วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 23:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: นิพพานคงมีอยู่ในทุกๆที่ ที่ไม่มีทุกข์ :b9:

eragon_joe เขียน:
ตัวมีเขี้ยวก็เคยเห็น
แต่ก็ไม่มีอะไร เขาก็มาสนทนาธรรม
:b6: :b12: :b12: :b9:

เคยถาม ว่าทำไมเราจึงเห็นเขาอย่างนี้

เขาก็ตอบ "ก็เพราะมีขันธ์...ไง"

:b14: :b5: :b6:

:b6: ... ตอบอย่างนี้ น่ามานั่งสนทนากันบ่อย ๆ ...

:b32: :b32: :b32:


อย่างนี้กระผมไม่เคยเห็นสักที :b9:

:b5: สงสัยคงไม่อยากเห็น

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 14:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="ขณะจิต"]:b20: นิพพานคงมีอยู่ในทุกๆที่ ที่ไม่มีทุกข์ :b9:

ที่ๆมีความสุข ก็ไม่มีนิพพาน นะครับ
อย่างเรา มีความสุขที่เล่นไพ่ได้เิงินมา ได้เงินมาตอนนั้นเรามีความสุข ไม่มีทุกข์
แต่ตอนนั้นก็ไม่น่าจะเป็นนิพพานนะครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมานึกพิจารณาดู สิ่งที่เรียกว่าสูญ นั้น ไม่น่าจะมี แต่พระนิพพานนั้นมี เพราะเป็นอนัตตา ดังนั้นคำว่า สูญ กับ คำว่าพระนิพพาน ผมจึงมีความคิดว่า ไม่ใช่ธรรมเดียวกัน

อยากขอรบกวน ท่านโกวิทธิ์ ว่ามีความหมายของคำว่าสูญจาก พระพุทธบัญญัติ ว่าอย่างไร

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 16:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 23:55
โพสต์: 55

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพาน มิได้ตั้งอยู่ มิได้เป็นไป

มิได้มีการมา มิได้มีการไป

มิได้มีเขา มิได้มีเรา

เรามิได้มีในนิพพาน นิพพานมิได้มีในเรา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2013, 17:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
eragon_joe เขียน:
choochu เขียน:
ตัวมีเขี้ยว คืออะไรครับ


คือ เอกอนเอง ที่เห็น
ซึ่งสิ่งที่ถูกเห็นจริง ๆ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น


เขาคือ ภาพมายา
ที่ปรากฎขึ้นด้วยปัจจัยบางอย่าง


:b12: :b12: :b12:


หมายถึง กิเลส รึเปล่าครับ


ไม่รู้ เพราะ ตอนนั้นมันไม่ได้มีแง่ว่าเป็นกิเลสหรือเป็นอะไร

มันสิ่งที่เห็นนั้น ได้พยายามชี้ให้เราพิจารณาลงไปที่ การเห็น

เพราะสิ่งนั้นมี สิ่งนี้จึงมี

ไม่ได้หมายความว่า เพราะมีเขา เราจึงเห็นนะ
แต่เป็นเพราะเรามีปัจจัยที่จะทำให้การเห็นนั้นปรากฎ

และภาพที่สะท้อน ก็เป็นมุมมองที่เรามองออกไป
เมื่อเราเอาใจของเรามองเขา เราก็จะเห็นเขาอย่างที่ใจเห็น ไม่ใช่เขาอย่างที่เขาเป็น
ซึ่งใจเรานั้นประกอบด้วย เจตสิกประมาณไหน สิ่งที่ปรากฎก็ประมาณนั้น
สิ่งที่เราเห็น คือเราเห็นภาพเขาก็จริง แต่เราเห็นเขาผ่านใจของเรา

คือ ประมาณว่า เราไม่มีทางจะรู้จักสิ่งที่ปรากฎได้จริง ๆ
เราได้แต่รู้จักสิ่งที่ เราเห็น (คือ เรารู้จักแต่ เรา)
คือ...เขาบอกให้เข้าใจระหว่าง การเห็น กับ เราเห็น
การเห็น กับ เราเห็น ต่างก็จะให้เกิดความรู้ในสิ่งที่เห็น
แต่ความรู้ที่ปรากฎจะต่างกัน ...

และก็มีความเห็นเช่นเดียวกับที่ท่านอ๊บซ์อธิบาย นั่นล่ะ


กบนอกกะลา เขียน:
อิอิ...
ในโลกธรรมดา...ที่เราอยู่ทุกวัน...เรามักจะคิดว่า..สิ่งที่เห็นเป็นอย่างที่เราเห็น...

ผู้อื่นก็ต้องเห็นอย่างเรา...

มักลืมนึกถึงคุณภาพของเครื่องรับรู้...หากแตกต่างกัน...สิ่งที่ถูกรู้ก็แตกต่างไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 11:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
eragon_joe เขียน:
choochu เขียน:
ตัวมีเขี้ยว คืออะไรครับ


คือ เอกอนเอง ที่เห็น
ซึ่งสิ่งที่ถูกเห็นจริง ๆ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น


เขาคือ ภาพมายา
ที่ปรากฎขึ้นด้วยปัจจัยบางอย่าง


:b12: :b12: :b12:


หมายถึง กิเลส รึเปล่าครับ


ว่าแต่ มันเห็น กิเลส ยังไงเหร๋อ
ก็ไม่เข้าใจว่า ยังไง เป็นการเห็น กิเลส นะ

คือ เวลาที่เราทำสมาธิ
คือ ถ้าเราปราถนา/ค้นหาความสงบ ความสุข เราก็จะไปตั้งอยู่ในอารมณ์นั้น ๆ
ถ้าเห็นอารมณ์ที่ปราถนาที่จะไปตั้งอยู่ในอารมณ์ ความสงบ ความสุข นั่นถือว่าเป็นการเห็น กิเลส มั๊ย

ตรงนี้บางทีเอกอนว่าเป็นเรื่อง ละเอียดนะ
ต้องแยกให้ออก การเห็นอารมณ์ปราถนา กับ การเห็นการน้อมไปของอารมณ์(สมาธิ)
ถ้าเห็นอารมณ์ปราถนา นั่นคือ ยังไม่สงบ เมื่อยังไม่สงบ ก็ยังไม่เป็นสมาธิ ใช่มั๊ย
คือ ถ้ายังเห็นกิเลสปรากฎ ก็ยังไม่น่าจะเป็นปฐมฌาณนะ ใช่ป่าว
แต่ถ้าเห็น การน้อมไปของอารมณ์(สมาธิ) นั่นคือเป็นการเห็นธรรมชาติของจิตที่น้อมไปในอารมณ์ที่
นิ่ง สงบ ละเอียด ขึ้น (ตามปัจจัย) นั่นคือ กิเลสต้องดับ นิวรณ์ต้อง ดับ ๆ ไปเป็นลำดับมาแล้ว

แต่ถ้าเราเข้าไปเพื่อค้นหาตัวตน เราจะเห็นแง่ของ อวิชชา
การเห็นแง่ของ อวิชชา มันเป็นตัวที่จะส่งผลให้เกิด วิชา
ซึ่งถ้าเป็น วิชา กิเลสมันก็ย่อมไม่ปรากฎ ใช่มั๊ย

คือ กับการทำสมาธิ ถ้าหากว่าจะปรากฎอะไร
มันก็คือ ปรากฎธรรมขึ้นมาให้เรานำมาพิจารณา นั่นล่ะ

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วเอาอะไรเข้าไปเห็นทุกข์ (รวมทั้งอนิจจังด้วย)

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 13:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
Kiss onion

ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวสอนไว้มาหลายต่อหลายรุ่นว่า สุขทุกข์อยู่ที่จิตใจ จิตใจนั้นแหละเป็นเครื่องระลึก เป็นเครื่องเห็น เมื่อหมดกิเลสก็คือนิพพาน กิเลสมันอยู่ที่ไหนล่ะ ก็อยู่ที่จิตใจนี่แหละ จิตใจนี้เองเป็นเครื่องวัดเป็นเครื่องแสดง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 13:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพาน มีอยู่ในตัวเรา ทุกคนอยู่แล้ว คำกล่าวนี้ เป็นคำกล่าวของ นิกายเซน ซึ่งเป็นการกล่าวถึง นิพพานไม่ต้องไปหาที่ไหนเลย แค่ทำให้รู้แจ้ง ว่าสภาพที่กล่าวว่า ไม่มีการเกิดดับ ไปมา นั้นเป็นอย่างไรแน่

การค้นหาคือ การค้นหาภายในจิต มิใช้ภายนอกเลย แล้วจะรู้ว่า การค้นหาที้แท้ก็ไม่ใช่การค้นหา เลย


:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 13:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ผมมานึกพิจารณาดู สิ่งที่เรียกว่าสูญ นั้น ไม่น่าจะมี แต่พระนิพพานนั้นมี เพราะเป็นอนัตตา ดังนั้นคำว่า สูญ กับ คำว่าพระนิพพาน ผมจึงมีความคิดว่า ไม่ใช่ธรรมเดียวกัน

อยากขอรบกวน ท่านโกวิทธิ์ ว่ามีความหมายของคำว่าสูญจาก พระพุทธบัญญัติ ว่าอย่างไร



สุญญตาสูตร กล่าวถึงสภาวะไม่มีตัวกูของกู ในทุกสภาวะสังขาร และธรรมทั้งหลาย เป็นสภาวะของนิพพาน

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 13:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
choochu เขียน:
eragon_joe เขียน:
choochu เขียน:
ตัวมีเขี้ยว คืออะไรครับ


คือ เอกอนเอง ที่เห็น
ซึ่งสิ่งที่ถูกเห็นจริง ๆ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น


เขาคือ ภาพมายา
ที่ปรากฎขึ้นด้วยปัจจัยบางอย่าง


:b12: :b12: :b12:


หมายถึง กิเลส รึเปล่าครับ


ว่าแต่ มันเห็น กิเลส ยังไงเหร๋อ
ก็ไม่เข้าใจว่า ยังไง เป็นการเห็น กิเลส นะ

คือ เวลาที่เราทำสมาธิ
คือ ถ้าเราปราถนา/ค้นหาความสงบ ความสุข เราก็จะไปตั้งอยู่ในอารมณ์นั้น ๆ
ถ้าเห็นอารมณ์ที่ปราถนาที่จะไปตั้งอยู่ในอารมณ์ ความสงบ ความสุข นั่นถือว่าเป็นการเห็น กิเลส มั๊ย

ตรงนี้บางทีเอกอนว่าเป็นเรื่อง ละเอียดนะ
ต้องแยกให้ออก การเห็นอารมณ์ปราถนา กับ การเห็นการน้อมไปของอารมณ์(สมาธิ)
ถ้าเห็นอารมณ์ปราถนา นั่นคือ ยังไม่สงบ เมื่อยังไม่สงบ ก็ยังไม่เป็นสมาธิ ใช่มั๊ย
คือ ถ้ายังเห็นกิเลสปรากฎ ก็ยังไม่น่าจะเป็นปฐมฌาณนะ ใช่ป่าว
แต่ถ้าเห็น การน้อมไปของอารมณ์(สมาธิ) นั่นคือเป็นการเห็นธรรมชาติของจิตที่น้อมไปในอารมณ์ที่
นิ่ง สงบ ละเอียด ขึ้น (ตามปัจจัย) นั่นคือ กิเลสต้องดับ นิวรณ์ต้อง ดับ ๆ ไปเป็นลำดับมาแล้ว

แต่ถ้าเราเข้าไปเพื่อค้นหาตัวตน เราจะเห็นแง่ของ อวิชชา
การเห็นแง่ของ อวิชชา มันเป็นตัวที่จะส่งผลให้เกิด วิชา
ซึ่งถ้าเป็น วิชา กิเลสมันก็ย่อมไม่ปรากฎ ใช่มั๊ย

คือ กับการทำสมาธิ ถ้าหากว่าจะปรากฎอะไร
มันก็คือ ปรากฎธรรมขึ้นมาให้เรานำมาพิจารณา นั่นล่ะ

:b1: :b1: :b1:


วิชชา คือการ เดินมรรค ให้เห็นได้ครบ อริยสัจจทั้ง 4 - ให้รู้ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความสงบเย็น และ พัฒนาวิธีการหรือกุศโลบายได้มาซึ่งความสงบเย็น หมุนรอบกันอยู่ตลอดเวลาจิตเกิด-ดับ จึงเรียกว่า หมุนธรรมจักร

ในองค์สมาธิ ใช้ในพิจารณาให้เห็นจริงของธรรมทั้งหลาย ซึ่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ เห็นว่าจิตไม่ใช่เรา เราควบคุมไม่ได้
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 19:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
แล้วเอาอะไรเข้าไปเห็นทุกข์ (รวมทั้งอนิจจังด้วย)


สิ่งที่เห็นทุกข์ และ เห็นอนิจจัง คือ สัตตานัง

และ การเห็น อนัตตา สัตตานัง จะค่อย ๆ ถูกสั่นคลอนไป

สัตตานัง ก็เห็นผ่านการทำงานของ ขันธ์

การทำงานของ ขันธ์ ก็คือการทำงานของ ขันธ์

การทำงานของขันธ์ที่ปรากฎ คือ สิ่งที่ สัตตานัง เข้าไปหลงยึดว่าเป็น ตัวตนของ สัตตานัง

สัตตานังจะเป็นผู้เข้าไปค้นพบเอง ในการตั้งอยู่ของเขา

เมื่อเขาเห็นว่า หาสาระไม่ได้ เป็นเหมือน กาฝาก

เขาก็จะสังเวชในความหลง

เขาก็จะวาง และเข้าสู่ วิมุตติ ต่อไป


สัตตานัง ก็ราวกับว่า เป็นการประชุมกันของ อวิชชา

เรา คือ ชุมนุมอวิชชา

คือ ถ้าเข้าสู่ วิมุตติ ก็จะเห็นว่า สัตตานัง กับ ขันธ์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
สัตตานัง ก็ประมาณเหมือนเป็น อวิชชา ที่อาศัย ขันธ์ เกิด
เพราะ อวิชชา ไม่ใช่ ขันธ์ เป็นแต่ อาศัย เกิด
และเมื่อ อวิชชา หายไป สัตตานัง ก็หายไป

:b53: :b55: :b55: :b53:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 08 ม.ค. 2013, 20:04, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 19:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่รู้อะไรคือสัตตานัง...แต่ก็ดูเข้าท่าดี
:b12: :b37: :b37: :b37:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 19:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่รู้อะไรคือสัตตานัง...แต่ก็ดูเข้าท่าดี
:b12: :b37: :b37: :b37:


ไม่ใช่ เรื่อ จะได้ เข้าท่า

:b6: :b6: :b6:

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2013, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เราคือ สัตตานัง แต่เราจะไม่รู้ตัวว่าตัวเราคือ สัตตานัง
เพราะ เราสัมผัส/รู้ กันอยู่บนสภาวะ เดียวมายาวนาน...
ถึงเราจะปฏิบัติธรรม และมีความรู้ทางธรรม
แต่ สัตตานัง ก็จะเข้าใจธรรมบนพื้นฐาน สัตตานัง
จนกว่า จะเข้าสู่อีกสภาวะหนึ่ง ที่สัตตานัง หายไป
เพราะ สภาวะหนึ่งดับไป อีกสภาวะหนึ่งปรากฎ
จึง...รู้...สภาวะ สัตตานัง ปรากฎตั้งอยู่อย่างไร

ซึ่ง นิพพาน ไม่ปรากฎ สัตตานัง

:b48: :b49: :b49: :b48:

อะไรคือ สัตตานัง

คือถ้าจะเปรียบ

ถ้า ขันธ์ เปรียบดั่ง ต้นไม้ใหญ่
สัตตานัง ก็เปรียบดั่ง กาฝาก ที่อาศัยเกาะไม้ใหญ่
อาศัยอาหารจากไม้ใหญ่
เจริญเติบโตบนไม้ใหญ่
แนบเนียนชิดสนิทกับไม้ใหญ่
จนหลงไปว่าเป็นไม้นั้น ไม่ใช่ กาฝาก

:b46: :b49: :b49: :b46:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 136 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร