ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44194
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  deecup [ 30 ธ.ค. 2012, 19:50 ]
หัวข้อกระทู้:  คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

เช่นทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้ร่ำรวย
ทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้หล่อๆ สวยๆ
ทำบุญเพราะอยากไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เพื่อความสะดวกสบายแก่ตัว และเสวยสุข ด้วยกามคุณ ทั้งหลาย

การทำบุญด้วยจิตมุ่งหมายไปด้วยเอากิเลสเข้าตัวเองแบบนี้ ผิดหลักการทำบุญที่ต้องด้วยไปเพื่อลดความตระหนี่ ในตัวเอง

การทำบุญแบบนี้ แทนที่จะได้บุญกลับกลายเป็นบาป แก่ตนจริงเปล่า เพราะเต็๋มไปด้วยกิเลส ตัณหาไปหมด

เจ้าของ:  Soduku [ 30 ธ.ค. 2012, 20:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ คนทำบุญทำทานน่าจะมากนะครับ ท่านว.วชิรเมธี ได้สรุปข้อคิดดีๆสำหรับการทำบุญไว้เพื่อเตือนสติแก่ญาติโยม ที่จะร่วมทำบุญทำกุศล
http://www.youtube.com/watch?v=PJ1CaxHUByo

เจ้าของ:  Hanako [ 31 ธ.ค. 2012, 14:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

:b48: ทำบุญด้วยปรารถนาแบบนั้นก็ได้เสวยผลบุญอยู่ดีแต่ไม่พ้นจากความทุกข์ ไม่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด พลาดทำบาปทำชั่วก็ยังตกนรกได้นะคะ :b55:

เจ้าของ:  bbby [ 31 ธ.ค. 2012, 20:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

อ้างคำพูด:
เช่นทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้ร่ำรวย
ทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้หล่อๆ สวยๆ
ทำบุญเพราะอยากไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เพื่อความสะดวกสบายแก่ตัว และเสวยสุข ด้วยกามคุณ ทั้งหลาย

การทำบุญด้วยจิตมุ่งหมายไปด้วยเอากิเลสเข้าตัวเองแบบนี้ ผิดหลักการทำบุญที่ต้องด้วยไปเพื่อลดความตระหนี่ ในตัวเอง

การทำบุญแบบนี้ แทนที่จะได้บุญกลับกลายเป็นบาป แก่ตนจริงเปล่า เพราะเต็๋มไปด้วยกิเลส ตัณหาไปหมด





เราคิดว่าไม่น่าจะบาปค่ะ แต่ผลบุญได้ไม่เต็มน่ะ
เพราะให้ด้วยใจที่ต้องการแลกเปลี่ยน :b41: :b55: :b50:

เจ้าของ:  govit2552 [ 31 ธ.ค. 2012, 21:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี

อ้างคำพูด:
[๒๕๗] ในปัจจยาการเหล่านั้น สังขารเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย

เป็นไฉน ?

ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อาเนญชาภิสังขาร กายสังขาร

วจีสังขาร จิตตสังขาร


ในสังขารเหล่านั้น ปุญญาภิสังขาร เป็นไฉน ?

กุศลเจตนา เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร ที่สำเร็จด้วยทาน ที่สำเร็จ-

ด้วยศีล ที่สำเร็จด้วยภาวนา นี้เรียกว่า ปุญญาภิสังขาร



เตสัง วูปสโม สุโข ความระงับดับเสียซึ่งสังขาร (สิ่งปรุงแต่ง) ทั้งหลายนั้นแล เป็นสุขอย่างยิ่ง

เจ้าของ:  govit2552 [ 31 ธ.ค. 2012, 21:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

เพราะความไม่รู้จึงได้ กระทำกรรม สร้างบุญ สร้างบาป

เพราะกระทำกรรม จึงต้องเกิดใหม่เพื่อรับผลกรรม ต่อไป

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 01 ม.ค. 2013, 07:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

deecup เขียน:
เช่นทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้ร่ำรวย
ทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้หล่อๆ สวยๆ
ทำบุญเพราะอยากไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เพื่อความสะดวกสบายแก่ตัว และเสวยสุข ด้วยกามคุณ ทั้งหลาย

การทำบุญด้วยจิตมุ่งหมายไปด้วยเอากิเลสเข้าตัวเองแบบนี้ ผิดหลักการทำบุญที่ต้องด้วยไปเพื่อลดความตระหนี่ ในตัวเอง

การทำบุญแบบนี้ แทนที่จะได้บุญกลับกลายเป็นบาป แก่ตนจริงเปล่า เพราะเต็๋มไปด้วยกิเลส ตัณหาไปหมด

กุศลที่เราทำมาแล้วย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลได้
ทำกุศลแทนที่กุศลจะเกิด กลับเกิดอกุศลก็เพราะไม่เข้าใจขาดการโยนิโสมนสิการ
คือขาดปัญญารู้เหตุผลตามความเป็นจริงในการทำกุศล ไม่รู้ว่าการทำกุศลเพื่อประโยชน์อะไร
แท้จริงแล้วจุดประสงค์ของการทำกุศลก็เพื่อละกิเลสเป็นประการสำคัญ เพื่อทจิตใจจะได้ใสสะอาด
ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง เพื่อเป็นปัจจัยแก่การพ้นทุกข์ เช่นการทำทานก็เพื่อละความโลภ
ความตระหี่ให้หมดไป การรักษาศีลก็เพื่อละความโกรธที่เป็นกิเลสอย่างหยาบที่จะล่วงออกมาทางกาย
ทางวาจา การเจริญสมาธิก็เพื่อระงับนิวรณ์ที่เป็นกิเลสอย่างหยาบไม่ให้เกิดขึ้นในใจ
และการเจริญวิปัสสนาก็เพื่อละความหลงที่เป็นกิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในจิตใจให้หมดไป

จุดประสงค์ของการทำกุศลก็เพื่อประโยชน์อย่างนี้ คนที่ทำกุศลถ้าไม่รู้เหตุผลอย่างนี้
แทนที่จะละกิเลสให้หมดไป ก็ไปเพิ่มกิเลสมาโดยไม่รู้ตัว กุศลที่ทำจึงเป็นปัจจัยให้เกิดทุกข์
เพราะต้องการผลตอบแทน จึงต้องรับผลของกุศลที่ทำไว้ ทำให้ท่องเที่ยวไปในวัฏฏะไม่มีที่สิ้สุด
ส่วนมากคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าจิตใจขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศลมันจะไหลไปตามอารมณ์ที่ตนต้องการเสียเป็นส่วนมาก
และส่วนมากก็จะเป็นไปในทางอกุศล เพราะความคุ้นเคยกับอกุศลนั้นมีมากกว่ากุศล
อารมณ์จึงเป็นอกุศลได้ง่ายไม่ต้องออกแรงอะไร อยู่เฉยๆจิตไหลไปตามอารมณ์ก็ไหลไปตามอกุศลเอง

อกุศลเปรียบเหมือนเจ้าของบ้าน ส่วนกุศลเปรียบเหมือนแขกมาเยือนนานๆจะมาสักที เหตุนี้กุศลจึงต้องขวนขวายกุศลจึงจะเกิดได้ เมื่อกุศลเกิดแล้วไม่เข้าใจรักษากุศล กุศลก็เป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลได้ เพราะขาดการโยนิโสมนสิการเหตุผลตามความเป็นจริง ก็เป็นปัจจัยให้เกิดอกุศล เกิดกิเลส มีราคะ ทิฏฐิ มานะ วิจิกิจฉา โทมนัส ได้

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 01 ม.ค. 2013, 12:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

deecup เขียน:
เช่นทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้ร่ำรวย
ทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้หล่อๆ สวยๆ
ทำบุญเพราะอยากไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เพื่อความสะดวกสบายแก่ตัว และเสวยสุข ด้วยกามคุณ ทั้งหลาย

การทำบุญด้วยจิตมุ่งหมายไปด้วยเอากิเลสเข้าตัวเองแบบนี้ ผิดหลักการทำบุญที่ต้องด้วยไปเพื่อลดความตระหนี่ ในตัวเอง

การทำบุญแบบนี้ แทนที่จะได้บุญกลับกลายเป็นบาป แก่ตนจริงเปล่า เพราะเต็๋มไปด้วยกิเลส ตัณหาไปหมด


พระอานนท์เคยพูดว่า....กามไม่ดีเลย

พระพุทธเจ้ากลับมีดำรัสว่า...อย่ากล่าวอย่างนั่นเลย...ตถาคตก็เกิดจากกาม

เคยได้ยินมาอย่างนี้...ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่านะ

ถ้าถูก....เรื่องทำบุญเพราะอยากได้บุญ....ก็ไม่ได้ผิดแต่ประการใด....และ...อาจเป็นส่วนหนึ่งในมรรค...ก็ได้

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 01 ม.ค. 2013, 12:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

ผมอยู่ ป. 1 แล้วกำลังทำข้อสอบ ป.1 มันก็ถูกของผมแล้วนี้น่า...

เจ้าของ:  ปลีกวิเวก [ 02 ม.ค. 2013, 14:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

deecup เขียน:
เช่นทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้ร่ำรวย
ทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้หล่อๆ สวยๆ
ทำบุญเพราะอยากไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เพื่อความสะดวกสบายแก่ตัว และเสวยสุข ด้วยกามคุณ ทั้งหลาย

การทำบุญด้วยจิตมุ่งหมายไปด้วยเอากิเลสเข้าตัวเองแบบนี้ ผิดหลักการทำบุญที่ต้องด้วยไปเพื่อลดความตระหนี่ ในตัวเอง

การทำบุญแบบนี้ แทนที่จะได้บุญกลับกลายเป็นบาป แก่ตนจริงเปล่า เพราะเต็๋มไปด้วยกิเลส ตัณหาไปหมด


tongue
การทำบุญที่มุ่งหวังเอากิเลสเข้าตัว เช่น การหวังลาภ หวังร่ำรวย หวังต่างๆนาๆ ฯลฯ
โดยเป็นไปเพื่อบุคคล วัตถุ สิ่งของ ย่อมไม่พ้นไปจากความทุกข์ เป็นการเอากิเลสมาทับถมใจ เมื่อผลไม่เป็นไปดั่งหวังก็เป็นทุกข์บีบคั้นใจ...เมื่อทำเหตุก็ย่อมได้ผล แต่ผลจะสมบูรณ์เพียงใดต้องอาศัยเหตุปัจจัยที่พรั่งพร้อมเหมือนเราหว่านพืชลงในนาข้าวด้วยเมล็ดพันธุ์ที่ดีในดินที่อุดมด้วยแร่ธาตุรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยเมื่อเหตุปัจจัยพรั่งพร้อมผลย่อมสมบูรณ์คือได้ข้าวพันธุ์ดี...การทำบุญก็เหมือนกัน

องค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่าการทำบุญทำทานมีผลมีอานิสงค์
ปุถุชนมักทำบุญด้วยมุ่งหวังผลจากบุญนั้น...เป็นเรื่องธรรมดา...ด้วยยังมุ่งหวังในกามสุข...ยังมองไม่เห็นว่าการเกิดขึ้นของชีวิต(รูปนาม)นั้นมันเป็นทุกข์อย่างไร...แต่ถ้าผู้ใดมองเห็นแล้วว่าการเกิดมันเป็นทุกข์และมองเห็นทางที่จะดับทุกข์ย่อมขวนขวายดิ้นรนที่จะออกจากวัฏฏะทุกข์...

เจ้าของ:  ยังไม่พ้น [ 12 ก.พ. 2013, 10:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

เช่นทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้ร่ำรวย
ทำบุญเพราะอยากที่ตัวเองจะได้หล่อๆ สวยๆ
ทำบุญเพราะอยากไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เพื่อความสะดวกสบายแก่ตัว และเสวยสุข ด้วยกามคุณ ทั้งหลาย

การทำบุญด้วยจิตมุ่งหมายไปด้วยเอากิเลสเข้าตัวเองแบบนี้ ผิดหลักการทำบุญที่ต้องด้วยไปเพื่อลดความตระหนี่ ในตัวเอง

การทำบุญแบบนี้ แทนที่จะได้บุญกลับกลายเป็นบาป แก่ตนจริงเปล่า เพราะเต็๋มไปด้วยกิเลส ตัณหาไปหมด


ความเห็นส่วนตัว
อย่างนั้นเรียกว่า อธิฐาน การปราถนาของคุณ ผมว่าไม่เป็นบาป ทำบุญแล้ว ปราถนา นิพพาน ยังได้เลย
คุณอธิฐานปราถนาแต่สิ่งที่ดี มนุษย์ที่เกิดมา ปราถนาสุข เกลียดทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น แต่ต้องอยู่ใน ศีล 5
ปราถนาร่ำรวย (ประกอบอาชีพสุจริต ไม่ปล้น ฉ้อโกงเขา )
ปราถนาสวรรค์ชั้นฟ้า (ต้องมีศีล 5 เป็น ปกติไม่ขาด ทะลุ ด่างพร้อย เป็น อธิจิต จิต เป็นศีล ทำบุญทำทาน สมาธิ ภาวนา เทวดา คือผู้ประเสริฐ มีหิริโอตัปปะเกรงกลัวต่อความชั่วทั้งหลายทั้งปวง ผู้จะเป็นเทวดา ให้ผิด ศีล 5 นั้นอย่าหวัง ยอมตายดีกว่าศีลขาด)
การปราถนาของคุณมีแต่ความดีงาม ก็ขอให้ท่าน สมปราถนาทุกประการ สาธุ

เจ้าของ:  เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 12 ก.พ. 2013, 11:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนที่ทำบุญ ด้วยหวังประโยชน์แก่ตน บาปไหม

ทำบุญ โดยหวังผล หรือ ไม่หวังผล ก็ยังต้อง กลับมาเวียนว่าย ตาย เกิด อยู่ดี

สู้เร่งภาวนา ไม่ดีกว่ารึ s007

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/