ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=43945
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 29 พ.ย. 2012, 04:14 ]
หัวข้อกระทู้:  มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

อยากให้เพื่อนๆสงบจิต สงบใจแล้วมากรรมฐาน ลองดูทำกายาวิปัสนากรรมฐานดู
แล้วมาคุยกันหน่อยว่า กาย รูป และรูปขันธ์มันเป็นอย่างไร

กระทู้นี้ได้สองเด้งนะครับ จะดูว่าเข้าใจเรื่อง..กายาวิปัสนามั้ย
และเข้าใจเรื่องในหัวข้อกระทู้มั้ย

เอาอิตากรัขกายขาเกรียนเจ้าเก่า รีบมาเจิมป้ายกินเครื่องเซ่นแล้วก็รีบไปซะ
สายแล้วแดดจะแรง อย่าลืมเลี่ยงพระด้วยท่านกำลังจะบิณฑบาตร เดี๋ยวปวดแสบปวดร้อนไม่รู้น่ะ
:b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2012, 05:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

โฮฮับ เขียน:
อยากให้เพื่อนๆสงบจิต สงบใจแล้วมากรรมฐาน ลองดูทำกายาวิปัสนากรรมฐานดู
แล้วมาคุยกันหน่อยว่า กาย รูป และรูปขันธ์มันเป็นอย่างไร

กระทู้นี้ได้สองเด้งนะครับ จะดูว่าเข้าใจเรื่อง..กายาวิปัสนามั้ย
และเข้าใจเรื่องในหัวข้อกระทู้มั้ย

เอาอิตากรัขกายขาเกรียนเจ้าเก่า รีบมาเจิมป้ายกินเครื่องเซ่นแล้วก็รีบไปซะ
สายแล้วแดดจะแรง อย่าลืมเลี่ยงพระด้วยท่านกำลังจะบิณฑบาตร เดี๋ยวปวดแสบปวดร้อนไม่รู้น่ะ



ขำจุงเบย ขำแต่เช้า :b9: เห็นแล้วขำ พีโฮเอ้ย กลับไปทำความเข้าใจความหมายของศัพท์เหล่านั้นก่อนนะ แล้วค่อยมาตั้งกระทู้ เพราะคำพูดเหล่านี้จะค้างในบอร์ดชั่วกาลนานเอย. :b32: เช่น กัมมัฏฐาน กรรมฐาน กาย รูป รูปขันธ์ นี่คือการเดา เห็นก็รู้แล้วว่า พี่โฮเข้าใจธรรมะผิดทั้งหมด มิจฉาทิฐิกินเต็มกะบาล คิกๆ


บิณฑบาต เขียนยังงี้ ถ้าบาตร (บาตรพระ) เขียนยังงี้ บาตร-

ไฟล์แนป:
charl-2012-11-03-1351941137-431885803182082895.jpg
charl-2012-11-03-1351941137-431885803182082895.jpg [ 32.39 KiB | เปิดดู 4660 ครั้ง ]

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 29 พ.ย. 2012, 10:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

กรัชกาย เขียน:
บิณฑบาต เขียนยังงี้ ถ้าบาตร (บาตรพระ) เขียนยังงี้ บาตร-

น่าเอ็นดูจัง ไม่มีอะไรเล่น หยิบเอาเรี่องขี้ปะติ้วมาเล่น
เกลียดสลิ่มแต่ชอบทำนิสัยสลิ่ม (ที่พูดแบบนี้พี่โฮไม่ใช่แดงเหมือนกรัชกายน่ะ) :b32:
กรัชกาย เขียน:
ขำจุงเบย ขำแต่เช้า :b9: เห็นแล้วขำ พีโฮเอ้ย กลับไปทำความเข้าใจความหมายของศัพท์เหล่านั้นก่อนนะ แล้วค่อยมาตั้งกระทู้ เพราะคำพูดเหล่านี้จะค้างในบอร์ดชั่วกาลนานเอย. :b32: เช่น กัมมัฏฐาน กรรมฐาน กาย รูป รูปขันธ์ นี่คือการเดา เห็นก็รู้แล้วว่า พี่โฮเข้าใจธรรมะผิดทั้งหมด มิจฉาทิฐิกินเต็มกะบาล คิกๆ

มามุขเดิมอีกแล้ว สร้างเรื่องสร้างวาทกรรมใส่ความเข้า แต่ไม่มีเหตุผลให้เขา

เดาอย่างไร
ผิดตรงไหน
มิจฉาอย่างไร
ให้เหตุผลมา ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2012, 10:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

โฮฮับ เขียน:
อยากให้เพื่อนๆสงบจิต สงบใจแล้วมากรรมฐาน ลองดูทำกายาวิปัสนากรรมฐานดู
แล้วมาคุยกันหน่อยว่า กาย รูป และรูปขันธ์มันเป็นอย่างไร

กระทู้นี้ได้สองเด้งนะครับ จะดูว่าเข้าใจเรื่อง..กายาวิปัสนามั้ย
และเข้าใจเรื่องในหัวข้อกระทู้มั้ย




กาย กับ รูป เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันโดยพยัญชนะ ดังนั้นในเมื่อพี่โฮเอาสองคำนี้มาตั้งแล้วถามลักษณะนั้น แสดงว่าไม่เข้าใจความหมายศัพท์นั้นโดยรวม แน่ะ พอเข้าแยกออกไปพูดหน่อยหลงเลย คิกๆ นี่คือผู้ขาดพื้นฐานปริยัติคือการศึกษาเบื้องต้น :b12:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 29 พ.ย. 2012, 13:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

กรัชกาย เขียน:
กาย กับ รูป เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันโดยพยัญชนะ ดังนั้นในเมื่อพี่โฮเอาสองคำนี้มาตั้งแล้วถามลักษณะนั้น แสดงว่าไม่เข้าใจความหมายศัพท์นั้นโดยรวม แน่ะ พอเข้าแยกออกไปพูดหน่อยหลงเลย คิกๆ นี่คือผู้ขาดพื้นฐานปริยัติคือการศึกษาเบื้องต้น :b12:

มันต่างกันโดยอรรถ ยิ่งพยัญนะยิ่งแล้วใหญ่ การที่กรัชกายบอกว่า
กายกับรูปเหมือนกันโดยอรรถ แสดงว่ากรัชกายปฏิบัติยังไม่ถีงไหน
อย่าว่าแต่เรื่องกรรมฐานเลย การเข้าใจธรรมของกรัชกายเหมือนกับการเปิด
หนังสือธรรมะหน้าแรก และหนังสือนั้นเป็นธรรมะของเด็กประถมซะอีกด้วย

กรัชกายลองแยกกายออกไปไว้ต่างหากซิ แล้วลองพิจารณาดูซิว่ากายเป็นอะไร
ที่นี้ลองพิจารณาดูว่า การที่กายมาเป็นรูปได้นั้นเพราะอะไร

ไหนลองตอบมาหน่อยซิ ตอบมาให้รู้เรื่องนะ อย่าใช้โวหารไม่เอาไหนแบบเดิม :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2012, 14:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กาย กับ รูป เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันโดยพยัญชนะ ดังนั้นในเมื่อพี่โฮเอาสองคำนี้มาตั้งแล้วถามลักษณะนั้น แสดงว่าไม่เข้าใจความหมายศัพท์นั้นโดยรวม แน่ะ พอเข้าแยกออกไปพูดหน่อยหลงเลย คิกๆ นี่คือผู้ขาดพื้นฐานปริยัติคือการศึกษาเบื้องต้น :b12:


มันต่างกันโดยอรรถ ยิ่งพยัญนะยิ่งแล้วใหญ่ การที่กรัชกายบอกว่า
กายกับรูปเหมือนกันโดยอรรถ แสดงว่ากรัชกายปฏิบัติยังไม่ถีงไหน
อย่าว่าแต่เรื่องกรรมฐานเลย การเข้าใจธรรมของกรัชกายเหมือนกับการเปิด
หนังสือธรรมะหน้าแรก และหนังสือนั้นเป็นธรรมะของเด็กประถมซะอีกด้วย

กรัชกายลองแยกกายออกไปไว้ต่างหากซิ แล้วลองพิจารณาดูซิว่ากายเป็นอะไร
ที่นี้ลองพิจารณาดูว่า การที่กายมาเป็นรูปได้นั้นเพราะอะไร

ไหนลองตอบมาหน่อยซิ ตอบมาให้รู้เรื่องนะ อย่าใช้โวหารไม่เอาไหนแบบเดิม


กรัชกายลองแยกกายออกไปไว้ต่างหากซิ

คิกๆ มิจฉาทิฐิกินขนาดหนัก

แยกกายออกไปไว้ต่างหาก? ต่างหากจากอะไรพี่โฮ

ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นอกจากใจแล้ว ที่เหลือถามเด็กประถมก็ตอบได้หมด ไม่เชื่อไปถามดู หนูไหนหู ไหนลิ้น ไหนจมูก ไหนตา ตอบได้ตอบถูก :b1: เออ ถ้าถามว่า ไหน จักขุ ไหนโสตะ ไหนฆานะ ไหนชิวหา ไหน กายะ ฯลฯ นี่สิเด็กเริ่มงงแล้ว

คำว่า กายก็ดี รูปก็ดี มันก็เห็นโท่นโท่ นั่งหัวโด่อยู่นี่ อยู่นั่น เดินไปเดินมา รู้ๆเห็นๆกันอยู่นั่น

นายโฮเคยถ่ายรูปมั้ย

กายมาเป็นรูปได้นั้นเพราะอะไร

นี่กรัชกายกำลังคุยกับคนบ้ามิจฉาทิฐิหรือเนี่ย กายมาเป็นรูป

ในสติปัฏฐานท่านใช้ศัพท์ว่า กาย (กายานุปัสสนา)

ในขันธ์ห้าท่านใช้ศัพท์รูป (รูปขันธ์) ก็อันเดียวกัน แต่ท่านใช้อีกศัพท์หนึ่งชื่อหนึ่ง ก็คือตัวคนนี่แหละโว้ :b1:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 29 พ.ย. 2012, 14:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

ใครก็ตาม หากมีความคิดความเข้าใจชีวิตเยี่ยงนายโฮฮับนี่ ขอบอกว่า อย่า อย่าทำกรรมฐาน หรือทำการภาวนา หรือฝึกจิตเป็นอันขาด จะบ้าไม่รู้ตัว :b1:

ถ้าเลือมใสศาสนา พึงเริ่มจาก ทาน ศีล ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ใส่บาตรพระตอนเช้าๆ ถวายสังฆทานอย่างที่เห็นๆเถอะ ฯลฯ ไหว้พระ สวดมนต์บ้าง สองอย่างหลังนี่ ทำเบาะๆนะ แบบสบายๆ ถ้าเอาจริงเอาจัง ปัญหาทางจิตเกิดอีก ตัวอย่างเยอะแยะนะ :b1:



ด้วยความปรารถนาดี :b1:

ลงชื่อ

นายกรัชกาย 29 พ.ย.2555

(เลียนแบบพี่เท แต่พูดจริงๆ)

ปล. นายโฮฮับ ยิ่งกว่าพี่ พ. :b24: คือ อาการมิจฉาทิฐิเนียนกว่า

ไฟล์แนป:
charl-2012-11-03-1351940834-3843609431024338786.gif
charl-2012-11-03-1351940834-3843609431024338786.gif [ 325.17 KiB | เปิดดู 4615 ครั้ง ]

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 30 พ.ย. 2012, 02:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

กรัชกาย เขียน:
กรัชกายลองแยกกายออกไปไว้ต่างหากซิ
คิกๆ มิจฉาทิฐิกินขนาดหนัก
แยกกายออกไปไว้ต่างหาก? ต่างหากจากอะไรพี่โฮ

กรัชกายเอ้ย กะอีแค่ใช้คำศัพท์ทางธรรมมันไม่ได้ช่วยให้มี สัมมาทิฐิหรอกน่ะ
รู้ความหมายแค่สัมมาดี มิจฉาไม่ดี ก็ได้แค่อาศัยคำศัพท์กล่าวหาชาวบ้าน(โวหารไร้ค่า)

แล้วที่บอกให้แยกกายไว้ต่างหากน่ะ อย่าให้บอกถึงปัญญาเลย เอาแค่ไม่มีสมองคิดตาม
พอได้ยินเข้าหน่อยก็งง พองงก็เริ่มปฏิเสธ ปฏิเสธทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าปฏิเสธทำไม

เรื่องที่พี่โฮบอกให้แยกกายไว้ต่างหาก แล้วก็จะรู้ว่า กายก็คือกาย รูปก็คือรูป
การแยกกายไว้ต่างหาก ถ้ายังทำกายานุปัสนาไม่เป็น มันก็ไม่รู้ไม่เข้าใจหรอก
แต่พอยกตัวอย่างให้ดูได้

การแยกกายไว้ต่างหาก เพี่อจะได้รู้ว่า รูปกับกายแตกต่างกัน
วิธีแยกกายไว้ต่างหาก แบบสมมุติไม่ใช่กรรมฐาน นั้นก็คือให้เราไปดู
ซากศพที่ปราศจากวิญญาณ ไอ้ตัวซากศพที่ไม่มีจิตแล้วนั้นแหล่ะคือ....กายล้วนๆ
ซากศพหรือกายนั้นก็คือธาตุสี่ ดินน้ำลมไฟ

ส่วนการที่จะให้กายเป็นรูปได้นั้น มันจะต้องมีนามหรือจิตไปรู้กายนั้น
การรู้กายที่ว่า จะเป็นลักษณะของการรู้รูป

รูปกับนามเป็นลักษณะของปุถุชน พระพุทธองค์ทรงสอนให้เรารู้รูป รู้นาม
ให้รู้ว่า การรู้กาย จะรู้ได้ด้วยรูป เมื่อกายเป็นรูป รูปก็คือนาม

นามหรือจิตเกิดจากรูป รูปเกิดจากกาย เมื่อกายหมดเหตุรูปก็ไม่เกิด จิตก็ไม่เกิด
กายที่ทำให้รูปเกิดนามนั้นก็คือ ทวารทั้งหก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ


พอสรุปแบบอนุมานก็คือ กายกับรูปแตกต่างกัน
กายอธิบายได้ว่า ร่างกายที่ไม่มีจิตครอง ส่วนรูปคือร่างกายที่มีจิตครอง

กรัชกาย เขียน:
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นอกจากใจแล้ว ที่เหลือถามเด็กประถมก็ตอบได้หมด ไม่เชื่อไปถามดู หนูไหนหู ไหนลิ้น ไหนจมูก ไหนตา ตอบได้ตอบถูก :b1: เออ ถ้าถามว่า ไหน จักขุ ไหนโสตะ ไหนฆานะ ไหนชิวหา ไหน กายะ ฯลฯ นี่สิเด็กเริ่มงงแล้ว
คำว่า กายก็ดี รูปก็ดี มันก็เห็นโท่นโท่ นั่งหัวโด่อยู่นี่ อยู่นั่น เดินไปเดินมา รู้ๆเห็นๆกันอยู่นั่น

ก็งมโข่งกับคำศัพท์อยู่นี่ไงถึงยังไม่รู้ นี่ก็เห็นๆ กายที่เป็นทวารรับรู้ กับกายที่เป็นร่างกายหรือเป็นรูป
มันคนละความหมาย

หูตา ลิ้นจมูก กายใจ ล้วนเป็นส่วนประกอบของร่างกายที่มีจิตครอง มันเป็นทวารการรับรู้
ร่างกายที่ไม่มีจิต ทวารทั้งหกที่เป็นส่วนประกอบของร่างกายจะไม่ทำงาน
ที่กายกับรูปแตกต่างกัน ความสำคัญมันอยู่ที่ทวารทั้งหกด้วย
ถ้าทวารทั้งหกยังทำงานเขาเรียกร่างกายว่ารูป
ถ้าทวารทั้งหกไม่ทำงานเขาเรียกร่างกายนั้นกายล้วน เป็นธาตุสี่
กรัชกาย เขียน:
คำว่า กายก็ดี รูปก็ดี มันก็เห็นโท่นโท่ นั่งหัวโด่อยู่นี่ อยู่นั่น เดินไปเดินมา รู้ๆเห็นๆกันอยู่นั่น

ที่เห็นเป็นรูปเพราะอะไรล่ะ ก็เพราะเราเอาตาไปมองมันไม่ใช่หรือ ตามันเป็นส่วนประกอบของร่างกาย
หรือกาย ทวารทั้งหกหรืออายตนะหกล้วนเป็นร่างกาย

ถ้าเราไม่เอาตาไปมองมันจะเกิดรูปเกิดผัสสะมั้ย ตาที่ยังไม่ไปกระทบรูปเขาเรียกตาว่า
ส่วนประกอบของร่างกายหรือกาย
ดังนั้นตาเป็นส่วนประกอบของร่างกายเป็นอายตนะภายใน ส่วนรูปเป็นอายตนะภายนอก
ที่ตาไปกระทบ
ฉะนั้นรูปกับกายจึงมีความหมายไม่เหมือนกัน

กรัชกาย เขียน:
นายโฮเคยถ่ายรูปมั้ย
กายมาเป็นรูปได้นั้นเพราะอะไร
นี่กรัชกายกำลังคุยกับคนบ้ามิจฉาทิฐิหรือเนี่ย กายมาเป็นรูป

นี่ก็อีก ที่กลายมาเป็นรูปได้เพราะเราเอาตาไปมอง
ไม่รู้ใครมันมิจฉาทิฐิงมโข่งกันแน่
กรัชกาย เขียน:
ในสติปัฏฐานท่านใช้ศัพท์ว่า กาย (กายานุปัสสนา)

ในขันธ์ห้าท่านใช้ศัพท์รูป (รูปขันธ์) ก็อันเดียวกัน แต่ท่านใช้อีกศัพท์หนึ่งชื่อหนึ่ง ก็คือตัวคนนี่แหละโว้ :b1:

ที่ท่านให้ใช่คำว่ากาย(กายานุปัสนา) เพื่อให้รู้กายในกาย
กายในกายคืออะไร กายในกายคือรูปเหรอ พุทโธ่!พูดไม่คิด รูปมันเป็นอายตนะภายนอก
แล้วกิเลสมันมาได้ไงถ้าไม่อาศัย อายตนะภายนอกเข้ามา

การรู้กายในกาย คือการรู้เหตุปัจจัยที่มาของกิเลส รู้ทวารทั้งหกที่อยู่ในกาย
จิตที่เกิดภายในกาย แท้จริงมันเกิดมาจาก กายหรือทวารทั้งหก
การตามรู้กาย ก็คือการตามรู้ทวารทั้งหก

รูปกับรูปขันธ์ก็แตกต่างกัน รูปขันธ์เกิดจากการปรุงแต่งผัสสะ
ถ้าเกิดผัสสะขึ้นเกิดปัญญารู้รูป รูปก็คืออายตนะภายนอกที่มากระทบอาตนะภายใน
ไม่เกิดการปรุงแต่งก็ไม่เป็นรูปขันธ์ มันเป็นแค่ผัสสะตัวหนึ่งเท่านั้น

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 30 พ.ย. 2012, 02:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

กรัชกาย เขียน:
ใครก็ตาม หากมีความคิดความเข้าใจชีวิตเยี่ยงนายโฮฮับนี่ ขอบอกว่า อย่า อย่าทำกรรมฐาน หรือทำการภาวนา หรือฝึกจิตเป็นอันขาด จะบ้าไม่รู้ตัว :b1:

แปลกดีวุ๊ย อ้าปากกระดกชิวหา โวยวายชาวบ้านเขาเหมือนคนบ้า แต่ดันบอกคนอื่น
ระวังจะบ้า คนบ้าทำไมมันมันคิดอะไรกลับตาลปัตรแบบนี้หว่า :b32:
กรัชกาย เขียน:
ถ้าเลือมใสศาสนา พึงเริ่มจาก ทาน ศีล ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ใส่บาตรพระตอนเช้าๆ ถวายสังฆทานอย่างที่เห็นๆเถอะ ฯลฯ ไหว้พระ สวดมนต์บ้าง สองอย่างหลังนี่ ทำเบาะๆนะ แบบสบายๆ ถ้าเอาจริงเอาจัง ปัญหาทางจิตเกิดอีก ตัวอย่างเยอะแยะนะ :b1:

ดีแล้วล่ะกรัชกายก็หมั่นทำเข้า จิตใจจะได้สงบไม่ฟุ้งซ่าน ถ้าไงล่ะก็ชวนยัยน้องคิงคองไปด้วยเลย
มันจะได้อานิสงค์ของการทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน สาวอุบลจะได้เลิกช้ำรักเสียที
ทำบุญเสร็จสรรพ อย่าลืมเซี่ยมซี่ด้วยล่ะ แต่ห้ามไปถูเลขบนพระพุทธรูปน่ะ
จะโดดชาวบ้านเขาประชาทันณ์
กรัชกาย เขียน:
ด้วยความปรารถนาดี :b1:
ลงชื่อ
นายกรัชกาย 29 พ.ย.2555

(เลียนแบบพี่เท แต่พูดจริงๆ)

พี่จ่าแก ใช้ชื่อจริงนามสกุลจริง ตัวเองใช้นามแฝง ดันบอกเลี่ยนแบบแต่พูดจริง
แดงแบบกรัชกาย ไปแหย่พี่จ่าแก เดี๋ยวโดนสไนเปอร์หรอก :b32:
กรัชกาย เขียน:
ปล. นายโฮฮับ ยิ่งกว่าพี่ พ. :b24: คือ อาการมิจฉาทิฐิเนียนกว่า

เอาอีกแล้วเก่งแต่ปากอีกแล้ว ใช้ตัวย่อ แล้วพี่โฮจะไปรู้ได้ไงว่า ไอ้ตัว "พ"เป็นใคร
ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องไปอ้างใครเขา เหม็นขี้ฟัน :b32:

เจ้าของ:  student [ 30 พ.ย. 2012, 03:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

รู้กายในกาย หมายถึง การรับรู้สภาวะที่เกิดขึ้น กับ ขันธ์5 เช่น หายใจเข้าออก หากไม่มีอากาศหายใจ ขันธ์5ก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เช่น อากาศที่อยู่รอบตัวเราจัดเป็นกาย ความร้อนหนาวที่เกิดขึ้น ต้องพอเหมาะขันธ์5จึงจะตั้งอยู่ได้ อุณหภูมิ ในร่างกายเราจึงจัดเป็นกาย ทั้งๆที่อุณหภูมิมองไม่เห็น ช่องเล็กช่องน้อยในรูปจัดเป็นกาย รูปคือส่วนที่สัมผัสได้ ไม่รู้เข้าใจอย่างนี้ถูกหรือปล่าวครับ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 30 พ.ย. 2012, 09:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

อ้างคำพูด:
รูปกับนามเป็นลักษณะของปุถุชน พระพุทธองค์ทรงสอนให้เรารู้รูป รู้นาม
ให้รู้ว่า การรู้กาย จะรู้ได้ด้วยรูป เมื่อกายเป็นรูป รูปก็คือนาม


อะไรของมันเนี่ย การรู้กาย จะรู้ได้ด้วยรูป เมื่อกายเป็นรูป รูปก็คือนาม :b9:

"รูปก็คือนาม" พี่โฮเอ้ย ง่ายๆพื้นๆ ยังบ้าได้ขนาดนี้ มันเลยมิจฉาทิฐิ เข้าสู่ขั้นวิปริตแล้วเนี่ย :b1:

จะนำที่ท่านจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ให้ดู

๑. รูปขันธ์
๒.เวทนาขันธ์
๓. สัญญาขันธ์
๔.สังขารขันธ์
๕.วิญญาณขันธ์

ข้อ ๑ เป็นรูป
ข้อ ๒-๕ เป็นนาม

แต่พี่โฮดันว่า รูปก็คือนาม
ทานจำแนกชีวิตโดยความเป็นรูป-นามยังงี้ ยังดันคิดไปไหนต่อไหน ปลง...พุทโธ ธัมโม สังโฆ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 30 พ.ย. 2012, 09:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

พี่น้องเอ้ย :b32: แค่เห็นหัวข้อกระทู้ก็รู้ว่า ...รู้แค่ไหนเพียงใด :b14: คือ

นายโฮเขาชวนว่า "...ทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์" มันเละจากลงบันไดแล้ว ไปตายเอาข้างหน้า :b9: แค่คำว่า กรรมฐานก็ไม่รู้เลยว่าหมายถึงอะไร

ทำกรรมฐาน เรื่อง...นั่นนี่ ถามนายโฮหน่อย กรรมฐาน ได้แก่อะไร ?

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 30 พ.ย. 2012, 11:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

กรัชกาย เขียน:
อะไรของมันเนี่ย การรู้กาย จะรู้ได้ด้วยรูป เมื่อกายเป็นรูป รูปก็คือนาม :b9:

"รูปก็คือนาม" พี่โฮเอ้ย ง่ายๆพื้นๆ ยังบ้าได้ขนาดนี้ มันเลยมิจฉาทิฐิ เข้าสู่ขั้นวิปริตแล้วเนี่ย :b1:

จะนำที่ท่านจำแนกชีวิตโดยความเป็นขันธ์ให้ดู

๑. รูปขันธ์
๒.เวทนาขันธ์
๓. สัญญาขันธ์
๔.สังขารขันธ์
๕.วิญญาณขันธ์

ข้อ ๑ เป็นรูป
ข้อ ๒-๕ เป็นนาม

แต่พี่โฮดันว่า รูปก็คือนาม
ทานจำแนกชีวิตโดยความเป็นรูป-นามยังงี้ ยังดันคิดไปไหนต่อไหน ปลง...พุทโธ ธัมโม สังโฆ

เขาพูด วิชชาให้ฟัง กรัชกายก็งมโข่งอยู่กับอวิชาอยู่นั้นแหล่ะ

ชีวิตที่กรัชกายบอก มันเป็นเรื่องของปุถชนที่ยังมีกิเลส ยึดมั่นถือมั่นในกาย
ยึดกายเป็นตัวเป็นตน จนเกิดการปรุงแต่งเป็น อุปาทานขันธ์ห้า

ขันธ์ห้าเป็นสังขารเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป รูปขันธ์ก็เป็นหนึ่งในขันธ์ห้า
รูปขันธฺเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเหมือนกัน

รูปขันธ์เกิดจาก การที่จิตไปรู้กาย จนเกิดเป็นรูปขึ้นแล้วจิตก็เข้าไปยึดไปปรุงแต่ง
จนเป็นรูปขันธ์

เจ้าของ:  nongkong [ 30 พ.ย. 2012, 14:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

งงหัวข้อกระทู้พี่โฮฮับ สงสัยคุนน้องจะแหกโค้งไปไกล ชวนทำกรรมฐานแล้วดันวกไปเรื่อง กายานุปัสนา ซึ่งมันเป็นเรื่องเอาจิตไปตามดู รู้อาการของกาย คือเอาภาคปฏิบัติได้ป่ะว่าปฏิบัติยังงัยขั้นตอน ไม่ต้องเอาบัญญัติมาพูดเยอะ มันงง เข้าใจป่ะ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 30 พ.ย. 2012, 17:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มาทำกรรมฐาน เรื่องกาย รูป รูปขันธ์ กันหน่อยซิ

กล้งออกทางโน้นอีก พี่โฮ กัมมัฏฐาน หรือ กรรมฐาน ดังว่านั้น บอกเขาหน่อยทำไง :b10:

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/