ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44046
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 12 ธ.ค. 2012, 21:14 ]
หัวข้อกระทู้:  ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

ทุกครั้งที่เกิดความยินดี ยินร้าย ผมรู้สึกว่ามีที่ว่าง พอดีที่จะใช้สติประคองจิตไปวางอยู่ตรงกลาง ระหว่างความยินดียินร้ายนั้น

หรือเวลาเกิดความดีใจสุดสุด เสียใจสุดซึ้ง เมื่อเราวางจิตไว้ตรงกลางแล้ว ประคองจิตด้วยสติ ไม่ลำเอียง

ก็จะมองเห็นความยินดี ยินร้ายที่ตั้งอยู่นั้นนั้น เปลี่ยนแปลงไปสู่ความสงบ เป็นปรกติเช่นเดิม

เมื่อมองเห็นบ่อยๆ ย่อมเรียนรู้และวางเฉยได้ง่ายขึ้น

แต่ถ้าเราตั้งมั่นไม่เพียงพอ หลงโน้มเอียง ชอบใจในอารมณ์สุข หลงโน้มเอียง เสียใจขุ่นมัวในอารมณ์ทุกข์

จิตย่อมถูกอารมณ์นั้นครอบงำเหมือนตกลงในหุบเหว ต้องฟุ้งซ่านขาดความปรกติไป

ผลที่ได้คือความหวั่นไหวปรุงแต่งเป็นทุกข์เสมอๆ กว่าจะกลับคืนมาได้ ก็แล้วแต่ความลึกของอารมณ์นั้น

เมื่อหวั่นไหวบ่อยๆ ย่อมเป็นทุกข์บ่อยๆ เสมอๆ แต่ถ้าวางจิตเป็นปรกติได้ก็เป็นสุขสงบ เย็นเสมอๆ เช่นกัน :b30:

เจ้าของ:  เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 12 ธ.ค. 2012, 23:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

ทำยังไง ถึงจะชนะมันทุกครั้งอะครับ ฝึกบ่อยๆใช่ไหมครับ

เจ้าของ:  student [ 13 ธ.ค. 2012, 01:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

ถูกใจมากเลยครับ บทความนี้ เป็นอย่างนั้นจริงๆ สติเป็นเครื่องกั้นกระแสแห่งโลก

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 13 ธ.ค. 2012, 02:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

ขณะจิต เขียน:
ทุกครั้งที่เกิดความยินดี ยินร้าย ผมรู้สึกว่ามีที่ว่าง พอดีที่จะใช้สติประคองจิตไปวางอยู่ตรงกลาง ระหว่างความยินดียินร้ายนั้น

หรือเวลาเกิดความดีใจสุดสุด เสียใจสุดซึ้ง เมื่อเราวางจิตไว้ตรงกลางแล้ว ประคองจิตด้วยสติ ไม่ลำเอียง

ก็จะมองเห็นความยินดี ยินร้ายที่ตั้งอยู่นั้นนั้น เปลี่ยนแปลงไปสู่ความสงบ เป็นปรกติเช่นเดิม

เมื่อมองเห็นบ่อยๆ ย่อมเรียนรู้และวางเฉยได้ง่ายขึ้น


แต่ถ้าเราตั้งมั่นไม่เพียงพอ หลงโน้มเอียง ชอบใจในอารมณ์สุข หลงโน้มเอียง เสียใจขุ่นมัวในอารมณ์ทุกข์

จิตย่อมถูกอารมณ์นั้นครอบงำเหมือนตกลงในหุบเหว ต้องฟุ้งซ่านขาดความปรกติไป

ผลที่ได้คือความหวั่นไหวปรุงแต่งเป็นทุกข์เสมอๆ กว่าจะกลับคืนมาได้ ก็แล้วแต่ความลึกของอารมณ์นั้น

เมื่อหวั่นไหวบ่อยๆ ย่อมเป็นทุกข์บ่อยๆเสมอๆ แต่ถ้าวางจิตเป็นปรกติได้ก็เป็นสุขสงบ เย็นเสมอๆ เช่นกัน :b30:

พูดธรรมอย่าสักแต่ว่าพูด เอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาเป็น..พรรณาโวหาร แบบนี้
มันทำให้ชาวบ้านเขาหลงสับสน ไกลห่างแก่นธรรม

ธรรมใดที่ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด
ธรรมนั้นไม่เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าครับ

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 13 ธ.ค. 2012, 02:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

ความเสียใจโศกสุดซึ้ง หรือความดีใจสุดกู่ล่องลอย

ล้วนแต่มีไห้เรารู้จักและก้าวผ่านมันไปเท่านั้น

มันเป็นเพียงแค่เวทนา เป็นเพียงขันธ์ห้า อันเป็นที่ตั้งแห่งอัตตาที่สัตว์หลงยึดติด

มีตัณหาเป็นเครื่องล่าม มีอวิชชาเป็นเครื่องพรางตาปกปิด

เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ทั้งน่ารักและน่าชังทั้งปวง

เป็นแค่ความเปลี่ยนแปลงชั่วคราวนั้น

จิตย่อมละวาง ไถ่ถอน วางเฉยต่อ สิ่งนั้น

ที่เปลี่ยนแปลงเป็นอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา

แค่ในวงจำกัดแห่งรูปธรรม และนามธรรมนั่นเอง

อั้นมีที่ตั้งที่กำเนิดคือขันธ์ห้าทั้งมวลนั่นเอง

จิตย่อมถึงความรู้ประจักษ์แจ้งในสภาพธรรมทั้งมวล ปราศจากการรัก และเกลียด

ปราศจากการดึงและ่ผลัก เป็นภาวะแห่งสันติสุข ที่มีสติ และความรู้ที่แท้ (ปัญญา)

ประคองจิตดุจกัลยาณมิตรที่แท้ ดำเนินไปสู่จุดแห่งความสิ้นสงสัย :b30:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 14 ธ.ค. 2012, 22:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

choochu เขียน:
ทำยังไง ถึงจะชนะมันทุกครั้งอะครับ ฝึกบ่อยๆใช่ไหมครับ


หมั่นฝึกเจริญสติและดูสภาวะความเป็นจริงของอารมณ์ :b30:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 14 ธ.ค. 2012, 22:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

โฮฮับ เขียน:
ขณะจิต เขียน:
:b30:

พูดธรรมอย่าสักแต่ว่าพูด เอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาเป็น..พรรณาโวหาร แบบนี้
มันทำให้ชาวบ้านเขาหลงสับสน ไกลห่างแก่นธรรม

ธรรมใดที่ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด
ธรรมนั้นไม่เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าครับ


ผมเป็นคนที่รู้เรื่องบาลีเพียงเล็กน้อย การพูดโดยอ้าง บาลีหรือพระสูตรต่างๆนั้น

ไม่กล้าอ้างหากไม่แน่ใจจริงๆ กลัวเป็นการกล่าวบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์

การพูดจึงมักอ้างอิงจากความรู้สึกจริงๆและตรงกับสภาวะที่เป็น เท่าที่ปัญญาที่มีจะเลือกเฟ้นได้

และสิ่งที่ประสบนั้นล้วนเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัดและลดละเลิกกิเลสทั้งสิ้นครับ

:b30:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 14 ธ.ค. 2012, 23:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

ทุกสภาวะอารมณ์ที่เจอล้วนเป็นสิ่งที่ต้องก้าวข้าม

การก้าวข้ามอารมณ์ดีชั่วต่างๆนั้น อารมณ์ไดที่เราก้าวข้ามได้แล้วมักไม่มีผลสามารถวางลงโดยง่าย

แต่อารมณ์ที่แปลกใหม่หรือละเอียดลึกซึ้งกว่าเดิมที่เรายังไม่ก้าวผ่านมักเข้ามาเสมอ

เพื่อให้เราเรียนรู้และผ่านไป



ถ้าเรามีสติ ปัญญามั่นคง ขณะเจออารมณ์ต่าง ย่อมผ่านไปได้โดยง่าย

ถ้าเรายังไม่มั่นคงพอ ย่อมตกลงในหุบเหวของความคิดและอารมณ์ เป็นทุกข์ ร่ำไปจนกว่าจะผ่านมันได้

ไม่มีทางอื่น



เท่าที่ผมเคยเจอ เมื่อเราโง่หลง แล้วตั้งตัวได้เมื่อจิตมีกำลังพอรู้สึกตัว ก็จะกลับมาต่อสู้เพื่อก้าวข้าม

ปัญหาอุปสรรคต่อจากที่เราพลาดพลั้งติดขัด ถ้าเราพอกพูนสติ สมาธิ ปัญญา ไม่ประมาทเสมอๆ

ย่อมก้าวหน้าต่อเนื่อง ไม่ติดขัดเนิ่นนาน และพัฒนาจิต เป็นลำดับลำดาไป

เมื่อพิจารณาย้อนดูตั้งแต่เริ่มต้น ย่อมเห็นความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่อาจก้าวย้อนกลับไปได้อีก :b30:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 15 ธ.ค. 2012, 04:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

ขณะจิต เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ขณะจิต เขียน:
:b30:

พูดธรรมอย่าสักแต่ว่าพูด เอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาเป็น..พรรณาโวหาร แบบนี้
มันทำให้ชาวบ้านเขาหลงสับสน ไกลห่างแก่นธรรม

ธรรมใดที่ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด
ธรรมนั้นไม่เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าครับ


ผมเป็นคนที่รู้เรื่องบาลีเพียงเล็กน้อย การพูดโดยอ้าง บาลีหรือพระสูตรต่างๆนั้น

ไม่กล้าอ้างหากไม่แน่ใจจริงๆ กลัวเป็นการกล่าวบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์

การพูดจึงมักอ้างอิงจากความรู้สึกจริงๆและตรงกับสภาวะที่เป็น เท่าที่ปัญญาที่มีจะเลือกเฟ้นได้

และสิ่งที่ประสบนั้นล้วนเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัดและลดละเลิกกิเลสทั้งสิ้นครับ

:b30:

คุณขณะจิต ถามหน่อยคิดนานมั้ยกับไอ้ความเห็นเฉิ่มๆนี่น่ะ
ปู้โท่! ดันไปอ้างไม่รู้บาลี กลัวบิดบือน จะอ้างทั้งที่ยังสับสนในสิ่งที่อ้างอีกแน่ะคนเรา

ที่ผมว่าคุณไปแบบนั้น มันไม่ได้ให้คุณพูดบาลี แต่ผมให้คุณพูดแบบชาวบ้านธรรมดาที่เขาพูดกัน
พูดให้คนอื่นเขาใจความหมายที่ตัวเองสื่อ...
ไม่ใช่ให้ชาวบ้านเคลิ้มไปกับสำนวนที่เป็น ร้อยแก้ว ร้อยกรองแบบนั้น
ฟังแล้วไม่เห็นธรรมตามความเป็นจริง มันเป็นความหลงในบัญญัติ
มันปิดบังธรรม เข้าใจมั้ย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 ธ.ค. 2012, 08:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

ปรอตวัดผลการฝึกฝนพัฒนาจิต คือ "อ่านตัวเองออก บอกตัวเองได้ ใช้ตัวเองเป็น" สรุปก็คือ รู้เข้าใจโลกและชีวิตนี้ตามความเป็นจริง :b1: หรือตามที่มันเป็น

ไฟล์แนป:
imagesCAA11I5L.jpg
imagesCAA11I5L.jpg [ 6.02 KiB | เปิดดู 3779 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 15 ธ.ค. 2012, 10:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

:b1:

"ความสุข" นี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจบอกใครได้

"ความทุกข์" นี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยัดเยียดให้กัน

มันเป็นปัจจัตตัง :b16:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 16 ธ.ค. 2012, 09:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

การกล่าวว่าเปรี้ยวหวาน มันเค็ม อร่อย ไม่อร่อยล้วนเป็นการกล่าวหาใช่ความจริง

ความจริงต้องชิมเองถึงเอง


อร่อยอยู่ที่ลิ้น สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ ไม่ใช่คำพูด :b30:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 16 ธ.ค. 2012, 09:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างหุบเหว

การถึงความจริงนั้น ต้องถึงก่อนตาย ในชีวิตนี้ รูป นาม ขันธ์นี้ เป็นเครื่องมือสู่ความเข้าถึง

ใช่ที่ว่าความจริง มันจริงอยู่ของมันอย่างนั้น แต่...เรารู้จักมันจริง จริง หรือยัง :b30:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/