได้รับการสอนมา แต่ทั้งผู้สอนและผู้ถูกสอนต่างไม่เข้าใจในสถานะของกันและกัน มันก็เหมือนกับเอาครูบาสเก็ตบอลมาสอนนักฟุตบอล นักบาสการจะทำประตูหรือ ทำคะแนนได้ย่อมต้องอาศัยมือเป็นสำคัญ แต่นักฟุตบอลต้องใช้เท้า เมื่อมาสอนใช้วิธีการทำคะแนนผิดไปจากสถานะของแต่ละชนิด ย่อมก็ย่อมต้องฟาวล์ ตั้งแต่เริ่มแรก ยกตัวอย่างให้ดูแล้ว ที่นี้มาเข้าเรื่อง ลองดูตัวเองซิว่า ครูผู้สอนกับผู้ถูกสอนเป็นใคร ดูซิว่าอยู่ในสถานะเดียวกันหรือแตกต่างกัน ครูที่สอนเป็นพระหรือฆราวาส แล้วผู้ถูกสอนล่ะเป็นพระหรือฆราวาส ตัวการสำคัญมันอยู่ที่ตัวผู้สอน ครูผู้สอนจะต้องรู้และคำนึงถึงสถานะของตนและ ลูกศิษย์ สิ่งที่เอามาสอนต้องเอาสถานะของลูกศิษย์เป็นหลัก ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นหลัก เช่นมีสถานะเป็นพระภิกษุ แต่ลูกศิษย์เป็นฆราวาส แทนที่จะเอาธรรมของฆราวาส มาสอนลูกศิษย์ แต่เพราะขาดความเข้าใจกลับไปเอาธรรมของตัวเองซึ่งเป็นการปฏิบัติ ของพระภิกษุมาสอนลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาส แบบนี้ลูกศิษย์ก็สับสนเกิดหลงในหลักการปฏิบัติ แล้วที่ว่าสับสนมันเป็นอย่างไร เช่นเป็นพระสอนเรื่องศีลแต่ดันเอา ศีลที่ตัวเองปฏิบัติมาสอน ลูกศิย์ที่เป็นฆราวาส อีกครับอย่างเรื่อง เรื่องการห้ามเสพเมถุน เอาเรื่องห้ามเสพเมถุนมาสอนฆราวาส แล้วบอกว่า..เป็นศีลพรรมจรรย์ ใช่ครับเป็นศีลพรหมจรรย์ แต่มันเป็นศีลของพระ ภิกษุต้องถือเพศพรหมจรรย์ครับ ![]() แล้วกล้าๆหน่อยที่จะอธิฐาน ถ้าไม่บรรลุธรรมต่อให้กระดูกหนังเอ็นจะต้องแตกสลายไป ถ้าไม่บรรลุธรรมก็จะไม่ลุกขึ้นจะได้เห็นความจริงสักที เอาที่พระพุทธองค์ทรงบอกน่ะเอาตรงนี้แหล่ะ จะได้ไม่มาวนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ แล้วก็ว่าตัวเองทำถูก มันก็ถูกอยู่เหมือนเด็กๆที่มันได้แต่แก้โจทย์ง่าย1+1=2 แต่มาเจอโจทย์ที่เป็นสมาการ ก็งง ไปไม่เป็นก็เท่านั้น และเรื่องครูอาจารย์นะอาพูดเลยท่านไม่ได้มายุ่งเกี่ยว และคำว่าผิดถูก กับการปฎิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้น ท่านเข้าใจอะไรหรือเปล่า ชั้นไหนมันก็แล้วแต่ชั้น จะให้ผมลงมาเสพ มันจะทำได้อย่างไร เหมือนคนที่เป็นอรหันต์เขาจะเสพเหรอ แต่ผมยังไม่ใช่อรหันต์หรอกนะ มันไม่ใช่ว่าผิดหรือถูกธรรมะคุณทำได้แค่นั้นก็ยอมรับว่าทำได้แค่นั้น บอกแล้วไงว่าผมหาหนทางกลับไม่เจอแล้ว ยังไม่เข้าใจอีก เห่อ!เราก็ลืมไปเขาเป็นเด็กน้อยนี่ |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 05 ก.ย. 2012, 10:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
bigtoo เขียน: ตับล้วนๆไม่มีกี๋นเลยอิๆๆ ขอกึ๋นหน่อย เขาไปถึงไหนแล้ว บอกแล้วใครจะทำอย่างไรก็ทำไปๆๆๆ ธรรมะชั้นสูงๆนะเขาไม่วนอยู่กับของเก่าแล้ว นั้นมันสมัยโน้นมั้งที่ผมเป็นเหมือนคุณ ฝึกไปนะค่อยๆฝึกไป ไอ้ที่วนอยู่กับที่อยู่กับของเก่ามันเป็นบิกทู่ เข้าใจมั้ยว่า การปฏิบัติมันมีขั้นตอน การละกิเลส มันก็มีขั้นตอน ถ้ายังละกิเลสเบื้องต่ำไม่ได้ ก็อย่ามาพูดเงอะๆงะๆว่าธรรมเบื้องสูง จะสาธยาย กิเลสบิกทู่ให้ จะได้ไม่"หลงกับกิเลสตัวเอง" สักกายทิฐิ.....บิกทู่ยังหลงยึดจนแสดงออกมาเป็นกายสังขาร และวจีสังขาร อาการที่ว่าก็คือ หลงว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี จนพร่ำพูดว่า เมียก็รัก...เพื่อนก็รัก เพราะความดีของตน อย่างนี้เรียกว่า..ขาดซึ่งสัมมาวาจา ![]() วิจิกิจฉา.... ขาดความเข้าใจพระรัตนไตร ยิ่งเป็นพระธรรมด้วยแล้ว เหมือนคนที่ไม่มีความรู้ในธรรมแม้สักกระผีก ดูได้จากชาวบ้านเข้าเอาธรรม มาแย้ง แทนที่บิกทู่จะมีสติแก้ข้อสงสัยในธรรมที่เข้าแย้ง กลับไปหาเรื่องราวสร้างภาพขึ้นมาใหม่ ทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกับประเด็นธรรมที่เขาแย้งแม้แต่น้อย และอีกชอบพูดส่งเดชแล้วบอกพระพุทธเจ้าเป็นคนกล่าว แต่พอเขาให้หาหลักฐานมาแสดง ก็ทำไม่ได้ เป็นเพราะตัวเองก็ไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่ตัวพูด ...กับพระสงฆ์ก็เช่นกัน ไม่รู้สถานะของความเป็นสงฆ์ แยกแยะไม่ถูกว่าพระสงฆ์กับฆราวาส แตกต่างกันอย่างไร คิดไปเองว่าการปฏิบัติเหมือนกัน ซึ่งมันเป็นการขาดด้วย... สัมมากัมมันตะ ![]() สีลพรตปรามาส......ขาดความเข้าใจซี่งอริยสัจจ์สี่มรรคมีองค์แปด คิดแต่เพียงว่า ศีลเท่านั้นจะทำให้บรรลุธรรมขั้นสูงได้ ทำให้หลงคิดว่า สิ่งไปเอาศีลของผู้ที่มีสถานะสูงกว่าตนมาปฏิบัติ จะทำให้ตัวเองบรลุอรหันต์ หลงผิดคิดไปว่า สถานะความเป็นอยู่ของตน สามารถทำเยี่ยงพระภิกษุสงฆ์ได้ อันนี้เข้าข่าย ขาดซึ่งสัมมาอาชืวะ ![]() เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า บุคคลที่ขาดปัญญาสัมมาทิฐิ มองเห็นสัมมาศีล ในลักษณะผิดจากความเป็นจริง ปล่อยให้อกุศลจิตคอยบ่งการ ให้เกิดกายกรรมและวจีกรรมที่นอกลู่นอกทาง เราอาจเรียกบุคคลชนิดนี้ว่า ปุถุชนชั้นปลายแถวครับ ![]() จิตอกุศลที่ทำให้เกิดกายกรรมและวจีกรรมนอกลู่นอกทาง ที่ผมกล่าวถึงก็คือ การโพสรูปที่หมิ่นเหม่ แล้วก็ประชาสัมพันธ์ตัวเอง ว่าทำได้บรรลุแล้ว หรืออ้างพุทธพจน์ซี่ซั้ว ขาดซึ่งหลักฐานอ้าง ไม่สนใจว่าจะกระทบถึงพระศาสดา ขอเพียงให้ตัวเองเจ๋งในสายตาคนอื่น (คิดเอง เออเอง หลงตัวเองเต็มเปา) ![]() จากการที่ยังมีกิเลสเบื้องต่ำและจิตที่เป็นอกุศล ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ทำให้บิกทู่หลงเข้าใจไปว่า การมีเมียอยู่บ้านเดียวกับเมีย มองเห็นเมียยังสาวยังสวย แต่ไม่ยุ่งหรือเสพเมถุนกับเมีย เป็นการละแล้วซึ่งกามราคะ แบบนี้พูดได้คำเดียวว่า ไกลเกินเหนี่ยวรั้ง ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ก.ย. 2012, 10:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
โฮฮับจัง มัวแต่อธิบายกิเลสคนอื่น ไม่เกิดประโยชน์กับชีวิตตนเองดอก ไหนลองอธิบายกิเลสตนเองให้ดูหน่อยดิ ![]() แต่ที่เห็นชัดๆ คือ สักกายทิฐิ เต็มๆเลย คือ เห็นว่าชีวิตเป็นตน ชัดเลย ไม่ต้องไปมองที่ไหนหรอก ชีวิตคงต้องแร่ร่อนอีกเป็นอเนกชาติ ![]() ![]() อยากรู้นักว่าอีก 4 ขันธ์ จะเอาที่ไหนมา ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 05 ก.ย. 2012, 10:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
bigtoo เขียน: แล้วกล้าๆหน่อยที่จะอธิฐาน ถ้าไม่บรรลุธรรมต่อให้กระดูกหนังเอ็นจะต้องแตกสลายไป ถ้าไม่บรรลุธรรมก็จะไม่ลุกขึ้นจะได้เห็นความจริงสักที เอาที่พระพุทธองค์ทรงบอกน่ะเอาตรงนี้แหล่ะ จะได้ไม่มาวนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ แล้วก็ว่าตัวเองทำถูก มันก็ถูกอยู่เหมือนเด็กๆที่มันได้แต่แก้โจทย์ง่าย1+1=2 แต่มาเจอโจทย์ที่เป็นสมาการ ก็งง ไปไม่เป็นก็เท่านั้น ความกล้าของบิกทู่ดูดีๆผมว่า มันเป็นความด้านมากกว่า แถมมีความเขลาซุกซ่อนอยู่ รอเวลาบิกทู่เผลอมันจะแสดงออกมาครับ นี่ก็เหมือนกันครับ มันอ้างพระพุทธเจ้าตะบี้ตะบัน อ้างไปเรื่อยอ้างแบบตัวเองก็ไม่เข้าใจ ที่พระองค์ทรงกระทำน่ะ เป็นปลายทางเองการที่จะตรัสรู้แล้ว พระองค์ลองผิดลองถูกมาเยอะ ถามบิกทู่ซิ เอาพระพุทธเจ้ามาอ้าง แล้วตัวเองทำอย่างพระองค์หรือเปล่า กล้าทิ้งลูกทิ้งเมีย ออกบวชมั้ย ลูกเมียบิกทู่ก็ไม่มีอะไรที่น่าห่วง หน้าที่การงานก็ไม่มี จะอยู่เป็นจรเข้ขวางคลอง หรือสุนัขหวงก้าง(สำนวนไทย)ทำไมครับ สรุปที่พูดมาทั้งหมดก็คือแต่งเรื่องขึ้นมา มันรับไม่ได้เมื่อมีใครเขามาจับผิด เหมือนเดินหมากรุก โดนรุกฆาตแล้ว เดินออกนอกกระดานก็ด้านทำ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ก.ย. 2012, 10:49 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง | ||
การศึกษาศาสนาของโฮฮับ ตัน
|
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 05 ก.ย. 2012, 10:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
bigtoo เขียน: และเรื่องครูอาจารย์นะอาพูดเลยท่านไม่ได้มายุ่งเกี่ยว ใครกันแน่ที่มันอ้างครูบาอาจารย์ ใครกันแน่ที่ชอบอ้างพุทธพจน์ผิดๆ ใครกันแน่ โชว์เว็บไซด์สำนักตัวเอง แล้วใครกันแน่ที่เอาเนื้อหาคำสอนมาลง แบบผิดหลักธรรม มันก็เป็นบิกทู่ทั้งนั้น ผมไปกล่าวล่วงใครรือเปล่า ผมแค่บอกเอ่ย"ครูผู้สอน" มันเป็นแค่คำพูดเพื่อให้คนฟังเข้าใจ บิกทู่ถามจริงทำไม ไม่ยืมขวานนู๋กรัชกายมาเหลาหัวสมองมั้ง ปล่อยให้มันทู่อยู่ได้ ![]() bigtoo เขียน: และคำว่าผิดถูก กับการปฎิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้น ท่านเข้าใจอะไรหรือเปล่า ชั้นไหนมันก็แล้วแต่ชั้น จะให้ผมลงมาเสพ มันจะทำได้อย่างไร เหมือนคนที่เป็นอรหันต์เขาจะเสพเหรอ แต่ผมยังไม่ใช่อรหันต์หรอกนะ มันไม่ใช่ว่าผิดหรือถูกธรรมะคุณทำได้แค่นั้นก็ยอมรับว่าทำได้แค่นั้น บอกแล้วไงว่าผมหาหนทางกลับไม่เจอแล้ว ยังไม่เข้าใจอีก เห่อ!เราก็ลืมไปเขาเป็นเด็กน้อยนี่ กับประโยคนี้ของคุณที่ว่า.."และคำว่าผิดถูก กับการปฎิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้น ท่านเข้าใจอะไรหรือเปล่า " ลองย้อนดูตัวเองหรือเปล่า ตัวเองปฏิบัติผิดที่ผิดทาง แล้วเที่ยวชี้นิ้วว่าคนอื่น...ทำไม่ได้ เอาเหตุผลอะไรมาคิดครับ ![]() |
เจ้าของ: | bigtoo [ 05 ก.ย. 2012, 12:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
โฮฮับ เขียน: bigtoo เขียน: แล้วกล้าๆหน่อยที่จะอธิฐาน ถ้าไม่บรรลุธรรมต่อให้กระดูกหนังเอ็นจะต้องแตกสลายไป ถ้าไม่บรรลุธรรมก็จะไม่ลุกขึ้นจะได้เห็นความจริงสักที เอาที่พระพุทธองค์ทรงบอกน่ะเอาตรงนี้แหล่ะ จะได้ไม่มาวนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ แล้วก็ว่าตัวเองทำถูก มันก็ถูกอยู่เหมือนเด็กๆที่มันได้แต่แก้โจทย์ง่าย1+1=2 แต่มาเจอโจทย์ที่เป็นสมาการ ก็งง ไปไม่เป็นก็เท่านั้น ความกล้าของบิกทู่ดูดีๆผมว่า มันเป็นความด้านมากกว่า แถมมีความเขลาซุกซ่อนอยู่ รอเวลาบิกทู่เผลอมันจะแสดงออกมาครับ นี่ก็เหมือนกันครับ มันอ้างพระพุทธเจ้าตะบี้ตะบัน อ้างไปเรื่อยอ้างแบบตัวเองก็ไม่เข้าใจ ที่พระองค์ทรงกระทำน่ะ เป็นปลายทางเองการที่จะตรัสรู้แล้ว พระองค์ลองผิดลองถูกมาเยอะ ถามบิกทู่ซิ เอาพระพุทธเจ้ามาอ้าง แล้วตัวเองทำอย่างพระองค์หรือเปล่า กล้าทิ้งลูกทิ้งเมีย ออกบวชมั้ย ลูกเมียบิกทู่ก็ไม่มีอะไรที่น่าห่วง หน้าที่การงานก็ไม่มี จะอยู่เป็นจรเข้ขวางคลอง หรือสุนัขหวงก้าง(สำนวนไทย)ทำไมครับ สรุปที่พูดมาทั้งหมดก็คือแต่งเรื่องขึ้นมา มันรับไม่ได้เมื่อมีใครเขามาจับผิด เหมือนเดินหมากรุก โดนรุกฆาตแล้ว เดินออกนอกกระดานก็ด้านทำ ![]() |
เจ้าของ: | bigtoo [ 05 ก.ย. 2012, 12:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
โฮฮับ เขียน: bigtoo เขียน: และเรื่องครูอาจารย์นะอาพูดเลยท่านไม่ได้มายุ่งเกี่ยว ใครกันแน่ที่มันอ้างครูบาอาจารย์ ใครกันแน่ที่ชอบอ้างพุทธพจน์ผิดๆ ใครกันแน่ โชว์เว็บไซด์สำนักตัวเอง แล้วใครกันแน่ที่เอาเนื้อหาคำสอนมาลง แบบผิดหลักธรรม มันก็เป็นบิกทู่ทั้งนั้น ผมไปกล่าวล่วงใครรือเปล่า ผมแค่บอกเอ่ย"ครูผู้สอน" มันเป็นแค่คำพูดเพื่อให้คนฟังเข้าใจ บิกทู่ถามจริงทำไม ไม่ยืมขวานนู๋กรัชกายมาเหลาหัวสมองมั้ง ปล่อยให้มันทู่อยู่ได้ ![]() bigtoo เขียน: และคำว่าผิดถูก กับการปฎิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้น ท่านเข้าใจอะไรหรือเปล่า ชั้นไหนมันก็แล้วแต่ชั้น จะให้ผมลงมาเสพ มันจะทำได้อย่างไร เหมือนคนที่เป็นอรหันต์เขาจะเสพเหรอ แต่ผมยังไม่ใช่อรหันต์หรอกนะ มันไม่ใช่ว่าผิดหรือถูกธรรมะคุณทำได้แค่นั้นก็ยอมรับว่าทำได้แค่นั้น บอกแล้วไงว่าผมหาหนทางกลับไม่เจอแล้ว ยังไม่เข้าใจอีก เห่อ!เราก็ลืมไปเขาเป็นเด็กน้อยนี่ กับประโยคนี้ของคุณที่ว่า.."และคำว่าผิดถูก กับการปฎิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้น ท่านเข้าใจอะไรหรือเปล่า " ลองย้อนดูตัวเองหรือเปล่า ตัวเองปฏิบัติผิดที่ผิดทาง แล้วเที่ยวชี้นิ้วว่าคนอื่น...ทำไม่ได้ เอาเหตุผลอะไรมาคิดครับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | bigtoo [ 05 ก.ย. 2012, 12:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
โฮฮับ เขียน: bigtoo เขียน: ตับล้วนๆไม่มีกี๋นเลยอิๆๆ ขอกึ๋นหน่อย เขาไปถึงไหนแล้ว บอกแล้วใครจะทำอย่างไรก็ทำไปๆๆๆ ธรรมะชั้นสูงๆนะเขาไม่วนอยู่กับของเก่าแล้ว นั้นมันสมัยโน้นมั้งที่ผมเป็นเหมือนคุณ ฝึกไปนะค่อยๆฝึกไป ไอ้ที่วนอยู่กับที่อยู่กับของเก่ามันเป็นบิกทู่ เข้าใจมั้ยว่า การปฏิบัติมันมีขั้นตอน การละกิเลส มันก็มีขั้นตอน ถ้ายังละกิเลสเบื้องต่ำไม่ได้ ก็อย่ามาพูดเงอะๆงะๆว่าธรรมเบื้องสูง จะสาธยาย กิเลสบิกทู่ให้ จะได้ไม่"หลงกับกิเลสตัวเอง" สักกายทิฐิ.....บิกทู่ยังหลงยึดจนแสดงออกมาเป็นกายสังขาร และวจีสังขาร อาการที่ว่าก็คือ หลงว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี จนพร่ำพูดว่า เมียก็รัก...เพื่อนก็รัก เพราะความดีของตน อย่างนี้เรียกว่า..ขาดซึ่งสัมมาวาจา ![]() วิจิกิจฉา.... ขาดความเข้าใจพระรัตนไตร ยิ่งเป็นพระธรรมด้วยแล้ว เหมือนคนที่ไม่มีความรู้ในธรรมแม้สักกระผีก ดูได้จากชาวบ้านเข้าเอาธรรม มาแย้ง แทนที่บิกทู่จะมีสติแก้ข้อสงสัยในธรรมที่เข้าแย้ง กลับไปหาเรื่องราวสร้างภาพขึ้นมาใหม่ ทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกับประเด็นธรรมที่เขาแย้งแม้แต่น้อย และอีกชอบพูดส่งเดชแล้วบอกพระพุทธเจ้าเป็นคนกล่าว แต่พอเขาให้หาหลักฐานมาแสดง ก็ทำไม่ได้ เป็นเพราะตัวเองก็ไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่ตัวพูด ...กับพระสงฆ์ก็เช่นกัน ไม่รู้สถานะของความเป็นสงฆ์ แยกแยะไม่ถูกว่าพระสงฆ์กับฆราวาส แตกต่างกันอย่างไร คิดไปเองว่าการปฏิบัติเหมือนกัน ซึ่งมันเป็นการขาดด้วย... สัมมากัมมันตะ ![]() สีลพรตปรามาส......ขาดความเข้าใจซี่งอริยสัจจ์สี่มรรคมีองค์แปด คิดแต่เพียงว่า ศีลเท่านั้นจะทำให้บรรลุธรรมขั้นสูงได้ ทำให้หลงคิดว่า สิ่งไปเอาศีลของผู้ที่มีสถานะสูงกว่าตนมาปฏิบัติ จะทำให้ตัวเองบรลุอรหันต์ หลงผิดคิดไปว่า สถานะความเป็นอยู่ของตน สามารถทำเยี่ยงพระภิกษุสงฆ์ได้ อันนี้เข้าข่าย ขาดซึ่งสัมมาอาชืวะ ![]() เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า บุคคลที่ขาดปัญญาสัมมาทิฐิ มองเห็นสัมมาศีล ในลักษณะผิดจากความเป็นจริง ปล่อยให้อกุศลจิตคอยบ่งการ ให้เกิดกายกรรมและวจีกรรมที่นอกลู่นอกทาง เราอาจเรียกบุคคลชนิดนี้ว่า ปุถุชนชั้นปลายแถวครับ ![]() จิตอกุศลที่ทำให้เกิดกายกรรมและวจีกรรมนอกลู่นอกทาง ที่ผมกล่าวถึงก็คือ การโพสรูปที่หมิ่นเหม่ แล้วก็ประชาสัมพันธ์ตัวเอง ว่าทำได้บรรลุแล้ว หรืออ้างพุทธพจน์ซี่ซั้ว ขาดซึ่งหลักฐานอ้าง ไม่สนใจว่าจะกระทบถึงพระศาสดา ขอเพียงให้ตัวเองเจ๋งในสายตาคนอื่น (คิดเอง เออเอง หลงตัวเองเต็มเปา) ![]() จากการที่ยังมีกิเลสเบื้องต่ำและจิตที่เป็นอกุศล ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ทำให้บิกทู่หลงเข้าใจไปว่า การมีเมียอยู่บ้านเดียวกับเมีย มองเห็นเมียยังสาวยังสวย แต่ไม่ยุ่งหรือเสพเมถุนกับเมีย เป็นการละแล้วซึ่งกามราคะ แบบนี้พูดได้คำเดียวว่า ไกลเกินเหนี่ยวรั้ง ![]() ![]() |
เจ้าของ: | bigtoo [ 05 ก.ย. 2012, 13:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
และเรื่องรูปที่ผมโพสลงไปนั้นคุณลองคิดดู ทีมงานเขายังติดป้ายว่าน่าสนใจ แต่คุณคิดว่าผมดูถูกศาสนา และเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนเรานั้น ปัญญาทั้งหมดที่เราศึกษาเรียนรู้นั้น เพื่อให้เรารู้จักความจริง เพื่อลด ละ เลิก กิเลสได้ และเครืองวัดการลดละเลิกไม่ได้อยู่ที่คำพูดสวยหรู มันอยู่ตรงรักษาศิลได้ เลิกได้จริง ส่วนคำพูดที่ผมกล่าวไปท่านไม่เข้าใจหรอกผมกล่าวเพื่ออะไรอย่าเดาเอามันผิดความจริงเยอะ ธรรมะดูกันที่ลดละเลิกได้จริง |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 05 ก.ย. 2012, 13:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
bigtoo เขียน: ในเรื่องธรรมะเข้าดูกันตรงไหนดูตรงท่องจำหรือการลดละเลิก พูดใครก็พูดได้ ฉันบรรลุธรรมะแล้ว ก็ใช่ไงใครพูดก็พูดได้ เพราะแบบนี้มันจึงต้องทดสอบด้วยการลองภูมิไง แล้วผลก็ปรากฏว่า แต่งเรื่องมาแก้ตัวได้สารพัด ถามเรื่องเก่า แถไปสร้างเรื่องใหม่ แค่นี้ก็รู้แล้วที่คุยมาขี้โม้ทั้งเพ bigtoo เขียน: เขียนมาเหมือนปล่อยวาง พอถามว่าเลิกได้มั้ย ก็เลิกไม่ได้ อธิบายซะสวยงาม ไอ้เราเลิกได้มาว่าเพี้ยน อิๆๆใครหว่าเพี้ยน ไปเลิกมาก่อนไป แล้วค่อยมาคุยกัน อดจับช้างน้อยสักสามเดือนก่อนไป : ผมบอกคุณหรือว่าเลิกไม่ได้ ผมดูการกระทำของคุณแล้วรู้สึกสังเวช แล้วจะให้ผมตามอย่างคุณหรือ ขี้โม้อวดตัวลั่นบอร์ด ยังสอนเลยว่า คนที่ทำได้เขาไม่อวดตัว หรือแสดงความเห็นเหมือนกับยังลืมมันไม่ลงแบบนี้ ไอ้เลิกนะเลิกมาตั้งนานแล้วและไม่ได้เที่ยวมองผู้หญิงยังสาวยังสวยด้วย ไอ้ที่เพี้ยนนะมันคุณ ปากบอกเลิกแล้ว แต่พอเห็นผู้หญิงตาหื่นขึ้นมาที่เดียว.. ตลกดีครับ..ประกาศว่า... ฉันไม่มีเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิง แต่เห็นหญิงสาวสวยเข้าหน่อย แลบลิ้นเลียปาก ดวงตาแทบทะหลน แบบนี้แบกพระประธานมาคุยก็ไม่มีใครเชื่อครับ คนที่ทำได้เขาไม่คุยหรอกครับ แล้วเขาก็รู้ด้วยว่า ใครมันขี้โม้ เพราะเขาปฏิบัติมาเอง ไม่ได้ศึกษาธรรมตามเว็บโป๊แบบคุณ ![]() bigtoo เขียน: หรือจะมาอธิฐานตลอดชีวิตมาแข็งกันทำความดีมั้ยล่ะ ไม่ต้องแข่งกันเรื่องความรู้ในตัวบทตัวหนังสือหรอก เพราะผมฟังมาเกือบสิบปี แต่ไม่ค่อยสนใจจำมาท่องเท่าไหร่เข้าใจก็แล้วก็แล้วกัน จนสรุปหรือนิดเดียวแล้วลงมือลดละดีกว่ามันชัดดี เข้าไปตรงๆมันได้สภาวะชัดเจนมันมีทั้งความรู้สึกแท้จริง ไม่ใช่รู้ทั้งหมดอดไม่ได้ เข้าใจ๋บ่! ![]() เอาอีกแล้วไม่สำนึก อวดมันเข้าไป แก้ผ้าประจานตัวเองยังไม่รู้ตัว ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 05 ก.ย. 2012, 13:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
bigtoo เขียน: คุณเอาแต่ความคิดของคุณมาว่าผมอีกตามเคยและคุณก็เอาตัวหนังสือมาอธิบายอยู่ดี คุณนึกว่าผมไม่รู้เรื่องที่คุณเขียนมาเหรอ: ผมไม่ได้เอาความคิดผมมาว่าคุณ เอาก็เอามาจากการกระทำของคุณเองนั้นแหล่ะ โชว์อ๊อฟซะขนาดนั้น ใช่แล้วครับคุณไม่รู้เรื่องธรรมที่ผมสื่อ อาจมีรู้เรื่องบ้าง ที่ผมตลกขบขันคุณ จนคุณต้องแถสร้างเรื่องมากลบเกลื่อน ![]() bigtoo เขียน: ผมไม่คุยแล้วมันไม่ได้อะไรมากเท่ากับลงมือลดละเลิก เอาแนวลดละเลิกมาสอนตรงๆและเอาแบบปฎิบัติแบบจริงจังตายเป็นตายมันจะได้เห็นซะที แต่คุณก็จะเอาแต่ความเข้าใจของคุณ มันคนละทางกับผม แล้วคุณนึกว่าผมคุย ไอ้คำพูดแก้ตัวแบบคุณผมเจอมาเยอะครับ พอคนไหนรู้ธรรมมากกว่า ก็โมเมหาว่าเขาท่องมา ตัวเองปฏิบัติมาไม่เหมือนกัน ตลกซะไม่มีล่ะ ![]() ยังสงสัยเลยปฏิบัติภาษาอะไร อยากทำอย่างพระ แต่ชอบอยู่อย่างฆราวาส นี่เรียก"เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" ![]() ที่บอกคนละทางไม่ต้องบอกก็รู้ และจะบอกให้อย่างคุณผมไม่ทำหรอกครับ จรเข้ขว้างคลอง พูดมาได้เมียรักตัวเองเพราะตัวเองดีเลิศ ลองไปบวชตลอดชีวิตดูซิครับ ดูซิเมียยังเหมือนเดิมหรือเปล่า กล้ามั้ยล่ะครับแบบ กล้าๆหน่อย เรื่องนี้รับรองไม่กล้าแน่ ทำเป็นมาปากดี ![]() bigtoo เขียน: ผมเอาเรื่องจริงมากล่าว เกิดจากความจริง มันมีธรรมะแฝงอยู่ดันไม่ดู กลับมาว่าเขาคุยโม้ คุณเป็นคนว่าทั้งหมด 2: เรื่องจริงหรือ ทุกอย่างที่คุณพูด พูดก็พูดไม่หมด พอผมจี้ประจานเข้าหน่อย ก็สร้างเรื่องใหม่ แบบนี้เรียกว่าเรื่องจริงหรือ แล้วที่ว่าแฝงธรรม ผมไม่เห็นมีธรรมที่ไหนเลย เห็นมีแต่มารแฝงมาในความเห็นคุณ กิเลสที่คุณซ่อนมันไว้กดมันไว้ มันมาแสดงออกในความเห็นของคุณ ยังไม่รู้ตัวอีก ![]() bigtoo เขียน: คุณว่ามา ผมก็โต้แย้งมันไม่เห็นแปลก แล้วผมก็ถามว่าคุณทำได้มั้ย คุณก็ทำไม่ได้ แล้วมาว่าผมผิดทาง เอ๊ะมันยังไงนี่ เรื่องราวในชีวิตคนมันก็แตกต่างกัน ธรรมะเขาดูกันที่ทำได้หรือทำไม่ได้ กล่าวหากันมันง่ายจะตาย มันเป็นความคิดด้านเดียวเพราะเราไม่รู้จักเขาจริง ![]() ผมว่าคุณคุณโต้แย้งที่ไหนกัน ผมเห็นมีแต่สร้างเรื่องใหม่ กลบเกลื่อนความเห็นเดิม แล้วคุณรู้ได้ไงว่า ผมทำได้หรือไม่ได้ ผมบอกคุณหรือ ผมแค่อธิบายสิ่งที่ผิดสิ่งที่ถูกให้ฟัง ที่คุณโมเมว่า ผมทำไม่ได้เป็นเพราะนิสัยคุณ ที่ไม่เห็นหัวคนอื่นไง ตัวเองดีที่สุดในโลก ![]() ตัวจริงๆคุณผมไม่รู้จัก แต่ผมรู้ลึกไปถึงจิตใจคุณได้ก็เพราะ คนมันลืมตัว โชว์กิเลสในใจออกมาอวดชาวบ้านเขา ![]() |
เจ้าของ: | bigtoo [ 05 ก.ย. 2012, 13:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อะไรกันหนักกันหนา! แค่เสพเมถุนกับคู่ครอง |
โฮฮับ เขียน: bigtoo เขียน: ในเรื่องธรรมะเข้าดูกันตรงไหนดูตรงท่องจำหรือการลดละเลิก พูดใครก็พูดได้ ฉันบรรลุธรรมะแล้ว ก็ใช่ไงใครพูดก็พูดได้ เพราะแบบนี้มันจึงต้องทดสอบด้วยการลองภูมิไง แล้วผลก็ปรากฏว่า แต่งเรื่องมาแก้ตัวได้สารพัด ถามเรื่องเก่า แถไปสร้างเรื่องใหม่ แค่นี้ก็รู้แล้วที่คุยมาขี้โม้ทั้งเพ bigtoo เขียน: เขียนมาเหมือนปล่อยวาง พอถามว่าเลิกได้มั้ย ก็เลิกไม่ได้ อธิบายซะสวยงาม ไอ้เราเลิกได้มาว่าเพี้ยน อิๆๆใครหว่าเพี้ยน ไปเลิกมาก่อนไป แล้วค่อยมาคุยกัน อดจับช้างน้อยสักสามเดือนก่อนไป : ผมบอกคุณหรือว่าเลิกไม่ได้ ผมดูการกระทำของคุณแล้วรู้สึกสังเวช แล้วจะให้ผมตามอย่างคุณหรือ ขี้โม้อวดตัวลั่นบอร์ด ยังสอนเลยว่า คนที่ทำได้เขาไม่อวดตัว หรือแสดงความเห็นเหมือนกับยังลืมมันไม่ลงแบบนี้ ไอ้เลิกนะเลิกมาตั้งนานแล้วและไม่ได้เที่ยวมองผู้หญิงยังสาวยังสวยด้วย ไอ้ที่เพี้ยนนะมันคุณ ปากบอกเลิกแล้ว แต่พอเห็นผู้หญิงตาหื่นขึ้นมาที่เดียว.. ตลกดีครับ..ประกาศว่า... ฉันไม่มีเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิง แต่เห็นหญิงสาวสวยเข้าหน่อย แลบลิ้นเลียปาก ดวงตาแทบทะหลน แบบนี้แบกพระประธานมาคุยก็ไม่มีใครเชื่อครับ คนที่ทำได้เขาไม่คุยหรอกครับ แล้วเขาก็รู้ด้วยว่า ใครมันขี้โม้ เพราะเขาปฏิบัติมาเอง ไม่ได้ศึกษาธรรมตามเว็บโป๊แบบคุณ ![]() bigtoo เขียน: หรือจะมาอธิฐานตลอดชีวิตมาแข็งกันทำความดีมั้ยล่ะ ไม่ต้องแข่งกันเรื่องความรู้ในตัวบทตัวหนังสือหรอก เพราะผมฟังมาเกือบสิบปี แต่ไม่ค่อยสนใจจำมาท่องเท่าไหร่เข้าใจก็แล้วก็แล้วกัน จนสรุปหรือนิดเดียวแล้วลงมือลดละดีกว่ามันชัดดี เข้าไปตรงๆมันได้สภาวะชัดเจนมันมีทั้งความรู้สึกแท้จริง ไม่ใช่รู้ทั้งหมดอดไม่ได้ เข้าใจ๋บ่! ![]() เอาอีกแล้วไม่สำนึก อวดมันเข้าไป แก้ผ้าประจานตัวเองยังไม่รู้ตัว ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 5 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |